ตอนที่แล้วบทที่ 6 : ทักษะการจารึก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 8 : เด็กสาวเค่อเอ่อ

บทที่ 7 : การต่อสู้ของผู้มีอำนาจ ที่เหนือกว่า


ราคาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่ฝูงชนที่เข้ามาเสนอราคามากขึ้น ทำให้มีผู้ที่สนใจเดินเข้ามาดูเป็นจำนวนมาก

ก่อนที่เด็กผู้หญิงคนนี้ จะเงยหน้าขึ้น แทบไม่มีใครสนใจนางเลย ...มีเพียงเด็กหนุ่มใจดีเท่านั้น ที่เต็มใจมอบเหรียญเงิน 10 เหรียญ เพื่อให้นางนำไปฝังท่านแม่ของนาง

อย่างไรก็ตาม เมื่อเด็กผู้หญิง เผยใบหน้าที่สวยงามของนาง บรรดาบุรุษที่เดิมที่ไม่เต็มใจที่จะเสนอเงินใดๆ แต่ตอนนี้กลับกำลังต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่งเพื่อนาง

" ข้าเสนอ 100 เหรียญเงิน! " เจ้าอ้วนเสนอราคาอย่างรวดเร็ว และต่อมาเขาตะโกนว่า

" ถ้ามีผู้ใดเสนอราคาสูงกว่าข้า ข้าจะยอมแพ้! แต่ถ้าไม่มีผู้ใดเสนอราคา วันนี้สาวน้อยนางนี้ จะเป็นของข้า! "

เงิน 100 เหรียญเงิน! คนที่ประมูลต่างปิดปากของพวกเขา เหรียญเงิน 100 เหรียญ อยู่เหนือความต้องการของพวกเขา พวกเขาคิดว่าหากต้องเสียเงินมากกว่า 100 เหรียญเงิน เพื่อแลกกับเด็กสาวนางนี้ ย่อมไม่คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป

" ขอบใจทุกๆท่าน ขอบใจมาก " ใบหน้าของเจ้าอ้วนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขายกมือให้คนรอบข้าง ขณะที่เขาพอใจกับผลการแข่งขัน

" จากนี้ไปเจ้าต้องติดตามข้า "

เขามองไปที่เด็กผู้หญิง ที่คุกเข่า ทันใดนั้นมีเสียงเล็กๆ ดังขึ้น " ข้าเสนอ 200 เหรียญเงิน! "

ฝูงชนเปิดทางเดินทันที จากนั้นมีชายหนุ่ม สวมชุดผ้าไหมเดินตรงเข้ามา เขามีรูปร่างผอม เขาก้าวเดินอย่าเชื่องช้า

" ฟางเจี้ยน ? "

หลิงเทียนจดจำเด็กหนุ่มเสเพลคนนี้ได้ทันที เขาเป็นบุตรชายของท่านประมุขของตระกูลฟางแห่ง เมืองวายุโปรย

แม้เขามีอายุเพียง 15 ปี แต่เขาได้นำความหายนะมาสู่เหล่าคุณหนูผู้สูงศักดิ์จำนวนมากมาย ชื่อเสียงของเขาอื้อฉาวไปทั่วเมืองวายุโปรย ถ้าไม่ใช่เพราะสถานะและตัวตนของเขา เขาจะต้องถูกประหารชีวิตไปนานแล้ว!

" คนต่ำทรามเช่นเจ้า มีความสามารถในการเสนอเงิน 200 เหรียญ ? " เจ้าอ้วนรู้สึก

มึนงง ขณะที่เขามองไปที่ฟางเจี้ยน ด้วยสายตาที่รังเกียจ

เขาไม่ได้สังเกตว่า เมื่อฟางเจี้ยนปรากฏตัวขึ้น คนรอบข้างส่วนใหญ่ก็แสดงออกถึงความกลัวบนใบหน้าของพวกเขา

" เจ้าไม่ได้มาจาก เมืองวายุโปรย ใช่หรือไม่ ? " ฟางเจี้ยนเหลือบไปที่เจ้าอ้วน และพูดอย่างเย็นชา

" ฮึ! ข้าเป็นพ่อค้าจากภายนอก ข้าเดินทางมาแล้วทั่วทุกทวีป อย่าคิดว่าข้าไม่ได้สังเกตเห็นว่าเจ้าสวมชุดผ้าไหม แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าขโมยมาจากที่ใด! ตั้งแต่ข้าได้เห็นรูปร่างที่อ่อนแอของเจ้า ข้าว่าเจ้าน่าจะเป็นขอทานซะมากกว่าจะเป็นคุณชายที่สูงศักดิ์ ข้าคาดว่าเจ้าจะมีเงินไม่ถึงห้าเหรียญเงินใช่หรือมั้ย ? "

เจ้าอ้วน กล่าววาจาดูหมิ่นไปยังฟางเจี้ยน พร้อมกับพูดว่า " ข้ามองเจ้าออกถึงเพียงนี้ แล้วเจ้ายังมิรีบไสหัวไปอีก "

“หุหุหุ!”

ต๋วนหลิงเทียนไม่สามารถระงับเสียงหัวเราะของเขาได้ และใบหน้าของคนรอบข้างต่างแดงก่ำ พวกเขาพยายามระงับเสียงหัวเราะของพวกเขา พวกเขากลัวฟางเจี้ยน และไม่กล้าหัวเราะออกมา

" เจ้า ต้องตาย!"

ฟางเจี้ยน โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ หลิงเทียนมองไปที่เจ้าอ้วน และสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

ในขณะที่เจ้าอ้วนยังอยู่ในความงุนงง ฟางเจี้ยนตะโกนทันทีว่า " เจ้าพวกเลี้ยงเสียข้าวสุก เจ้ายังยืนโง่งมอยู่ที่นี่ เพื่ออะไร ? รีบออกมาเดี๋ยวนี้ ทุบตีเจ้าอ้วนนี้ให้ตาย! เจ้าช่างบังอาจนัก ไม่รู้ว่าข้าคือใคร ข้า ฟางเจี้ยน เมืองวายุโปรยนี้ เป็นของข้า! "

" ขอรับ นายน้อย ! "

ชายหนุ่มที่มีอายุใกล้เคียงกับฟางเจี้ยนเดินออกมา และล้อมรอบเจ้าอ้วน

< ฟางเจี้ยน ? เขาคือฟางเจี้ยนอย่างงั้นหรือ ? > เจ้าอ้วนตกตะลึง

แม้ว่าเขาจะเพิ่งมาถึงเมืองวายุโปรย ได้ไม่กี่วัน แต่เขาย่อมเคยได้ยินผู้คนในเมืองวายุโปรย กล่าวถึงบุคคลที่ไม่ควรไปตอแยด้วย และหนึ่งในนั้นคือ นายน้อยฟางเจี้ยน

ฟางเจี้ยนเป็นนักสู้หนุ่มที่น่าอับอายของเมืองวายุโปรย เขาล้วนอาศัยอำนาจของตระกูลเขาเพื่อข่มขู่บุรุษ และบังคับหญิงสาว ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะยุ่งเกี่ยวกับเขา

"โอ้ ... โอ้ ท่านคือนายน้อยฟาง ข้าน้อยผู้นี้ช่างตาบอด และไม่รู้จักท่าน นายน้อยฟางเจี้ยน โปรดอภัยในความผิดของข้า ข้าขอยอมแพ้ให้กับนายน้อยฟาง"

ใบหน้าเจ้าอ้วนบิดเบี้ยว และเขาอาจไม่สามารถแสดงออกถึงความร่างเริ่งเหมือนก่อนได้ เหงื่อเย็นไหลลงจากหน้าผากของเขา และแม้แต่เสียงของเขาก็เต็มไปด้วยเคารพ ยำเกรง

ฟางเจี้ยนโกรธแค้นมาก เขาตะโกนว่า " ตอนนี้มันสายไปที่จะร้องขอความเมตตา ลงมือทุบตีเขาให้กับข้า เดี๋ยวนี้! "

"เมตตาด้วย นายน้อยฟาง เมตตาข้าด้วย "

ชายหนุ่มทั้ง 3 คน ลงมือทุบตีเจ้าอ้วน จนกระทั่ง เขาพยายามวิ่งหนีไปรอบๆบริเวณ และส่งเสียงร้องขอความเมตตา

ฝูงชนถอยห่างออกไปสองสามก้าว พวกเขาต่างยืนมองจากระยะไกล พวกเขากลัวว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก เนื่องจากความโชคร้ายของเจ้าอ้วน และนายน้อยฟางเจี้ยนจะมุ่งเป้ามาที่พวกเขาด้วย

ฟางเจี้ยนทำราวกับว่าเขาไม่ได้ยินเสียงร้องของความเมตตา

" สาวน้อยผู้งดงาม ตอนนี้เจ้าตามนายน้อยผู้นี้ไปยังบ้านของข้า ข้าจะมอบเงินให้เจ้า

200 เหรียญเงิน และจัดพิธีศพให้มารดาเจ้าอย่างดี จากนี้ไป ถ้าเจ้าติดตามข้า ข้าจะรักและดูแลเจ้าเป็นอย่างดี "

ฟางเจี้ยนมองไปที่เด็กสาวที่คุกเข่าอยู่บนพื้น ใบหน้าของเขาปกคลุมไปด้วยความกระตือรือร้นและความปรารถนาต่อรูปโฉมของนาง เขายื่นมือออกเพื่อต้องการจะสัมผัสนาง ...

เด็กหญิงคนนั้นก็ลุกลี้ลุกลน นางพยายามที่จะลุกขึ้นยืน แต่ผลพวงของการคุกเข่าเป็นเวลานาน ทำให้เลือดไม่ไหลเวียนไปยังขาของนาง และขาทั้งสองข้างของนางเริ่มสั่นเทา

" นายน้อยฟาง นายน้อยท่านนี้ได้จ่ายเงิน 10 เหรียญ เพื่อซื้อตัวข้าแล้ว ข้าเป็นของเขาแล้ว ชั่วชีวิตนี้" เด็กหญิงพยายามซ่อนตัวอยู่ข้างหลัง หลิงเทียน และพูดด้วยเสียงที่สั่นๆ

"10 เหรียญเงิน ? เจ้าได้ยินไหมว่าข้าเสนอเหรียญเงินถึง 200 เหรียญเงิน? " ใบหน้าของฟางเจี้ยนจมดิ่งลง เขารู้สึกราวกับว่าเขากำลังถูกโกง

" ข้า... ข้าไม่เคยขอให้ใครเสนอราคา ผู้ที่เต็มใจจะช่วยเหลือค่าทำศพ ของท่านแม่ข้า

เป็นคนแรก เขาจะยินยอมทำตามคนผู้นั้น " เด็กสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่ยินยอม

ไม่เลว ไม่เลว นางมีความซื่อสัตย์ เขาชอบมัน! อย่างไรก็ตามแม้ว่านางจะต้องทำตามที่เขาสั่ง เขาก็ไม่กล้าที่จะ ... เด็กผู้หญิงคนนี้กำลังพูดถึงเรื่องอะไร ?

ฟางเจี้ยนมองไปทางหลิงเทียน ดวงตาของเขาแวงไปด้วยความอำมหิต และการขมขู่ แม้ว่าหลิงเทียนจะรู้จักฟางเจี้ยน แต่ฟางเจี้ยนไม่รู้จักเขา

" นายน้อย ท่านช่วยข้าด้วย "

เด็กผู้หญิง คว้าแขนของหลิงเทียนแน่น ราวกับว่านางกำลังจับเสื้อชูชีพในขณะที่เรือกำลังจะล่ม

นางได้ยินมานานเกี่ยวกับเรื่องอื้อฉาวของฟางเจี้ยน แห่งเมืองวายุโปรย และนางก็กลัวเขาจากส่วนลึกของจิตใจ นางยอมตายดีกว่าที่จะเป็นคนรับใช้ของฟางเจี้ยน!

" ไม่ต้องห่วง " หลิงเทียนตบเบาๆ ที่หลังมือของนาง และปลอบโยนนางด้วยรอยยิ้ม

รอยยิ้มของเขาเป็นเหมือนสายลมในฤดูใบไม้ผลิ ความรู้สึกวิตกกังวลของเด็กผู้หญิงตัวน้อยค่อยๆ ลดลง

"นายน้อยฟาง ข้าขอโทษ"

ร่างกายของเจ้าอ้วนเต็มไปด้วยเลือด

" ปล่อยมันไป แล้วมาทางนี้ มีใครบางคนกำลังจะแย่งชิงผู้หญิงคนนี้ไปจากข้า!" ฟางเจี้ยนเหลือบมองหลิงเทียนด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย

" ใครบังอาจ มาแย่งชิงผู้หญิงของนายน้อยฟาง!"

ลูกน้องทั้งสามคนของฟางเจี้ยนจ้องไปที่หลิงเทียนด้วยสายตาข่มขู่

“เข้ามา !”

เสียงของหลิงเทียนนั้นเยือกเย็นราวกับว่าดังออกมาจากนรก ทำให้ผู้คนที่ได้ยินต่างก็รู้สึกหวาดผวา

ฟางเจี้ยน และลูกน้องทั้งสามคนของเขาต่างมึนงง แม้แต่ฝูงชนรอบข้างก็ตกตะลึงกับพูดของเขา

ผู้ชายหนุ่มผู้นี้มาจากไหน?

" เด็กน้อย เจ้ารู้ไหมว่าข้าเป็นใคร?"

ฟางเจี้ยนถามด้วยรอยยิ้มอันเยือกเย็น เขาก็รู้สึกสงสัยว่าเด็กคนนี้จะรู้ไหมว่าเขาเป็นใคร ...

" เจ้าไม่ใช่เด็กไร้ค่าแห่งตระกูลฟาง ? เจ้าใช้อำนาจของตระกูลเพื่อข่มขู่ผู้ชายและบังคับผู้หญิง... ข้าประหลาดใจจริงๆ ว่าตระกูลฟางไม่มีผู้ใดอีกแล้วหรือ ถึงได้มีแต่เจ้า"

หลิงเทียนหัวเราะอย่างเยือกเย็น ขณะที่เขาสัมผัสมือของเด็กหญิงอย่างอ่อนโยน ขณะที่เขาเดินออกจากฝูงชน

" ฆ่ามัน! " ใบหน้าของฟางเจี้ยนกลายเป็นสีแดง และเขาตะโกนด้วยความโกรธ

" ขอรับ นายน้อย! " ทั้งสามคนก็รีบพุ่งเข้าไปหา หลิงเทียน

" ยื่นอยู่ที่นี่ อย่าขยับไปไหน" เขาบอกเด็กหญิงอย่างอ่อนโยน หลิงเทียนไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของความกลัว เมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับลูกน้องทั้งสามคน เขายืนประจันหน้ากับพวกเขา ซึ่งๆ หน้า

เขาได้สังเกตเห็นก่อนหน้านี้แล้วว่าการบ่มเพาะที่แข็งแกร่งที่สุดของทั้งสามคนนั้นอยู่ในขั้นที่สองของขั้นตอนการบ่มเพาะ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เป็นภัยคุกคามแม้แต่น้อย!

ขาของหลิงเทียนขยับเล็กน้อย เขาหลบการโจมตีจากผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาพวกเขา ขณะที่เขาพุ่งผ่านไปได้อย่างราบรื่น

เขาหมุนร่างกายไปรอบๆ อย่างคล่องแคล่ว ร่างกายส่วนบนของเขาเอียงไปข้างหลัง ขณะที่แขนของเขาก็โน้มไปข้างหลัง กระดูกสันหลังของเขาสั่น ร่างกายของเขาโน้มเหมือนคันธนูขนาดใหญ่ ที่กำลังโน้มจนถึงขีดจำกัด และรอที่จะปลดปล่อยพลัง

หมัดพสุธา!

หลิงเทียนเหวี่ยงกำปั้นออกมาเหมือนลูกศรที่พุ่งออกจากธนู และหมัดของเขาก็พุ่งออกไป พลังในร่างกายทั้งหมดของเขาถูกรวบรวมไปที่หมัดของเขา และมันระเบิดออกไปด้านหน้า ...

ปัง !

เขาร้องอย่างทุกทรมาน และโหยหวน ขณะที่ถูกโยนพาออกไปอย่างรุนแรง จากนั้นเขาล้มลงกับพื้น

ฉากนี้เป็นฉากเดียวกับฉากในยามเช้า เมื่อหลี่ซิน พ่ายแพ้ให้กับหลิงเทียน

ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือ หลิงเทียนออกมือให้กับหลี่ซิน เขาลงมือทำลายแขนเพียงข้างเดียว

อย่างไรก็ตามครั้งนี้ เขาหักกระดูกสันหลังของฝ่ายตรงข้าม ลูกน้องของฟางเจี้ยนจะไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้อีกตลอดชีวิตของเขา

ใบหน้าของอีกสองคนที่เหลือบิดเบี้ยว พวกเขายังคงรู้สึกงุนงง หลังจากเห็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขาถูกทำร้ายอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตามแม้ว่าพวกเขาจะสังเกตเห็นความโหดร้ายของหลิงเทียน พวกเขาก็ยังฝืนตัวเองเข้าไปต่อสู้กับเขา

ปัง ปัง

สำหรับหลิงเทียนแล้ว การสอนบทเรียนให้กับผู้ที่อยู่ในขั้นตอนการบ่มเพาะระดับแรกจำนวน 2 คนเป็นเรื่องง่ายเหมือนกับการเล่นเกม

เขาขยับมือขึ้นเล็กน้อย เขายกมือขึ้นแล้วเหวี่ยงหมัดออกไปด้านบน หมัดของเขาโจมตีเข้าที่หัวของทั้งสองคน และทำให้พวกเขาหมดสติทันที

หมัดผ่าปฐพี! เป็นหมัดอีกรูปแบบหนึ่งในเพลงหมัดเบญจธาตุ จากรูปแบบการต่อสู้ของทักษะเพลงมวย

เหลือเพียงฟางเจี้ยนเท่านั้นที่ยืนอยู่ แม้ว่าฟางเจี้ยนจะเป็นบุตรชายของท่านประมุขตระกูลฟาง แต่การใช้ชีวิตที่เสเพลของเขา ทำให้เขาอยู่ในระดับแรกของขั้นตอนการบ่มเพาะเท่านั้น พและลังของเขายังด้อยกว่าลูกน้องทั้งสามคน

" เจ้า อย่าเข้ามาใกล้ข้า ข้าคือนายน้อยของตระกูลฟาง ถ้าเจ้ากล้าแตะต้องข้า ครอบครัวของเจ้าจะตาย! "

เมื่อสังเกตเห็นหลิงเทียนยังคงเดินเข้ามาหาเขา ใบหน้าฟางเจี้ยนบิดเบี้ยวลงทันที

" สมควรแล้วที่เรียกเจ้าว่านายน้อยฟาง! แม้แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เจ้าก็ยังกล้าที่จะข่มขู่ข้า! " หลิงเทียนหัวเราะอย่างเย็นชา เขาเดินไปด้านหน้าสองก้าว และเตะฟางเจี้ยนออกไป

จากนั้นเขาหมุนตัวกลับไป ดึงมือเด็กผู้หญิงให้เดินตาม และเขาเดินหายไปสุดถนน

" ดูเหมือนว่าคราวนี้นายน้อยฟาง พบกับคนที่โหดร้าย เขาเดินไปหาผ้าขนสัตว์ แต่ต้องกลับบ้านไปตัดขนแกะ! "

" ข้าสงสัยว่าชายหนุ่มผู้นั้นคือใคร ? ดูเหมือนว่าเขาจะอยู่ในวัยเดียวกับฟางเจี้ยน และลูกน้องของเขา แต่ความแข็งแกร่งของเขาช่างน่าตกตะลึงยิ่งนัก "

" เขากล้าที่จะเอาชนะนายน้อยของตระกูลฟาง ... เขาย่อมไม่ใช่คนธรรมดาแน่ ๆ "

ฝูงชนต่างแยกย้ายกันไปอย่างช้าๆ การสนทนาของพวกเขาบ่งบอกถึงความสุขที่เกิดขึ้นจากความโชคร้ายของฟางเจี้ยน

หลิงเทียน ตามเด็กผู้หญิงกลับไปยังบ้านของนาง และใช้เหรียญเงินสองสามเหรียญในการจ้างคนมาทำพิธีฝังศพของมารดานาง

" ใช้เงินจำนวนนี้ เพื่อเริ่มต้นการค้าเล็กๆ " หลิงเทียนมอบเหรียญเงินที่เหลืออยู่ให้กับเด็กผู้หญิง

" นายน้อย ท่านไม่ต้องการข้า ? " ร่างกายของเด็กผู้หญิงสั่น ใบหน้าของนางซีด และมีร่องรอยแห่งความกังวล

หลิงเทียนส่ายหัว

" เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ เจ้าเพียงแต่พยายามขายตัวเองเพื่อจ่ายค่าทำศพของแม่ เพราะเจ้าไม่มีทางเลือกอื่น ความช่วยเหลือของข้านั้นลำบากเพียงแค่ยกมือ เจ้าไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตเพื่อชำระหนี้ให้ข้า"

ตั้งแต่เริ่มแรกเขาไม่เคยตั้งใจให้เด็กหญิงคนนี้เป็นคนรับใช้ของเขา

" ท่านเป็นคนดี ให้ข้าทำตามที่ข้าต้องการเถอะ ได้โปรด ท่านแม่ตายแล้ว และข้าไม่เหลือใครในโลกนี้แล้ว ” เด็กผู้หญิง ยื่นมือของนางและคว้าแขนหลิงเทียนไว้ ขณะที่นางกล่าว

เขาสังเกตเห็นความหมายในดวงตาของนาง หลิงเทียนใช้เวลาสักครู่เพื่อคิด ...

" ตกลง เจ้าสามารถตามข้ากลับไปที่บ้าน" เขาตัดสินใจ

"ขอบคุณนายน้อย!" สาวน้อยยิ้มอย่างอ่อนหวาน

หลิงเทียนออกออกจากบ้านมาคนเดียว แต่ตอนกลับเขามีเด็กผู้หญิงกลับไปพร้อมกับเขา

ระหว่างทางกลับ ด้วยรูปโฉมที่งดงามของนาง ทำให้สมาชิกของตระกูลหลี่จำนวนมากหันไปมองนาง และพวกเขาก็เริ่มคาดเดาถึงตัวตนของเด็กผู้หญิง และความสัมพันธ์ระหว่างนางกับหลิงเทียน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด