ตอนที่แล้วตอนที่ 67 จบการคัดเลือก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 69 หมื่นเหมันต์ (6/11/17)

ตอนที่ 68 ทางลับ (5/11/17)


68

 

ก๊อกๆ

เสียงเคาะประตูทำให้จางหมิงที่กำลังทำความเข้าใจคัมภีร์หมาโจรในมือต้องเก็บตำรากลับ จากสัมผัสพลังที่อยู่ด้านนอกมันก็รู้แล้วว่าใคร แต่เพียงไม่คิดว่าจะมาถึงเร็วแบบนี้เท่านั้น

“เข้ามาเถอะ”

ประตูเปิดออกพร้อมกับร่างสูงของจางซิ่งที่ดูจะสูงขึ้นกว่าเดิมมากทีเดียว จางหมิงจึงได้เลิกคิ้วอย่างแปลกใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

“คารวะนายน้อย ไม่เจอกันนานพอดูคิดว่าท่านคงสบายดี” จากซิ่งเป็นฝ่ายทักทายผ่านความเงียบก่อน

ในความคิดของจางหมิง แม้คนผู้นี้จะดูสงบนิ่งและเป็นผู้ใหญ่กว่าแต่ก่อน แต่แววตาเทิดทูนบูชานายน้อยอย่างที่แล้วมายังอยู่คงเดิมไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด ในส่วนของจางซิ่งเองก็ไม่ได้แปลกใจกับปฏิกิริยาเฉื่อยชาไม่เข้ากับบุคลิกของจางหมิงที่ได้แสดงออกมา หรืออาจจะเป็นความเคยชินเมื่อได้อยู่ร่วมกันมาพักหนึ่งก็เป็นได้

“ตอนนี้ยังสบายดี หากต่อไปก็ไม่แน่... เจ้าอยู่ที่นั่นคงสบายดีกว่ากระมัง”

“ขอรับ ผู้อาวุโสที่ดูแลข้าน้อยออกจะใจดีกับศิษย์ใหม่มาก แต่ถึงอย่างนั้นก็เข้มงวดเรื่องการฝึกฝนพอสมควร หากนั่นก็ทำให้ข้ามีฝีมือเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว” จางซิ่งบอกออกมาอย่างไม่ปิดบัง

“ก็ดี... มาเข้าเรื่องเถอะ”

สีหน้าจริงจังของจางหมิงทำให้จางซิ่งหุบยิ้มลงแล้วตั้งใจฟัง มันไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจึงได้ให้ความเคารพนายน้อยผู้นี้มากกว่านายน้อยคนอื่นๆที่มันชื่นชมมาแต่แรก

“เจ้าที่เป็นศิษย์สายในคงรู้จักสถานที่ตั้งของหอสมบัติสำนักสินะ” จางหมิงถามออกไปพร้อมกับเชื้อเชิญให้จางซิ่งนั่งลงบนเก้าอี้อีกตัวในห้อง

“เอ่อ ขอรับ” จางซิ่งที่ตอบออกไปแอบเหลือบแลอักษรประหลาดบนผนังห้องอย่างสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามถึง

เพื่อป้องกันการแอบฟังและบุคคลภายนอกที่ต้องการจะเข้ามา จางหมิงจึงได้ตราผนึกไว้บนผนังห้องและแม้แต่บนพื้น อีกทั้งมันมั่นใจว่าจากนิสัยของผู้ติดตามของมันคนนี้ก็คงไม่ถามซักไซ้อื่นใด

ตราผนึกที่จางหมิงได้เรียนรู้มีวิธีการใช้งานอย่างง่ายอยู่สามวิธี หนึ่งนั้นคือการปิดกั้นความสามารถของสิ่งอื่นจนกว่าจะได้รับการปลดผนึก แต่กระนั้นยิ่งความสามารถนั้นแข็งแกร่งเท่าไหร่ก็จะยิ่งใช้เวลามาก วิธีที่สองคือการผนึกพื้นที่ซึ่งต้องตราอักษรด้วยตนเองแต่ก็แสดงผลได้เพียงเวลาไม่นาน อาจเป็นหนึ่งวันหรือแค่ไม่กี่ชั่วโมง และวิธีสุดท้ายคือการตราผนึกกล่อมจิตที่จางหมิงเรียนรู้เพียงบางส่วนเนื่องจากมีความซับซ้อนสูงเกินไป แต่นั่นก็อาจจะทำให้เป้าหมายรับคำสั่งง่ายๆที่ไม่ขัดต่อจิตสำนึกได้บ้าง ส่วนในระดับที่มากกว่านั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะเรียนรู้ในตอนนี้

ห้องของจางหมิงได้ตราผนึกพื้นที่เอาไว้ ระยะเวลาที่มันกำหนดไว้คือสามวันแต่ก็ไม่คิดว่าจางซิ่งจะมาหาในแทบจะวันเดียวกันที่ได้ขอให้จูลี่ถิงส่งข่าว

“หอสมบัติสำนักแน่นอนว่าย่อมสำคัญ ดังนั้นทางสำนักจึงได้จัดวางหอสมบัติไว้ใจกลางสำนักซึ่งทางเข้าออกสี่ทิศจากทุกตำหนักสายนอก และมันถูกปกป้องด้วยผู้มีความสามารถระดับขั้นมนุษย์ขึ้นไป” จางซิ่งตอบอย่างไม่ปิดบัง

“ทางเข้าสี่เส้นทางหรือ... แล้วทางลัดเข้าสู่หอสมบัติล่ะ”

“นายน้อย นี่มัน...”

“เจ้าไม่รู้... จริงหรือ” จางหมิงเลิกคิ้วแล้วจ้องฝ่ายตรงข้ามอย่างจริงจัง

“ก็... มันก็มีอยู่สองสามทางขอรับ” จางซิ่งยังคงไม่ปิดบังนายน้อยของมันแม้จะเคลือบแคลงอยู่บ้างก็ตาม

จางหมิงไม่ได้สนใจท่าทางเหมือนกินยาขมของอีกฝ่าย มันยังคงจ้องเขม็งอย่างไม่ลดละเพื่อรอคอยคำตอบที่ต้องการ จางหมิงรู้ว่าใครพร้อมที่จะตอบทุกคำถามของมัน และถ้าจางซิ่งตอบออกมาตามจริง สักวันมันต้องสืบรู้ให้ได้ว่าครอบครัวมันไปพาคนแบบนี้มาจากไหน และเพราะเหตุการณ์อะไรที่ทำให้ไว้ใจคนในครอบครัวของมันขนาดนั้น

“ท่านต้องการไปที่หอสมบัติหรือ” และดูเหมือนจางซิ่งจะรับรู้ในสิ่งที่จางหมิงต้องการ แต่การที่ต้องบอกซึ่งเส้นทางลับของสำนักออกไปก็ออกจะเป็นกังวลอยู่บ้าง หากเมื่อผู้ถามเป็นนายน้อยที่นายใหญ่ของตระกูลฝากฝังให้ดูแลและช่วยเหลือก็คงจะเลี่ยงไม่ได้อยู่ดี

“แล้ว...”

“ขอรับ คือ...”

 

 

 

 

 

ตอนนี้จางหมิงและพรรคพวกอันได้แก่จางซิ่งที่ไม่ว่าอย่างไรก็จะติดตามมา ซื่อเก่อเหยียนที่เห็นมันเดินผ่านห้องตอนกลางดึกก็ขอตามมาอย่างนึกสนุกพร้อมกับพรรคพวกทั้งสาม อีกทั้งจูลี่ถิงที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหนก็ร่วมกลุ่มไปด้วย

เส้นทางลับนั้นที่ใกล้ที่สุดอยู่เพียงแค่ปลายจมูกนี่เอง

ด้านหลังสวนกว้างของแปลงสมุนไพรที่ไม่ค่อยจะมีคนเข้าไป นั่นก็นับว่าเป็นสถานที่ซ่อนชั้นดีจนนึกไม่ถึง หากไม่มีจางซิ่งบอกกล่าวจางหมิงก็คงไม่เข้าไปในสถานที่รกทึบนั่นแน่ๆ

“นี่พวกเจ้ามาทำอะไรกันน่ะ” เจ้าอ้วนเดินตามอยู่ด้านหลังถามขึ้น

“อ่า ความจริงท่านควรถามก่อนตามมานะขอรับ” เป็นจางซิ่งที่เป็นผู้ตอบคำถามนั้น

“แล้วนี่เจ้าเป็นใคร” เจ้าอ้วนจ้องมองฝ่ายตรงข้ามอย่างแปลกใจเพราะไม่ได้คุ้นหน้าเอาเสียเลย

“ข้าน้อยมีนามว่าจางซิ่งเป็นผู้ติดตามของนายน้อยจางหมิงจากตระกูลจางที่มาจากทางตอนใต้ของอาณาจักร แต่ที่ศิษย์พี่ไม่เห็นข้าในช่วงเวลาที่ผ่านมาเพราะข้าอยู่ในส่วนกลางของสำนักขอรับ”

“โอ้ ศิษย์สายในน่ะเอง”

หลังจากนั้นพวกมันก็แนะนำตัวพอเป็นพิธีแล้วเร่งรุดไปยังจุดหมายข้างหน้า

พงหญ้ารกทึบแทบมองไม่เห็นพื้นที่รอบๆทำให้จางหมิงขมวดคิ้ว แม้จางซิ่งจะรู้ทางเนื่องจากผู้อาวุโสได้บอกกล่าวไว้ก็ยังไม่เคยมาสำรวจสถานที่ด้วยตนเองจึงไม่ได้ช่วยให้รู้เส้นทางที่แท้จริงนั้น

ตุบ!

“โอ๊ย! อะไรเนี่ย”

“ศิษย์พี่เป็นอย่างไรบ้าง”

เจ้าอ้วนล้มลงพร้อมกับบ่นเบาๆเมื่อสะดุดบางอย่างเข้า ในคราแรกทุกคนต่างคิดว่าเป็นเพียงรากไม้หรือก้อนหินแต่เมื่อเห็นเจ้าอ้วนนั่งลูบๆคลำๆพื้นจึงพากันหันเหความสนใจไปที่มัน

ครึก ครึก ครึก ...

เสียงประหลาดนั่นยังคงดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่องเมื่อซื่อเก่อเหยียนดึงบางอย่างออกจากพื้น

มันคือห่วงวงกลมที่ใช้ยึดจับพร้อมๆกับสายโซ่เส้นใหญ่ที่คล้องเอาไว้ด้วยกัน เมื่อโซ่นั้นถูกดึงขึ้นมามากเท่าไหร่เสียงแปลกๆก็ดังขึ้นเท่านั้น จนกระทั่งแผ่นหินที่ใต้เท้าของจางหมิงสั่นไหวมันจึงได้กระโดดออกไปแล้วจ้องมองอย่างพิจารณา

ทางลับที่ตามหาค่อยๆเปิดออกอย่างช้าๆ ฝุ่นคลุ้งเนื่องจากผืนดินที่ปกคลุมด้านบนกระจายตัว หากก็ถูกสายลมจากปราณพัดออกไปเผยให้เห็นซึ่งทางลาดลงไปใต้ดินพร้อมกับบันไดหินเรียบกริบเสมอกัน

“เจ้าตามหาสิ่งนี้หรือ” เจ้าอ้วนถามเมื่อเห็นศิษย์น้องของมันแย้มยิ้มออกมาน้อยๆ

ซื่อเก่อเหยียนปล่อยมือที่จับสายโซ่เมื่อเริ่มเมื่อยเพราะความหนักของมัน แต่ไม่ทันไรก็ต้องเปลี่ยนกลับไปดึงรั้งไว้อีกครั้งอย่างลนลานเมื่อทางเข้าค่อยๆปิดเมื่อโซ่เส้นโตเริ่มคืบคลานเข้าไปใต้พื้นดินเช่นเดิม

ฟุบ!

จางหมิงกระโดดลงเป็นคนแรกตามมาด้วยจางซิ่งที่ติดตามไปเป็นเงา ตามต่อไปด้วยจูลี่ถิงและสมุนหนึ่ง ซื่อเก่อเหยียนเห็นดังนั้นจึงรีบนำห่วงในมือยัดใส่มือของสมุนสองแล้วตามลงไป จะเหลือก็แต่สมุนสองที่ยังมีอาการงงงันไม่หายกับสมุนสามที่เป็นสตรีหนึ่งเดียวในกลุ่มของมัน

“ข้า... ข้าควรตามไป” เธอเอ่ยออกมาแบบนั้นก่อนจะตามไปในทันที

“นี่! เดี๋ยว!” สมุนสองพยายามตามไปด้วยหากปล่อยมือประตูลับนั้นก็เลื่อนปิดลงจนต้องกลับมาดึงไว้เช่นเดิม มันมองความมืดมิดที่เห็นเพียงเงารางเลือนรอบตัว มองไปยังต้นสมุนไพรพุ่มเตี้ยที่สายไหวกับต้นหญ้าสูงลิ่วขาดการดูแล เสียงลมหวีดหวิวดังแว่วยิ่งขับเน้นให้ความเงียบสงัดนี้น่าหวั่นเกรงกว่าเดิม

‘รีบกลับมาเถอะศิษย์พี่ ให้อยู่คนเดียวในที่แบบนี้ข้าก็ไม่ไหวเหมือนกัน’ มันก็ได้ครางงึมงำในลำคอ

 

 

 

 

ทางเดินนั้นค่อนข้างอับชื้นและเจิ่งนอง ภายในที่แห่งนี้ดูไปแล้วค่อนข้างเก่าแก่ รอยน้ำกัดเซาะจนผนังรอบด้านไม่เรียบเสมอกันทำให้จางหมิงนึกถึงทางเดินน้ำเก่าๆในชุมชนแออัดที่ตนเองเคยอยู่ แม้ว่ากลิ่นจะไม่ได้เน่าเหม็นเฉกเช่นเดียวกันแต่กลิ่นดินทรายคลุ้งทั่วนี้ก็ทำให้มันนึกถึงอดีตในช่วงเวลาหนึ่ง

“ว่าแต่ศิษย์น้อง เจ้าจะไปไหนหรือ” ในครานี้จูลี่ถิงที่อยู่เงียบๆมานานได้เอ่ยถามบ้าง

“ใช่ว่าศิษย์พี่รู้อยู่แล้วหรือจึงได้ตามมา” จางหมิงถามกลับทั้งๆที่ไม่ได้หันกลับไปมองบุคคลด้านหลัง

“อา... ข้ามิใช่ศิษย์พี่ถางที่จะรอบรู้ไปทุกเรื่องราว หากที่ติดตามมาย่อมเพราะเป็นห่วงพวกเจ้าเท่านั้น”

“หากข้ากำลังจะไปเยือนหอสมบัติสำนักท่านจะหันหลังกลับหรือมะ...” แต่จางหมิงพูดไม่ทันจบดีเสียงร้องของเจ้าอ้วนก็กลบคำพูดที่เหลือจนสิ้น

“เจ้าบ้าไปแล้ว! คิดว่าง่ายดายเพียงแค่เดินเข้าไปหรืออย่างไร!”

“ข้ามิได้บอกให้ท่านตามมา เช่นนั้นท่านสมควรกลับไป” เสียงนิ่งเรียบของจางหมิงที่ยังคงเดินหน้าต่อไปไม่หยุดทำให้เจ้าอ้วนกัดริมฝีปากตนเองอย่างเคร่งเครียด

จางหมิงเป็นเพียงศิษย์น้องผู้หนึ่งที่เพิ่งเข้าสำนักมาก็เท่านั้น แต่ตัวมันซื่อเก่อเหยียนเป็นศิษย์พี่ที่มีประสบการณ์มากกว่าไหนเลยจะยอมพ่ายแพ้ต่อศิษย์น้องผู้นี้ได้ จึงได้แต่เชิดหน้ากอดอกแล้วเดินตามไปทั้งๆที่ในใจหวาดกลัวอยู่บ้าง

ทางเดินยังคงทอดยาวไม่สิ้นสุด หนทางลัดเลาะไปมาช่างวกวนแต่ก็ไม่สามารถทำให้ผู้ฝึกยุทธ์เหล่านี้หลงทางได้ เพราะจะอย่างไรเมื่อซื่อเก่อเหยียนกลับมาเป็นฝ่ายนำทางโดยใช้สัมผัสพิเศษและความโชคดีของตนเอง ไหนเลยจะไปไม่ถึงที่หมาย

ในความเป็นจริงตัวตนของเจ้าอ้วนนั้นก็ล้วนมีโชคมากกว่าผู้อื่นเสมอมา หากมันเริ่มคิดว่าโชคของมันเริ่มแย่ลงเมื่อเจอกับจางหมิงนี่แหละ

 

 

+++

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด