ตอนที่แล้วบทที่ 6 นักชิมอาหาร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 8 ตู้ยา

บทที่ 7 ยาเร้ากำหนัด


ในเพจถึงตอนที่10นะครับ อย่าลืมมากด like ให้กำลังใจผู้แปลด้วยนะครับ

สารบัญ : https://goo.gl/R83Hq6

.

.

นางกำนัลทั้งสี่เป็นคนที่ขยันมากๆ

ถึงแม้ว่าวังหยกจะไม่ไห้ใหญ่มาก สี่คนเดินไปเดินมาแบบไม่ว่างเลยได้ ถึงแม้ว่าคนใช้ที่ทำงานเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยตรงจะเข้ามาด้วย แต่ส่วนใหญ่นางกำนังทั้งสี่ก็ทำความสะอาดภายในทั้งหมด นางกำนัลเก่าก็แบ่งงานกันเองทั้งหมดแล้ว

แต่ งานเดียวที่เหลือสำหรับคนมาใหม่อย่างมาวมาวคือกิน

เธอไม่รู้เลยว่าพวกเขารู้สึกผิดที่ทำให้เธอต้องทำงานที่แย่ที่สุดนี้ และพวกนางก็ไม่อยากให้บุกรุกอาณาบริเวณของพวกนางด้วย แต่นางกำนัลทุกคนยกเว้นฮงเหนียนก็ไม่ได้ให้เธอทำอะไรสักอย่างเลย แถมยังส่งให้เธอออกมาอย่างสุภาพว่า “ไม่เป็นไร” ทุกครั้งที่เธอเข้ามาเพื่อจะช่วยด้วย

(ใจเย็นๆ ไม่ไหวแล้ว)

เธอถูกส่งเข้าไปในห้องเล็กๆ ของเธอ ถูกเรียกสองครั้งในเวลาอาหารเช้า กลางวันและพิธีดื่มชา สองวันนี้เธอได้กินอาหารบำรุงร่างกายของจักรพรรดิเพราะจักรพรรดิเสด็จมาด้วย แล้วนานๆ ทีหงเหนียนก็จะมอบหมายงานให้เธอ แต่งานที่ได้ทั้งหมดก็เสร็จอย่างง่ายๆ และรวดเร็ว

(อะไรกันเนี่ย งานกินและนอนงั้นเหรอ)

นอกจากงานตรวจยาพิษแล้ว อาหารก็เยอะแยะกว่าแต่ก่อนมาก ขนมหวานทีเหลือจากพิธีดื่มชาก็ถูกส่งมาให้เหมาเหมาหมด

เธอไม่ได้ทำงานหนักเหมือนมด ดังนั้น อาหารเท่านั้นคงทำให้เธอกลายเป็นเนื้อแน่ๆ

(รู้สึกหมือนกลายเป็นปศุสัตว์แล้วเลย)

พอกลายเป็นนักชิมตรวจยาพิษไปแล้วนั้น ก็มีสิ่งที่มาวมาสรู้สึกไม่เหมาะสมก็มีอบ่างหนึ่ง

เพราะมาวมาวนั้นเป็นคนที่ผอมมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว มันจึงยากที่จะรู้ได้ว่าเธออยู่กับยาพิษแล้วหรือเปล่า

นอกจากนั้นแล้ว ยาพิษจะออกฤทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพก็ขึ้นอยู่กับโดสด้วย เราจะมีโอกาสรอดชีวิตได้มากกว่าถ้าเราอ้วน

ไม่ใช่ว่ามาสมาสไม่รู้ว่ายาพิษนั้นส่งผลต่อความผอมของเธอเท่าไหร่ เธอมั่นใจว่าเธอสามารถจะมีชีวิตรอดต่อยาพิษในปริมาณที่ตายได้ ถึงแม้ว่ามันจะดูไม่เป็นจริงสำหรับคนที่อยู่รอบๆ เธอ

นางกำนัลสามที่สงสารมาวมาว ดูเด็กด้วยความเตี้ยและผอม ดูเหมือนอะไรที่ใช้แล้วทิ้งได้

พวกนางชอบส่งข้าวต้มจานสองให้เธอในขณะที่เธออิ่มแล้ว เธอมักได้รับข้าวหลายจานมากกว่าคนอื่น

(คิดถึงพี่สาวที่หอโคมแดงเลย)

ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิงที่เงียบๆ ไม่สังคม ขาดเสน่ห์อันไร้เดียงสา แต่ทำไมถึงได้รับความรักจากเหล่าโสเภณีมากนัก ทุกครั้งที่มีโอกาส พวกนางจะทั้งให้ขนม ให้อาหาร

—อย่างไรก็ตาม ที่มาวมาสไม่รู้คือมันมีเหตุผล

แขนซ้ายของมาวมาวนั้นเต็มไปด้วยแผลเป็น

ทั้งรอยบาด แทง รอยไหม้ แผลเป็นจากการถูกแทงด้วยเข็ม

เธอทั้งเตี้ย ผอมเกินไป อีกทั้งยังมีแผลเป็นนับไม่ถ้วนอีกด้วย

แขนของเธอถูกพันบ่อยครั้ง แถมยังหน้าซีดและสลบบ่อยๆ ด้วย

ถึงแม้ว่าเด็กสาวจะเงียบๆ และไม่เข้าสังคม แต่เพราะว่าการปฏิบัติที่เธอได้รับทำให้ทุกคนซาบซึ้งไปด้วยน้ำตา

ทุกคนคิดว่าเธอถูกรังแกด้วยความรุนแรง แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่

มาวมาวทดลองทุกอย่างบนตัวของเธอเอง

เพื่อที่จะศึกษาผลกระทบของขี้ผึ้งและยาที่จะหยุดการอักเสบ เพื่อที่จะได้รับภูมิต้านทานพิษ เธอค่อยๆ นำมันเข้าสู่ร่างกายบ่อยๆ บางทีเธอก็ให้งูพิษกัดตัวเอง จนบางครั้งเธอได้รับปริมาณที่มากเกินจนทำให้สลบ

ผลก็คือแผลเป็นเหล่านี้อยู่ข้างซ้ายทั้งหมด

ไม่ใช่ว่าเธอเป็นมาโซ ชอบทำร้ายตัวเอง เธอแค่รู้สึกดีกับความปรารถนาที่จะเก่งกาจมากเกินกว่าเด็กสาวปกติทั่วไป

คนที่มีปัญหากับการที่มีลูกแบบนี้ที่สุดคือพ่อของเธอ

การที่อาศัยอยู่ในบริเวณหอโคมแดง เขาจึงสอนลูกสาวของตนเกี่ยวกับความรู้ทางการแพทย์และการเขียน ทำให้เธอมีทางเดินในชีวิตอื่นนอกจากเป็นโสเภนี

เขาเข้าใจแรงจูงใจของเธอ และเขาตำหนิเธอบ่อยๆ ด้วย

เขาไม่คิดเลยว่าลูกสาวอายุเท่านี้ของเขาจะทำร้ายตัวเองเพื่อการทดลองซ้ำๆ แบบนี้

ดังนั้น ทุกคนเลยคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่น่าสงสาร ถูกพ่อแม่ทำร้าย ถูกขายมาสู่วังในมาและกลายเป็นนักตรวจสอบยาพิษที่แสนอันตราย

ทุกคนไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง—

(แบบนี้ฉันต้องกลายเป็นหมูแน่ๆ )

ขณะที่กำลังคิดแบบนี้ สิ่งเหมาเหมากลัวก็ได้ปรากฎขึ้น

เด็กหนุ่มหน้าตาหล่อแบบแปลกๆ ยิ้มอย่างเทพบุตร

นางกำนัลแต่งตัวและเตรียมชาให้ผู้มาเยือนนี้

มีเสียงดังมาจากกำแพงอีกฝั่งหนึ่งว่าใครจะเป็นคนเตรียมชานี้

ฮงเหนียนจะเตรียมชาด้วยตัวเองอย่างน่าประหลาดใจ และสังให้อีกสามคนกลับห้องของตนไป

ผู้ตรวจพิษอาหารมาวมาวจับถ้วยชาและดมกลิ่น และอมมันไว้ในปาก

เธอพยายามที่จะเลี่ยงสายตาของจินชิ ที่จ้องเธออย่างมีวัตถุประสงค์มาได้สักพักแล้ว เธอชำเลืองไปมองแต่พยายามจะไม่สบตาเขา

ถ้าเป็นนางกำนัลเด็กๆ คนอื่นละก็แค่มองหนุ่มหน้าตาดี ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นขันทีแต่มันก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไร แต่ไม่ใช่สำหรับมาวมาวที่วาดเส้น ถึงแม้ว่าเธอจะชื่นชมรอยยิ้มดั่งเทพธิดาของเขา เพราะนอกจากความสนใจอันนั้นแล้ว มันมีความแตกต่างระหว่าพวกเขามาเกินไป

“ฉันได้เจ้านี้มา เธอช่วยชิมมันหน่อยได้ไหม?”

ในตะกร้ามีซาลาเปา มาวมาวหยิบมาหนึ่งก้อน ฉีกมันออกจากกัน

ไส้มันคือเนื้อสับกับผัก

ดมแล้วพบว่ามันมีกลิ่นยา

กลิ่นมันเหมือนกับที่เธอกินเมื่อวันก่อน

“มันมียากระตุ้นกำหนัดน่ะ”

“เธอยังไม่ได้ลองชิมมันเลยนี่”

“แต่มันก็ไม่ได้อันตรายต่อสุขภาพหรอกนะ เอากลับไปเถอะ กินได้”

“ไม่ละ พอคิดถึงคนที่ให้ฉันมาแล้ว ก็ไม่อยากจะกินเลย”

“แล้วก็ เธอก็อาจจะเจอผู้มาเยือนเย็นนี้ด้วยนะ”

จินชิไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรใส่มาวมาวที่พูดอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไร ปฏิกิริยาของเขาแตกต่างจากที่เธอคาดไว้ เขาพยายามจะให้เธอกินซาลาเปาทั้งๆ ที่รู้ว่ามันผสมยากระตุ้นกำหนักไว้ เขาสมควรที่จะดูเหมือนแมลงบางอย่าง**

อย่างไรก็ตาม เขาเธอก็สงสัยว่าเขาไปได้

พระสนมเกียคุโยหัวเราะ เสียงของเธอฟังเหมือนกระดิ่ง เสียงหลับของเจ้าหญิงเชารินตามไป

มาวมาวก้มหัวลงและออกจากห้องรับแขกไป

“รอก่อน”

“มีอะไรจะให้รับใช้เหรอคะ?”

จินชิและพระสนมเกียคุโยมองหน้ากัน พยักหน้า แปลว่าพวกเขาได้เรื่องจากการสนทนามาก่อนที่มาวมาวจะมาแล้ว

“เธอทำยาปรุงกำหนัดได้ไหม”

ในตอนแรก นัยน์ตาของมาวมาวลุกวาวไปด้วยความตื่นเต้นและความฉงนสงสัย

ถึงแม้ว่าเธอจะยังไม่รู้ว่าพวกเขาใช้อะไรทำยา มาวมาวมีความสุขมากเกินไปสำหรับการเตรียมการนี้

มาวมาวพยายามกลั้นยิ้ม พูดออกมาว่า

“ถ้าฉันมีเวลา วัตถุดิบ และอุปกรณ์ละก็นะ”

แค่มีของพวกนี้ละก็ทำได้แน่ละ

*ว่าด้วยยาเสน่ห์ ยาปรุงกำหนัด ภาษาญี่ปุ่นใช้คำว่า 媚薬 -> aprodisiac -> ยากระตุ้งอารมณ์ทางเพศ ยาปรุงกำหนัด ส่วนภาษาอังกฤษใช้คำว่า love potion

**คนแปลเองก็ไม่ค่อยเข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร

ใครรู้ขอมูลแน่นๆ คอนเม้นได้นะ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด