ตอนที่แล้วReincarnation Of The Strongest Sword God ตอนที่ 4 - ความรู้สึกที่เกิดจากความตาย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปReincarnation Of The Strongest Sword God ตอนที่ 5 – การท้าทายจากตลาดมืด

Eternal Martial Sovereign ตอนที่ 7 – สกัดพิษ


*หยานชิเฟย เปลี่ยนเป็น หยานซือเฟย

 

ตอนที่ 7 – สกัดพิษ

 

เมื่อสองปีก่อน หยานซือเฟยได้รับบาดเจ็บโดยสัตว์อสูรนรกานต์เมฆาม่วงขอบเขตต้นกำเนิด ขณะที่สำรวจลึกลงไปในหุบเขาเมฆาม่วง พิษของสัตว์อสูรได้เข้าไปกระดูกของนาง หลังจากนั้นก็ผ่านมา 2 ปีแล้ว นางก็ยังไม่สามารถสกัดมันได้อย่างเต็มที่ แม้ปรมาจารย์นักเล่นแร่แปรธาตุคนเดียวของเขตเมฆาม่วงก็ไม่สามารถทำอะไรได้

 

โชคดีที่จิตวิญญาณการต่อสู้ของเซี่ยวหยุนสามารถสกัดพิษจากหยานซือเฟยได้ทุกครั้งที่มันแสดงอาการ ซึ่งทำให้ช่วยชีวิตนางไว้ได้

 

เหตุการณ์ได้ดำเนินต่อเนื่องต่อไปเป็นเวลา 2 ปี

 

เนื่องจากแบบนี้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเซี่ยวหยุนกับหญิงสาวคนนี้กลายเป็นใกล้ชิดกันขึ้น

 

พิษนั้นได้ฝังอยู่ที่หลังของนางมันอยู่ที่ด้านหลังของหัวใจจึงทำให้ไม่สะดวกเล็กน้อยที่จะสกัดมัน

 

จิตวิญญาณการต่อสู้ของเซี่ยวหยุนไม่สามารถสกัดพิษได้อย่างเหมาะสม ถ้ามันมีเสื้อผ้าขวางกั้นอยู่ ดังนั้นเซี่ยวหยุนมักจะหลบอยู่หลังม่านบังเพื่อหยานซือเฟย

 

“ข้าสงสัยว่าข้าสามารถที่จะสกัดพิษอย่างสมบูรณ์จากพี่สาวใหญ่ซือเฟยได้หรือไม่ เมื่อจิตวิญญาณการต่อสู้ของข้าแข็งแกร่งขึ้น” เซี่ยวหยุนคิดกับตนเอง

 

เซี่ยวหยุนมักจะค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับเรื่องพิษของหยานซือเฟย เนื่องเหตุผลที่นางโดยพิษก็เกี่ยวข้องกับเขา

 

ณ ตอนนั้น หยานซือเฟยได้เดินทางไปที่ภูเขาเมฆาม่วงเพื่อมองหาเถาวัลย์จิตวิญญาณม่วง อย่างไรก็ตามนางกลับพบไฟต้นกำเนิด ที่มีโสมแก่นแท้ไฟพันปี นางตัดสินใจที่จะดึงมันไปให้เซี่ยวหยุน ด้วยความหวังที่ว่ามันจะรักษาปราณเย็นของเซี่ยวหลิงเอ๋อ แต่ใครจะไปคิดนางจะถูกซุ่มโจมตีโดยสัตว์อสูรนรกานต์เมฆาม่วง ไม่เพียงแต่นางจะได้รับโสมแก่นแท้ไฟพันปี นางกระทั่งไม่ได้รับแม้แต่เถาวัลย์จิตวิญญาณม่วง

 

เซี่ยวหยุนรู้สึกผิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เสมอ

 

“น้องเล้กเซี่ยวหยุน ข้าพร้อมแล้ว” เสียงที่อ่อนแอและน่าหลงใหลก็ดังขึ้น ซึ่งทำให้หัวใจของเซี่ยวหยุนสั่นสะท้าน คิ้วของเขายกขึ้นขณะหายใจลึก ๆ และเดินตรงไปยังเตียงสีม่วง

 

หลังจากเดินผ่านม่าน เซี่ยวหยุนได้เดินมาที่เตียงและได้มองเห็นหญิงสาวที่สวยงามอย่างไม่เชื่อ

 

“ช่วง สวยงาม”

 

เซี่ยวหยุนช่วยไม่ได้ ได้แต่ยกย่องนางขณะเขาเดินผ่าน

 

“เด็กชายตัวน้อยเจ้ากำลังมองหาอะไรอยู่” ใบหน้าของหยานซือเฟยกลายเป็นสีแดงเล็กน้อยขณะที่นางเหลือบมองเขา ราวกับนางรู้สึกว่าเขาจ้องมองเต็มไปด้วยความชื่นชม

 

“พี่สาวใหญ่น่ารักมาก” เซี่ยวหยุนพึมพำ

 

“เด็กน้อยเจ้ารู้อะไร?” หยานซือเฟยกรอกตาไปที่เซี่ยวหยุน

 

“ข้าไม่ใช่เด้กอีกต่อไปแล้วนะ” เซี่ยวหยุนกล่าวด้วยความรู้สึกเคือง “ในเขตเมฆาม่วง คนส่วนใหญ่อายุ 16 ปีก็มีภรรยากันแล้ว”

 

“ดูเหมือนว่าน้องเล็กเซี่ยวหยุนต้องการภรรยา”

 

หยานซือเฟยยิ้ม ความซีดเซียวจากใบหน้าของนางหายไปเล็กน้อยขณะที่นางมองไปยังเด็กหนุ่มที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก “เด็กหญิงคนกันไหนที่น้องเล็กจับตาดู? เจ้าต้องการให้พี่สาวใหญ่เป็นแม่สื่อให้พวกเจ้าหรือไม่?”

 

“จะเป็นอย่างไรถ้าข้าจับตาดูพี่สาวซือเฟย?” เซี่ยวหยุนยิ้มด้วยรอยยิ้มที่ดูไม่ค่อยเหมือนใครในขณะที่เขามองไปที่หญิงสาว

 

หยานซือเฟยตัวแข็งไปชั่วขณะและหน้านางก็แดง

 

“ใบหน้าของพี่สาวใหญ่กลายเป็นสีแดงแล้ว” เซี่ยวหยุนล้อเลียนขณะที่เขายิ้มกว้าง “เป็นไปได้ไหมที่พี่สาวใหญ่รู้สึกอาย”

 

“เด็กเหลือขอ เจ้ากล้าล้อเลียนข้า? ข้าจะไม่พูดกับเจ้าอีกแล้ว เร็วเข้ารีบช่วยพี่สาวใหญ่สกัดพิษ” หยานซือเฟยกลอกตาก่อนที่จะมองไปทางอื่น เซี่ยวหยุนรีบมองออกไปไม่กล้าที่จะแกล้งนางอีก

 

“ข้าอายุ 16 ปีแล้ว” เซี่ยวหยุนบ่นอุบอิบขณะบุ้ยปาก เขาไม่ค่อยพอใจกับการถูกเรียกว่าเด็กเหลือขอ เขามองไปที่เรือนร่างที่สมบูรณ์แบบของหยานซือเฟย เขาต้องการที่จะพิสูจน์ตัวเองแต่ก็โยนความคิดนั้นทิ้งทันที – การรักษาพิษของพี่สาวหยานซือเฟยสำคัญกว่า

 

หลังจากถอดรองเท้าแล้ว เซี่ยวหยุนไต่ขึ้นบนเตียงและไขว้ขาของเขา(นั่งขัดสมาธิ)ขณะที่เขานั่งอยู่ข้างหลังหญิงสาว

 

หยานซือเฟยก็นั่งไขว้ขาด้วยการเปิดเผยหลังที่สวยงามของนาง

 

หลังของหญิงสาวนั้นขาวเหมือนกับครีมและผิวขอนางดูอ่อนโยนดูเหมือนแม้แค่ลมพัดอาจทำให้บุบสลายได้ มันช่างสวยงามมากจนลืมหายใจขณะมอง

 

ขณะที่เขากำลังนั่งอยู่ใกล้เธอ เซี่ยวหยุนยังสามารถได้กลิ่นหอมที่ชวนมึนเมา

 

เขาส่ายหัวแล้วเป่าความคิดที่ชื่มชมทิ้งไป นี้เป็นเพราะฝ่ามือบริเวณหลังหัวใจของหยานซือเฟยได้มีรอยสีดำกระจายออกมาเหมือนกับใยแมงมุม ผิวรอบ ๆ บริเวณนั้นมีสีดำสนิท

 

นี่เป็นอาการของพิษเมื่อแพร่กระจายไปทั่วร่างกายแล้ว แม้กระทั่งเซี่ยวหยุนก็จะไม่สามารถนำมันกลับมาเหมือนเดิมภายใต้การควบคุมได้

 

ยิ่งไปกว่านั้น พิษได้เริ่มกระจายออกไปจากศูนย์กลางแล้ว ยังมีเส้นใยปราณสีดำเข้มซึ่งทำให้เกิดกลิ่นเหม็นเล็กน้อย

 

แม้ว่าจะเป็นเพียงเล็กน้อย มันทำให้เกิดมลทินในกลิ่นหอมอย่างสมบูรณ์ เหมือนรอยเปื้อนในภูมิทัศน์ที่งดงาม

 

“พี่สาวใหญ่ซือเฟย ข้าจะเริ่มแล้วเดี๋ยวนี้” เซี่ยวหยุนยื่นฝ่ามือออกมาและกิ่งหยกสีเขียวก็ปรากฏออกมา จิตวิญญาณการต่อสู้ได้ทำให้แสงหยกสีเขียวสุกใสที่มีกลิ่นอายแห่งชีวิตอันหนาแน่นตกลงไปยังผิวหนังของหญิงสาว

 

 

ซือเฟยตัวสั่นอย่างช่วยไม่ได้ นางรู้สึกราวกับว่าทุกรูขุมขนของนางได้รับการชำระล้างและรู้สึกสดชื่นอย่างไม่น่าเชื่อ ความลึกลับจากความงุนงงทำให้นางรู้สึกไร้พลังขณะที่เหงื่อเม็ดเท่าลูกปัดได้ไหลลงมาจากหลังของนาง

 

“อืมมม” หยานซือเฟยเม้มริมฝีปากของนาง ใบหน้าของนางดูเอียงอาย แม้แต่หูของนางก็เริ่มกลายเป็นสีแดง

 

ทุกครั้งที่พิษแสดงอาการ หยานซือเฟยจะประสบอาการมึนงงนี้ อย่างไรก็ตามความลึกลับของความงุนงงจากจิตวิญญาณการต่อสู้เซี่ยวหยุน ทำให้นางรู้สึกราวกับว่าร่างกายของนางฟื้นตัวอย่างช้าๆ กลิ่นอายที่จิตวิญญาณการต่อสู้ของเซี่ยวหยุนปล่อยออกมานั้นรู้สึกลึกลับเกินไป

 

เซี่ยวหยุนขยับฝ่ามือไปที่ด้านหลังของหญิงสาวและกดมันลงบนรอยสีเข้มเตรียมที่จะดูดซับพิษ

 

กิ่งหยกสีเขียวสว่างไสวด้วยแสงที่สุกใสเมื่อเริ่มดึงพิษที่มีสีเข้มออกมา

 

อย่างไรก็ตาม จิตวิญญาณการต่อสู้ไม่ได้ไปและดูดซับพิษด้วยความตั้งใจของตัวมันเอง พิษนั้นแข็งแกร่งเกินไปและมันต้องใช้เวลาแม้แต้การใช้จิตวิญญาณการต่อสู้ก็ยังต้องใช้เวลานานในการล้างพิษออกไป

 

มันดูเหมือนว่าจิตวิญญาณการต่อสู้จะไม่ค่อยสนใจงานที่ใช้แรงเยอะแต่ผลตอบแทนน้อย

 

อย่างไรก็ตาม เซี่ยวหยุนค้นพบว่าจิตวิญญาณการต่อสู้นี้มีความสามารถในการดูดซับที่ดีมากยิ่งขึ้น

 

“ดูเหมือนว่าหลังจากยกระดับ จิตวิญญาณการต่อสู้นี้ได้แข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก” เซี่ยวหยุนรู้สึกค่อนข้างหวังเมื่อรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้

 

ผู้ที่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของจิตวิญญาณการต่อสู้มากที่สุดคือหยานซือเฟย

 

ชั่วครู่หลังจากที่ฝ่ามือของเด็กหนุ่มแตะต้องตัวนาง หยานซือเฟยรู้สึกขึ้นว่าจิตใจของนางได้สะอาดมากขึ้นและรู้สึกแข็งแกร่งมากขึ้น เห็นได้ชัดว่าพิษถูกสกัดออกมาได้รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ

 

“จิตวิญญาณการต่อสู้ของน้องเล็กเซี่ยวหยุนจะแข็งแกร่งขึ้น?” นางสงสัยภายในใจแต่ไม่ได้ถามออกมาดังๆ

 

เนื่องจากตอนนี้นางไม่สามารถหันเหความสนใจของเซี่ยวหยุนได้

 

เพียงพริบตาเดียว หนึ่งชั่วโมงก็ผ่านไป รอยดำบนหลังหญิงสาวได้หายไปไปแล้วและพิษส่วนใหญ่ถูกสกัดออกมา อย่างไรก็ตาม หน้าของเซี่ยวหยุนเริ่มซีด ด้วยร่องรอยสีดำ

 

ถ้ามีคนอื่นอยู่ด้วยในตอนนี้ พวกเขาคงคิดว่าซี่ยวหยุนถูกพิษ

 

เซี่ยวหยุนได้ดูดซับพิษเข้าสู่จิตวิญญาณการต่อสู้ของเขา

 

แม้ว่ารอยสีดำบนหลังของหยานซือเฟยจะไม่มีอยู่อีกต่อไป เซี่ยวหยุนไม่ได้หยุดและยังสกัดสารพิษที่อยู่ในเส้นลมปราณของนาง

 

อีกหนึ่งชั่วโมงผ่านไป และหลังจากที่ใบหน้าของเซี่ยวหยุนขาวซีดอย่างสมบูรณ์ เขาก็ถอนฝ่ามือออกไป

 

“มันจบแล้ว”

 

เซี่ยวหยุนเริ่มควบคุมจิตวิญญาณการต่อสู้เพื่อสกัดพิษบางส่วนที่ไหลเข้าสู่ร่างกายของเขา

 

หลังจากที่เซี่ยหยุนถอนฝ่ามือออกไป หลังของหยานซือเฟยรู้สึกหนาวเล็กน้อยซึ่งทำให้นางรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย

 

หลังจากนั้นชั่วครู่ มือของนางก็เคลื่อนไหวและชุดมัสลินบางก็ตกลงบนร่างกายนาง จากนั้นนางก็หันกลับไปมองไปที่ชายหนุ่ม

 

เมื่อนางมองใบหน้าที่ขาวซีดของเด็กหนุ่ม หยานซือเฟยกัดริมฝีปากของนาง รู้สึกเจ็บปวดในหัวใจของนาง

 

เขาแบกความเจ็บปวดที่นางแบกรับและแม้ว่านางรู้ว่าเขาจะสบายดี หัวใจของนางยังคงเจ็บที่เห็นสิ่งนี้ ใครจะเต็มใจที่จะรับพิษของคนคนหนึ่งเข้าสู่ร่างกายของตัวเอง? ยิ่งไปกว่านั้นเขาทำแบบนี้มา 2 ปี ใครจะเต็มใจหรือสามารถทำสิ่งนั้นได้?

 

หยานซือเฟยยื่นมือออกไปและไม่สามารถช่วยตัวเองได้ ขณะที่นางดึงผมไม่กี่เส้นที่อยู่บนหน้าใบหน้าของเขา

 

ด้วยเส้นผมที่หลุดไป นางจะได้เห็นรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาของเขา

 

ใบหน้าหล่อเหลาของเขายังคงอ่อนโยนเล็กน้อยมีเสน่ห์อย่างไม่น่าเชื่อกับนาง

 

"เด็กชายคนนี้กลายเป็นชายหนุ่มที่ดูดี" หยานซือเฟยพึมพำภายในใจ

 

โดยไม่รู้ตัว นางไม่ได้เว้นระยะห่างขณะมองเขา

 

บุสส!

 

ดวงตาของเซี่ยวหยุนเปิดขึ้นกะทันหัน เผยให้เห็นดวงตาสีเข้มของเขา หัวใจของหยานซือเฟยเต้นกระหน่ำอย่างรวดเร็ว ขณะที่นางรีบดึงมือกลับ รู้สึกเหมือนเป็นขโมย นางมองไปอย่างน่าเสียดายและใบหูของนางก็แดงขึ้น

 

ตอนนี้พิษของหยานซือเฟยถูกยับยั้ง นางกลับสู่สภาพปกติของนาง ความขวยเขินของนางทำให้นางดูมีเสน่ห์และเร้าอารมณ์อย่างไม่น่าเชื่อ ทุกคนที่เห็นนางจะประหลาดใจกับความงามของนางและเซี่ยวหยุนยังรู้สึกตะลึงขณะมองไปที่นาง

 

“เจ้าดีขึ้นมาก” หยานซือเฟยกล่าวและรู้สึกสับสบวุ่นวายอย่างไม่น่าเชื่อ

 

“พี่สาวใหญ่ซือเฟย ท่านกำลังมองหาอะไรอยู่?” เซี่ยวหยุนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แล้วมองไปที่หญิงสาวอย่างสนใจอย่างมาก “อย่าบอกข้าว่าท่านได้ตกหลุมรักข้าแล้ว”

 

“ไม่มีทาง” หยานซือเฟยมองไปทางอื่น ราวกับว่านางรู้สึกผิด นางรีบลุกขึ้นยืนจากเตียงเหมือนกับว่านางกำลังจะจากไป

 

อย่างไรก็ตามขณะนางลุกขึ้นยืน ขาและเท้าของนางก็รู้สึกมึนงงและนางก็ล้มลงไป

 

เซี่ยวหยุนเหยียดแขนออกอย่างรวดเร็วและจับตัวนางไว้ ขณะที่ร่างบางของนางตกลงในแขนของเขา หัวใจของเขาก็เต้นกระหน่ำ

 

“ปล่อย ... ปล่อยข้าไป” หัวใจของหยานซือเฟยยุ่งเหยิงอย่างเหลือเชื่อขณะที่นางกำลังถูกกอดโดยชายหนุ่มคนนี้ ร่างกายของนางสั่นและการหายใจของนางก็ไม่แน่นอน เห็นได้ชัดว่านางรู้สึกกังวลอย่างไม่น่าเชื่อและไม่ทราบว่าจะทำอย่างไร

 

“ฮี่ฮี่” เซี่ยวหยุนหัวเราะ

 

“โอ้ , เจ้า” หยานซือเฟยกลอกตาของนางอีกครั้ง นางแกล้งทำเป็นโกรธ

“พี่สาวใหญ่ซือเฟย ท่านช่างสวยงาม” แม้ว่าหญิงสาวคนนี้ดูเหมือนว่านางโกรธ เซี่ยวหยุนยกย่องนางอย่างช่วยไม่ได้

 

“เจ้าเด็กเหลือขอตัวน้อย” หลังจากนั้นไม่นานหยานซือเฟยได้ระลึกถึงความตั้งใจของเธอที่จะตอบโต้และผลักเด็กหนุ่มออกไป

 

“พี่สาวใหญ่ซือเฟยมีกลิ่นที่หอมมาก” เซี่ยวหยุนหัวเราะต่อ

 

"เจ้ายังหัวเราะอยู่อีก?"

 

“นี้ไม่ใช่ความผิดของข้าที่พี่สาวใหญ่ซือเฟยสวยมาก” เซี่ยวหยุนกล่าวขณะยักไหล่ “ไม่มีบุรษผู้ใดที่สามารถยับยั้งไม่ให้มองท่านได้”

 

หยานซือเฟยดูเหมือนจะลืมสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ขณะที่นางยิ้มและตอบว่า “เจ้าน่ะเหรือผู้ชาย? ไม่มีทาง เจ้ามันก็แค่เด็กน้อยเท่านั้น” หยานซือเฟยยิ้มด้วยความเย้ายวนใจพยายามที่จะทำให้เซี่ยวหยุนเขินแทน

 

“อายุข้าถึงแล้ว!” เซี่ยวหยุนกล่าวอย่างไม่พอใจในขณะที่เขามองไปที่หญิงสาวที่มีเสน่ห์มากในด้านหน้าของเขา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด