ตอนที่แล้วบทที่ 11 : ไม่ลองไม่รู้เว้ยยย!!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 13 : ทำนองมันเพราะดีจริงๆ !!

บทที่ 12 : ขอโอกาสให้ข้าหน่อยเถอะ!!


ณ หอลงทะเบียน อัจฉริยะ

ในความมืดที่ราวกับตะวันดับแสง มือหนึ่งเอื้อมไปควานหาตำราตามชั้นวาง อาวุโสหลี่ที่สวมชุดคลุมสีดำราวกับจะกลืนกินไปกับความมืดกำลังค้นหาตำรายุทธ์และบันทึกที่เขียนโดยผู้ก่อตั้งนิกายปีศาจศักดิ์สิทธิ์ ในที่สุดเขาก็หยิบบันทึกลับเล่มหนึ่งที่เขียนโดยผู้ก่อตั้งนิกายขึ้นมา

ในความมืดมิดมีเพียงแสงสีเขียวคู่หนึ่งที่ลอยล่องกลางอากาศ พร้อมกับเสียงคลี่หนังสือดังขึ้น หากให้ผู้อื่นมาเห็นภาพดังกล่าวคงต้องเก็บไปนอนฝันร้ายเป็นแน่

"เหตุใดศิษย์ผู้นั้นจึงสามารถฝึก กายปีศาจอมตะ ให้อยู่ในระดับสูงได้ถึงเพียงนั้น? เรื่องราวประหลาดเช่นนี้มิเคยปรากฏขึ้นมาก่อนตั้งแต่ก่อตั้งนิกาย" อาวุโสหลี่กล่าวกับตัวเองเบาๆ

"กายปีศาจอมตะ" ที่บันทึกไว้ในหนังสือของผู้ก่อตั้งนั้นระบุไว้เพียงว่า ท่านได้คิดค้นขึ้นมาเพื่อให้กระสอบทรายมนุษย์ฝึกฝนเพื่อรองมือรองตีนศิษย์ฝึกหัดหรือศิษย์สายนอกเท่านั้น และไม่เคยปรากฏมาก่อนว่ามันมีขั้นที่สูงกว่าระดับ 3 ที่สามารถทนการโจมตีของผู้ฝึกตนเกินระดับมนุษย์ ขั้น 1-2 ไปได้

...

วันต่อมา…

หลินฟ่านที่ตื่นขึ้นมาสิ่งแรกที่เขาทำคือถกกางเกงลง พร้อมกับเช็คอาวุธในตำนานที่บิดามารดาเป็นคนมอบมาให้ เมื่อหลินฟ่านเห็นว่ามันยังผงาดง้ำค้ำโลกอย่างมิเกรงกลัวฟ้าดิน มันก็รู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก และหลังจากเมื่อวาน มันสาบานว่าชั่วชีวิตของมันนับจากนี้จะไม่ให้ภยันตรายใดๆเกิดกับของรักของมันเป็นอันขาด

ในขณะที่หลินฟ่านกำลังขัดถูหนอนที่เปลี่ยนเป็นมังกรผงาดอยู่นั้นเอง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น “ใครมันมาแต่เช้าวะ กำลังเพลินเลย? เฮ่ย หรือไอหานลู่มันมาเอาคืนแล้ว?”

แต่มันก็แปลก จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เขาทำร้ายรังไข่ของอีกฝ่ายหนักขนาดนั้น ถ้าเป็นหานลู่จริงคงไม่เคาะประตูอย่างสุภาพขนาดนี้ ป่านนี้มันคงถีบประตูบุกเข้ามาแล้ว หลินฟ่านไม่คิดอะไรมากมันรีบเพิ่มความเร็วข้อมือก่อนที่จะบรรลุโสดาบันในห้วงคำนึง แล้วจึงจัดแจงชำระล้างร่างกายก่อนที่จะเดินไปเปิดประตู

"หืม นายเป็นใคร?" หลินฟ่านมองคนตรงหน้าอย่างสงสัยก่อนที่จะเอ่ยถามออกมา หน้าตาของมันไม่เหมือนโจทย์เก่าหรืออะไรทำนองนั้น

"นายคืออันใด ช่างเถิดข้าเป็นศิษย์สายนอกเช่นเดียวกับเจ้า ข้าอาศัยอยู่บ้านพักหลังข้างๆเจ้านี่เอง เจ้าใช่ศิษย์ใหม่ที่ศิษย์พี่หนี่นำมาเมื่อวันก่อนใช่หรือไม่?" ชายหน้าประตูยิ้มอย่างสดใส ก่อนที่จะกล่าวกับหลินฟ่านราวกับเป็นน้องชายของมันคนหนึ่ง

"โอ้ ศิษย์พี่ข้างบ้านนี่เอง! มาพี่ชาย ...เอ๊ย ศิษย์พี่เข้ามาก่อน จ๋อๆ" หลินฟ่านกล่าวออกมาอย่างยิ้มแย้ม ไม่ใช่โจทย์มันยินดีต้อนรับหมด ...

“ฮ่าฮ่า ศิษย์น้องร่าเริงยิ่งนัก ศิษย์พี่หนี่ฝากฝังให้ข้าดูแลเจ้าเป็นอย่างดี ยามนี้เป็นเวลารับประทานอาหารของศิษย์สายนอก ศิษย์น้องพึ่งมาคงมิค่อยรู้ที่ทางอันใดมากนัก ข้าจักพาเจ้าไปรับประทานอาหารเช้าเอง” หยินโม่เฉินมองไปที่หลินฟ่านอย่างอบอุ่น เขารู้สึกว่าศิษย์น้องผู้นี้น่ารักซุกซนดี หากมีเวลาเขาจักมาเยี่ยมเยือนศิษย์น้องผู้นี้อีก

"โอ้ ขอบคุณมากศิษย์พี่ เรื่องนี้ข้าต้องพึ่งท่านแล้ว" หลินฟ่านกล่าวตอบอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่จะเดินตามหยินโม่เฉินออกไป นอกจากนี้หลินฟ่านยังกล่าวถามเรื่องอื่นๆ ระหว่างเดินทางไปโรงอาหารอีกด้วย

"โห ศิษย์พี่หยินโรงอาหารที่นี่ใหญ่มาก แถมคนก็เยอะมากด้วย" หลินฟ่านมองไปรอบเมื่อเห็นหัวดำๆหนาแน่นไปทั่ว ศิษย์ที่มารับประทานอาหารเช้าเยอะแยะมากมายนัก

"ฮ่าๆ ศิษย์น้องหลิน อาหารที่นี่เลิศรสนัก ศิษย์เขตนอกทุกคนนิยมมารับประทานอาหารที่นี่กัน" หยินโม่เฉินกล่าวตอบ

“โอ้ แบบนี้นี่เอง ...”

ภายใต้การแนะนำของหยินโม่เฉิน หลินฟ่านได้หยิบอาหารต่างๆมาลองรับประทานอย่างสนุกปาก 'มีเนื้อสัตว์และผักแปลกๆที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยแหะ ไม่รู้เนื้ออะไรแต่โคตรอร่อยเลย... ดีๆแบบนี้ค่อยเจริญอาหารหน่อย’

ท้องของหลินฟ่านป่องออกมาหลังจากที่มันยัดอาหารลงไปจนแน่น ตั้งแต่ที่มันก้าวเข้าสู้ระดับมนุษย์เมื่อวันก่อน มันก็หิวเป็นอย่างมาก มันเลยไม่คิดจะพูดหรือสนทนาอะไรกับใคร รีบยัดเอายัดเอาจนอิ่ม แล้วก็เป็นอย่างที่มันคาดเอาไว้ อาหารที่นี่ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิด มันเพิ่มค่า EXP ให้หลินฟ่านด้วย แม้จะเล็กน้อยก็ตาม

หลังจากที่อิ่มแล้วหลินฟ่านก็เงยหน้าขึ้นมามองหยินโม่เฉิน มันก็พบว่าอีกฝ่ายทำหน้าตกตะลึงอยู่ "เอ๋า ศิษย์พี่ทำไมท่านมองข้าแบบนี้ล่ะ ไม่กินเหรอ?" หลินฟ่านกล่าวถามออกมาหลังจากที่เห็นแววตาตกตะลึงของอีกฝ่าย

"มิมีอันใดหรอกศิษย์น้องหลิน เพียงแต่ยามที่ได้เห็นวิธีการกินและจำนวนอาหารที่เจ้าสามารถทานลงไปได้ ข้ารู้สึกเปิดหูเปิดตายิ่งนัก" หยินโม่เฉินกล่าวตอบออกมาพร้อมรอยยิ้ม

"ศิษย์พี่หยิน ศิษย์ทุกคนจะได้รับอาหารเพียงมื้อเดียวใช่หรือไม่" หลินฟ่านกล่าวถามออกมา

"ถูกแล้ว อาหารเหล่านี้เตรียมไว้ให้ศิษย์เพียงมื้อเช้าเท่านั้น" หยินโม่เฉินกล่าวตอบอย่างอารมณ์ดี ส่วนหลินฟ่านเมื่อได้ยินคำตอบมันก็ฉีกยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย

หลังจากที่หลินฟ่านมองทุกคนเป็นแค่ค่า EXP แล้วมันก็ไม่คิดจะญาติดีอะไรกับใคร มันต้องหาทางก่อเรื่องให้ผู้อื่นลงมือกับมัน เพื่อที่มันจะได้ตอบโต้ได้อย่างไม่ผิดศีลธรรมอันดีของมัน ??

หลินฟ่านมองถาดอาหารของหยินโม่เฉินที่เต็มไปด้วยอาหารมากมายอย่างสงบ หยินโม่เฉินยังไม่ค่อยได้กินอะไรเข้าไปมากเพราะมันได้แต่ตะลึงกับความเร็วในการกินของหลินฟ่าน ทันใดนั้นหลินฟ่านก็เอื้อมมือไปจับถาดอาหารของหยินโม่เฉินก่อนที่จะดึงเข้ามาหาตัว

.

"ศิษย์พี่หยิน ข้ายังไม่ค่อยอิ่ม อันนี้ท่านให้ข้านะ ท่านดูข้ากินเดี๋ยวท่านก็อิ่ม" หลินฟ่านกล่าวออกมาอย่างสงบ แต่ในใจมันกำลังฮึกเหิม 'ขึ้นมั้ยพี่ ขึ้นมั้ย ศิษย์พี่รีบๆของขึ้นนะ ...รีบโมโหแล้วลงมือโลด ข้าจะได้ระเบิดไข่ท่านได้อย่างบริสุทธิ์ใจ เพื่อ EXP ของข้า! โหสินะ แต่ข้าอยากให้ Lv มันขึ้นไวๆ’

สิ่งที่หลินฟ่านคาดไม่ถึงพลันบังเกิดขึ้น เมื่อหยินโม่เฉินได้ยินคำกล่าว มันทำเพียงแค่ยิ้มก่อนที่จะกล่าวออกมา "อ่า นี่เป็นความผิดของข้าเอง ศิษย์น้องยังเด็กจึงต้องทานอาหารเยอะข้าจึงมิได้เตรียมเอาไว้ให้มากพอ มิเป็นไรศิษย์น้องเจ้าเอาไปทานต่อเถิด " หยินโม่เฉินกล่าวออกมา

หลินฟ่านถึงกับอึ้งเมื่อได้ยิน 'แม่ง...เชี่ยไรว้า ... '

ทันใดนั้นหลินฟ่านก็ตระหนักขึ้นมา ‘ทำไมคนที่นี่มันยั่วยากขึ้นทุกวันวะ ... นิกายหอกไรเนี่ยทำไมคนแม้งใจกว้างกันจัง?’

"แล้วศิษย์พี่หยิน ไม่หิวเหรอ?" หลินฟ่านถามออกมา "ข้าก็หิว" หยินโม่เฉินกล่าวตอบออกมาพร้อมพยักหน้า

"อ่าวแล้วข้าแย่งอาหารท่านมาเนี่ย ท่านไม่โกรธเหรอ?" หลินฟ่านรู้สึกสลดจนอยากจะร้องไห้ ‘เอ็งไม่มั่นใจว่าจะชนะข้ารึยังไง?’

หยินโม่เฉินยิ้มก่อนที่จะส่ายหัวไปมา "ในฐานะคนเป็นพี่ก็ต้องมีหน้าที่ดูแลน้อง หากน้องหิวก็เป็นหน้าที่ของพี่ที่จะช่วยให้น้องอิ่ม มิถูกหรือ"

'โห ยอมใจ แม่งเลยว่ะ... '

ถ้าตอนนี้ไม่มีใครอยู่หลินฟ่านคงร้องไห้ออกมา ‘นิกายปีศาจห่าเหวอะไรวะ ใจศิษย์แม่งหล่อยังกะนักบุญ ... แล้วจะทำยังไงละเนี่ยทีนี้ ?'

"ศิษย์พี่ข้าไม่ค่อยหิวแล้ว พอดีมันพึ่งรู้สึกอิ่ม ท่านทานอาหารต่อเถิด" กล่าวจบหลินฟ่านก็ผลักถาดอาหารคืนหยินโม่เฉิน

"ศิษย์น้องหากเจ้ายังมิอิ่มก็อย่าได้เกรงใจ ศิษย์พี่ยินดีมอบอาหารนี้ให้เจ้า" หยินโม่เฉินกล่าวออกมา

"ไม่ไหวแล้วศิษย์พี่ ข้าเริ่มจุกนิดๆแล้วล่ะ" หลินฟ่านตอบปฏิเสธพร้อมกับส่ายหัวไปมา

...

ทันใดนั้นเอง เสียงคนขยับเก้าอี้พร้อมกับนั่งลงก็ดังขึ้นข้างๆ

"เจ้าไม่กิน งั้นข้ากินเอง"

หลินฟ่านมองไปยังกลุ่มคนที่เข้ามาฮุบอาหารอย่างหน้าด้านๆ ก่อนที่จะเหลือบไปมองผู้ชายตัวสูงใหญ่ราวกับภูเขายืนประกบอยู่ด้านหลัง

"ฮิฮิ อาหารนี้เป็นของข้าแล้ว" เสียงใสราวกับระฆังดังขึ้นบ่งบอกว่าผู้พูดเป็นสตรีแน่นอน หลินฟ่านได้ยินก็หันไปจ้องผู้พูดที่แย่งอาหารไปตาเขม็ง

"ทำไม ตอนนี้อาหารเป็นของข้าแล้ว เจ้ามีปัญหาอะไร? "

...

หลินฟ่านยืนขึ้น ตอนนี้ใจของเขารู้สึกเริงร่าอย่างมาก ‘โอ้วพระเจ้าจอร์จในที่สุดก็เจอคนแบบนี้สักที ..ข้าคิดไว้แล้วศิษย์ตั้ง 8,000 จะไม่มี ใครชั่วเลยมันเป็นไปไม่ได้’

"ศิษย์น้องหลินช่างเถิด อย่าเอาความอันใดเลย ... เขาเป็นศิษย์น้องของศิษย์พี่ อี้" หยินโม่เฉินกล่าวด้วยความเกรงกลัว แต่เมื่อหลินฟ่านได้ยินกลับดีใจเป็นอย่างมาก ‘อะฮ่า มีคนคุ้มกะลาหัวด้วยเว้ย งานนี้มันส์พะย่ะค่ะ’

"ศิษย์พี่หยิน แล้วศิษย์พี่อี้นี่เป็นใครเหรอ? "หลินฟ่านกล่าวถามออกมาเบาๆ ด้วยความสนใจหลังจากที่นั่งลง

"เขาเป็น 1 ใน 10 ของศิษย์อัจฉริยะเช่นเดียวกับ ศิษย์พี่เมิ่ง ฐานะของเขาสูงมากในนิกายเขตนอก คนที่แย่งอาหารเจ้าเป็นหนึ่งในศิษย์ที่ติดตามของ อี้ซั่งเทียน แม้ในนิกายจักมิค่อยมีอันธพาลแต่มิได้แปลว่าหามีไม่ ศิษย์น้องเจ้าต้องระวังคนพวกนี้เอาไว้ให้มาก "หยินโม่เฉินกระซิบเตือนด้วยความหวังดี

"โอ้วว" หลินฟ่านพยักหน้ารับคำ หยินโม่เฉินถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขากลัวว่าหลินฟ่านจะไม่ยินยอมสยบต่อความอยุติธรรม ถึงนิกายจะห้ามศิษย์ต่อสู้กันเอง แต่เมื่อมีศิษย์จำนวนมากการกระทบกระทั่งปะทะกัน มันก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

แต่ในขณะที่หยินโม่เฉินกำลังโล่งอกจนหยิบน้ำมาดื่มอยู่นั้น หลินฟ่านก็ลุกขึ้นอย่างเร็วอีกครั้งจนเก้าอี้กระเด็นล้มลงไปเสียงดัง หยินโม่เฉินตกใจจนพ่นน้ำออกมาดังพรวด

“นิ...นี่ศิษย์น้องหลินเจ้าคิดทำอันใดกัน? เจ้าอย่าได้มีเรื่องกับพวกมันเลย” หยินโม่เฉินรีบกล่าวห้ามออกมา ตอนนี้สีหน้ามันซีดลงอย่างเห็นได้ชัด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด