ตอนที่แล้วบทที่ 26 : ศิษย์น้องท่านไม่ใช่คนแบบน้านน!!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 28 : แล้วเจ้าเรียนรู้วิชาใดมาบ้าง!!

บทที่ 27 : ให้ข้าลองหน่อยซิ!!


'ติ๊ง!! ... ค้นพบวัตถุดิบที่สามารถหลอมสร้างได้ "เหล็กเนื้อดี" ที่ผลิตจาก ราชวงศ์หยางอันยิ่งใหญ่'

หลินฟ่านโยนเหล็กในมือทดสอบน้ำหนักมันพบว่าน้ำหนักของเหล็กนี้ก็พอใช้ได้เลยทีเดียว แต่ทว่าหากเป็นช่างตีเหล็กทั่วไปเหล็กเพียงเท่านี้คงไม่พอให้สร้างอาวุธแน่ๆ แต่สำหรับหลินฟ่านที่มีระบบเทพวิชาเป็นตัวช่วย เหล็กเท่านี้กลับสามารถหลอมสร้างเป็นอาวุธระดับกลางได้แบบสบายๆ

ยิ่งตามสามัญสำนึกของช่างตีเหล็กทั่วไปบนแผ่นดินนี้ เพียงแค่เหล็กเนื้อดีจำนวนเท่านี้เพียงอย่างเดียว ไม่มีวันสร้างอาวุธระดับกลางได้เด็ดขาด ต้องยกความดีความชอบให้อาชีพเสริมช่างตีเหล็กของหลินฟ่านที่สามารถเปลี่ยนมันให้กลายเป็นอาวุธระดับกลางได้อย่างง่ายดาย

หลินฟ่านโยนเหล็กกองหนึ่งเข้าไปในเตาหลอม

'ติ๊ง!! ... ขอแสดงความยินดีท่านสร้างกระบี่ระดับต่ำ ช่างตีเหล็ก EXP +100'

'ติ๊ง!! ... ขอแสดงความยินดีท่านสร้างมีดระดับต่ำ ช่างตีเหล็ก EXP +100'

...

สำหรับเขาตอนนี้อาวุธระดับกลางนั้นไม่ได้มีประโยชน์อะไร เพราะสำหรับนิกายเขตนอกนั้นอาวุธระดับต่ำจะเป็นที่นิยมมากกว่า..ไม่ทำไมหรอก แค่คนที่นี่มันมีปัญญาซื้อแต่อาวุธระดับต่ำก็เท่านั้น ถ้าเขาสามารถแลกเปลี่ยนอาวุธระดับต่ำพวกนี้ได้ทั้งหมด การตัดผ่านไปยังระดับก่อเกิดย่อมไม่มีปัญหา ซ้ำเขายังได้เม็ดยาเพื่อเพิ่มระดับไปอีกเล็กน้อย เวลาเขาเข้าไปเป็นศิษย์สายในจะได้ไม่ลำบากเท่าไร

'ติ๊ง!!... ขอแสดงความยินดีช่างตีเหล็กขั้นสูงเพิ่มระดับเป็น Lv 2'

เมื่อหลินฟ่านโยนเหล็กเข้าเตาหลอมเพื่อสร้างอาวุธจนหมด เสียงสวรรค์ก็ดังขึ้นแจ้งถึงการเลื่อนระดับช่างตีเหล็กขั้นสูงของเขา ตอนนี้ในถุงมิติเก็บของเขาที่ได้มาจากเมิ่งหยางกวน มีอาวุธระดับต่ำมากมายถึง 40 กว่าชิ้น ตราบเท่าที่ไม่มีเรื่องซวยหรือโชคร้ายอะไรเกิดขึ้นจากการซื้อขายแลกเปลี่ยน รับรองว่า Lv ของเขาต้องพุ่งกระฉูดแน่ๆ

ก๊อก ก๊อก…

เสียงเคาะประตูดังขึ้น ขัดจังหวะการชื่นชมผลงานของหลินฟ่าน

"อ้าว มีอะไรเหรอศิษย์พี่หยิน?" หลินฟ่านยิ้มถามอย่างเป็นมิตร คนที่เขานับได้ว่าเป็นเพื่อนที่ดีในที่แห่งนี้ก็มี ศิษย์พี่หยินกับศิษย์พี่หนี่ สองคนเท่านั้น

"ศิษย์น้องหลินเจ้ามิรู้หรือ วันนี้จักมีการแข่งขันประลองยุทธ์ของศิษย์สายในที่ลานประลองเขตนอกแห่งนี้ เจ้าอยากไปดูชมรึไม่? "หยินโม่เฉินกล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น

"หืม แข่งขันประลองยุทธ์ของศิษย์สายในเหรอ?" หลินฟ่านงงนิดหน่อย "เอ่อศิษย์พี่หยินแล้วทำไมพวกศิษย์สายในมันถึงมาแข่งกันที่ลานประลองของเราล่ะ ทำไมมันไม่ไปแข่งกันในลานประลองสายใน?"

"เรื่องนี้เป็นเพราะประเพณีที่มีมายาวนานแล้วของนิกาย การประลองแข่งขันของศิษย์สายในมีเพื่อกระตุ้นให้ศิษย์เขตนอกอย่างพวกเราได้เห็นถึงพลังที่แข็งแกร่ง นอกจากนั้นเหล่าศิษย์สายในจักให้คำปรึกษาแก่พวกเราเมื่อการประลองสิ้นสุดลง รวมทั้งจัดประลองชี้แนะ นี่เพื่อให้พวกเราสามารถสอบถามปัญหาที่เราติดขัดยามไม่สามารถทะลวงผ่านระดับ หรือสอบถามเพื่อทำความเข้าใจแก่นแท้ของวิชาที่ฝึก " หยินโม่เฉินค่อยๆกล่าวออกมาช้าๆ

หลินฟ่านเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง นี่มันก็ไม่ต่างอะไรกับที่โลกเก่าของเขาสักเท่าไร ช่วงปลายๆปี จะมีนักศึกษาของมหาวิทยาลัยชิงหวา มาแสดงผลงานเพื่อกระตุ้นให้เหล่าเด็กมัธยมปลายเกิดความสนใจ และอยากเข้ามหาลัยชิงหวา

ถึงแม้ว่าหลินฟ่านจะไม่ได้สนใจการประลองอะไรพวกนี้ แต่นี่ก็นับเป็นการดีที่เขาจะไปศึกษาระดับความแข็งแกร่งของเหล่าศิษย์สายในเอาไว้ก่อน

"ปะสิป่ะ ศิษย์พี่ นำทางโลด" หลินฟ่านกล่าวออกมาพร้อมชูมือขึ้น

"ฮ่าฮ่า โลดอันใดของเจ้ากัน เจ้านี่น้าซุกซนเสียจริง มาเถอะเจ้าไปพร้อมกันกับข้าเลย" หยินโม่เฉินกล่าว ก่อนที่จะเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

ทุกปีเหล่าศิษย์สายนอกจะตื่นเต้นกับช่วงเวลานี้อย่างมาก เพราะว่าปัญหาของพวกเขาอาจได้รับการแก้ไขด้วยประสบการณ์ของเหล่าศิษย์สายใน

ในเวลาไม่นาน..หลินฟ่านและหยินโม่เฉินก็มาถึงลานประลอง ตอนนี้ที่ลานแห่งนี้ นับว่าศิษย์สายนอกทุกคนแทบจะมารวมตัวกันอยู่ ผู้คนแออัดหนาแน่นอย่างมาก ส่วนลานประลองก็ถูกตกแต่งให้ดูสวยงามมากขึ้นอีกด้วย พื้นลานเป็นอิฐที่ดูแข็งแกร่งซ้อนทับเป็นชั้นๆ ยกระดับลานประลองให้สูงกว่าพื้นดินราวๆอก สี่มุมของลานประลองมีมังกรที่สร้างมาจากหยกขาวประดับประดาเอาไว้อย่างสวยงาม ทั้งยังมีม้าหินหยกตัวหนึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ยกสูงอีกด้วย

"ศิษย์น้องหลิน รีบไปจับจองที่ตรงนั้นกันเถิด คนยังมิค่อยหนาแน่นสักเท่าไร" หยินโม่เฉินเมื่อมาถึงมันก็พยายามหันมองซ้ายขวากวาดสายตาไปทั่วๆ จนในที่สุดก็เจอพื้นที่ว่างที่สามารถเห็นลานประลองได้ชัด มันจึงกล่าวชักชวนหลินฟ่านให้ไปกับมัน นี่เป็นเพราะว่าหากพวกมันยังยืนอยู่ตรงนี้รับรองว่าไม่มีทางได้เห็นการต่อสู้บนเวทีเป็นแน่ โอกาสดีๆแบบนี้มีเพียงครั้งเดียวในรอบปี หากมันพลาดการประลองครั้งนี้กว่าจะมีให้ชมอีกทีก็ต้องรอคอยปีหน้าแล้ว ยิ่งพวกที่อยู่หน้าๆอาจได้สอบถามข้อสงสัยในการฝึกฝนบ่มเพาะอีก จะให้มันยืนงมโข่งอยู่ด้านหลังแบบนี้ได้อย่างไร

เมื่อหลินฟ่านและหยินโม่เฉินรีบมาจับจองที่ได้สำเร็จ เหล่าศิษย์ที่แลดูภูมิฐานกลุ่มหนึ่งก็เดินมาถึงเวทีพอดี กลุ่มชายหญิงเหล่านั้นสวมชุดคลุมสีขาวเปล่งประกายสง่างามออกมา เมื่อพวกเขาปรากฏตัวขึ้นเหล่าศิษย์ที่มารอชมการประลองถึงกับส่งเสียงกู่ร้องกันดังสนั่นหวั่นไหว

สำหรับศิษย์สายนอกแล้ว เหล่าศิษย์สายในก็ดูดีมีระดับราวกับดาราฮอลลีวูด ...ทางด้านหลินฟ่านนั้นมันไม่มีทางส่งเสียงไร้สาระปัญญาอ่อนอะไรแบบนี้แน่ มันกลับตั้งใจดูระดับที่แสดงบนหัวของเหล่าศิษย์สายในแต่ละคน

ระดับก่อเกิดขั้นที่ 5

ระดับก่อเกิดขั้นที่ 4

ระดับก่อเกิดขั้นที่ 8

...

ระดับก่อเกิดขั้นที่ 3

ระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่ 2

เมื่อมองไปยังเหล่าศิษย์สายในทุกคนส่วนมากระดับการบ่มเพาะของมันก็อยู่ที่ขั้นก่อเกิด มีอยู่ผู้หนึ่งที่แลจะเป็นผู้นำของกลุ่มศิษย์สายในเหล่านี้ มันมีระดับการบ่มเพาะถึงระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่ 2 แต่คนพวกนี้ล้วนแล้วแต่เทียบเด็กโข่งเมิ่งหยางกวนที่มีระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่ 6 ไม่ได้สักคน..

หลังจากนั้นไม่นานเหล่าศิษย์สายในก็เริ่มแยกย้ายกันเดินไปยืนเป็นกลุ่ม ก่อนที่จะเลือกกันว่าใครจะเป็นคนขึ้นไปประลองกันบ้าง ไม่นานก็มีศิษย์สายในเดินขึ้นมายังลานประลองสองคน เป็นสัญญาณว่าการประลองกำลังจะเริ่มต้น

"การประลอง เริ่มต้นได้ ... " คนที่นั่งอยู่บนม้าหินหยกที่ดูจะเป็นผู้นำกล่าวขึ้นออกมา แม้ว่าเสียงที่เขาพูดจะไม่ได้ดังอะไรแต่ทว่ามันกลับกังวานสั่นสะท้านเหล่าศิษย์ทุกคนที่ยืนอยู่รอบๆ พวกมันทั้งหมดถึงกับหายใจไม่ทั่วท้องกันเลยทีเดียว นี่นับว่าเป็นการพูดด้วยหลังฟ้าดินที่แข็งแกร่งอย่างมาก

"โห แม่งโหดว่ะ ... " หลินฟ่านประหลาดใจมาก เขาไม่คิดเลยว่า ระดับการบ่มเพาะขั้นศักดิ์สิทธิ์จะแข็งแกร่งเหนือชั้นระดับก่อเกิดไปไกลโข ยิ่งตอนนี้เหล่าศิษย์สายนอกล้วนแล้วแต่มีระดับอยู่ที่ขั้นมนุษย์เท่านั้น ซึ่งนับว่าห่างกับผู้พูดเมื่อครู่ถึง 2 ระดับชั้นใหญ่ๆ หากให้เทียบกันแล้วคงเปรียบได้ดั่งสวรรค์กับโลกเลยทีเดียว

เหล่าศิษย์สายในทั้งสองที่ยืนอยู่บนประลองต่างโค้งคำนับกันเล็กน้อย ก่อนที่จะกำหมัดและยืนตั้งท่าเตรียมตัวลงมือ หลินฟ่านที่มองอยู่ก็รู้สึกถึงความแข็งแกร่งของพวกมันว่าแตกต่างจากตนราวฟ้ากับดิน ถึงศิษย์สายในทั้งสองคนนั้นจะมีระดับบ่มเพาะอยู่ที่ระดับก่อเกิดขั้นที่ 7 เท่านั้น

"เริ่มต่อสู้ได้!!" ศิษย์สายในคนนั้นกล่าวออกมาอีกครั้ง มันดูราวกับจักรพรรดิของมวลมนุษย์เลยทีเดียว

ตูมมมม!

เสียงดั่งสนั่นจากการแผ่รัศมีของพลังฟ้าดินบังเกิดขึ้น ศิษย์สายในทั้งสองต่างชักอาวุธออกมา ยามเมื่ออาวุธของพวกมันเผยออกมาให้ยลโฉมพลังฟ้าดินและพลังงานที่แท้จริงพลันพวยพุ่งออกมากวาดพื้นลานประลองแทบจะแตกร้าว

"แข็งแกร่งยิ่ง พวกเขาช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก" หยินโม่เฉินมองคนทั้งสองบนลานประลองด้วยแววตาทอประกาย "นี่หรือความแข็งแกร่งของขั้น ก่อเกิด"

...

หลินฟ่านที่มองการประลองยุทธ์บนลานประลองถึงกับมองดูด้วยหัวใจพองโต ‘เชี่ย แม้งโคตรเท่ห์ เจ๋งชิบหายเลยเว้ยยยย นี่เหรอวะวิชายุทธ์ โอ๊ย...แม่งเท่ห์ขนาดนี้ ต้องไปหามาฝึกบ้างแล้ว ชิบหายไม่คิดเลยมันจะฟรุ้งฟริ้งอลังการงานสร้างขนาดนี้ โห..กระบี่แม่งเปล่งแสงยังกะไลท์เซเบอร์ ว๊ากกก อยากทำได้มั่งโว้ยย ...เฮ่ย!! แม่งมีปล่อยพลังอะไรอะไรด้วยวะนั้น นี่พวกเอ็งปล่อยพลังคลื่นเต่ากันได้ด้วยเร้ออออ’

“ศิษย์น้องเจ้าเห็นรึไม่? ศิษย์สายในช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก! มิรู้ว่าวันใดจึงจะทำได้อย่างพวกเขาบ้าง”หยินโม่เฉินกล่าวออกมาด้วยความอิจฉาในระดับพลังที่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว

‘ต้องจัดละ ต้องจัดล๊าวววว อยากเจ๋งกะเค้าบ้างอ่า’ หลินฟ่านที่กำลังจินตนาการถึงความยิ่งใหญ่ของมันยามทำแบบนั้นได้บ้าง กล่าวตอบหยินโม่เฉินออกมาอย่างล่องลอย “เอ่อ...เร็วๆนี้ล่ะมั้งศิษย์พี่ ...”

"เฮ่อ...อย่างข้าชีวิตนี้ไม่รู้จะทำเช่นนั้นได้หรือไม่ เจ้าอย่าได้ปลอบใจข้าเลยศิษย์น้อง" หยินโม่เฉินกล่าวออกมาอย่างสลดหดหู่

หลินฟ่านกลอกตานิดหน่อยไอที่เขาตอบไปเมื่อกี้เนี่ย มันหมายถึงเขาต่างหาก แต่พอเขาเห็นหยินโม่เฉินกล่าวออกมาอย่างหดหู่ก็รู้เลยว่าคำถามเมื่อกี้หยินโม่เฉินหมายถึงตัวเอง

"เอาล่ะ การประลองของทั้งคู่ก็สิ้นสุดกันลงแล้ว ต่อไปจะเป็นการประลองชี้แนะ มีผู้ใดอยากขึ้นไปขอคำชี้แนะจากศิษย์สายในทั้งสองหรือไม่? แน่นอนว่าจะมิได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิตใดๆทั้งสิ้น" ศิษย์สายในที่มีระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่ 2 กล่าวออกมา

ตอนนี้เหล่าศิษย์สายในทั้งหลายก็เริ่มฮือฮาขึ้น ทุกคนต่างพูดคุยกระซิบกระซาบกันระงม แต่ทว่าพวกเขากลับไม่กล้าเสนอตัวขึ้นไป เพราะระดับการบ่มเพาะของพวกเขานั้นน้อยนิดจนน่าสังเวช พวกมันกลัวขึ้นไปขายขี้หน้าผู้อื่นรวมทั้ง กลัวศิษย์สายในเผลอยั้งมือไม่ทันจนพวกมันต้องดับดิ้น หรือไม่ก็สูญเสียความมั่นใจในการฝึกฝนเพราะเจอคู่ต่อสู้ที่ระดับต่างชั้นกันเกินไป

เรื่องราวเช่นนี้ในอดีตเคยเกิดขึ้นมาแล้ว มีศิษย์คนหนึ่งสนใจในการประลองชี้แนะ แต่ทว่าศิษย์สายในที่ทำการประลองชี้แนะกับมัน ดันบอกว่าตัวมันนั้นค่อนข้างอ่อนแอ วิชาที่ฝึกก็แทบไม่แตกฉานสักอย่าง หลังจากจบคำชี้แนะศิษย์คนนั้นก็หัวใจแตกสลายและรู้สึกท้อแท้จนไม่มีหน้าฝึกฝนบ่มเพาะอีกต่อไป

แต่หลินฟ่านที่ยืนฟังอยู่ท่างกลางมวลชนนั้นถึงกับตาโตขึ้นมา ‘เช็ดโด้!! ขึ้นไปประลองชี้แนะ รับรองไม่ตาย! ชิบหายละ นี่ถ้าข้าระเบิดไข่คู่ประลองได้ ข้าไม่ได้ค่า EXP อื้อซ่าเลยเหรอฟะเนรี่ยยย’

"ข้าเองๆๆ ... ให้ข้าลองหน่อยซิ ... " หลินฟ่านรีบยกมือขึ้นพร้อมกระโดดโหยงๆ เพื่อให้ทุกคนสังเกตเห็นมัน

"ศิษย์น้อง เจ้า ... " หยินโม่เฉินได้แต่ยืนมองหลินฟ่านอย่างตะลึง มันคาดไม่ถึงจริงๆว่าหลินฟ่านจะกล้าหาญชาญชัยถึงเพียงนี้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด