ตอนที่แล้วเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 29 ไม่ใช่ฝ่ายธรรมะ (อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 31 ฟางหยวน ภัยพิบัติกำลังจะมาเยือนเจ้า (อ่านฟรี)

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 30 กรรโชกอีกครั้ง (อ่านฟรี)


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 30 กรรโชกอีกครั้ง

แปลโดย iPAT 

แทบจะในเวลาเดียวกันกับบ้านหลังอื่น

“ท่านพ่อท่านแม่ นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น” ฟางเจิ้งยืนกล่าวอย่างความสุภาพ

ในห้องโถง ลุงของเขา ผู้ใช้วิญญาณตงถู และป้าของเขานั่งอยู่บนนั่งเก้าอี้สีดำพร้อมกับขมวดคิ้วลึก ป้ากัดฟันแน่นก่อนโวยวาย “ฟางหยวน เจ้าเด็กเลว รีดไถผู้อื่นถือเป็นเรื่องหนึ่ง แต่กระทั่งน้องชายของเจ้าก็ยังไม่เว้น นี่มันเลวร้ายเกินไปแล้ว ด้วยอาชญากรรมที่ร้ายแรง เขาจะต้องถูกไล่ออกจากสถานศึกษาเร็วๆนี้!”

“หุบปากของเจ้าซะ!” ลุงตงถูตำหนิก่อนจะหันหน้าไปทางฟางเจิ้ง “เจ้าสูญเสียหินวิญญาณไปเพียงก้อนเดียว อย่ากังวล ข้าจะมอบหินวิญญาณคืนให้เจ้า เจ้ามีพรสวรรค์นภาที่หนึ่ง จงตั้งใจบ่มเพาะแล้วเจ้าจะกลายเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่งขั้นกลางคนแรก ข้าและแม่ของเจ้าหวังว่าเจ้าจะได้เป็นที่หนึ่งในครั้งนี้ เอาล่ะ เจ้าออกไปได้”

“ขอรับ” ฟางเจิ้งตอบรับแต่หัวใจของเขากลับเต็มไปด้วยความสับสนและกังวล

เขาถามตนเองอยู่อย่างเงียบๆ ‘วันนี้พี่ใหญ่ปิดกั้นทางออกของสถานศึกษาและกรรโชกทรัพย์ผู้คน เป็นไปได้ว่าเขาจะถูกไล่ออก เช่นนั้นข้าควรจะช่วยเหลือเขาหรือไม่?’

มีเสียงสองสายปรากฏขึ้นในใจของเขา

หนึ่งกล่าวว่า ‘ไม่จำเป็นต้องช่วยเหลือเขา เขากรรโชกหินวิญญาณของสหายร่วมชั้นเรียน กระทั่งน้อยชายก็ยังไม่เว้น หากเขาถูกไล่ออก มันก็โทษได้เพียงตัวเขาเองเท่านั้น หากทวยเทพพลาดพลั้งกระทำเรื่องผิดบาปยังสามารถให้อภัย แต่ผู้ใดกระทำผิดด้วยความตั้งใจ พวกเขาก็สมควรตาย!’

เสียงอีกสายหนึ่งกล่าวตามมาทันที ‘แต่เขาเป็นพี่ชายของเจ้า เขามีสายเลือดเดียวกันกับเจ้า กระทั่งใบหน้ายังเหมือนกัน แม้เจ้าจะไม่ยอมรับแต่เจ้าก็ต้องช่วยเขา หากเจ้าไม่ทำเช่นนั้นแล้วคนนอกจะมองเจ้าเช่นไร? ข้าเกรงว่าพวกเขาคงมองเจ้าเป็นคนใจร้ายและเนรคุณอย่างแน่นอน’

เมื่อเห็นฟางเจิ้งเดินออกไปจากห้องโถง ป้าจึงเริ่มเปิดปากกล่าว “สามี เราตัดค่าใช้จ่ายของฟางหยวน สุดท้ายเขาก็ไม่สามารถยืนอยู่ได้และต้องทำเรื่องผิดพลาดในที่สุด การปิดกั้นทางออกของสถานศึกษาและกรรโชกทรัพย์สหายร่วมชั้นเรียน มันถือเป็นการยั่วยุสถานศึกษา ข้ากล้าพูดเลยว่าเขาจะต้องถูกไล่ออกอย่างแน่นอน!”

แต่ลุงกลับส่ายศีรษะ “เจ้าควรใช้สมองให้มากกว่านี้ ฟางหยวนจะไม่ถูกไล่ออก ในความเป็นจริง เขาจะไม่ได้รับโทษใดๆทั้งสิ้น”

“อันใด?” ป้ากลายเป็นโง่งม

ลุงกล่าวเสียงเย็น “การทะเลาะวิวาทและการต่อสู้เป็นสิ่งที่สถานศึกษาสนับสนุนตราบเท่าที่มันไม่ได้รุนแรงจนเกินไป ครั้งนี้มีผู้ใดตกตายหรือไม่? ไม่มี!”

ป้ายังไม่สามารถยอมรับ “ท่านรู้ได้อย่างไรว่าไม่มีผู้ใดบาดเจ็บล้มตาย? มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นในการต่อสู้เสมอ”

ลุงปิดเปลือกตาลงก่อนจะเอนกายพิงพนักเก้าอี้ “ผู้หญิงหนอผู้หญิง เจ้าไร้เดียงสาเกินไป เจ้าคิดว่าตำแหน่งอาจารย์อาวุโสของสถานศึกษามีไว้เพื่อโอ้อวดงั้นหรือ? แล้วยามแสดงตัวออกมาเมื่อใด? พวกเขาออกมาในนาทีสุดท้ายหลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดจบลง นั่นหมายความว่าเหตุการณ์นี้อยู่ในสายตาของอาจารย์อาวุโส หากมีบางคนได้รับบาดเจ็บสาหัส พวกเขาต้องแสดงตัวออกมาแล้ว”

“เจ้าไม่ใช่ผู้ใช้วิญญาณ เจ้าไม่เข้าใจ สถานศึกษาไม่มีกฎห้ามทะเลาะวิวาท ในความเป็นจริงพวกเขากระทั่งพึงพอใจที่มันเกิดขึ้นหรืออาจถึงขั้นกระตุ้นให้มันเกิดขึ้นอีกด้วย เพราะการทะเลาะวิวาทจะทำให้พวกเขาได้เรียนรู้การต่อสู้ ศิษย์หลายคนสามารถพัฒนาตนเองผ่านการทะเลาะวิวาท พวกผู้ใหญ่จะไม่ติดใจและไม่เข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้ นี่คือธรรมเนียมปฏิบัติมาตั้งแต่อดีต ผู้อาวุโสจะไม่ออกหน้าช่วยเหลือบุตรหลานของพวกเขาและทำลายกฎของตระกูลเพื่อเรื่องนี้”

ป้าตกตะลึงก่อนจะตอบกลับด้วยความขุ่นเคือง “เขาจะไม่ถูกลงโทษแม้เขาจะกรรโชกหินวิญญาณจำนวนมากงั้นหรือ? ด้วยหินวิญญาณจำนวนนั้น มันจะช่วยเขาได้มาก”

ลุงเปิดเปลือกตาขึ้นพร้อมกับใบหน้าที่มืดมน “แล้วเราจะทำสิ่งใดได้? เจ้าหวังจะให้ข้าออกไปและยึดหินวิญญาณมาจากเขางั้นหรือ? อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ยังพอมีประโยชน์กับเราอยู่บ้าง สำหรับฟางหยวนที่กรรโชกหินวิญญาณจากน้องชายของตนเอง มันจะเป็นกุญแจสู่ความล่มสลายของเขา ฟางเจิ้งมีพรสวรรค์นภาที่หนึ่ง เขาจะแข็งแกร่งกว่าฟางหยวนในวันหนึ่ง เราจะใช้เรื่องนี้สร้างความบาดหมายให้กับสองพี่น้อง สุดท้ายฟางเจิ้งจะเป็นคนจัดการฟางหยวนให้กับพวกเรา”

สามวันผ่านไปอย่างเงียบสงบ

การกรรโชกทรัพย์ของฟางหยวนไม่ได้กลายเป็นเรื่องใหญ่ ตรงข้ามมันกลับเงียบลงอย่างรวดเร็ว

ไม่มีผู้อาวุโสฝ่าฝืนกฎและมาเอาเรื่องกับฟางหยวน สถานศึกษาปิดตาไว้ข้างหนึ่งและทำราวกับไม่เคยเกิดสิ่งใดขึ้น แม้ในช่วงเวลาสองสามวันนี้จะมีเด็กหนุ่มสาวที่ยังไม่สามารถยอมรับความจริงและเข้ามาท้าทายฟางหยวนอีกครั้ง แต่ฟางหยวนก็ตบพวกเขาให้ลงไปนอนอยู่บนพื้นได้อย่างง่ายดาย สุดท้ายทุกคนก็ตระหนักว่าหากไม่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้อย่างหนัก พวกเขาจะไม่สามารถรับมือฟางหยวน

ดังนั้นในช่วงเวลานี้ทุกคนจึงขยันฝึกซ้อมทักษะการต่อสู้กันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

อาจารย์ผู้สอนศิลปะการต่อสู้รู้สึกมีความสุขมากที่เห็นศิษย์ทุกคนกระตือรือร้นและทุ่มเทกับการฝึกศิลปะการต่อสู้อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

เมื่ออาจารย์อาวุโสเข้ามาสอบถามอาจารย์ผู้สอนศิลปะการต่อสู้ อาจารย์ผู้สอนจึงรายงานด้วยความตื่นเต้น “พวกเขาตั้งใจเรียนศิลปะการต่อสู้กันมาก อย่างไรก็ตามมีเพียงฟางหยวนเท่านั้นที่ยังไม่สนใจสิ่งใดเช่นเดิม”

อาจารย์อาวุโสหัวเราะและใช้มือตบไหล่อาจารย์ผู้สอนศิลปะการต่อสู้ “ศิษย์ที่ชื่อฟางหยวนผู้นี้เป็นสาเหตุให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของศิษย์คนอื่นๆในครั้งนี้”

ได้ยินเช่นนี้อาจารย์ผู้สอนศิลปะการต่อสู้กลายเป็นงุนงงและประหลาดใจ

อย่างไรก็ตามหลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ฟางหยวนก็กลายเป็นศัตรูของทุกคนไปแล้ว ทุกคนไม่พูดกับเขาขณะที่เขาก็ไม่แยแสผู้ใด

เด็กทุกคนพยายามอย่างเต็มความสามารถในการฝึกฝนทักษะการต่อสู้ขั้นพื้นฐาน ด้วยแรงสนับสนุนและแรงบันดาลใจจากพ่อแม่ผู้ปกครอง พวกเขาตัดสินใจว่าจะต้องนำเกียรติยศของตนกลับคืนมาให้ได้ด้วยมือของพวกเขาเอง

ภายใต้ผิวน้ำที่นิ่งสงบ กระแสน้ำลึกมักเชี่ยวกรากเสมอ

อีกสี่วันผ่านไป

ถึงเวลาที่สถานศึกษาจะมอบหินวิญญาณให้กับศิษย์อีกครั้งและมันก็เป็นช่วงเวลาของฟางหยวนอีกหน

“ฟางหยวน ครั้งเดียวยังไม่พอ เจ้ายังต้องการกรรโชกหินวิญญาณจากพวกเราอีกงั้นหรือ?” เด็กหนุ่มผู้หนึ่งกล่าวออกมาด้วยความตกใจและโกรธแค้นเมื่อเห็นฟางหยวนปิดกั้นประตูทางออกของสถานศึกษาอีกครั้ง

ฟางหยวนยืนมือไพล่หลังอยู่ที่ประตูทางออกและกล่าวเสียงเย็น “ด้วยหินวิญญาณหนึ่งก้อน พวกเจ้าสามารถหลีกเลี่ยงความเจ็บปวด”

“ฟางหยวน เจ้ากลั่นแกล้งผู้คนมากเกินไปแล้ว มาสู้กับข้า!” โม่เป่ยกล่าวออกมาด้วยความโกรธ

“โอ้?” ฟางหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย

โม่เป่ยยกหมัดของเขาขึ้นมาก่อนจะวิ่งตรงเข้าไปหาฟางหยวน แต่ในพริบตาเขาก็นอนอยู่บนพื้นเรียบร้อยแล้ว

“โม่เป่ย เจ้าช่างไร้ประโยชน์นัก!” ซื่อเฉินตะโกนเสียงดังก่อนจะเดินตรงไปหาฟางหยวน หลังจากเริ่มลงมือ เขาก็เดินตามรอยเท้าโม่เป่ยไปอย่างรวดเร็ว

นักสู้ฝึกหัดเหล่านี้จะสามารถเปรียบเทียบกับฟางหยวนที่เต็มไปด้วยประสบการณ์ได้อย่างไร แม้ร่างกายของเขาจะอ่อนแอแต่เขายังสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่ว อย่างไรก็ตามหากเด็กเหล่านี้รุมโจมตีเขาอย่างพร้อมเพรียง เขาอาจพบช่วงเวลาที่ยากลำบากเล็กน้อย แต่โชคดีที่เด็กก็ยังเป็นเด็ก พวกเขาเข้ามาท้าทายฟางหยวนทีละคนแบบตัวต่อตัวเท่านั้น

หลังจากสิบห้านาทีผ่านไป ฟางหยวนก็เดินออกจากประตูทางออกของสถานศึกษาพร้อมกับถุงเงินที่พองโตขึ้นโดยมีเด็กจำนวนมากนอนอยู่บนพื้นเป็นฉากหลังให้กับเขา

“พี่น้อง ถึงเวลาเก็บกวาดแล้ว เร็วเข้า ดูแลเจ้านาย!” ยามตะโกนเสียงดัง