ตอนที่แล้วเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 23 การเลี้ยงดูวิญญาณก็เหมือนกับการเอาใจหญิงสาว (อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 25 ท้องฟ้าที่สดใสในฤดูใบไม้ผลิ (อ่านฟรี)

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 24 ผู้ใช้วิญญาณสายต่อสู้ระยะประชิด (อ่านฟรี)


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 24 ผู้ใช้วิญญาณสายต่อสู้ระยะประชิด 

แปลโดย iPAT 

สามวันต่อมา

“ลดร่างกายของพวกเจ้าลงต่ำเพื่อหลบหมัด เมื่อศัตรูของพวกเจ้าโจมตีเข้ามา จงหลบลงไปด้านล่างอย่างรวดเร็วและโจมตีสวนกลับไปที่เป้ากางเกงหรือหน้าท้อง อย่ากลัวการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม โดยปกติแล้วเมื่อพวกเขาชกหมัดขวาออกมา มันจะเกิดช่องว่างขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมันเป็นการโจมตีครั้งแรก ด้วยความยโสของคนส่วนใหญ่ พวกเขาจะไม่คิดเรื่องการป้องกัน”

ในชั่วโมงเรียนศิลปะการต่อสู้ อาจารย์ผู้ฝึกสอนของสถานศึกษากล่าวพร้อมกับแสดงตัวอย่างให้ศิษย์ของเขาดู หุ่นไม้ตัวแรกส่งหมัดขวาออกมาขณะที่อาจารย์หลบลงไปด้านลงก่อนจะส่งหมัดต่อยไปยังหน้าท้องของหุ่นไม้และมอบความพ่ายแพ้ให้กับมันในทันที

กลุ่มเด็กหนุ่มสาวนั่งชมการสาธิตอยู่บนพื้น แต่พวกเขาส่วนใหญ่กลับไม่ให้ความสนใจมากนัก

สถานศึกษามีวิชาหลากหลายแขนงให้เรียนรู้ ตอนนี้เป็นชั่วโมงเรียนศิลปะการต่อสู้ด้วยหมัดมวย อย่างไรก็ตามเมื่อเปรียบเทียบกับการใช้ดาบแสงจันทร์ที่สามารถตัดคอคู่ต่อสู้ได้ทันที หมัดมวยกลายเป็นสิ่งที่ไม่น่าสนใจในความคิดของเด็กเหล่านี้ ดังนั้นพวกเขาจึงค่อนข้างขาดความกระตือรือร้น

“ชั่วโมงต่อไปเป็นการทดสอบการใช้ดาบแสงจันทร์ เจ้าฝึกซ้อมมาแล้วใช่หรือไม่?”

“ข้าพอทำได้ ข้าสามารถใช้ดาบแสงจันทร์ได้สามครั้ง แต่มันยังไม่ค่อยตรงเป้ามากนัก”

“อืม ข้าก็เช่นกัน ข้ากระทั่งซื้อหุ่นฟางไปฝึกซ้อมต่อที่บ้านในช่วงหลายวันที่ผ่านมา”

เด็กหนุ่มสาวพูดคุยกันโดยไม่สนใจอาจารย์ผู้สอนศิลปะการต่อสู้ของพวกเขาแม้แต่น้อย เพราะชั่วโมงเรียนต่อไปของพวกเขาคือการทดสอบใช้ดาบแสงจันทร์ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นสำหรับพวกเขามากกว่า

เสียงสนทนาดังไปถึงหูอาจารย์ผู้สอน ดังนั้นเขาจึงตำหนิด้วยความขุ่นเคือง “เงียบ! พวกเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้พูดคุยในชั้นเรียน จงตั้งใจดูการสาธิตของข้าให้ดี”

เขาเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสอง ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ เมื่อเขาถอดเสื้อออก คนผู้หนึ่งสามารถมองเห็นผิวสีทองที่ดูแข็งแกร่งและรอยบาดแผลบนร่างกายของเขาได้อย่างชัดเจน ด้วยเสียงที่ดังสนั่น มันทำให้ศิษย์ทั้งหมดหุบปากลงด้วยความหวาดกลัวทันที

“ศิลปะการต่อสู้เป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของนักสู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเริ่มต้นของการเป็นผู้ใช้วิญญาณ มันสำคัญกว่าสิ่งอื่นใดทั้งหมด พวกเจ้าจงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ให้มาก!”

หลังจากอบรมศิษย์ เขาก็เรียกหุ่นไม้อีกตัวหนึ่งออกมา หุ่นไม้สีเหลืองอ่อนสูงสองเมตรก้าวออกมาก่อนจะส่งหมัดเข้าโจมตีอาจารย์ผู้สอนอย่างรุนแรง

อาจารย์คนหลบหมัดของมันและใช้มือคว้าเอวของหุ่นไม้เพื่อผลักมันให้ล้มลง จากนั้นเขาก็กระโดดขึ้นค้อมบนร่างของหุ่นไม้และส่งหมัดไปยังศีรษะของมันอย่างไม่หยุดยั้ง เพียงชั่วครู่ศีรษะของหุ่นไม้ก็ระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

อาจารย์วัยกลางคนลุกขึ้นและปรับลมหายใจก่อนกล่าว “เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่มีร่างกายใหญ่โต อย่ากลัว จงเข้าประชิดร่างกายของพวกเขา ทำลายความสมดุลของพวกเขาเช่นที่ข้าแสดงให้ดูก่อนหน้านี้ เมื่อพวกเขาเสียหลักล้มลง พวกเจ้าจะสามารถโจมตีจุดตายของพวกเขา”

เด็กหนุ่มสาวพยักหน้าซ้ำๆ แต่ดวงตาของพวกเขากลับบ่งบอกว่าไม่แยแส เห็นดังนั้นช่วยไม่ได้ที่อาจารย์ผู้สอนจะเผยรอยยิ้มขมขื่น

ศิษย์ทุกรุ่นเป็นเช่นนี้ เด็กมักจะชื่นชอบสิ่งสวยงามและน่าตื่นเต้น โดยปราศจากประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนเอง มันเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะเข้าใจถึงความสำคัญของศิลปะการต่อสู้

“...ในการต่อสู้ พวกเจ้าอย่ามองดวงตาของคู่ต่อสู้ตลอดเวลา จงตั้งใจมองไปที่ไหล่ของศัตรู เพราะไม่ว่าเขาจะชกหรือเตาะ ไหล่ของพวกเขาจะเคลื่อนไหวเป็นสิ่งแรก...”

“...ระหว่างการต่อสู้ ความเร็วเป็นสิ่งสำคัญมาก ในกรณีนี้ข้าไม่ได้หมายถึงความเร็วในการโจมตี แต่เป็นความเร็วในการเคลื่อนไหว.....”

“...ระยะห่างคือการป้องกันที่ดีที่สุด...”

“.....”

อาจารย์ผู้สอนศิลปะการต่อสู้อธิบายสิ่งต่างๆอย่างอดทน สิ่งเหล่านี้เป็นประสบการณ์ที่มีค่าทั้งหมดที่เขาได้รับมาจากการต่อสู้แห่งชีวิตและความตายมาตลอดหลายปี

แต่น่าเสียดายที่ศิษย์ของเขาไม่ตระหนักถึงความสำคัญของมัน นอกจากนั้นพวกเขายังคงพูดคุยเกี่ยวกับดาบแสงจันทร์อย่างมีความสุข

‘อาจารย์ผู้สอนศิลปะการต่อสู้ผู้นี้มีความตั้งใจที่ดีและนำประสบการณ์จริงมาบอกเล่า แต่วิธีการสอนของเขาไม่ถูกต้อง’ ฟางหยวนเฝ้าดูอยู่อย่างเงียบๆ บางทีเขาก็พยักหน้า บางครั้งเขาก็ส่ายศีรษะ อย่างไรก็ตามในความคิดของเขา อาจารย์ผู้นี้เพียงสอนในสิ่งที่เขาต้องการจะสอนซึ่งมันซับซ้อนเกินไปสำหรับเด็กเหล่านี้ ดังนั้นศิษย์ของเขาจึงหมดความสนใจไปอย่างรวดเร็ว

ฟางหยวนตั้งใจฟังตลอดเวลา แม้ประสบการณ์การต่อสู้ของเขาจะเหนือกว่ามาก แต่การได้ฟังเรื่องราวของผู้อื่น มันก็สามารถนำมาเปรียบเทียบและยืนยันเส้นทางของเขาเอง

วิธีการต่อสู้ของผู้ใช้วิญญาณสามารถแบ่งออกเป็นการต่อสู้ระยะประชิดและการต่อสู้ระยะไกล การโจมตีด้วยดาบแสงจันทร์เป็นการโจมตีระยะไกล กล่าวให้ถูกต้องมากขึ้น มันเป็นเพียงการโจมตีระยะกลางในระยะสิบเมตรเท่านั้น

เมื่อกล่าวถึงการต่อสู้ระยะประชิด อาจารย์ผู้ฝึกสอนศิลปะการต่อสู้ผู้นี้เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด เขาเป็นผู้ใช้วิญญาณสายต่อสู้ระยะประชิดที่บ่มเพาะวิญญาณประเภทเสริมความแข็งแกร่งของร่างกายเพื่อขยายจุดเด่นทางกายภาพของตนเองและใช้มันในการต่อสู้

ผิวของอาจารย์ผู้นี้เป็นสีทองสัมฤทธิ์ มันไม่ใช่สีผิวตามปกติของเขาแต่มันได้รับผลกระทบมาจากวิญญาณกายาสีทอง วิญญาณดวงนี้จะทำให้ผิวหนังของผู้ใช้วิญญาณมีความยืดหยุนและแข็งแกร่งมากขึ้น

‘การใช้ดาบแสงจันทร์หนึ่งครั้งจะสูญเสียพลังวิญญาณไปหนึ่งในสิบส่วน แล้วผู้ใช้วิญญาณจะสามารถใช้มันได้มากที่สุดสักกี่ครั้ง? แน่นอนว่าไม่มาก โดยเฉพาะผู้ใช้วิญญาณฝึกหัด ดังนั้นมันจึงควรเก็บเอาไว้เป็นไพ่ตายเท่านั้น สำหรับผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่ง แท้จริงแล้วทักษะที่มีประโยชน์กับพวกเขามากที่สุดคือศิลปะการต่อสู้ เพราะมันมีประสิทธิภาพและสามารถใช้ได้ตลอดไป น่าเสียดายที่พวกเขาจะไม่ตระหนักถึงข้อเท็จจริงนี้จนกว่าพวกเขาจะได้รับประสบการณ์ตรงกับตนเอง’

ฟางหยวนชำเลืองตามองสหายตัวน้อยของเขาพร้อมกับยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย

หลังจากชั่วโมงเรียนศิลปะการต่อสู้ผ่านไป ดวงตาของเด็กหนุ่มสาวก็ส่องประกายขึ้นอีกครั้ง เมื่ออาจารย์อาวุโสมาถึง เขาโบกมือให้ทุกคนเข้าประจำที่ทันที “เอาล่ะ วันนี้เป็นวันที่ข้าจะทดสอบผลการฝึกซ้อมของพวกเจ้า จงก้าวออกมาทดสอบทีละห้าคนและใช้ดาบแสงจันทร์โจมตีหุ่นฟางสามครั้ง”

“ฟุบ ฟุบ ฟุบ”

เมื่อการทดสอบเริ่มขึ้น ท่ามกลางเด็กสิบห้าคน มีดาบแสงจันทร์เพียงเก้าเล่มเท่านั้นที่เฉียดชนหุ่นฟาง

อาจารย์อาวุโสส่ายศีรษะและถอนหายใจ

“พวกเจ้าต้องฝึกให้มากกว่านี้ โดยเฉพาะเจ้า เจ้า และเจ้า!” อาจารย์อาวุโสตำหนิสั้นๆก่อนจะโบกมือให้พวกเขาถอยหลังกลับไป “กลุ่มต่อไป!”

เด็กที่ถูกตำหนิก้มศีรษะลงด้วยความโศกเศร้า หนึ่งในนั้นเป็นเด็กผู้หญิงที่มีพรสวรรค์นภาที่สาม เนื่องจากการกู้คืนพลังวิญญาณตามธรรมชาติของนางช้าเกินไปขณะที่นางมีหินวิญญาณไม่มากนัก ดังนั้นนางจึงมีโอกาสฝึกซ้อมน้อยมากและมันก็ส่งผลให้นางไม่มีความชำนาญในการควบคุมดาบแสงจันทร์

ผู้ใช้วิญญาณต้องใช้หินวิญญาณในการปรับแต่งวิญญาณและยังต้องใช้หินวิญญาณในการฝึกซ้อม แต่ผู้ใดจะสามารถใช้หินวิญญาณได้อย่างไร้ขีดจำกัด หากพวกเขาไม่มีความมั่งคั่งที่เพียงพอ

‘เมื่อข้าไม่มีโอกาสได้ที่หนึ่ง มันจะดีกว่าหากข้าเก็บหินวิญญาณเอาไว้’ นี่คือความคิดของเด็กหญิงผู้นี้

แน่นอนว่ามีเด็กอีกมากมายที่คิดเช่นเดียวกับนางและนั่นทำให้พวกเขาไม่มีความชำนาญในการใช้ดาบแสงจันทร์ ด้วยเหตุนี้ยิ่งพวกเขาออกมาแสดงทักษะมากเท่าใด อาจารย์อาวุโสก็ยิ่งขมวดคิ้วลึกมากเท่านั้น

ฟางหยวนเฝ้ามองและลอบส่ายศีรษะเบาๆ ‘น่าเสียดายแทนเด็กเหล่านี้จริงๆ เพื่อหินวิญญาณเพียงไม่กี่ก้อน มันทำให้พวกเขาสูญเสียโอกาสในการก้าวหน้า หากพวกเขาเสียดายหินวิญญาณ แล้วพวกเขาจะมาเป็นผู้ใช้วิญญาณเพื่อสิ่งใด?’

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ผู้ที่มองไม่เห็นเป้าหมายที่แท้จริงของตนเองจะเก็บเกี่ยวทุกสิ่งรอบข้างและไล่ล่าสิ่งที่ไม่สำคัญ แต่สำหรับผู้ที่มีเป้าหมายที่ชัดเจน พวกเขาจะตระหนักว่าควรทุ่มเทกับสิ่งใดเพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมายและไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

“ในที่สุดก็ถึงรอบของข้า” โม่เป่ยเผยรอยยิ้มสว่างไสวก่อนจะเดินเข้าไปประจำตำแหน่งด้วยความมั่นใจ หลังจากส่งดาบแสงจันทร์ออกไปสามครั้ง ดาบแสงจันทร์ของเขาปะทะร่างกายของหุ่นฟางทั้งสามครั้ง หนึ่งปะทะหน้าอก หนึ่งกรีดเฉือนแขนขวา และอีกหนึ่งแทงเข้าไปที่ไหล่

ด้วยผลลัพธ์ดังกล่าว มันทำให้เด็กหนุ่มสาวที่เฝ้ามองอยู่รู้สึกยกย่องชื่นชม

“ทำได้ดี” คิ้วที่ขมวดเป็นปมของอาจารย์อาวุโสคลายลงเล็กน้อย

กลุ่มต่อไปนำโดยซื่อเฉิน เขามาพร้อมกับร่างเล็กบางและใบหน้าที่ค่อนข้างหงุดหงิด

เขาส่งดาบแสงจันทร์ออกไปสามครั้ง ทั้งสามครั้งปะทะหน้าอกของหุ่นฟางและสร้างบาดแผลตื้นๆเอาไว้ก่อนที่มันจะฟื้นฟูตัวเองภายในเวลาไม่กี่ลมหายใจ

อย่างไรก็ตามมันเป็นผลลัพธ์ที่ดีกว่าโม่เป่ยและได้รับคำชื่นชมจากอาจารย์อาวุโสมากกว่า

ซื่อเฉินเชิดศีรษะเดินกลับมาพร้อมกับชำเลืองมองโม่เป่ยด้วยสายตายั่วยุ

“ฮืม!” โม่เป่ยทำได้เพียงก่นเสียงเย็นอยู่ในลำคอก่อนจะหันหน้าไปทางฟางเจิ้ง

เขารู้สึกว่าภัยคุกคามของเขามีเพียงสองคน นั่นคือซื่อเฉินและฟางเจิ้ง

เด็กกลุ่มใหม่เดินเข้าไปประจำตำแหน่งในการทดสอบและนี่เป็นรอบของฟางเจิ้ง