ตอนที่แล้วบทที่ 22 : กำเนิด คนขายอาวุธ!!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 24 : ศิษย์พี่ทั้งสอง รีบใช้ยาเพิ่มลมปราณของท่านถล่มข้าให้ตาย!!

บทที่ 23 : นับเป็นการสูญเสียของเรารึเปล่า ?


ในโรงอาหารตอนนี้เรื่องที่กำลังเป็นประเด็นการสนทนากันอย่างหนาหูคือ ข่าวลือเรื่องการปรากฏตัวของ ปีศาจทลายพวงสวรรค์ ที่โผล่ออกมาจู่โจมเหล่าศิษย์ที่กำลังมีเรื่องขัดแย้งกันอยู่ เรื่องราวนี้ทำให้เหล่าศิษย์สายนอกทุกคนตกอยู่ในความหวาดกลัว พวกมันไม่รู้ว่าอุ้งมือมารนั้น จะพุ่งเป้ามาที่พวงสวรรค์ของตนเองเมื่อไหร่

และเมื่อเร็วๆนี้กลับเกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดพิลึกพิลั่นขึ้นมาอีกครั้ง เพียงแค่ราตรีเดียวบ้านพักทั้งหลังที่สร้างจากอิฐแข็งแรงทนทานกลับอันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย รวมถึงกำแพงอิฐทั้งหลายก็หายไปอย่างลึกลับเช่นกัน ปีศาจประเภทไหนกันที่มุ่งเป้าไปยังการขโมยก้อนอิฐ?

ศิษย์บางคนกลัวว่าจะประสบชะตากรรมเดียวกับฟางฮั่น ที่ยามตื่นขึ้นมากลับพบว่าบ้านทั้งหลังสาบสูญไปอย่างลึกลับ ดังนั้นก่อนที่พวกเขาจะจมอยู่ในนิทราพวกเขาจะนำเอาระฆังและกระดิ่งต่างๆมาแขวนไว้รอบตัวบ้าน หากหัวขโมยลึกลับโผล่มา พวกเขาจะได้ตอบโต้ได้ทันท่วงที ไม่ต้องเสียบ้านทั้งหลังให้ปวดใจ

"พวกเราระวังตัว!! ปิศาจทลายพวงสวรรค์กำลังจะมา" ในขณะนี้มีศิษย์คนหนึ่งที่รีบวิ่งมาแจ้งข่าวยังโรงอาหาร เหตุเพราะศิษย์คนนั้นค้นพบว่า ปีศาจทลายพวงสวรรค์กำลังเดินทางมายังโรงอาหารแห่งนี้ เป็นเหตุให้ทุกผู้คนตื่นตัวและเริ่มระมัดระวังตัวกันมากขึ้น ..ศิษย์หลายต่อหลายคนแล้วที่ถูกจู่โจมทำลายพวงสวรรค์ ผู้เคราะห์ร้ายเหล่านั้นแทบจะไม่สามารถลุกขึ้นมายืนได้ภายในเวลาหนึ่งวัน ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับของรักมันรุนแรงถึงขนาดไหนกันล่ะ ..แล้วจะมีชายใดต่อต้านความเจ็บปวดเช่นนี้ได้

หลินฟ่านที่กำลังแบกสัมภาระรุงรังเดินตามทางมุ่งหน้ามายังโรงอาหาร ถึงแม้เขาจะเห็นว่าเหล่าศิษย์ต่างหวาดกลัวและถอยหนีห่างไปจากเขา แต่เขาก็เชื่อมั่นว่าทันทีที่เขาเปิดเผยสิ่งของที่เขานำมา พวกมันต้องรีบวิ่งเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว

ในที่สุดหลินฟ่านก็เลือกทำเลๆหนึ่งที่ตั้งอยู่ ตรงข้างโรงอาหารที่ผู้คนล้วนต้องสัญจรผ่านทางนี้ มันเริ่มปัดกวาดพื้น ก่อนที่จะปูผ้า หลังจากนั้นมันก็ปักเสาพร้อมกับแขวนผ้าที่มันได้เขียนคำโฆษณาเอาไว้ออกมา

"เร่เข้ามาๆ มีอาวุธ ระดับต่ำ มาขายจ้า พลาดแล้วจะเสียใจนะจ้า "หลินฟ่านยืนขึ้นก่อนที่จะตะโกนเสียงดังกังวาลออกมา เหล่าศิษย์ทุกคนล้วนแล้วแต่หวาดกลัวมัน แต่เมื่อได้ยินคำว่า "มีอาวุธระดับต่ำมาขาย" พวกมันก็หันไปมองและสนใจราวกับต้องมนต์

แต่ตอนนี้บรรดาเหล่าศิษย์ที่สนใจและอยากได้อาวุธอย่างมากกลับไม่กล้าเดินเข้าไปหามัน เพราะกลัวว่าปีศาจทลายพวงสวรรค์ตนนี้ จะออกอุบายล่อลวงชักชวนคนมาทำร้ายพวงสวรรค์

หลินฟ่านตะโกนด้วยเสียงที่ทรงพลัง...น้ำเสียงดังกังวาลขนาดอาม่าหูตึงที่ยืนแถวหลังสุดยังได้ยินอย่างชัดเจน ยามที่เขาเป็นผู้นำการออกกำลังกายยามเช้าได้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง

เหล่าศิษย์ทั้งหลายล้วนแสดงออกว่าสนใจอาวุธระดับต่ำอย่างมาก แต่พวกมันกลับไม่เดินเข้ามาดูชมนี่สร้างความประหลาดใจให้หลินฟ่านเล็กน้อย อดที่มันจะบ่นออกมาไม่ได้ว่า "ทำไมพวกมันไม่ออกมาเลือกดูวะ? หรืออาวุธระดับต่ำยังมีแรงดึงดูดไม่พอ?”แต่หลินฟ่านก็คิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ ตามที่เขารู้มาสำหรับศิษย์เขตนอกแห่งนี้อาวุธระดับต่ำเปรียบเสมือนอาวุธของพระเจ้า มันเหนือกว่าอาวุธไร้ระดับที่พวกมันใช้กันอยู่ลิบลับ

หลินฟ่านไม่ยอมรับเรื่องนี้ เขากวาดตามองไปทั่วๆ จนสายตาเขาไปหยุดอยู่ที่ศิษย์ท่าทาง หงอๆ คนหนึง "เฮ่ย เจ้า มานี่ซิ...เออ เจ้านั่นล่ะไวๆ " หลินหลินฟ่านจ้องด้วยสายตาคาดคั้นพร้อมกับชี้ยังศิษย์ที่ท่าทางหงอๆคนนั้น

ศิษย์คนนั้นถึงกับชะงัก มันหวาดกลัวจนแทบจะก้าวขาไม่ออก ก่อนที่จะเริ่มถอยหลังออกไปพร้อมกับเหงื่อที่เริ่มทะลักออกมาจากรูขุมขนบนใบหน้า แต่หลินฟ่านไม่ให้โอกาสมันหนีไปไหน เขาลุกขึ้นไปพร้อมกับคว้าตัวมันอย่างรวดเร็ว "บอกให้มา ก็มาสิวะ อย่าลีลา" หลินฟ่านพูดออกมาพร้อมกับลากแขนศิษย์เคราะห์ร้ายคนนั้นไปยังแผงของเขา

"ศิษย์พี่ได้โปรด อย่าทำอันใดข้าเลย ข้าพึ่งเข้ามาเป็นศิษย์เขตนอกเมื่อวานนี้เอง ยังมิได้มีปัญหากับผู้ใด ได้โปรดท่าน เมตตาข้าด้วย อย่าทำร้ายพวงสวรรค์ของข้าเลย " ศิษย์คนนั้นกล่าวออกมาอย่างน่าเวทนาตัวมันยืนแข็งทื่อได้แต่ยอมจำนนให้หลินฟ่านลากมันไปอย่างไม่สามารถขัดขืนได้ มันทำได้เพียงแค่กล่าวอ้อนวอนออกมาจากหัวใจ..ใครเล่าจะอยากให้ของรักของตัวถูกทำร้ายด้วยน้ำมือผู้อื่น

หลินฟ่านไม่สนใจท่าทางอ้อนวอนหรือท่าทาง โหยหาความรักความเมตตา ของมัน มันลากศิษย์คนนี้มาจนถึงแผงลอย ก่อนที่จะค้นตัวพร้อมดึงอาวุธของมันที่น่าจะพึ่งไปรับมาเมื่อวานออกมาทันที

"เอาล่ะๆ ทุกท่านโปรดดูชม อาวุธในมือซ้ายของข้านี้ เป็นอาวุธที่พวกท่านได้รับมาจากช่างตีเหล็กของนิกายปีศาจเขตนอก" หลินฟ่านชูอาวุธที่เขาแย่งมาจากศิษย์คนนั้นชูขึ้นสูงด้วยมือซ้าย

"และนี่ !! คืออาวุธระดับต่ำที่ข้านำมาจัดจำหน่าย โปรดตั้งใจรับชมให้ดี อย่าได้กระพริบตา ข้าจะแสดงความมหัศจรรย์ของมันให้พวกท่านชม ณ บัดนี้! หลินฟ่านชูอาวุธที่เขาสร้างออกมาด้วยมือขวา สายตาจับจ้องไปยังทุกคนที่กำลังแสดงความสนใจอย่างมาก ‘หึ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าหลังจากพวกเอ็งเห็นสิ่งนี้แล้วจะทำเฉยกันอยู่ได้’

"เบิ่งดูให้ดี อย่าพลาด !!... " หลินฟ่านตะโกนออกมา ก่อนที่จะฟาดอาวุธในมือขวาเข้าปะทะกับอาวุธในมือซ้าย

เป๊งงง ...

อาวุธที่สร้างจากช่างตีเหล็กที่ทุกคนได้รับ ถูกสะบั้นลงอย่างง่ายดายราวกับเอาเนยแข็งไปปะทะเหล็กกล้า ภาพกระบี่ของศิษย์ที่ท่าทางหงอๆ คนนั้น หักกลางแยกเป็นสองส่วน ร่วงลงมาบนพื้นตราตรึงเหล่าศิษย์นับร้อยที่ยืนชมดู

"พวกท่านเห็นจุดจบของอาวุธที่พวกท่านใช้อยู่รึยัง? มีเพียง 3 คนเท่านั้นที่จะได้ครอบครองอาวุธระดับต่ำเช่นเดียวกับอาวุธในมือขวาของข้า ผู้ที่ให้ราคาสูงสุดจักได้ครอบครองพวกมันอย่างแน่นอน!!" หลินฟ่านโยนเศษกระบี่ที่หักกลางทิ้งไปอย่างน่าสังเวช ก่อนที่จะนั่งรอต้อนรับผู้คนอยู่ที่แผง มันเชื่อว่าไม่มีทางที่ศิษย์พวกนี้จะทนเฉยอยู่ได้หลังจากเห็นอานุภาพดังกล่าว

“ฮือออ ศิษย์พี่ กระบี่ของข้า ..กระบี่ของข้า...”เด็กชายหงอๆที่เห็นกระบี่ของเขาพังลง ได้แต่ปล่อยโฮน้ำตาตกออกมาพร้อมกับเอ่ยประท้วงหลินฟ่าน

"เงียบไปเลย กระบี่ของเจ้าก็เหมือนกระบี่ของข้านั้นล่ะ ถ้ายังก่อกวนการค้าของข้า ข้าจะบิดพวงสวรรค์เจ้าให้หลุด!! ... " หลินฟ่านกล่าวตอบไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา ตอนนี้มันกำลังเตรียมรับมือศิษย์ที่จะเสนอราคา มันจะมีเวลาว่างมาสนใจเด็กน้อยนี่ได้ยังไง ..ส่วนทางด้านเด็กน้อยได้แต่ยืนนิ่งน้ำตาซึมสองมือกุมของรักเอาไว้อย่างแน่นหนา

ไม่ทันขาดคำเหล่าศิษย์ที่ได้ประจักษ์ถึงอานุภาพก็ถึงกับต้องรีบวิ่งแข่งขันกันเข้ามาหาหลินฟ่าน อาวุธที่พวกเขาได้รับจากช่างตีเหล็กของนิกาย ถูกสะบั้นเป็นสองส่วนราวกับ นำเหล็กกล้าไปฟันกล้วยสุกงอม จะให้พวกมันนิ่งเฉยอยู่ได้อย่างไร อีกทั้งอาวุธที่หลินฟ่านนำมาขายยังไม่มีแม้แต่รอยบิ่น ประกายดาบยังเจิดจรัส แค่ดูก็รู้แล้วว่าเป็นอาวุธที่สูงกว่าอย่างสิ้นเชิง

“ศิษย์น้องหลิน อาวุธพวกนี้เจ้าขายอย่างไร”

"ศิษย์น้องหลินเอ่ยราคามา ข้าพร้อมทุ่มมิอั้น"

“ข้าต้องได้ เฮ้ย!! อย่าเหยียบเท้าข้าสิวะ โอ๊ย ไสหัวออกไปปป”

“มันต้องเป็นของข้าาาาา ไสหัวออกไปให้พ้นทางงงง”

“ว๊ากกกก ผู้ใดขโมยถุงเงินของข้า”

“บัดซบผู้ใด เอาอาวุธอุ่นๆ มาทิ่มแทงก้นของข้า” ...

‘ฮิฮิ แล้วผู้ใดใช้ให้ก้นของเจ้าเย้ายวนนักเล่า อาห์ ฟินฮ่ะ’..

............

........

..

ด้านหลินฟ่านที่เห็นเหล่าศิษย์ต่างกรูเข้ามามืดฟ้ามัวดิน ตาของมันก็เปล่งประกาย มันคิดในใจไปว่า ‘ตามที่คาด อาวุธพวกนี้ใครเห็นก็ต้องตาลุกวาวเป็นธรรมดา ไหนๆไอพวกนี้ก็ให้ค่า EXP น้อยจนเกินกว่าจะหวังเพิ่ม Lv จากพวกมันละ เอายาจากพวกมันมากินเพื่อเลื่อนระดับน่าจะดีกว่า หึหึ อีกไม่นาน โลกนี้ต้องถูกข้าหลินฟ่านสยบ หยบ หยบ หยบ’

ในขณะเดียวกันหลินฟ่านก็รู้สึกไม่พอใจเหล่าศิษย์กากๆพวกนี้ด้วย เพราะพวกมันอ่อนแอเกินไปไม่สามารถทำให้เขาเก็บค่า EXP จนผ่านระดับได้ง่ายๆ ทำให้เขาต้องลำบากลำบนเหน็ดเหนื่อยหาหนทางแบบนี้

"เอาล่ะ ข้าจะเริ่มต้นด้วย กระบี่ทะลวงสวรรค์ เล่มนี้ราคาประมูลเริ่มต้นที่ เม็ดยาเสริมพลังปราณ 30 เม็ด ... " หลินฟ่านชูกระบี่หนักไว้ในมือก่อนที่จะตะโกนบอกราคาออกมา

"กระบี่ทะลวงสวรรค์เช่นนั้นรึ ชื่อที่ดี! อานุภาพเยี่ยงนั้น! ข้าต้องนำมันมาให้ได้!! "

"ข้าเสนอ ราคาเม็ดยา 31 เม็ด"

"เฮอะ เพียงเม็ดยา 30 กว่าเม็ดเจ้าอย่าใด้ฝันครอบครองอาวุธระดับต่ำ! ข้าเสนอ 40 เม็ด "

"45 เม็ดยา"

"50 เม็ดยา"

"52 เม็ดยา"

"55 กับอีกครึ่งเม็ดยา"

"อุบาทว์นักเม็ดยาครึ่งนึงเก็บไว้ให้บิดาเจ้าเถิด ข้าเสนอ 65 เม็ดยา"

"ข้าเสนอ 69 เม็ดยา หรือศิษย์น้องหลินอยาก 69 กับข้าก็ย่อมได้ฮ่ะ"...

"หุบปากไอ้พวกตัวอุบาทว์ตัดแขนเสื้อ ข้าเสนอ 70 เม็ดยา"

............

........

....

เมื่อเห็นเหล่าศิษย์ต่างแย่งกันเสนอราคาอดไม่ได้ที่หลินฟ่านจะรู้สึกปลาบปลื้ม มันคิดในใจอย่างชั่วร้าย ‘ฮ่าฮ่า โคตรพ่อโคตรแม่คุ้ม ใช้แค่เศษเหล็กไรประโยชน์ ได้ถึงขนาดนี้ แม้งยังกะขโมยเลยเว้ยเรา!!’

"ข้าขอเสนอราคาที่ เม็ดยา 100 เม็ด"

ทันทีที่เสียงตะโกนราคา 100 เม็ดยาจากชายคนหนึ่งดังขึ้นทุกคนก็เริ่มเงียบเสียงลงไป ศิษย์ในนิกายเขตนอกแห่งนี้พวกมันล้วนได้รับเพียง 30 เม็ดยาเพิ่มลมปราณต่อเดือน แม้ว่าเม็ดยาเพิ่มลมปราณนี้จะเป็นเพียงโอสถธรรมดาหาได้ทั่วไปในนิกายเขตนอก แต่เหล่าศิษย์ทั้งหลายก็มักใช้พวกมันบ่มเพาะแทบจะทุกวัน ดังนั้นผู้ที่เก็บเอาไว้มากมายถึงเพียงนี้ย่อมหมายความว่า เม็ดยาพวกนี้ไม่ได้ช่วยอะไรในการบ่มเพาะของมันสักเท่าไรแล้ว

"150 เม็ดยา"

หลินฟ่านจับจ้องไปยังศิษย์คนที่เสนอราคา 150 เม็ดยา เขาไม่เคยเห็นหน้ามันมาก่อน แต่หลินฟ่านก็ค้นพบว่าแม้มันจะยืนเสนอราคาอย่างใจเย็นโดยไม่ได้ แสดงออกอะไรมากมาย ทว่าประกายตาของมันฉายความปราถนาในกระบี่เล่มนี้อย่างปิดไม่มิด ... ตั้งแต่อยู่นิกายแห่งีน้มาหลินฟ่านได้รับรู้ข้อเท็จจริงข้อหนึ่ง

ในโลกนี้ ทุกคนเพียงมุ่งหวังให้สุดทางเพียงหนึ่งสิ่ง

การบ่มเพาะมันแทบจะไร้ที่สิ้นสุด แล้วใครมันจะยอมเสียเวลาอันมีค่าในการบ่มเพาะไปทำอย่างอื่น? ผู้เพาะปลูกก็มุ่งเพียงเส้นทางการเพาะปลูก ช่างตีเหล็กก็มุ่งหน้าไปยังหนทางของช่างตีเหล็ก นักเล่นแร่แปลธาตุหรือนักหลอมโอสถ ก็เลือกที่จะเพิ่มความสามารถในด้านที่มันถนัด ...

ไม่มีใครที่คิดจะเสียเวลาเพาะปลูกอันมีค่าไป ศึกษาหรือฝึกฝนศาสตร์ด้านอื่นๆ ยกเว้นเพียงแต่คนผู้นั้นถึงคอขวดหรือมาสุดหนทางสายนั้นๆแล้ว และมันไม่มีวิธีก้าวข้ามไปจริงๆ พวกมันถึงจะหันเหมาศึกษาและฝึกฝนศาสตร์ด้านแขนงอื่นๆเพิ่มเติม

และถึงแม้นิกายปีศาจศักดิ์สิทธิ์จะจัดว่าเป็นนิกายใหญ่แห่งนึง พวกมันก็ยังไม่สามารถมอาวุธระดับต่ำให้ทุกคนได้

"200 เม็ดยา"

"250 เม็ดยา"

...

การเสนอราคาเริ่มรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้หลินฟ่านเริ่มตระหนักว่าเหล่าศิษย์หลายคนเลิกแข่งขันเสนอราคาแย่งชิงกระบี่เล่มนี้แล้ว พวกมันเพียงยืนนิ่งๆรอให้ ศิษย์ระดับสูงพวกนั้นเสนอราคาแย่งชิงกระบี่นี้กันต่อไป พวกมันเฝ้ารออาวุธที่เหลือของหลินฟ่าน

"1,000 เม็ดยา ... " แลทันใดนั้นเองเสียงจากชายชุดขาวผู้หนึ่งก็ดังขึ้น มันค่อยๆเยื้องย่าง มายังร้านของหลินฟ่านด้วยท่าทางสุขุม การแสดงออกของเหล่าศิษย์ทุกคนเปลี่ยนไปสายตาพวกมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัวต่อชายผู้นี้ พวกมันเลือกที่จะเดินหลบออกไปด้านข้างเปิดทางให้ชายชุดขาวผู้นี้เดินอย่างสะดวก

"เขาคือศิษย์พี่ อี้"

"1ใน 10 ศิษย์อัจริยะของนิกายปีศาจเขตนอก อี้ซี่งเทียน"

"ดูเหมือนพวกเราจักมิมีความหวังเสียแล้ว หากศิษย์พี่อี้มาด้วยตนเองพวกเราจักไปแข่งขันอันใดกับเขาได้ หากพวกเรายังคงฝืนเสนอราคาไป มิต้องผิดใจกับศิษย์พี่อี้หรอกหรือ "

ศิษย์หลายคนโดยรอบตอนนี้พวกมันเข้าใจแทบจะตรงกันทั้งหมดนั่นคือ กระบี่นี้มีเจ้าของเสียแล้ว ส่วนหลินฟ่านก็คิดขึ้นในใจว่า ‘เอ แบบนี้นับว่าเราสูญเสียรึเปล่าวะเนี่ย...’

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด