ตอนที่แล้วบทที่ 17 : ได้ EXP แค่ 10 ..กากไปมั้ยพี่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 19 : ศิษย์คนนี้เย็นชาดี ใช้ได้ๆ!!

บทที่ 18 : ศิษย์พี่หานสวมวิญญาณนักเบิร์น!!


หลินฟ่านรู้สึกผิดหวังอย่างมาก...หวังเทียนเฟิงที่อยู่ในระดับมนุษย์ขั้นที่ 6 จู่โจมมันเต็มกำลังแต่ EXP ของกายปีศาจนิรันดร์เพิ่มมาแค่ 10 เท่านั้น แล้วยังงี้ในอนาคตจะทำยังไงล่ะ?

แม้ว่าจะมีศิษย์สายนอกจำนวนมากที่มีระดับเหนือกว่าหวังเทียนเฟิง แต่อย่างมากพวกเขาก็เหนือกว่าไม่กี่ขั้น แล้วมันจะให้ EXP สักเท่าไรกันเชียว?

"เฮ่ออออออ ... " หลินฟ่านถอนหายใจออกมา ตอนนี้อารมณ์ของเขาหดหู่แต่ไม่รู้จะทำยังไง

หลินฟ่านไม่ได้สนใจอะไรคนในนิกายปีศาจศักดิ์สิทธิ์มากนัก เขามองพวกมันเป็นแค่ก้อน EXP เท่านั้น อาจจะมีบ้าง บางคนที่เขารู้สึกดีด้วย สำหรับคนอื่นถ้าไม่สามารถช่วยให้เขาได้รับ EXP ที่ต้องการ มันก็ไม่ได้มีค่าอะไรกับชีวิตเขา ส่วนคนที่หลินฟ่านคิดว่ายังพอคบหาได้นั้นก็มีอยู่ไม่กี่คน

เช่น หนี่หมิงหยาง และ หยินโม่เฉิน

หลินฟ่านเดินโต๋เต๋ไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็มาหยุดอยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง ‘หืมนี่บ้านหานลู่ไม่ใช่เหรอ?’ ในฐานะอริที่หลินฟ่านเคยใช้วิชาลิงขโมยลูกท้อทำร้ายรังไข่มันไปหนึ่งครั้ง ด้วยความหวังว่าศิษย์พี่หานคนนี้จะลงมือแก้แค้นหรือพาพวกมารุมกระทืบเขา แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นว่าเรื่องราวเงียบหาย ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งสิ้น เขารู้สึกเฟลๆ นิดหน่อยที่ไม่ได้รับการตอบโต้...

'ตอนนี้เราแข็งแกร่งเกินไปสำหรับคนพวกนี้'

หลังจาก "กายปีศาจอมตะ" พัฒนาเป็น "กายปีศาจนิรันดร์" ศิษย์พี่หานที่มีระดับบ่มเพาะมนุษย์ขั้นที่ 4 คงไม่มีปัญญาเพิ่ม EXP อะไรให้หลินฟ่านได้อีก แต่ไหนๆหลินฟ่านก็มาถึงที่แล้ว จะจากไปอย่างไร้ลีลาก็กระไรอยู่ อย่างน้อยก็เคาะประตูบ้านทักทายพอเป็นพิธีก่อนจะโจมตีพวงสวรรค์ด้วยวิชาลิงขโมยลูกท้ออีกสักครั้ง ได้ EXP นิดๆหน่อยๆ ก็เอา ...กำขี้ดีกว่ากำตด...ถ้ากำทั้งหมด ให้รีบไปล้างมือ!!

'ไหนๆก็ไหนๆ ขอสักทีวะ!!' หลินฟ่านตัดสินใจได้แล้ว...มันถูมือไปมาพร้อมรอยยิ้มลึกลับ

ภายในบ้าน…

หานลู่กำลังศึกษาวิชาและทำการบ่มเพาะอยู่ ภายในหนึ่งวันนอกจากใช้เวลาพักผ่อน 5 ชั่วโมงแล้ว เวลาที่เหลือทั้งหมดของหานลู่เขาทุ่มเทให้กับการบ่มเพาะ เขาเข้านิกายมาด้วยค่าเฉลี่ยของบุคคลธรรมดา ถ้าเขาไม่ได้รับ ขวดหยกของเจ้าแม่กวนอิม เขาก็ไม่ได้ต่างอะไรกับศิษย์ดาษๆ ทั่วไปในนิกาย

แต่หานลู่ไม่เคยท้อและไม่เคยยอมแพ้ เพราะตอนนี้เขามี "ขวดหยกศักดิ์สิทธิ์" เขาเชื่อมั่นว่าหากมีขวดใบนี้อยู่ในมือสักวันเขาต้องยิ่งใหญ่เหนือใครในชั้นฟ้า

ระดับบ่มเพาะเขาค้างอยู่ที่มนุษย์ขั้น 4 มาทั้งเดือน แต่คืนนี้หานลู่เตรียมตัวทะลวงผ่านไปยังระดับมนุษย์ขั้นที่ 5 เหตุผลที่เขาไม่รีบทะลวงผ่านเพราะเขาต้องการปูพื้นฐานให้แข็งแกร่งที่สุดในแต่ละระดับขั้น

ตอนนี้หานลู่ค่อยๆหยิบชามกระเบื้องลายครามใบหนึ่งออกมา ภายในชามเต็มไปด้วยหยาดน้ำค้างของเทพเจ้า กลิ่นของมันค่อนข้างรุนแรงนิดหน่อยเพราะ เขาได้ผสม เม็ดยา เร่งลมปราณ ลงไปนั่นเอง

เม็ดยานี้แต่ละเดือนศิษย์สายนอกจะได้รับเพียงหนึ่งเม็ดเท่านั้น และหานลู่ ก็ได้อดทนเก็บพวกมันไว้สองเม็ด มันบดเม็ดยาก่อนที่จะผสมกับหยาดน้ำค้างของเทพเจ้าที่สะสมมาตลอดทั้งเดือน วันนี้มันหมายมั่นว่าจะตัดผ่านไปยังระดับมนุษย์ขั้นที่ 5 ให้ได้ และถ้ามันโชคดีมันอาจจะทะลวงผ่านไปยังระดับขั้นที่ 6 ก็เป็นได้

หานลู่กำหมัดเอาไว้อย่างตื่นเต้น ตราบเท่าที่ระดับการบ่มเพาะของมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอย่างต่อเนื่องสักวันมันก็ต้องเข้าตาผู้อาวุโสในนิกาย และเมื่อเป็นเช่นนั้นมันก็มีโอกาสได้รับทรัพยากรมากขึ้นจากการเป็นศิษย์ส่วนตัว มันจะได้ไม่ต้องอดทนประหยัดอดออมแบบนี้

เม็ดยาเร่งลมปราณ แม้จะเป็นโอสถระดับต่ำ แต่หานลู่ก็ทะนุถนอมมันมาก เพราะมันได้รับเพียงเดือนละเม็ดเท่านั้น สองเดือนที่เขาอดทนเก็บรักษามันไว้ รวมถึงหยาดน้ำค้างเทพเจ้าที่มันเฝ้าสะสมมาตลอดทั้งเดือน วันนี้มันจะดื่มยาถ้วยนี้ลงไป และอิ่มเอมกับความสุขที่อดทนเอาไว้นานแสนนาน

...เพื่อบรรยากาศ หานลู่ หยิบถ้วยชามมาหลังประตู มันต้องการมองท้องฟ้า ผ่านช่องว่างเล็กๆตรงประตูในขณะที่ดื่มยาถ้วยนี้ มันอยากสัมผัสความรู้สึกพุ่งทะยานผ่านชั้นฟ้า ในขณะที่เลื่อนระดับขั้นการบ่มเพาะ

"เอาล่ะ จากนี้ข้าจะกลายเป็นมังกรในหมู่มวลมนุษย์ที่หลุดพ้นจากโคลนตมพุ่งทะยานผ่านชั้นฟ้า!!" หานลู่พูดออกมาด้วยสายตาเปล่งประกาย มันพยุงชามกระเบื้องลายครามขึ้นมาด้วยสองมือเตรียมที่จะดื่มยาในชามลงไป

...

ปังงงง!! เคร้งงง!!

“โย่ววว ศิษย์พี่หานอยู่อ๊ะป่าววว วันนี้ข้ามาปรับความเข้าใจกับท่านนิดหน่อย เรื่องที่ข้าเผลอทำไปครั้งที่แล้ว” หลินฟ่านดันประตูบ้านพักเข้าไปอย่างรุนแรง ก่อนที่จะตะโกนกล่าวทักทายออกมา

"อ้าว ... ศิษย์พี่หานไม่อยู่เหรอ?" เมื่อเห็นว่าภายในห้องกลับว่างเปล่าไม่มีใครอยู่หลินฟ่านก็สงสัย ‘ไอหานมันหายหัวไปไหนวะ แม่มอยากระเบิดไข่คนโว้ยยยย!!?’ แต่วินาทีต่อมาหลินฟ่านก็รู้สึกว่าเท้าของเขาเปียกน้ำ เมื่อมองไปก็พบน้ำเจิ่งนองเต็มพื้น เลอะเทอะเปรอะเปื้อนจากดินบนเท้าเขาไปหมด ...ซ้ำร้ายเขาพึ่งเหยียบขี้หมาบริเวณถนนหน้าที่พักมา ตอนนี้มันละลายผสมผสานกับน้ำที่เจิ่งนองตรงฝ่าเท้าจนสกปรกส่งกลิ่นเหม็นมาก

"อ้าว! ศิษย์พี่หานไปยืนทำอะไรอยู่หลังประตูอะ?" หลินฟ่านรู้สึกสงสัยว่าทำไมหานลู่ถึงไปยืนซึมอยู่หลังประตู สภาพของมันราวกับบุรุษที่พบว่านกเขาไม่ขันยังไงยังงั้น มันยืนน้ำตาซึมหมดอาลัยตายอยากอย่างน่าเวทนา

ทางด้านหานลู่ที่ยืนหลังประตูกำลังมองพื้นที่เปรอะเปื้อนด้วยอาการน้ำตาซึมพร้อมกับร่างกายที่สั่นเทิ้มอย่างน่าเวทนาอยู่นั้น ภายในใจมันคิดอยู่อย่างเดียวว่า ‘ความพยายามตลอดเดือนของข้า...จบสิ้นแล้ว’

หลินฟ่านมองด้วยท่าทางสงสัย ‘ท่าทางมันเหมือนคนหมดหวังหรือสูญเสียอะไรที่สำคัญไป เฮ่ย! หรือว่าพ่อมันพึ่งตายวะ!!’ หลินฟ่านรู้สึกอึดอัดกับสถานการณ์นี้ มันไม่รู้จะทำยังไง จึงยกมือขึ้นมาเกาหัวก่อนที่จะพูดออกมาพร้อมรอยยิ้มแห้งๆว่า "อว๋า โทษทีศิษย์พี่หาน ข้าหลงบ้านน่ะ ข้านึกว่าบ้านหลังนี้ของข้า ข้าไม่รบกวนเวลาท่านแล้วกัน ข้าไปก่อนนะ"

หลินฟ่านไม่รอการตอบสนองของหานลู่มันรีบหันหลังเตรียมปิดประตูชิ่งหนีทันที

"หยุด!!" ในขณะที่ฟลินฟ่านกำลังจะไป หานลู่ก็ตะโกนออกมา

"ศิษย์พี่หานมีไรเหรอ" หลินแฟนหันกลับมาพร้อมถามออกไปด้วยรอยยิ้มแห้งๆ

"เจ้ายังไปไหนมิได้!!" ร่างกายของหานลู่กำลังสั่นอย่างหนัก ราวกับว่าเขากำลังอดกลั้นอะไรบางอย่างแบบสุดกำลัง หลินฟ่านที่มองเห็นท่าทางราวกับคนกำลังจะระเบิดอารมณ์ออกมา มันก็รู้สึกกลัวนิดหน่อย เรื่องอะไรมันจะอยู่ต่อล่ะ เมื่อเห็นท่าไม่ดีมันรีบปิดประตูหนีไปทันที ...สงสัยศิษย์พี่จะโกรธที่เอาขี้หมามาละเลงหน้าบ้าน

.

เมื่อหลินฟ่านปิดประตูวิ่งหนีออกไป หานลู่ก็ตะโกนออกมาด้วยความบ้าคลั่ง

อ๊าคคคคคคคคคคคค........

หลังจากที่ตะโกนออกมา หานลู่ก็หมดแรงยืนมันคุกเข่าลงมาทั้งน้ำตา "สวรรค์ ข้าหานลู่ทำอะไรผิดต่อท่านเช่นนั้นหรือ? ไอ้เด็กบัดซบหลินฟ่าน!! หากข้ามิสามารถฆ่าเจ้าได้ชาตินี้ข้าหานลู่มิขอเป็นคน!!" ท่าทางของหานลู่ตอนนี้ดุดันราวกับมัจจุราช ความโกรธของมันแทบสะเทือนไปทั้งสวรรค์

หานลู่ลุกขึ้นยืนทั้งน้ำตา มันเปิดประตูออกไปดูข้างนอกว่ามีใครเดินผ่านไปผ่านมาหรือไม่ หลังจากที่ยืนยันแล้วว่าไม่มีใครอยู่มันก็ปิดประตู ก่อนที่จะค่อยๆก้มลงไปที่พื้น ....ในขณะนี้ ภายในห้องได้ยินแต่เสียง แผล่บๆ เท่านั้น และถ้าหลินฟ่านได้อยู่เห็นฉากนี้มันคงต้องตะลึงเป็นแน่

ศิษย์พี่หาน เบิร์นพื้นที่เปื้อนขี้ !! ...อาหย่อยเยย

...

"ฤทธิ์ของโอสถยังมิหายไปจนหมด ...แต่รสชาติช่างแปลกนัก ช่างมันเถอะ" ความเศร้าก่อนหน้านี้ของหานลู่เริ่มหายไป ตอนนี้มันเลียพื้นอย่างบ้าคลั่ง ...เป็นการเลียพื้นที่ทั้งโลกต้องตะลึงจริงๆ ลิ้นของเขาตวัดเลียพื้นราวกับผู้เชี่ยวชาญการเลียถ้ำสวรรค์จากหนังดังแดนซามูไร

หลังจากที่เขาเลียพื้นจนแห้งสนิทเขาก็รีบกลับไปนั่งขัดสมาธิเดินลมปราณทันที โอสถเสื่อมสภาพไปเกือบครึ่งโดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้คงเป็นไปไม่ได้ที่จะก้าวผ่านไปยังระดับมนุษย์ขั้นที่ 6 แต่สำหรับขั้นที่ 5 นั้นยังพอมีหวังอยู่มาก

...

หลินฟ่านกลับมานอนไขว้ขวากระดิกเท้าอยู่บนเตียง มันรู้สึกเอะใจอะไรบางอย่าง

"ดูเหมือน หานลู่จะไม่ธรรมดาซะแล้ว" หลินฟ่านบ่นงึมงำออกมา

ตอนที่เขาเปิดประตูเข้าไปแล้วเหยียบน้ำบนพื้น เขาสัมผัสได้ว่ามีกลิ่นหอมแปลกๆโชยออกมา มันโชยทะลุกลิ่นขี้หมาออกมาอย่างน่าอัศจรรย์ ตราบได้ที่ไม่ใช่คนปัญญาอ่อน ย่อมรู้ว่าน้ำบนพื้นต้องไม่ใช่ของธรรมดาอย่างแน่นอน และมันไม่น่าจะเป็นของที่ศิษย์สายนอกได้รับจากนิกาย

‘แล้วศิษย์พี่หานนั่นมันได้มาจากไหนวะ?’หลินฟ่านสงสัยนิดหน่อย แต่มันไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรมาก ของอะไรจะดีแค่ไหนก็สู้ระบบเทพวิชาของมันไม่ได้หรอก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด