ตอนที่แล้วตอนที่ 185 ทวีปตอนเหนือที่ถูกกระตุ้น 2
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 187 ทวีปตอนเหนือที่ถูกกระตุ้น 4

ตอนที่ 186 ทวีปตอนเหนือที่ถูกกระตุ้น 3


เวโรนิก้าและซิลเวีย....

ความคิดของธีโอดอร์ได้หายไปเมื่อเจอกับหญิงสาวสองคนที่ไม่คาดคิดว่าจะอยู่ที่นี่ เขาไม่รู้ว่าทำไมพวกเธอจึงมานั่งคุยอยู่กับครอบครัวเขา

ไม่สิ เขาสามารถเข้าใจได้หากเป็นซิลเวีย เธอเคยพบกับครอบครัวเขามาก่อน ตระกูลมิลเลอร์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆเลยกับสถานที่เช่นพระราชวัง ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกสบายใจในแบบของพวกเขาเมื่อเจอกับคนที่พวกเขารู้จัก

‘แล้วทำไมผู้นำหอคอย...?’

อย่างไรก็ตาม เวโรนิก้านั้นแตกต่างกัน เธอเป็นถึงผู้นำRed Tower ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบด้านขุมพลังการต่อสู้ของราชอาณาจักร แม้ว่าเหล่าขุนนางจะอ่อนแอ แต่พวกเขาก็ยังอยู่เหนือทุกคนยกเว้นผู้นำหอคอย แม้กระทั่งเหล่าดยุคยังไม่กล้าขึ้นเสียงของพวกเขาต่อหน้าเวโรนิก้า

แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่เธอกำลังคุยกับครอบครัวมิลเลอร์อย่างนอบน้อม ผู้ที่พึ่งอาศัยอยู่ในแถบชนบทมา

“มาให้แม่กอดหน่อยสิลูก!”แม่ของเขาสังเกตเห็นเขาและรีบถึงเขาไปกอดอย่างเร็ว โชคดี เธอนั้นได้พยายามอย่างหนัก ดังนั้นความแข็งแรงทางร่างกายเธอจึงเพิ่มขึ้น แต่ทำไมเธอจึงดูตัวเล็กเมื่อเทียบกับ3ปีก่อน?

ธีโอดอร์กอดแม่เขาอย่างเงียบๆและยิ้มอยู่ข้างในเมื่อเขารู้ว่าทำไม

‘ไม่สิ มันเป็นฉันเองที่เปลี่ยนแปลงไปจากแต่ก่อน’

มันเป็นเวลาสามปีแล้วที่เขาไม่ได้พบกับพ่อแม่เขาหลังจากที่ออกจากมิลเลอร์ บารอนี่ ตั้งแต่นั้นมาธีโอดอร์ได้ผ่านเรื่องราวมามากมายซึ่งราวมถึงการได้รับ ‘บทเพลงแห่งสงคราม’ซึ่งทำให้เขาสูงขึ้นและเพิ่มความสามารถทางร่างกายเขา

ในช่วงสองสามปีนี้ เขาได้เติบโตขึ้นพอที่จะมองลงมาแล้วเห็นหัวของแม่เขา มันเป็นช่วงเวลาที่ธีโอดอร์ไม่สามารถสบตากับแม่เขาได้ อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้เป็นเด็กหนุ่มที่มักจะอยู่ตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้ว

พ่อของเขา ตอนนี้เป็นเอิร์ลมิลเลอร์ ได้เฝ้ามองเขากับแม่และพูดว่า “ไม่ได้พบกันนานเลยนะ ธีโอ”

“ผมขอโทษครับ ที่ไม่ได้ไปเยี่ยมพ่อกับแม่เลย”

“อ๊ะ อย่าขอโทษพ่อกับแม่เลย ในโลกนี้ พ่อกับแม่ประเภทไหนกันที่จะคอยฉุดรั้งลูก?นอกจากนี้เราต้องขอบคุณลูกที่ทำให้พ่อกับแม่สามารถเพลิดเพลินกับความฟุ่มเฟือยของวังหลวงได้”

“อุ้ฟ”ธีโอดอร์อดที่จะหัวเราะไม่ได้กับคำพูดของเดนนิส มันเป็นเรื่องตลกสำหรับพ่อเขา ผู้ที่มักจะใส่เสื้อผ้าโทรมๆ แต่ตอนนี้อยู่ในเสื้อคลุมที่งดงามซึ่งปกคลุมพุงที่เด้งดึ๋งของเขา แม่ของเขาได้ต่อว่าพ่อ แต่เดนนิสก็ยังคงมีความสุข

หลังจากนั้น บรรยากาศในห้องก็สว่างขึ้น ธีโอดอร์ลืมการแสดงออกอย่างเคร่งขรึมที่เขามักจะทำขณะที่ซิลเวียและเวโรนิก้า อดที่จะยิ้มให้กับภาพของครอบครัวที่ได้พบหน้ากันไม่ได้

มันเป็นอีกด้านหนึ่งของธีโอดอร์ที่คนอื่นๆไม่รู้ การที่ได้เห็นอีกมุมหนึ่งของเขาทำให้หญิงสาวทั้งสองลดความเป็นปฏิปักษ์ต่อกันลง

“อ๊ะ และธีโอ มีคนหนึ่งที่อยากจะพบลูกอีกครั้ง”

“หืม?”

หลังจากที่แม่ของเขาเสร็จสิ้นการตำหนิเดนนิส เธอก็ได้หันกลับมาพูดกับธีโอดอร์ มันเป็นเวลาสามปีแล้วที่เธอไม่ได้พบกับลูกชายของเธอ เธอภูมิใจในตัวของธีโอดอร์มากที่มีตำแหน่งใหญ่โตภายในราชอาณาจักร แต่ในฐานะพ่อและแม่ของเขา เธอและเดนนิสก็อดที่จะรู้สึกเหงาไม่ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงมามาน่า-วิล และได้เตรียมการเพื่อให้ครอบครัวได้พบหน้ากันทุกคน

คนที่ต้องการจะพบธีโอดอร์อีกครั้ง ก็คือน้องชายเขา ผู้ที่มีอายุได้6ปีแล้ว

“พะ-พี่”เสียงเล็กๆได้ดังจากด้านหลังโซฟาที่เวโรนิก้าและซิลเวียนั่งอยู่

‘อ่า’ทำไมตอนที่ธีโอดอร์ได้ยินเสียงนั้น อารมณ์แปลกๆก็อัดแน่นเต็มอกเขา....?

ตัวตนของเวโรนิก้าและซิลเวียได้ปิดกั้นสัมผัสของเขา ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ เด็กชายได้เดินแทรกออกมาระหว่างเสื้อคลุมสีแดงและฟ้า เขามีผมสีดำและดวงตาสีฟ้าเฉกเช่นธีโอดอร์

ลีโอนาโด้ มิลเลอร์ เด็กชายที่ราวกับธีโอดอร์ในวัยเด็กได้เงยหน้าขึ้นมองมาที่พี่ชายเขาด้วยดวงตากลมโต

“…ลีโอ?”ธีโอดอร์ร้องเรียกชื่อเขา

“ครับ พี่ธีโอ”

“น้องโตขึ้นมากเลยนะ”

มันเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดใจ ธีโอดอร์เคยเห็นน้องชายของเขาเพียงครั้งเดียวเมื่อตอนที่ลีโออายุ3ปี จากนั้นเขาก็ไม่ได้เห็นลีโอเลยเป็นเวลา3ปี ลีโอนั้นยังเด็กอยู่ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากเขาจะจำธีโอดอร์ไม่ได้

อย่างไรก็ตาม ลีโอนาโด้นั้นรู้ เขารู้ดีว่าคนที่อยู่ในชุดสวยหรูตรงหน้าของคือพี่ชายของเขา

“พี่!”

“อัก อย่าพุ่งใส่พี่แบบนี้สิ มันเจ็บนะ”

“ครับ!”

ลีโอเคยได้ยินเรื่องมามากมาย พี่ชายของเขาคือผู้ที่ช่วยชีวิตเอลฟ์ผู้งดงาม พี่ชายสุดกล้าหาญของเขาได้ปกป้องบ้านของเหล่าเอลฟ์ พี่ชายของเขาได้ทำประโยชน์มากมายให้แก่อาณาจักร....ในความคิดของลีโอนาโด้ ธีโอดอร์เป็นวีรบุรุษในหน้าหนังสือ

เด็กชายมีความคิดเช่นนั้นขณะที่เขาขุดแขนธีโอดอร์ ธีโอดอร์เป็นพี่ชายเขาผู้ที่มีสาวสวยคอยติดตาม!

พี่สาวสองคนที่อยู่ที่นี่ต่างสวยเสียจนผู้หญิงจากหมู่บ้านเขาเป็นได้แค่ฟักทองเมื่อเทียบกับพวกเธอ ความคิดของลีโอนาโด้นั้นยังคงเหมือนเด็กที่ไม่ประสีประสา แต่ในอีกมุมหนึ่ง มันถือเป็นความคิดที่น่าทึ่ง ไม่ใช่ว่าเขาเกิดมาพร้อมกับสมองเช่นธีโอดอร์?

จากนั้นลีโอนาโด้ ก็นึกถึงเกี่ยวกับงานเลี้ยง

“พี่”

“หือ?”

“ไม่ใช่ว่าคืนนี้มีปาร์ตี้ขนาดใหญ่งั้นหรอ?”

คำว่างานเลี้ยงจะเหมาะกว่า แต่ลีโอนั้นมีอายุแค่6ปี ธีโอดอร์จึงยิ้มออกมาและพยักหน้า ดั่งที่กล่าว ลีโอนาโด้นั้นมีสมองที่ดีสำหรับเด็กวัย6ปี เขาสามารถตั้งคำถามจากสิ่งที่เขาได้ยินจากพ่อแม่เขาขณะที่เดินทางมาถึงเมืองหลวงและจากสิ่งที่เขาได้เห็นในหนังสือนิทาน

“พี่สาวคนไหนที่พี่จะพาไปด้วยครับ?”คำถามที่ไร้เดียงสาของลีโอได้ทำลายการสงบศึกระหว่างสองสาวงาม

“..อะไรนะ?”ธีโอดอร์สะดุ้ง

“ผมเห็นมันในหนังสือ ชายและหญิงจะไม่ปาร์ตี้ใหญ่ด้วยกันและเต้นรำ ดังนั้นผมจึงคิดว่าพี่จะไปกับ1ในสาวสวยเช่นพี่สองคนนี้...”

‘ไม่’?ลีโอส่ายหัวของเขาด้วยท่าทางไร้เดียงสา

นี่เป็นความประหลาดใจอย่างแท้จริง!ธีโอดอร์เริ่มเหงื่อตกขณะที่เขาเผชิญหน้ากับหน้าผาตรงหน้าเขา เขารู้ว่ามันเป็นคำถามที่ปราศจากการมุ่งร้าย แต่มันก็ร้ายแรงในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่น่าแปลกใจเลย บางคนได้พูดขึ้นก่อนที่ธีโอดอร์จะตอบกลับ

“ใช่ เด็กน้อย ใครจะเป็นคู่ของเธอ?”

“ผะ-ผู้...”

“เรียกฉันว่า ‘เบ๊กกี้’ ฉันได้แนะนำตัวเองว่าเป็นรุ่นพี่ของเธอเพราะไม่อยากทำให้พวกเขารู้สึกอึดอัด”

‘อา’ธีโอดอร์ตระหนักได้ว่าเวโรนิก้าไม่ได้เปิดเผยตัวตนของเธอ ครอบครัวมิลเลอร์จึงสามารถพูดคุยกับเธอได้ด้วยบรรยากาศที่ผ่อนคลาย พวกเขาคงแข็งค้างหากรู้ว่าเธอคือผู้นำRed Tower

เวโรนิก้าจับแขนซ้ายของเขาและกระซิบ “ตกลงใครจะเป็นคู่ของเธอ?”

“นั่น....”

“คุณจะไม่เตะผมใช่มั้ย?ครับ?”ลมหายใจที่ร้อนแรงและเสียงต่ำของเธอทำให้เขารู้สึกวิงเวียน

เช่นเดียวกับความร้อนที่แขนซ้ายของเขานั้นให้ความรู้สึกราวกับมันกำลังละลาย ขณะนั้นเอง บางสิ่งบางอย่างที่เย็นก็ได้พันรอบแขนขวาเขา

“ไม่ว่าคุณจะรู้สึกยังไง คุณก็ไม่ควรทำให้เขาเจ็บปวด ใช่มั้ยเบ๊ก-กี้?”ซิลเวียเน้นชื่อเล่นของเวโรนิก้าขณะที่เธอเหลือบตามองศัตรูของเธอ

จากนั้นเธอก็กระซิบหูธีโอว่า “ไปกับฉันสิ ธีโอ เธอไม่ควรที่จะไปกับหญิงวัยกลางคนเช่นนั้น”

“ยะ-หญิงวัยกลางคน...?(ป้า)”คิ้วของเวโรนิก้ากระตุกถี่ยิบ แต่เธอก็รีบกลับมาและโต้ตอบ “หืม เธอสามารถพูดอย่างภูมิใจได้ยังไงในเมื่อเธอยังไม่โตเลย?เด็กคนนี้ชอบหญิงสาวเช่นฉันต่างหาก”

“มะ-ไม่โต…?”ซิลเวียอ้าปากผะงาบ

เวโรนิก้าสะบัดเสื้อคลุมของเธอ เผยให้เห็นเรือนร่างของเธอ เสื้อคลุมไม่สามารถที่จะปิดซ่อนเสน่ห์ของเธอได้ จากนั้นซิลเวียก็ก้มลงมองไปที่ตัวเอง แต่เธอไม่สามารถที่จะมองเห็นความงามตามธรรมชาติได้ อย่างไรก็ตาม เธอยังไม่รู้ เธอไม่รู้ว่าธีโอนั้นมีรสนิยมเช่นไรเว้นแต่เขาจะพูดออกมาเอง

ผู้หญิงสองคนได้มีข้อสรุปเดียวกันและซักถามธีโอดอร์

“ธีโอ จะเลือกใคร?”

ธีโอดอร์กลืนน้ำลายและสูดลมหายใจ เขารู้สึกตึงเครียดเสียยิ่งกว่าตอนที่เขาเผชิญหน้ากับ7เทพดาบแห่งจักรวรรดิ

แน่นอนว่า เขาจะมีความสุขไม่ว่าจะเป็นหญิงสาวคนใดก็ตามตรงหน้าเขา อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันเขาไม่สามารถที่จะเลือกคู่ได้ เคิร์ทที่3ได้ร้องขอให้เขาเกาะติดเอลโลน่า และเขาไม่สามารถที่จะปฏิเสธเอลโลน่าที่มาเพื่อเจรจากับเมลเทอร์ได้

“ฉันขอโทษ”ด้วยคำขอโทษ ธีโอดอร์ได้ปฏิเสธทั้งสองคน “ฝ่าบาทได้ขอให้ฉันเป็นคู่เต้นรำกับเอลโลน่า ฉันไม่มีทางเลือกสำหรับงานเลี้ยงนี้”

“หะ...?”

“หึ...?”

ซิลเวียเศร้าสลด ขณะที่เวโรนิก้าคิดว่ามันไร้สาระ ผู้หญิงสองคนมีความงามที่แตกต่างกันและแม้กระทั่งปฏิกิริยาของพวกเขายังตรงข้ามกันแม้กระทั่งปฏิกิริยาของพวกเขายังตรงข้ามกัน

“...ใช่ ฉันขอโทษที่ให้เหตุผลที่ไม่เหมาะสมไป”

“ไม่เป็นไร”

“ขอบคุณสำหรับคำพูดเหล่านั้น แล้วฉันจะไปคุยกับเขาเอง”

“ครับ....หะ?”

‘คุยกับใคร?’ธีโอดอร์ไม่สามารถที่จะคัดค้านได้และเงียบไปจนกระทั่งเวโรนิก้าออกจากห้อง เขาสามารถคาดเดาได้ แต่เธอจะทำเช่นนั้นจริงงั้นหรอ?

“โอ๋...”ขณะเดียวกัน ซิลเวียเองก็นั่งกอดเข่าบนเก้าอี้เธอ

“โธ่ อย่าหัวเสียไปเลย”

“แต่คุณแม่....”

“ธีโอของเราได้รับความนิยมตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว แม้กระทั่งตอนกลับบ้าน จูเลียบ้านข้างๆ...”

ธีโอดอร์สามารถได้ยินทั้งหมด คำพูดของแม่เขาที่พยายามปลอบซิลเวีย ธีโอดอร์จ้องมองไปที่ลีโอนาโด้ราวกับเขาทำบาปครั้งใหญ่ ไม่มีความมุ่งร้าย แต่ลีโอเป็นผู้ที่สร้างความยุ่งเหยิงนี้

อย่างไรก็ตามน้องชายเขายังคงมองมาที่ธีโอดอร์ด้วยท่าทางใสซื่อราวกับไม่รู้ว่าเขาทำอะไรลงไป

“เห้อ...”ธีโอดอร์หมดแรงก่อนที่งานเลี้ยงจะเริ่มขึ้นเสียอีก

***

7ชั่วโมงต่อมา ทางเข้าพระราชวังก็ได้เปิดกว้าง เหล่าขุนนาง จอมเวทย์และผู้ทรงเกียรติจากอาณาจักรอื่นต่างยกย่องชื่นชมเมื่อก้าวข้ามธรณีประตูมา

“โอ้....!นี่คือวังหลวงของเมลเทอร์!”

“จากเสาไปจนถึงบันไดและน้ำพุ พวกมันต่างเต็มไปด้วยเวทมนต์ ข้ากลัวที่จะมองทุกอย่างนี้”

“มันน่าสงสารยิ่งที่ข้าสามารถมาได้เพียงปีละครั้ง!”

มันเป็นเช่นที่พวกเขากล่าว เพื่อให้สอดคล้องกับอาณาจักรแห่งเวทมนต์ เมลเทอร์ ของตกแต่งภายในพระราชวังทั้งหมดคือสิ่งประดิษฐ์เวทมนต์ เกราะมีชีวิตที่หมายถึงอุปกรณ์แจ้งเตือนเพื่อดักจับผู้บุกรุก รวมถึงน้ำพุที่ทำหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิห้อง

แขกต่างอาณาจักรส่วนใหญ่จะมาจากภาคกลาง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เคยได้เพลิดเพลินไปกับสิ่งประดิษฐ์ชั้นสูงดังกล่าว

ในความเป็นจริง ตอนเหนือนั้นให้ความรู้สึกราวกับโลกอื่น

แขกได้เดินไปรอบๆขณะที่น้ำลายไหลด้วยความโลภ และพวกเขาก็ได้มาถึงห้องจัดงานเลี้ยงของวันนี้

มีแขกผู้เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมากซึ่งห้องจัดงานเลี้ยงได้สร้างขึ้นในบริเวณลานกว้าง จอมเวทย์จากYellow Tower ได้ใช้ทักษะด้านออกแบบของพวกเขาและสามารถทำสิ่งเหล่านี้เสร็จภายในครึ่งวัน

“นะ-นี่ สิ่งก่อสร้างใหญ่โตเช่นนี้เป็นเพียงที่จัดงานเลี้ยงชั่วคราว?”เดนนิสอยู่ในเมืองหลวงได้ไม่ถึงเดือน ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเก็บซ่อนเสียงสั่นเครือของเขาได้

อาคารที่ควรจะใช้เวลาเป็นปีกว่าจะก่อสร้างเสร็จได้ถูกตรงหน้าเขา อะไรคือสิ่งที่เกี่ยวกับลวดลายของราชวงศ์และสัญลักษณ์ของหอคอยเวทมนต์ที่ถูกสลักบนกำแพง?แม้ว่าจะมีนักประติมากรหลายสิบคน แต่ก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือน

สำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับเวทมนต์เช่นเดนนิส เหตุการณ์เช่นนี้ถือว่าเป็นปาฏิหารย์

ดังนั้น คำพูดของวินซ์จึงทำให้เขาประหลาดใจ

“ใช่ นั่นถูกต้องแล้ว มันดูเหมือนว่าYellow Tower ได้ทำงานหนักในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา โดยปกติ การก่อสร้างอาคารระดับชาติเช่นนี้ควรจะใช้เวลาถึงสองสัปดาห์หรือเป็นเดือน”

“เวทมนต์เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ขอบคุณศาสตราจารย์ ผมได้ขยายความรู้ความเข้าใจของผมยิ่งขึ้น”

“คุณยกยอผมเกินไป เอิร์ล”

ขณะที่ธีโอดอร์เป็นจ้าวมนตราและจอมเวทย์ชั้นหนึ่ง วินซ์ ไฮน์เดล ได้อาสาที่จะนำทางให้กับครอบครัวมิลเลอร์ เขาได้วางแผนที่จะมีส่วนร่วมในงานเลี้ยง และงานนี้ก็ไม่ยากเกินไปเมื่อมันเป็นครอบครัวของศิษย์เขา

“พวกเราโชคดีที่ได้อยู่กับจ้าวมนตราธีโอดอร์ ฮ่าๆๆๆ!”

“ไม่มีอะไร เขาเป็นนักเรียนของฉัน เพียงเท่านั้น”

“ขอบคุณ ศาสตราจารย์”

ทัศนคติของครอบครัวมิลเลอร์ ที่ไม่ได้ทำตัวเหมือนกับเหล่าเอิร์ลหรือขุนนางอาวุโส ทำให้วินซ์ยิ้มออกมาขณะที่เขาได้รับรู้ว่าธรรมชาติที่แท้จริงของธีโอดอร์ได้มาจากไหน

หลังจากที่แลกเปลี่ยนคำพูดกันเล็กน้อย แสงสว่างภายในห้องจัดงานเลี้ยงก็ปิดลงและความมืดก็ได้ปกคลุมไปทั่ว จากนั้นแสงก็ได้ส่งไปบนแท่น ดวงตาสีม่วงส่องประกายภายในความมืดขณะที่เคิร์ทที่3 กษัตริย์แห่งเมลเทอร์ ยืนอยู่ตรงนั้น

“เติมถ้วย”โดยไม่ได้พูดคำทักทายแม้แต่คำเดียว เคิร์ทได้ยกถ้วยขึ้นและออกคำสั่ง ด้วยเหตุผลบางอย่างเสียงของเขาฟังดูแย่กว่าปกติ แต่มันได้เพิ่มความรู้สึกในเรื่องน้ำหนัก

นี่เป็นพรสวรรค์ที่ไม่อนุญาติให้ใครเย้ยหยัน ผู้เข้าร่วมงานเลี้ยงทั้งหมดต่างหยิบถ้วยจากโต๊ะขึ้น จากนั้นทั่วทั้งห้องจัดงานเลี้ยงก็เต็มไปด้วยเสียงเทเครื่องดื่ม

เคิร์ทรอจนกระทั่งคนสุดท้ายเสร็จ ก่อนที่จะดำเนินการต่อ

“วันนี้เป็นวันที่ดี”เขากล่าว

ทำไมจึงเป็นวันที่ดี?ดวงตาหลายร้อยคู่เต็มไปด้วยคำถามนี้ขณะที่พวกเขาอินไปกับท่าทางของเคิร์ท

“เป็นเพราะวันนี้ งานประลองเวทมนต์ ได้เริ่มขึ้น?ไม่ นั่นไม่ใช่”

ความคิดของพวกเขาถูกปฏิเสธ และความสับสนได้ปรากฏบนดวงตาของใครบางคน

“เป็นเพราะพวกเรากำลังเพลินเพลินไปกับเครื่องดื่มชั้นเลิศ อาหารและเสียงเพลง?นั่นก็ผิด”

เคิร์ทที่3ได้ครอบงำบรรยากาศภายในห้องจัดงานเลี้ยงโดยสมบูรณ์ ไม่มีใคร ที่สามารถละสายตาไปจากเขาหรือหยุดฟังเสียงของเขาได้ กษัตริย์ต้องมีความสามารถในการเป็นผู้นำ และเคิร์ทเกิดมาเพื่อเป็นกษัตริย์

“งั้นทำไมวันนี้จึงเป็นวันที่ดี?”

ไม่มีใครตอบ เขาไม่ได้ต้องการให้พวกเขาตอบ อาณาจักรแห่งเวทมนต์ได้ทำสงครามกับจักรวรรดิแห่งดาบมาครึ่งสหัสวรรษ(พันปี) ดังนั้นการปรากฏตัวขึ้นเคิร์ทที่3จึงไม่ใช่สิ่งที่เหล่าขุนนางในทวีปตอนกลางจะสามารถต่อกรด้วยได้

ในท้ายที่สุด เคิร์ทที่3ก็ได้ยกถ้วยของเขาขึ้นและกล่าวว่า “ทุกท่านอาจจะเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ เรื่องราวของเอลฟ์ชั้นสูงที่โด่งดังไปทั่วโลกและวีรบุรุษแห่งเมลเทอร์ผู้ที่ช่วยชีวิตพวกเขา!”

บางคนได้พยักหน้า บางคนก้มหัวลง บางคนถอนหายใจ คิ้วของบางคนกระตุกขึ้น ทุกคนต่างมีปฏิกิริยาที่แตกต่างกัน แต่ไม่มีใครในที่นี่ไม่รู้จักเรื่องราวนั้น มีผู้ที่คิดว่านี่เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นของเมลเทอร์ ขณะที่บางคนคิดว่ามันเป็นความจริง แต่ก็พูดเกินจริงไปหน่อย

ด้วยพรสวรรค์ในการดึงดูดผู้คนของเคิร์ทที่3 บรรยากาศภายในห้องจัดงานเลี้ยงจึงร้อนขึ้น

“โปรดอวยพรให้พวกเรา!โปรดยินดี!อย่าลังเลที่จะดื่มให้กับพวกเขา!”

ทันใดนั้นจำนวนของแสงไฟก็ได้เพิ่มขึ้น ทิศทางของแสงเล็งไปทางด้านซ้ายของแท่นและดวงตาทุกดวงก็ได้เลื่อนไปทางนั้น

....เป็นอีกครั้ง ที่โลกเงียบ

ไม่มีใครสามารถเปล่งเสียงออกมาได้ ริมฝีปากของพวกเขาแยกออกจากัน แต่ไร้ซึ่งเสียง ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างขึ้นจนถึงขีดจำกัด ขณะที่พวกเขาพยายามสลักภาพอัศจรรย์ตรงหน้าพวกเขาเข้าไปในจิตใจของพวกเขา

ปฏิกิริยาของทุกคนที่เห็นเอลโลน่านั้นเหมือนกัน แสงไฟที่สาดส่องไปยังใบหน้าที่สวยงาม ไร้เครื่องประทินโฉม ความงามที่ไม่น่าจะมีอยู่ในโลกใบนี้

‘ทึ่ง....เอาละ ฉันเข้าใจในปฏิกิริยาของพวกเขาดี’ธีโอดอร์ ผู้ที่ถูกลืมโดยทุกคน โดบเอลโลน่าที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา

ขนตาเงางามที่ดูราวกับน้ำค้างจะก่อตัวขึ้นบนนั้น ผิวที่ขาวเปล่งประกายราวกับจะปล่อยแสงแดดออกมา ผมที่ราวกับกลีบดอกไม้.....ไม่ใช่ว่าเธอคือเทพธิดาแห่งป่างั้นหรอ?

ธีโอดอร์และเอลโลน่ากำลังจับมือกันอยู่ แต่แหมือนว่าเธอสามารถหายตัวไปที่ไหนสักแห่งได้ ธีโอดอร์เปิดปากของเขาขึ้นโดยไม่ตั้งใจและพูดว่า “เอลโลน่า”

“ค่ะ ธีโอดอร์”เธอไม่ได้มองย้อนกลับไป แต่ยิ้มออกมาอย่างสดใสขณะที่เธอตอบเขา

“ถ้าเธอไม่ว่าอะไร ฉันอยากจะถามเธอเรื่องหนึ่ง”

“อื้ม เธอสามารถถามฉันได้ทุกเรื่อง”

“…เธอพบคู่ครองของเธอแล้วงั้นหรอ?”

เขาเคยได้ยินมาจากปากของเอลโลน่า เอลฟ์ชั้นสูงสามารถตัดสินใจที่จะเป็นหญิงหรือชาย ขึ้นอยู่กับเพศของคู่ครอง ครั้งสุดท้ายที่เขาเห็นเธอยังคงเป็นกลางอยู่

อย่างไรก็ตาม ธีโอดอร์จำได้ มือของเอลโลน่าที่ให้ความรู้สึกเบาบางเมื่อตอนที่พวกเขาอยู่บนต้นไม้โลก

.....จะเกิดอะไรหากเขาไม่ได้เข้าใจผิด?

“ใช่”คำตอบของเอลโลน่านั้นชัดเจน เธอเป็นหญิงสาวแล้ว

เขายังคงเหลืออีกคำถามหนึ่ง ไม่สิ ธีโอดอร์รู้แล้ว-

“เขาอยู่ตรงหน้าฉันแล้ว”

เธอหันหน้าไปจากฝูงชน ดวงตาของเอลโลน่าส่องประกายขณะที่เธอเผชิญหน้ากับธีโอดอร์

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด