ตอนที่แล้วWOC บทที่ 16 - แก่นแท้กระบี่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปWOC บทที่ 18 - ซุป

WOC บทที่ 17 - อสูรผู่


ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/WorldofCultivation/

บทที่ 17 - อสูรผู่

 

จั้วโมตื่นขึ้นมาอย่างช้าๆ ศีรษะของเขาแม้จะรู้สึกเจ็บปวด แต่เมื่อเทียบกับความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านอยู่ทั่วร่างกายของเขา มันกลายเป็นความเจ็บปวดที่เล็กน้อยมาก

 

เมื่อพิจารณาถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนที่เขาจะหมดสติไป ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนแปลงไปในทันที

 

โดยปกติเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยคิดมาก แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขารู้สาเหตุและผลของมันอย่างรวดเร็วโดยไม่จำเป็นต้องคิดเลยแม้แต่น้อย ตัวการจะต้องเกิดจากเมล็ดดอกแดนดิไลสีดำอย่างแน่นอน

 

คนที่ปลดปล่อยแก่นแท้แห่งกระบี่ออกมาก็คือตัวเขา และคนที่ต้องแบกรับแรงกดดันอันมหาศาลก็คือตัวเขาเช่นกัน

 

เมื่อยิ่งคิดเกี่ยวกับมัน จิตใจของจั้วโมก็ยิ่งร้อนรุ่มเป็นไฟด้วยความโกรธ

 

มีใครบางคนพยายามแทรกแซงเข้าไปในหัวของเขา ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคนคนนั้นทำได้อย่างไร

 

และก่อนที่เขาจะหมดสติไป เขายังคงจำได้ถึงเสียงบางสิ่งบางอย่างที่พยายามพูดเกี่ยวกับ การยอมแพ้และยอมจำนน?

 

เขารีบสงบสติอารมณ์ตัวเองและกลับเข้าสู่ทะเลแห่งจิตใต้สำนึก

 

เมื่อเข้าไปถึง เขาก็ต้องพบกับความประหลาดใจ

 

มันเต็มไปด้วยเนินภูเขาขนาดใหญ่ที่ปูพรมไปต้นไม้เก่าแก่ขนาดมหึมา พื้นหญ้าสีเขียวแพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้างจนเกือบครอบคลุมทั้งพื้นที่ ดอกไม้ป่านานาชนิดแสงอยู่ตามต้นหญ้า แสดงให้เห็นถึงความมีชีวิตชีวา

 

มันให้ความรู้สึกราวกับว่ากำลังเดินเข้าไปสู่ผืนป่าที่แสนงดงาม

 

ก่อนหน้านี้ ทะเลแห่งจิตใต้สำนึกของเขานั้นเป็นเพียงแค่พื้นที่ว่างเปล่า แต่ในตอนนี้ภาพแห่งความมีชีวิตและลมหายใจแห่งผืนป่าปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา…………

 

เขาตกตะลึงขณะเดินอยู่บนพื้นหญ้า เท้าของเขารู้สึกได้ถึงความอ่อนนุ่มของต้นหญ้าแต่ละต้นที่ผสานเรียงตัวกันอย่างงดงาม กลิ่นหอมของหญ้าสีเขียวขจีฟุ้งกระจายไปทั่วอากาศต้นสามารถรับรู้ถึงกลิ่นของมัน จั้วโมมองด้วยสายตาที่งุนงง เขาเป็นเพียงผู้ฝึกตนระดับเหลียงชีขั้นที่ 8 ที่แสนต้อยต่ำเท่านั้น

 

และแล้วเมื่อสายตาของเขาจับจ้องไปที่บริเวณเนินเขาซึ่งปราศจากต้นไม้ สายตาของผู้ชายผู้นั้นก็หันกลับมาในทันที

 

เขาเริ่มวิ่งหนีอย่างบ้าคลั่งไปทางเนินเขา

 

บนเนินเขา ปรากฏเป็นชายคนหนึ่งสวมเครื่องแต่งกายสีดำตั้งอยู่บนแผ่นศิลา เมฆสีดำเพื่อนที่อยู่บริเวณรอบรอบตัวของเขา แขนข้างนึงว่างอยู่บริเวณขา  แขนอีกข้างนึงกำลังเท้าคาง ซึ่งเขากำลังแสดงให้เห็นถึงความไร้กังวลและความพึงพอใจ

 

เมื่อเข้าใกล้เขา ในที่สุดจั้วโมก็สามารถมองเห็นรูปลักษณ์ของชายที่มีบรรยากาศเต็มไปด้วยความมืดครึ้ม

 

มันเป็นใบหน้าที่สมบูรณ์แบบ!!!!

 

จั้วโมไม่เคยคิดว่า ชายชาตรีจะสามารถมีใบหน้าที่หล่อเหลาได้มากขนาดนี้ มันเป็นใบหน้าที่แสนหวาน จมูกสูงยาว

 

ผมดำขลิบยาวจนปกปิดตาข้างซ้าย ตาข้างขวาเต็มไปด้วยความแหลมคมยาวดุจใบมีด นัยน์ตาสีแดงชาดขายสายตาที่เต็มไปด้วยหลอดเลือด ริมฝีปากบางและกว้างราวกับเป็นนิรันดร์ ชิ้นส่วนผลึกสีแดงทมิฬฝังอยู่ในแต่ละชั้นของหู เครื่องแต่งกายสีดำมีลักษณะนุ่มเรียบ เช่นเดียวกับผมของเขา ยิ่งเติมเต็มเสน่ห์ในร่างกายของเขาได้อย่างลงตัว

 

จั้วโมยืนนิ่งพร้อมกับพูดไม่ออก เขาไม่รู้ว่าควรจะกล่าวสิ่งใดออกมาดี เขาเป็นเพียงแค่สาวกนิยายชั้นนอกธรรมดาทั่วไป แล้วเหตุใดเขาจึงต้องเผชิญหน้ากับชายที่เต็มไปด้วยความโดดเด่น?

 

"เรียกข้าว่าผู่"เสียงที่ดูหวานและงดงามดังขึ้นขณะที่เขาค่อยๆเงยหน้ามองมาทางจั้วโมด้วยสายตาที่น่าสนใจ จั้วโมเองจะมองเห็นปากที่กำลังขยับอย่างช้าๆ " แล้วข้าควรเรียกเจ้าว่าอย่างไร"

 

"จั้วโม"ตอบอย่างโง่เขลา ราวกับว่าเขากำลังฝันไป ผู่ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางแสงสว่างภายในทะเลแห่งจิตใต้สำนึก แต่ดูเหมือนว่าแสงภายใต้ทะเลแห่งจิตใต้สำนึกของเขาจะคอยดึงดูดโดยไม่ตั้งใจ แม้แต่เราสาวกหญิงสาวที่อยู่ทางด้านเทือกเขาทิตตะวันออกก็ยังไม่มีผู้ใดมีรูปรักที่เหนือกว่าคนที่เรียกตัวเองว่าผู่

 

เมื่อชายคนนึงสามารถมีรูปลักษณ์งดงามได้มากขนาดนี้ เขาแทบอยากจะร่ำไห้ออกมา

 

แต่เมื่อจั้วโมเริ่มคบคิดเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ กลิ่นอายที่น่าหลงใหลของคนที่เรียกตัวเองว่าผู่ก็ถูกทำลายลงทันทีเพราะมันเป็นเพียงความคิดที่แสนตลกขบขัน

 

และดูเหมือนเขาจะสามารถสังเกตเห็นความรู้สึกของจั้วโม ผู่ค่อยๆยิ้มอย่างอ่อนโยนก่อนจะใช้เสียงที่ไพเราะ กล่าวออกมาว่า "ดูเหมือนว่าหลังจากนี้พวกเราจะต้องสร้างปฏิสัมพันธ์กัน แต่ข้าก็เชื่อว่าพวกเราจะสามารถสร้างปฏิสัมพันธ์ที่น่าพอใจ อ๋อ แล้วนี้สำหรับเจ้า"

 

ผู่โยนลูกบอลเรืองแสงให้จับจั้วโม บนผิวดูบอลนี้ มีผลึกแสงสว่างจำนวนนับไม่ถ้วน

 

"มันคืออะไร?"จั้วโมรับลูกบอลเรืองแสงด้วยสัญชาตญาณ

 

ตูม

 

เพียงแค่เขาคิดมันก็ราวกับถูกฟ้าผ่าใส่ร่างจนแข็งคือ ตัวอักษรนับไม่ถ้วนถูกผลักดันเข้าสู่จิตใจของเขา และเริ่มโคจรอย่างไม่หยุดยั้ง

 

"[เคล็ดลมปราณก่อเกิด] นี่เป็นเพียงของเล่นเล็กๆน้อยๆ มันสามารถซ่อมแซมจิตวิญญาณของเจ้าได้ และข้าก็ถือว่านี่เป็นของขวัญอวยพรสำหรับเจ้า"เสียงที่ดูขี้เกียจของผู่ดังออกมา "แม้ว่าข้าจะสามารถอยู่ที่นี่ได้อย่างอิสระ แต่มันก็ไม่มีทางเลือกอื่น ทะเลแห่งจิตใต้สำนึกของเจ้าเกิดความเสียหาย เจ้ากระจงซ่อมแซมทะเลแห่งจิตใต้สำนึกของเจ้าซะ มิฉะนั้น ข้าอาจจะต้องไปหาสถานที่อื่นเพื่อพักผ่อน"

 

เขาโบกมืออย่างสง่างาม ในขณะที่จั้วโม่ ยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ และเขารู้สึกได้ว่าร่างกายของเขาหนาแน่นขึ้น เมื่อเขาลืมตา เขาก็เพราะว่าตัวของเขาได้ออกมาจากทะเลแห่งจิตใต้สำนึกแล้ว

 

หัวใจของเขารู้สึกหวาดกลัวอย่างฉับพลัน ดูเหมือนว่าคนที่เรียกตัวเองว่าผู่จะเป็นคนที่แข็งแกร่งเกินกว่าเขาจะจินตนาการ มิฉะนั้นคนเช่นนี้ก็คงไม่อาจควบคุมทะเลแห่งจิตใต้สำนึกของเขาได้ เขาไม่มีความสุขมากนักที่ได้รับ [เคล็ดลมปราณก่อเกิด] มา ความหวาดกลัวค่อยๆแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของเขาราวกับยาพิษ

 

เขาค่อยๆกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่และพยายามและรับความหวาดกลัวในหัวใจก่อนที่จะเริ่มคิดว่าเขาควรทำอย่างไรต่อไป

 

รายงานเรื่องนี้ต่อนิกาย?

 

ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เขาได้เห็นผู้นำนิกายเพียงแค่ครั้งเดียว นั่นก็คือตอนที่เขาถูกนำมาโดยผู้นำนิกาย ส่วนเหล่าผู้อาวุโสและปรมาจารย์ทั้งหลาย เขาเองก็ยังไม่เคยเจอเลย

 

สิ่งที่เขากังวลใจมากที่สุดก็คือการคาดเดาความเป็นไปได้อีกอย่าง

 

เขาค่อนข้างสงสัยในตัวของผู่ เพราะคนที่เรียกตัวเองว่าผู่มีแนวโน้มว่าจะเป็นอสูรศัตรูของเหล่าผู้ฝึกตนที่ถูกขนานนามว่าเหยาโม่

 

แม้ว่าอสูรอย่างเหยาโม่จะงดงามมากเกิน จนเขาแทบไม่อยากเชื่อ แต่ด้วยเหตุผลบางประการ ความสงสัยยังคงฝังรากเหง้าเข้าสู่กระดูกและจิตใจ จนไม่อาจสลัดความคิดนี้ออกไปได้

 

จั้วโม ไม่เคยเห็นอสูรเหยาโม่มาก่อน แต่เขาสามารถจินตนาการถึงอสูรเหยาโม่ได้จากเสียงที่ได้ยินภายในจารึก มันเคยกล่าวถึงอสูรอย่างเหยาโม่ว่า เมื่อพวกมันถูกสังหาร พวกมันก็จะตายและหลั่งโลหิต แต่ถึงอย่างนั้นความสัมพันธ์ระหว่างอสูรเหยาโม่และผู้ฝึกตนก็ยังคงเป็นศัตรูกัน ซึ่งทุกคนรวมทั้งตัวเขาก็เข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดีและไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามการสังหารอสูรเหยาโม่ก็ยังคงเป็นหน้าที่ของผู้ฝึกตน

 

อย่างไรซะจั้วโมก็เป็นเพียงผู้ฝึกตนขั้นฝึกหัด พลังของเขานั้นบรรลุเพียงแค่ระดับที่ 8 ขอขั้นเหลียงฉี ไม่ต้องพูดถึงการสังหารเหล่าอสูรเหยาโม่เลย แค่ป้องกันไม่ให้มันสังหารเขาก็เป็นเรื่องยากแล้ว

 

ความกังวลมากที่สุดของเขานั่นก็คือ ถ้าหากมีผู้ใดล่วงรู้ว่าอสูรเหยาโม่แฝงร่างอยู่ภายในร่างกายของเขา เขาคงถูกสังหารในทันที ยิ่งในสายตาของเราผู้ฝึกตนที่มีระดับเหนือกว่าขั้นเหลียงฉีที่ 8 ขึ้นไป เขานั้นเป็นเพียงแค่กองขยะอาหารเท่านั้น

 

และบางทีเขาอาจจะถูกมองเป็นเพียงแค่อสูรเหยาโม่และถูกจับเข้าเตาหลอมเพื่อกลั่นเอาบางสิ่งบางอย่าง

 

มันทำให้เขาอดคิดไม่ได้ และหัวใจของเขาก็เต้นอย่างรุนแรงก่อนที่เขาจะรีบระงับความรู้สึกที่น่าสะพรึงกลัว

 

ในชั่วพริบตาสองวันก็ผ่านไป จิตใจของจั้วโมยังคงไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

 

เขาจำเป็นต้องฝึกฝน [เคล็ดลมปราณก่อเกิด] มิฉะนั้นเขาอาจจะต้องที่คนพิการเพราะอสูรผู่ และชื่ออสูรผู่เป็นชื่อที่จั้วโมตั้งให้กับคนที่มีนามว่าผู่ซึ่งแฝงร่างอยู่ภายใต้ทะเลแห่งจิตใต้สำนึกของเขา ไม่ว่าเขาจะเป็นอสูรเหยาหรือไม่ แต่เมื่อมองดูภาพลักษณ์ของเขาแล้ว ชื่อนี้ก็ถือว่าเป็นชื่อที่เขาสมควรได้รับ

 

ผลลัพธ์ของมันค่อนข้างยอดเยี่ยมมาก หลังจากผ่านไป 2-3 วัน จิตวิญญาณกว่าครึ่งได้ถูกฟื้นฟู แต่จั้วโมก็ไม่ได้รู้สึกขอบคุณอสูรผู่เลย เพราะการที่ทะเลแห่งจิตใต้สำนึกของเขาต้องบาดเจ็บ มันก็เป็นความผิดของอสูรผู่

ตลอดเวลาหลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้เข้าไปยังทะเลแห่งจิตใต้สำนึกของเขาอีกเลย

 

ถ้าหากจะกล่าวถึงความประทับใจแรกเริ่ม ระหว่างอสูรผู่และจั้วโมในตอนแรกมันเป็นเพียงความรู้สึกเสน่หา แต่ตอนนี้มันผันแปรเป็นความรู้สึกอันแสนชั่วร้าย

 

ชายคนนี้ต้องการสิ่งใดกันแน่?

 

และนี่ก็เป็นสาเหตุที่แท้จริงของความหวาดกลัว

 

จั้วโมค้นพบว่าชีวิตของเขาเข้าใกล้เรื่องอันแสนน่าหวาดกลัวเข้าไปทุกที ที่เขากลายเป็นผู้ฝึกตนก็เพื่อเป้าหมายที่เขาอยากเป็น นั่นก็คือการเป็นชาวนาผู้ปลูกหญ้าหลิง และอยู่กับตัวเองอย่างมีความสุข

 

เขาจึงตัดสินใจอย่างเด็ดขาดเพื่อคุยกับอสูรผู่

 

เช่นเดียวกับครั้งสุดท้ายที่ได้เจอ อสูรผู่ยังคงสวมเสื้อผ้าสีดำและนั่งอยู่บนแผ่นศิลาอย่างเกียจคล้าน ก่อนที่เขาจะยิ้มเมื่อมองเห็นจั้วโม รอยยิ้มปรากฏพร้อมกับเราหมู่ควันดำขนาดใหญ่หนา หมุนวนรอบรอบตัวของเขา ยิ่งทำให้เขาดูคล้ายกับปีศาจที่ชั่วร้าย การคาดเดาว่าผู่นั้นจะเป็นอสูรเหยาจริงๆได้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง

 

หัวใจของจั้วโมเริ่มหวาดกลัวอีกครั้ง เขาไม่ใช่คนขี้ขลาด แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่จะทำอะไรโง่เพื่อแสดงความกล้าหาญ ทันใดนั้นเขาก็เห็นศิลาจารึกที่อยู่ด้านใต้ร่างของอสูรผู่ซึ่งสูงประมาณครึ่งของร่างมนุษย์ซึ่งกำลังถูกปกคลุมด้วยเมฆสีดำทมิฬ และเมื่อเขาบังเอิญมองดูลักษณะของหินศิลาจารึก มันยิ่งทำให้เขาต้องตกใจอย่างช่วยไม่ได้

 

ป้ายหลุมฝังศพ!!!

 

นี่มันป้ายหลุมฝังศพ!!!

 

นี่มันไม่ใช่หินศิลาจารึก แต่มันคือป้ายหลุมฝังศพ!!!

 

หัวใจของจะเขาเต้นถี่อย่างตื่นตระหนก

 

"อะไรรึ?ไม่ใช่ว่าเจ้าต้องการมาหาข้าเพื่อจะสนทนาอย่างนั้นหรือ?"เสียงที่แสนขี้เกียจ เขาไม่รู้ว่านี่คือป้ายหลุมฝังศพจริงๆหรือไม่ แต่ที่เขาแน่ใจนั่นคือความผิดพลาดของเขา จั้วโมรู้สึกได้ถึงเสียงอันเยือกเย็นของอสูรผู่ที่กำลังแทรกซึมเข้าสู่หัวใจ

 

จั้วโม่สงบสติอารมณ์ของเขา ก่อนที่จะเสแสร้งยิ้มแย้มอย่างแจ่มใสออกมา "พี่ใหญ่ ร่างกายของข้านั้นอ่อนแอและมีแต่กระดูก ข้าคงไม่มีเนื้อดีๆให้ท่านกินหรอก"

 

"กิน?"อสูรผู่ยิ้มอย่างฉับพลัน เขาคือค่อยเปิดดวงตาที่มีนัยตาสีแดงทมิฬ ก่อนจะพูดอย่างช้าๆว่า "โอ้ นี่ก็นานมาแล้ว ถ้าจะให้ข้าพูดถึงเนื้อมนุษย์ที่แสนหอมหวาน ถ้าหากจะให้ข้าถ้าพูดถึงเนื้อมนุษย์ที่ยอดเยี่ยมที่สุด มันก็คงจะเป็นเราเด็กหญิงอายุ 16 หรือ 17 ปีนี่แหละ ยิ่งเนื้อที่แสนนุ่ม อืม มันช่างน่าหลงใหลยิ่งนัก"

 

ลิ้นสีแดงชาดค่อยๆบรรจงเลียริมฝีปาก หลังจากได้แสดงความคิดเห็นเหล่านั้นออกมา

 

หัวใจของจั้วโมแทบจะหยุดเต้นในทันที เขาทำได้แค่ฝืนรอยยิ้ม "ชะ ชะ ใช่แล้ว เหตุใดท่านถึงไม่คิดจะย้ายไปร่างใหม่ล่ะ?"

 

"ย้ายร่าง?"อสูรผู่จ้องเขม็งไปทางจั่วโม "อะไรนะ? ดูเหมือนเจ้าจะไม่พอใจ? เจ้าคิดว่าข้ากำลังแย่งชิงพื้นที่ของเจ้าอยู่สินะ?"

 

ดวงตาสีแดงทมิฬค่อยๆเชือดเฉือนหัวใจของจั้วโม "ไม่เลย ไม่เลย นี่คือเป็นเกียรติอันสูงสุดของข้า ช่างเป็นเกียรตินัก"

 

ดูเหมือนว่าเขาจะค่อนข้างพึงพอใจต่อคำตอบของจั้วโม อสูรผู่ยังคงต้องมองก่อนที่จะปิดปากหวานลงอีกครั้ง และค่อยๆเปิดปากถาม "ในบรรดาสาวกยุคเจ้า มีคนที่บรรลุระดับจินตังกี่คน? 10?"

 

จั้วโม่รีบส่ายหน้าทันที

 

"8?"

 

จั้วโม่ยังคงสายหน้าอีกครั้ง

 

"5?"

 

ในที่สุดจั้วโมก็ทนไม่ได้ต่อไป เขารู้สึกว่าชายคนนี้กำลังเล่นสนุก "ไม่มีแม้แต่คนเดียว ในบรรดาศิษย์พี่ของข้า ผู้ที่มีระดับฝึกตนสูงสุดอยู่ในขั้นสุดท้ายของระดับจูจิ"

 

นี่เป็นครั้งแรก ที่อสูรผู่แสดงสีหน้าตกใจออกมา ซึ่งมันทำให้จั้วโมรู้สึกพอใจ

 

หลังจากนั้นไม่นาน อสูรผู่ก็เริ่มส่ายหน้าและถอนหายใจ "ข้าไม่แปลกใจเลย ว่าทำไมเจ้าถึงได้กระจอกงอกง่อยเช่นนี้"

 

จั้วโมแทบจะกระอักเลือดออกมา

 

อสูรผู่ค่อยๆเปิดตาขึ้นและจ้องมองร่างกายของจั้วโม เขาค่อยๆพิจารณาตั้งแต่หัวจรดขาก่อนจะพึมพำกับตัวเองว่า "ร่างกายนี้ฉันอ่อนแอเหลือเกิน อืม?"

 

จั้วโม่รู้สึกหงุดหงิดอย่างยิ่งที่คนอื่นกำลังตรวจสอบเขาราวกับเป็นเพียงแค่ก้อนวัตถุชิ้นหนึ่ง แต่คำว่า "อืม"ของอสูรผู่ ทำให้หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ

 

"มีอะไรผิดพลาดอย่างนั้นรึ?"แม้เขาจะไม่ได้รีบถาม แต่เขาก็รู้ดีว่าร่างกายของเขานั้นผิดปกติ ใบหน้าอันหยาบกระด้างคล้ายผีดิบ และความฝันนับครั้งไม่ถ้วนที่ปรากฏขึ้น มันเปรียบเสมือนหนามที่กำลังทิ่มแทงหัวใจของเขา

 

อสูรผู่เงยหน้าขึ้นพร้อมเส้นผมที่ปกปิดเกือบครึ่งหน้าซ้าย ดวงตาสีแดงชาดข้างขวาที่ไม่ได้ถูกปกปิดกำลังจ้องมองใบหน้าของจั้วโมก่อนที่จะยิ้มมุมปากและกล่าวว่า "ไม่มีอันใด"

 

"เอาล่ะๆๆ ยังไงซะเจ้าก็ยังคงกระจอกงอกง่อย  แต่ก็ไม่ถึงกับเกินเยียวยา"อสูรผู่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่แสนเกียจคล้านอีกครั้ง

 

"ข้าอยากจะถาม……."จั้วโมตัดสินใจอย่างเด็ดขาด เขาต้องการหาว่าเป้าหมายที่แท้จริงของอสูรผู่คืออะไร

 

"เออ ใช่"อสูรผู่ขัดจังหวะคำพูดของจั้วโม่ ดวงตาสีแดงเลือดหรี่แคบลง และค่อยๆเงยคางเต้ยถามออกมาว่า "หลังจากฝึกฝน [เคล็ดลมปราณก่อเกิด] มันเป็นอย่างไรบ้าง? มันได้ผลดีหรือไม่? แล้วข้าก็เกือบลืมที่จะบอกเจ้าเลยว่า [เคล็ดลมปราณก่อเกิด] เป็นสิ่งที่ดี แต่มันมีปัญหาที่น่ารำคาญอยู่อย่างหนึ่ง"

 

หัวใจของจั้วโมรู้สึกหวาดหวั่น เขารู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดี

 

"เมื่อเริ่มต้นฝึกฝน [เคล็ดลมปราณก่อเกิด] มันจะไม่สามารถหยุดยั้งได้ หากเจ้าไม่สามารถก่อเกิดปราณแรกเริ่มได้ภายใน 3 เดือน เจ้าจะได้พบกับปัญหายิบย่อย"

 

เขายกมือขวาขึ้นและกางนิ้วทั้ง 5 ออก มุมปากของเขาก็ยกสูงขึ้นเช่นกัน ดวงตาสีแดงสดเริ่มเปล่งประกาย "จริงๆแล้ว มันก็เป็นเพียงแค่อาการเจ็บปวดเล็กเล็กในน้อย อย่างเช่นเลือดลมจะไหลเวียนย้อนกลับ โอ้ เจ้ารู้หรือไม่ แต่ก่อนข้าเคยมีเพื่อนที่แสนเฉลียวฉลาด เขาเป็นถึงผู้คุมแห่งคุกกักขัง

 

ดูเหมือนอสูรผู่จะพยายามเล่าเรื่องอย่างกระตือรือร้น

 

"ครั้งหนึ่ง เขาเคยเผชิญหน้ากับคนที่เป็นดั่งถั่วเปลือกแข็ง เขาพยายามทำทุกสิ่งทุกอย่างแต่ก็ไม่สามารถเปิดปากชายคนนั้นได้  เขาได้อ้อนวอนขอวิธีนี้จากข้า เขาได้ส่งสมุนเข้าไปแกล้งทำเป็นผู้ร้ายใกล้ๆชายคนนั้น จากนั้นเขาก็ได้อาศัยคำพูดของเหล่าสมุน เพื่อส่งต่อคัมภีร์ฉบับนี้สู่เขา โอ้ มีสิ่งที่เจ้าต้องรู้ ข้ามักแต่ชื่นชมคนแบบชายคนนี้ คนที่มีความเฉลียวฉลาดและอดทน "

 

เขากล่าวแนะนำบางสิ่งบางอย่างด้วยความยินดี "น่าเสียดายที่อาชญากรผู้นี้ไม่ได้มีพรสวรรค์อย่างที่ข้าคิด เมื่อ 3 เดือนผ่านไป เขาไม่สามารถก่อเกิดปราณแรกเริ่มได้ โอ้ แต่ข้าก็รู้สึกมาตลอด ว่ามันจะต้องเป็นเพราะเพื่อนของข้าที่ตั้งใจถ่ายทอดคำพูดของข้าผิดไปบางคำพูด"

 

"แล้วยังไง?"จั้วโม่ถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ

 

"แล้วยังไง?"รอยยิ้มบนใบหน้าของอสูรผู่เริ่มสดใสขึ้นอีกครั้ง " ร่างกายของเขาแตกออกในวันที่ 31 ของเดือนที่ 3  และเพื่อนของข้าเขาเป็นคนที่แสนอ่อนโยน เขาไม่ได้สังหารชายผู้นั้น และปล่อยให้เขาต้องทรมานไปอีกกว่า 3 เดือน ในแต่ละวันเขาร่ำไห้และอ้อนวอนให้เพื่อนของฆ่าสังหารเขาซะ เพื่อนของข้าเฝ้าฟังเสียงร่ำไห้ที่แสนงดงามในทุกๆวัน จนกระทั่งชายผู้นั้นสิ้นชีวิต โอ้ ในตอนที่เขาตายจิตวิญญาณของเขาระเบิดแตกออกราวกับพลุไฟที่แสนงดงาม"

 

ความเจ็บปวดอันเยือกเย็นแทรกซึมเข้าสู่กระดูกและแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของจั้วโม่

 

ความอนาถใจผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนราวกับฤดูใบไม้ผลิที่กำลังจะผลัดใบ ความโกรธที่ถาโถมเข้ามาระเบิดออกชั่วครู่หนึ่ง เขาสูญเสียสติสัมปชัญญะ ตะโกนกรีดร้อง พร้อมทั้งกระโจนเข้าใส่อสูรผู่

 

"เจ้ามันไอ้เหยาวิปริตข้ามเพศ(เหรินเหยา) คนผู้นั้นจะมาสังหารเจ้า!!!"

 

****(เหรินเหยาคำแสลงของฮ่องกงที่มักจะใช้เรียกผู้ชายที่เล่นเกมส์โดยใช้ตัวละครผู้หญิง)

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด