ตอนที่แล้วตอนที่ 38 การจัดการทาส
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 40 การพัฒนาเกม

ตอนที่ 39 งานและความรับผิดชอบ


 

เมื่อหม้อของข้าวต้มที่ผสมไปด้วยกะหล่ำปลีและหมูบดถูกนำมาไว้ที่โต๊ะ ทุกคนถูกล่อด้วยกลื่นของอาหาร

 

ดวงตาที่หิวกระหายจ้องที่โต๊ะ ถ้าไม่ใช่สำหรับชิปที่เป็นทาส พวกเขาจะวิ่งไปที่อาหารอย่างมอนสเตอร์

 

เจียงเฉินรู้สึกยินดีที่ได้เห็นการแสดงออกของพวกเขา คนเหล่านี้เป็นทาสของเขาแต่เขาค่อนข้างจะปฏิบัติกับพวกเขาในฐานะพนักงานตราบใดที่พวกเขาเชื่อฟังเช่นนี้ ตราบเท่าที่ไม่มีใครกล้าที่จะวิ่งไปหาอาหารโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเขา เขาจะพึงพอใจ

 

อึก…

 

เจียงเฉินเหลือบมองซันเจียวข้างๆเขาด้วยรอยยิ้มที่น่าอึดอัด แม้แต่กลืนน้ำลายที่ได้จ้องอาหาร “คุณไม่ได้เพิ่งกินไป? ทำไมคุณถึงหิว?”

 

“ไม่ใช่ธุรละของคุณ” ซันเจียวขู่เขาด้วยฟันของเธอก่อนที่เธอจะหันหนีไปด้วยใบหน้าที่แดงอาย

 

เธอไมได้หิว แต่เธอถูกผลักดันจากสัญชาตญารสำหรับอาหาร

 

“อะแฮ่ม พวกคุณกำลังรออะไรอยู่? ถึงเวลากินแล้ว” เจียงเฉินส่งสัญญาณว่าพวกเขาสามารถกินด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา

 

เสียงของเขาเหมือนท่วงทำนองจากสวรรค์ที่ส่งให้พวกเขา

 

เมื่อเจียงเฉินกล่าวว่าคำว่า "กิน" เกือบทั้งหมดของทาสต้องการจะขอบคุณเขาอย่างมาก

 

ผู้อพยพเหล่านี้เป็นคนปฏิบัติตามกฎซึ่งหมายความว่าพวกเขาสามารถควบคุมได้ง่าย พวกเขาต้องการเพียงสองมื้อต่อวันเพื่อความอยู่รอดและแม้ไม่มีการยับยั้งของไมโครชิป จะไม่มีใครโง่เขลาพอที่จะมีเจตนาไม่ดีเมื่อพวกเขาเห็นความใจกว้างของเจียงเฉิน คนโง่จะไม่เคยมีความสามารถที่จะหาคนโง่คนอื่นมาวางแผนร่วมกันได้

 

แน่นอนว่าวิธีป้องกันของไมโครชิปทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม

 

“อย่ารีบร้อนและกินช้าๆ ถ้าคุณไม่อิ่มหลังจากยี่สิบนาที แล้วคุณสามารถเรียงแถวอีกครั้งเพื่อเติมอีกถ้วย แน่นอนถ้าคุณกล้าที่จะกินมากเกินไปและอ้วกมันออกมา ฉันจะทำให้คุณกินทุกอย่างที่คุณอาเจียน!” เจียงเฉินยืนอยู่ข้างหม้อขนาดยักษ์ขณะที่ทาสคนหนึ่งเดินมาและใช้ทัพพีตักใส่ถ้วยอย่างระมัดระวัง

 

"ช่างน่าขยะแขยง" ซันเจียวกระซิบใส่หูของเจียงเฉิน

 

“ฉันไม่สามารถปล่อยให้คนเหล่านี้ไม่เห็นคุณค่าของข้าวก่อนที่จะเสียมัน ถูกไหม?” เจียงเฉินตอบอย่างเงียบๆพร้อมกับยักไหล่

 

“มื้อนี้กินข้าวสองปอนด์ หมูสองแผ่นและกะหล่ำปลีหัว อาหารจำนวนมากในห้องใต้ดินถูกนำออกมาเพื่อแลกกับอุปกรณ์และสำหรับส่วนที่เหลือ…”

 

พวกกระป๋องอาหารที่เก็บรักษาถูกนำมาใช้ในการค้า กะหล่ำปลีและข้าวจะเน่าเสียได้เดิมเขาคิดว่าจะใช้สามเดือนจะหมดแต่ต้องเปลี่ยนเป็นเวลาหนึ่งเดือน ตอนนี้คนสามสิบคนต้องได้รับอาหาร อาหารในห้องใต้ดินไม่เพียงพอ หลังจากทั้งหมดเจียงเฉินซื้อที่ซูเปอร์มาร์เก็ต ดังนั้นปริมาณจึงมีน้อย

 

“หยุด สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นมูลค่าทึ่ควรกล่าวถึงที่ฉันนำมันมา ฉันจะกลับไปอีกเร็วๆนี้เพื่อนำมันกลับมามากขึ้น” เจียงเฉินตอบด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น ในเวลาเดียวกันเขาวางแผนที่จะเช่าพื้นที่จัดเก็บในพื้นที่ชนบทและติดต่อซื้อบางอย่างแบบไม่บรรจุหีบห่อจากผู้จำหน่ายอาหาร

 

การใช้กระดาษทรายทุกครั้งยุ่งยากมากเกินไป

 

แต่ว่าท่านหญิงซันเจียวที่ดื้อรั้นกลายเป็นแม่บ้านมากขึ้น ความรู้สึกไม่พอใจในสายตาของเธอที่ "ความสิ้นเปลือง" อย่างประหลาดทำให้เจียงเฉินรู้สึกตื่นเต้น

 

ยิ่งหญิงสาวคนนี้เปลี่ยนไปเป็นคนมีวัฒนธรรม เธอจะน่าสนใจยิ่งจึ้น

เจียงเฉินได้แตะจมูกที่กำลังแดงเล็กน้อยและหยุดมองที่ด้านข้างของใบหน้าของเธอ

 

คฤหาสน์ไม่ว่างเหมือนก่อนและด้วยคนจำนวนมาก เขาต้องตระหนักถึงความสนิทสนม

 

เมื่อเขาเห็นหม้อที่อาหารหมดเกลี้ยงพร้อมกับดวงตาที่ยังคงกลัวแต่ตอนนี้ยังมีคำใบ้ความกตัญญู เจียงเฉินไอขณะที่เขาส่งสัญญาณให้ทุกคนมองเขา

 

"พวกคุณเต็มอิ่มแล้วหรือยัง?"

 

ไม่มีใครตอบ

 

“ถ้าคุณต้องการที่จะกินในวันพรุ่งนี้ แล้วจะดีกว่าทึ่คุณจะตอบคำถามของฉัน” เจียงเฉินก็แคบดวงตาลง

 

“อิ่มแล้ว!” ทุกคนลังเลที่จะเปิดปากของพวกเขา

 

เจียงเฉินพยักหน้าด้วยความพอใจ

 

“ดีเยี่ยม การได้ยินคำตอบของคุณทำให้ฉันมั่นใจว่าฉันไม่ได้เลี้ยงหมูใบ้ วิธีการที่ฉันพูดอาจเป็นที่รังเกียจสำหรับคุณเพราะพวกคุณไม่มีอะไรให้ฉัน! ขอบคุณสำหรับฉัน ไม่มีใครที่ต้องอดอาหารอีกต่อไปและนี่คือความสบายไม่มากที่สามารถจินตนาการ ดังนั้นคุณทุกคนต้องพิสูจน์คุณค่าของคุณ! พิสูจน์ว่าคุณมีค่าพอสามมื้อที่คุณกินทุกวัน!”

 

“ใช่ฉันจะให้อาหารสามมื้อต่อวัน แต่อย่ารู้สึกมีความสุขเกินไป คนขี้เกียจจะไม่ถูกนับรวม! ฉันไม่ต้องการเป็นนายท่านของคุณเพราะนั่นหมายความว่าฉันมีหน้าที่เลี้ยงดูคุณ แต่ฉันต้องการให้ทุกคนพิจารณาฉันเป็นเจ้านายของคุณ คุณเป็นพนักงานของฉันแต่ผลลัพธ์ของการถูกยิงจะค่อนข้างสูง ฉันไม่คิดว่าฉันจำเป็นต้องอธิบายเพิ่มเติมใดๆ”

 

ไม่มีสักคนที่โต้เถียงคำพูดของเขา

 

สำหรับคนที่เสนออาหารโดยไม่มีการทรมาน พวกเขาทำได้เพียงรู้สึกขอบคุณ สำหรับสิ่งที่จะให้เรียก พวกเขาไม่สนใจแม้ว่าเจียงเฉินจะทำให้พวกเขาเรียกเขาว่าพ่อ พวกเขาจะทำเช่นนั้นโดยไม่ลังเลเลย

 

ศักดิ์ศรี? นั่นคือสำหรับคนที่ไม่หิวโหย

 

นอกจากนี้ในฐานะที่เป็นบุคคลมีวัฒนธรรม เจียงเฉินปฏิบัติกับพวกเขาด้วยความเคารพต่อเหตุผลส่วนตัวของเขา ถ้าเป็นสาวน่ารัก มันอาจได้รับการยอมรับแต่ความคิดของกลุ่มคนที่เรียกเขาว่านายท่านเพียงทำให้เขาขนลุก

 

และที่สำคัญที่สุดคือเขาไม่ต้องการให้ตัวตนภายในของเขาเปลี่ยนจากการฟัง “นายท่าน”

 

หลังจากที่ทุกคนกินอาหารเสร็จแล้วเจียงเฉินก็ปรับความคิดและพูดต่อ

 

“กรุงโรมไม่ได้สร้างขึ้นในเวลาวันเดียว คุณทุกคนเป็นคนแรกที่เข้าร่วมกับฉันในการสร้างอาณาจักรของฉัน! ฉันจะนำระเบียบและความรุ่งเรืองมาสู่ดินแดนอันไร้กฏหมายนี้และคุณต้องมีส่วนร่วมในวิสัยทัศน์ของฉันและในทางกลับกัน ฉันจะยังคงให้อาหารที่ช่วยให้คุณรอดชีวิตได้ นั่นเพียงพอแล้วจากฉัน นับจากวันพรุ่งนี้ทุกคนมีงานที่ต้องทำ ทำความสะอาดชามของตัวเองหลังจากกินเสร็จ ใครก็ตามที่ฉันเรียกชื่อให้อยู่ก่อน ส่วนที่เหลือสามารถกลับไปได้ จำสิ่งหนึ่งไว้ คฤหาสน์เป็นพื้นที่จำกัด ถ้าใครเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตจากฉัน พวกเขาจะถูกฆ่าตายทันที”

 

ประโยคสุดท้ายของเขาดังขึ้นด้วยความหนาวเย็น

 

เขาเฝ้าติดตามตัวชี้วัดอัตราการเต้นของหัวใจทั้งสามสิบคนในอีพีของเขาและเขาพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ โดยไม่มีการเต้นที่ผิกปกติใดๆ อัตราหัวใจจะไม่ผันผวน งหมายความว่าพวกเขาไม่ได้มีความคิดแปลกๆ

 

ทุกคนนำถ้วยของทุกคนไปกับตัวเองขณะถูกปล่อยไปและมุ่งหน้าไปยังที่ล้างจานด้วยคำแนะนำของเย้าเย้า เขาขอบคุณสำหรับระบบบำบัดน้ำอัตโนมัติที่ทำให้เมืองกว้างมีน้ำดื่มที่สะอาดในโลกที่ไร้อารยธรรม

 

ทุกคนที่มีชื่อยืนเรียงสั่นอยู่ด้านหน้าเจียงเฉิน พวกเขาไม่ทราบว่านายท่านของพวกเขาจะให้พวกเขาทำอะไร

 

“จูว เจี่ยชี”

 

“ค่ะ” จูว เจี่ยชีค่อยๆขยับริมฝีปากของเธอขณะที่เธอก้มคำนับเจียงเฉินแล้วจ้องไปที่พื้นดิน เธอมีสามีที่รักเธออย่างสุดซึ้ง เธอรู้สึกกลัวว่าเจียงเฉินจะต้องมีความต้องการบางอย่างจากเธอ ถ้าเป็นกรณีนี้เธอไม่สามารถต่อต้านได้ สำหรับชีวิตของสามีเธอคงจะยอมรับอย่างอับอาย

 

เธอคิดโต่งๆมากเกินไป แม้ว่าเธอจะค่อนข้างน่าสนใจ เจียงเฉินไม่สนใจผู้หญิงที่แต่งงานแล้วและโดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาไม่ได้สนใจในการบังคับคนอื่น

 

นอกจากนี้ท่านหญิงซันเจียวกำลังยืนอยู่ข้างๆเขาด้วย

 

“คุณทุกคนไม่จำเป็นต้องกลัว ฉันจะไม่กินพวกคุณ” เจียงเฉินกล่าวขณะที่เขายักไหล่ที่ชายสองคนและหญิงสองคน จากนั้นเขาก็ถามผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว "คุณรู้วิธีทำอาหารมั้ย?"

 

“อืมม” มันเป็นคำถามแปลก ๆ จูวเจี่ยชีพยักหน้าอย่างตามตรง ในฐานะภรรยาที่มีคุณสมบัติเหมาะสม แน่นอนเธอรู้วิธีการปรุงอาหาร มันเป็นเพียงนับตั้งแต่เธอตื่นขึ้นมาจากห้องพักไฮเบอร์เนตกับสามีของเธอในฐานผู้รอดชีวิต เธอไม่ได้เห็นข้าวตั้งแต่นั้นอีกเลย

 

“คุณจะรับผิดชอบอาหารของคนสามสิบคนเหล่านี้ สักครู่ฉันจะให้เมนู” หลังจากเสร็จสิ้น เจียงเฉินไม่ได้กังวลกับการแสดงออกของจูวเจี่ยชีขณะที่เขาพลิกไปที่หน้าถัดไป “หวัง ฉิน”

 

“ที่นี่!” หญิงสาวขี้อายด้วยใบหน้าเป็นกระตกใจเสียงของเจียงเฉิน

 

“นี่ไม่ใช่โรงเรียนประถม คุณไม่จำเป็นต้องพูดที่นี่ แค่พูดว่าครับ/ค่ะ” เจียงเฉินยิ้มอย่างอ่อนโยนไปที่การเพ่งแปลกๆของคนทั้งสี่ก่อนที่จะกลับไปจดจ่อ “คุณเป็นนักบัญชีดังนั้นคุณจะต้องรับผิดชอบต่ออุปกรณ์ที่ห้องจัดเก็บ ฉันจะให้สำเนากุญแจและฉันต้องการบันทึกสำหรับการใช้อุปทานทุกครั้ง นี่เป็นงานสำคัญและฉันไม่สามารถอนุญาตให้คุณทำผิดได้ คุณเข้าใจไหม?”

 

“เข้าใจ”

 

เยี่ยม แม้ว่าเสียงจะเบาเล็กน้อย มันแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเธอที่ทำให้เจียงเฉินพอใจ

 

บุคลิกที่ขี้อายของเธอทำให้เขาพอใจเป็นอย่างยิ่งกับทางเลือกของเขา

 

“ลู ฮัวเชิง” ถั่วลิสง? เจียงเฉินเกือบระเบิดหัวเราะกับชื่อแปลกๆ

 

“ครับ” ชายวัยกลางคนที่มีรูปลักษณ์มีความรับผิดชอบพยักหน้าในการตอบอย่างระมัดระวัง

 

"ฉันได้ยินมาว่าคุณเป็นหัวหน้าโครงการของ ฮัวเจียนเรียวเอ็ซเทท?"

 

"นั่นคือก่อนสงคราม" ลูฮัวเชิงยิ้มอย่างขมขื่น

 

“ฉันไม่สนใจเมื่อมันเกิดขึ้น ฉันเพียงต้องการให้คุณออกแบบฐานนี้ให้ฉัน ถูก ฉันต้องการที่จะสร้างค่ายผู้รอดชีวิตที่ใหญ่กว่าถนนหก ฉันต้องการให้คุณวาดแผนผังเค้าโครงกับคฤหาสน์เป็นตรงกลางและขยายขอบเขตของฐานเป็นสองเท่า การออกแบบกำแพงมันจะต้องใช้วัสดุอันไหนและการสร้างอาคารของผู้รอดชีวิต ฉันเชื่อว่าคุณรู้พวกเหล่านี้ดีกว่าฉัน ฉันต้องการเห็นผลลัพธ์ในวันพรุ่งนี้เวลาหกโมงเย็น”

 

"ฉันต้องการคอมพิวเตอร์ประสาทสัมผัสเต็มรูปแบบและการ์ดหน่วยความจำ" ลูฮัวเชิงกล่าวอย่างระมัดระวัง "สำหรับวัตถุประสงค์ในการวาดภาพ"

 

“นี่คุณเอาไป” เจียงเฉินกล่าวโดยไม่ได้กระพริบตา เจียงเฉินซื้อพวกนี้จำนวนมากในราคาถูก อุปกรณ์มือสองที่ถนนหกมีเกลื่อนกลาด

 

“เอาล่ะ นั่นแหละแหละ คุณสามคนออกไปได้ตอนนี้”

 

บางคนปล่อยถอนหายใจอย่างโล่งอกขณะที่พวกเขามองด้วยความเห็นอกเห็นใจที่สหายของพวกเขาที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังก่อนที่พวกเขาจะรีบจากไปพร้อมกับถ้วยชามของพวกเขา

 

“ฮิฮิ เจ้านาย แล้วฉันล่ะ” คนที่เหลือเป็นชายวัยกลางคนที่มีแว่นตา ร่างของเขาค่อนข้างผอม หมายความว่าเขาไม่สามารถใช้แรงงานทางกายภาพใดๆได้ เขาเห็นว่าเจียงเฉินไม่ได้พูดอะไรทำให้เขารู้สึกอัดอัดแล้วทำการเกาที่หัวของเขาขณะที่เขาถามด้วยเสียงอายๆ

 

อีกสามคนได้รับมอบหมายงามทั้งหมดอย่างสมบูรณ์ แต่เจ้านายน้อยคนนี้ไม่ได้ให้คะแนะนำใดๆซึ่งทำให้เขารู้สึกกลัว จิตใจของเขาเริ่มคิดวนไปวนมาเพื่อดูว่าเขาทำอะไรผิดพลาดเพื่อทำให้เจ้านายไม่พอใจ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด