ตอนที่แล้วตอนที่ 2: ปรับตัว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 4: ชีวิต (1)

ตอนที่ 3: การเปิดใช้งาน


แผ่นกระดาษสีเหลืองเต็มไปด้วยคำที่เขียนด้วยลายมือ เย่ซ่งสัมผัสกระดาษและรู้สึกมันบางและอ่อนนุ่ม

"อืมมม..." ทันใดนั้นก็มีเสียงเบาๆมาจากมุมหนึ่งของห้องนอน ในที่สุดเย่ซ่งก็จำหญิงสาวที่พ่อเขาพูดถึงเมื่อไม่นานมานี้ได้

เขามองไปมุมมืดที่มีเสียงดังออกมาและเห็นเด็กสาวผมยาวกำลังนั่งอยู่ที่นั่นขณะที่เธอกำลังนั่งกอดเข่า เย่ซ่งไม่แน่ใจว่าเขาจำได้ถูกหรือไม่แต่เขาก็รู้ว่าเธอเป็นใคร

"เธอคือเซซิเลีย?" เย่ซ่งยืนขึ้นและเขาเดินไปข้างหน้าเด็กสาว เขาจำชื่อของเธอได้

"ค-ค่ะ..." เด็กสาวคนนั้นกลัวและเธอพยายามหลบไปตรงมุม เย่ซ่งมองเห็นดวงตาที่บวมของเธอเธอร้องไห้อย่างแน่นอน เย่ซ่งมองเห็นคราบน้ำตาที่แห้งบนใบหน้าของเธอ

"นายน้อยแองเจเล่มีอะไรที่ข้าสามารถทำให้ท่านได้บ้าง" เธอถามเสียงต่ำ

เย่ซ่งมองที่ร่างกายที่กำลังโตของเธอและเขาก็ส่ายหัว เขารู้ว่าโลกนี้อยู่ประมาณยุคกลางของยุโรปและผู้คนไม่ได้ต่อต้านเรื่องการมีเซ็กซ์ตั้งแต่อายุยังน้อย แต่มีจิตวิญญาณอายุยี่สิบสองปีอยู่ภายในตัวเย่ซ่งและเขาก็ไม่อยากทำอะไรกับผู้หญิงอายุสิบห้าปี

ยังมีอีกหลายเรื่องที่เขาต้องทำและเขาไม่มีเวลามากพอ

"ตอนนี้ข้าไม่ต้องการอะไร" เย่ซ่งพูด "แม็กกี้! แม็กกี้!" เย่ซ่งตะโกนและเขาปรบมือเสียงดัง

ประตูของห้องนอนถูกเปิดมีผู้หญิงในชุดแม่บ้านสีเทาเข้ามาอย่างสุภาพ

"มีอะไรให้ข้าช่วยคะ?" แม่บ้านถาม

"เอาเธอออกไปและหาห้องให้เธอ ข้าไม่มี...." เย่ซ่งหยุดไปชั่วครู่ เขากังวลว่าพ่อของเขาจะทำบางอย่างกับเด็กสาวเพราะมันอาจจะดูเหมือนเขาพึ่งไล่เซซิเลียออกจากห้อง บารอนเป็นคนเลือดเย็นและเขาบังคับให้ตระกูลของเซซิเลียส่งเธอมาที่นี่ ถ้าเธอถูกไล่ออกไปโดยเย่ซ่งเธอก็อาจจะไม่ได้ออกจากปราสาทนี้แบบมีชีวิต เธอจะถูกส่งไปเป็นทาสของยามและนั่นคือสถานการณ์ในแง่ที่ดีที่สุดเท่านั้น

เย่ซ่งเหลือบมองไปที่เด็กสาวที่อยู่มุมห้องและใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความกลัว

"วันนี้ข้าไม่มีอารมณ์ เอาเธอออกไปและให้เธอพักผ่อนซะ ข้าจะจัดการเธอในภายหลัง" เย่ซ่งพูด

แม่บ้านโค้งให้เย่ซ่งอย่างสุภาพและเธอนำเซซิเลียออกจากห้องนอน

ในที่สุดเย่ซ่งก็ได้พักผ่อน เขาไม่รู้จริงๆว่าจะทำอะไรตั้งแต่เขาเกิดใหม่

เย่ซ่งนั่งอยู่หน้าโต๊ะเขียนหนังสือและเขาก็จับปากกาขนนกสีขาว ปากกามีพื้นผิวที่ไม่ค่อยดีนักและมีสีแดงอยู่ที่ปลายขนนก เขาไม่รู้ว่าเป็นขนนกของนกอะไรและมันค่อนข้างหนักมาก

ขนนกสะท้อนแสงไฟของเทียน มันมีสีเหลืองเข้มและมันดูสวยงาม

'ข้าคิดว่าข้าตายแล้วอย่างแน่นอนแล้วข้าก็จบลงที่ร่างกายของคนอื่นในเอกภพที่ต่างออกไป' เย่ซ่งเล่นปากกาในมือและเขาคิดถึงเกี่ยวกับประสบการณ์ในวันนี้

ตามความทรงจำของแองเจเล่ผู้คนในโลกนี้ยังใช้อาวุธยุคสงครามเย็นอยู่และพวกเขายังใช้ธนูและลูกธนูเป็นอาวุธระยะไกล มันไม่มีดินปืนเลยและแองเจเล่ไม่เคยได้ยินมาก่อน ถ้าบุคคลที่แข็งแกร่งเข้าร่วมการต่อสู้เขาก็อาจจะเปลี่ยนกระแสการต่อสู้ได้ด้วยความต้องการของเขาเอง

เหตุผลที่พ่อของแองเจเล่บารอนคาร์ลยังมีชีวิตที่ดีในขณะที่เขาเป็นคงที่หยิ่งยโสและเลือดเย็น ในเรื่องทักษะและพลังในการต่อสู้ของเขาบารอนคาร์ลเป็นวีรบุรุษของสงครามเรดบัดและมันเป็นหนึ่งในสงครามที่รุนแรงที่สุดของจักรวรรดิรูดินกับการจัดการศัตรู มันเป็นการปะทะที่รุนแรงที่สร้างความเสียให้ให้กับรากฐานของจักรวรรดิรูดิน บารอนคาร์ลอยู่รอดได้จากการใช้ทักษะของตัวเอง

บารอนคาร์ลมีร่างกายที่แข็งแรงมีทักษะทางการต่อสู้และทักษะการใช้ดาบกางเขน เขาได้ฆ่าอัศวินเกราะหนักสิบห้าคนในระหว่างการต่อสู้กับอัศวินรูดิน พวกเขาสามารถทำให้ไวเคานต์แคนเดียสั่นสะท้านด้วยความกลัว

ขุนนางไม่ได้เป็นตัวแทนในการจัดอันดับอำนาจในสถานการณ์ปัจจุบันของจักรวรรดิรูดิน แต่เป็นทักษะและความสามารถในการต่อสู้ของบุคคลนั้นๆในการกำหนดว่าใครเป็นผู้ที่อยู่เหนือกว่า

พลังของกองทัพ! พลังของบุคคลที่แข็งแกร่ง!

สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนกลัว

ในยุคที่วุ่นวายนี้มีการต่อสู้และสงครามเกิดขึ้นได้ทุกเวลา แม้ว่าบารอนคาร์ลจะเป็นคนโหดร้ายและเลือดเย็นผู้คนก็ยังไม่ย้ายออกจากดินแดนของเขา เพราะผู้คนต้องการพึ่งพาคนที่แข็งแกร่งพอที่จะปกป้องพวกเขาเพื่อความอยู่รอดของตัวพวกเขาเอง

หากปราศจากการคุ้มครองของเจ้าของผู้คนจะอยู่ไม่สามารถอยู่รอดข้างนอกได้นานนักเพราะมีโจรอยู่ทุกหนทุกแห่ง โจรบางคนถึงกับกินคนถ้าพวกมันไม่สามารถหาอาหารได้ การเดินทางจากดินแดนหนึ่งไปยังดินแดนอื่นโดยไม่มีผู้คุ้มกันก็เหมือนกับหาเรื่องตาย ผู้คนจะไม่สามารถได้เพียงมีหัวใจที่กล้าหาญ

สถานการณ์ในดินแดนของบารอนคาร์ลนั้นต่างออกไป กลุ่มโจรที่อยู่รอบดินแดนถูกโจมตีและถูกจัดการโดยกลุ่มผู้คุ้มกันที่นำโดยบารอน ไม่เพียงแต่ผู้คนทั่วไปที่กลัวเขาโจรก็ยังวิ่งหนีหลังจากที่ได้ยินชื่อของเขา ดินแดนของบารอนและครึ่งหนึ่งของเมืองแคนเดียได้รับการสนับสนุนโดยบารอนและกลุ่มโจรก็กลัวอำนาจของบารอน นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผู้เฒ่าเหว็ดจึงไม่ห่วงในเรื่องยศถาบรรดาศักดิ์ของไวเคานต์แคนเดีย

ผู้คนที่อาศัยในดินแดนไม่ได้ตายแบบเคว้งคว้าง มีเพียงสิ่งเดียวที่ต้องทนทุกข์ทรมานก็คือการอาศัยอยู่ภายใต้การปกครองของบารอน ไม่สำคัญว่าบารอนจะเป็นคนโหดร้ายอย่างไรแต่มีเพียงผู้คนจำนวนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบเท่านั้น มีคนจำนวนนับไม่ถ้วนในดินแดนนี้และผู้คนไม่คิดว่าพวกเขาจะเป็นคนต่อไป เย่ซ่งพยายามเข้าใจความคิดของผู้คนที่อาศัยอยู่ในดินแดน

เย่ซ่งคว้ากระดาษบนโต๊ะเขาไม่เคยเห็นภาษาแบบนี้ มันดูเหมือนภาษาอังกฤษแต่มันยังดูคล้ายภาษาจีนทิเบตโบราณ

'การเรียนภาษานี้ยากมากถ้าข้าไม่มีความทรงจำของแองเจเล่' เย่ซ่งคิดและขอบคุณแองเจเล่ เย่ซ่งสามารถพูดและเข้าใจภาษานี้ได้ดี ส่วนภาษาในสมองของแองเจเล่ยังอยู่ตรงนี้และมันจะสร้างคำให้เหมาะสมเมื่อใดก็ตามเย่ซ่งพยายามเข้าใจบางประโยค

'โครงสร้างของคำที่นี่พัฒนาได้ดี...' เย่ซ่งคิดในขณะที่กำลังอ่านกระดาษที่แองเจเล่ได้คัดลอกประวัติของตระกูลลงไป

'ถ้าเพียงแค่ข้ามีชิปชีวภาพของข้าในการทำงานมันก็คงจะง่ายขึ้นสำหรับข้าที่จะเรียนรู้และเข้าใจความรู้ได้ง่ายขึ้นเพราะสามารถสร้างโครงสร้างภาษาให้สมบูรณ์แบบ' เย่ซ่งคิดแล้วเขาก็แตะขมับข้างซ้ายของเขา มันเป็นที่ที่มีชิปชีวภาพของเขาเคยอยู่ เขาได้ถูกฝังชิปเมื่อเขายังมีชีวิตอยู่บนโลก

ติ๊งง!

มีเสียงของการเปิดใช้งานชิปชีวภาพดังก้องในหูของเย่ซ่ง เขาจำได้เพราะมันเป็นเสียงที่เขาเคยได้ยินมาเป็นพันๆครั้งแล้ว

[ชิปชีวภาพหมายเลข 18907 ได้ให้บริการท่าน ฉันถูกสร้างโดยบริษัทจีนเฟยเถิงและถูกควบคุมโดยแผนกปัญญาประดิษฐ์] เสียงหวานของผู้หญิงจีนพูดภายในหัวของเย่ซ่ง

เย่ซ่งไม่ได้รู้สึกตกใจเพราะเขารู้ว่ามันเป็นเสียงโฆษณาของชิป มันเหมือนข้อความต้อนรับที่ดังขึ้นเมื่อใดก็ตามที่เขาเปิดหน้าจอทีวีตัวชิปเองไม่ได้มีสติปัญญาอะไร

ชิปชีวภาพเป็นสิ่งประดิษฐ์ของศตวรรษที่ 23 และมันมีสองหน้าที่หลักๆคือการวิเคราะห์และการจัดเก็บข้อมูล

ฟังก์ชั่นการวิเคราะห์มันธรรมดามากๆ มันใช้ข้อมูลที่ต่างกันในการวิเคราะห์ตามหลักตรรกวิทยาเกี่ยวกับโครงสร้างบางอย่างและผลลัพธ์จะถูกป้อนเข้าสู่ที่เก็บข้อมูลโดยอัตโนมัติ

ตัวชิปเองไม่ได้มีสติปัญญาเพราะนักวิทยาศาสตร์มีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่จะมีต่อสมองของมนุษย์ ฟังก์ชั่นทางชีวภาพจะทำให้ชิปกลายเป็นส่วนหนึ่งของสมองซึ่งหมายความว่าชิปไม่สามารถนำออกมาได้เมื่อถูกฝังไปแล้ว

ฟังก์ชั่นการจัดเก็บข้อมูลถูกแยกออกจากระบบความจำดั้งเดิมของสมอง มันมีความจุมากกว่าสมองของมนุษย์และมันสามารถเก็บข้อมูลได้มากกว่าหนึ่งพันปี สมองของมนุษย์สามารถจัดเก็บข้อมูลได้ประมาณหนึ่งร้อยห้าสิบปีเท่านั้น

'ชิปได้เกิดใหม่พร้อมกันข้า?' เย่ซ่งไม่อยากจะเชื่อเลยและเขาหายใจอย่างรุนแรง เขานั่งบนเก้าอี้เป็นเวลานานในการคิดเรื่องนี้

'แต่มันเป็นไปได้ที่ชิปของฉันจะเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดและมันบอกว่าจะถูกรวมเข้าสู่ยีนของข้า ถ้ามันเสียก็จะซ่อมแซมตัวเองได้เช่นเดียวกับอวัยวะของมนุษย์ ยีนของข้าถูกรวมเข้ากับร่างนี้?' เย่ซ่งเดา

"ได้โปรดตั้งชื่อชิป" เสียงหวานได้พูดอีกครั้ง

"ซีโร่" เย่ซ่งพูดโดยไม่คิดอะไร เขาเพียงใช้ชื่อเก่า

[ยืนยันชื่อแล้ว ระบบการสนับสนุนของชิปซีโร่จะถูกทำลายทันทีขอให้มีความสุขกับชิป ได้โปรดโทร 40355627 ถ้าคุณมีข้อร้องเรียนใดๆ ขอบคุณที่ใช้...] เสียงได้หยุดลง

เย่ซ่งรู้ว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้ยินเสียงหวานจากชิป หลังจากนั้นจะมีเพียงเสียงเหมือนเครื่องจักรที่ถูกสร้างขึ้นและเสียงจะถูกสร้างขึ้นโดยฟังก์ชั่นหน่วยความจำของเขา

เย่ซ่งรู้สึกตื่นเต้นมากและเขายังคงหายใจอย่างรุนแรง

ชิปจะเป็นการช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่ในยุคนี้ที่มีอาวุธในยุคสงครามเย็นอยู่ระดับสูงสุด

แสงสีเหลืองของเทียนสะท้อนบนใบหน้าของเย่ซ่งและมันเริ่มส่องแสงเรืองรอง มีหน้าต่างอยู่เหนือโต๊ะเขียนหนังสือและมีกระดาษบางอยู่ติดอยู่กรอบไม้ หน้าต่างส่วนใหญ่บนปราสาทเป็นแบบนี้

เย่ซ่งยืนขึ้นและเปิดหน้าต่าง

กรอบไม้ถูกดันออกไปด้านนอกและมีเสียง"แอ๊ด" ยาวๆ

เย่ซ่งยื่นหัวออกไปนอกหน้าต่าง เขาต้องการให้ตัวเขาเย็นลงเล็กน้อย

ลมพัดผ่านเข้าหน้าของเขาและเขาได้กลิ่นหอมของหญ้า

ห้องนอนของเขาอยู่ที่ชั้นสี่และเขาสามารถมองเห็นป่าที่มืดมิดขนาดใหญ่ด้านนอก ต้นไม้ทำให้มืดมิดและเขาได้ยินเสียงแมลงที่กำลังร้องและเสียงต้นไม้ด้านนอกที่ถูกลมพัด

พระจันทร์เสี้ยวสองดวงลอยอยู่เหนือท้องฟ้ายามค่ำคืนและแสงจันทร์ก็ส่องลงมาที่พื้น

ทันใดนั้นเย่ซ่งก็ได้ยิงเสียงกีบม้ากระแทกพื้นจากถนนสายหลักที่เชื่อมต่อกับด้านนอกเมืองและถนนก็อยู่ระหว่างป่าที่เขากำลังมอง

เย่ซ่งรู้สึกดีขึ้นมากเมื่อได้รับการช่วยเหลือจากลมเย็นๆ ในตอนที่แสงจันทร์ส่องเขาก็มองเห็นกลุ่มอัศวินชุดเกราะสีเข้มกำลังมุ่งหน้ามาที่ปราสาทจากปลายถนน

อัศวินบางคนกำลังถือคบไฟที่ส่องสว่างและม้าที่พวกเขาขี่อยู่ก็ร้องมันทำให้เกิดเสียงอึกทึก

เย่ซ่งมองเห็นคนที่นำกลุ่มคนกำลังพูดอยู่กับคนที่อยู่ข้างหลังเขาและเขาหัวเราะเรื่องอะไรสักอย่าง

ด้วยการช่วยเหลือจากแสงของคบไฟในที่สุดเย่ซ่งก็มองเห็นคนที่นำมาได้

ผู้นำมีใบหน้าที่เคร่งขรึมกับเคราแพะสีดำบนคางและผมที่ยาวของเขายาวปกคลุมทั่วไหล่ของเขา เขาดูแข็งแกร่งมากในชุดเกราะสีเงินของเขา เขาดูหยาบคายแต่มันก็ยังมีเกียรติ

"เขาเป็นพ่อของข้าบารอนคาร์ล" เย่ซ่งจำเขาได้เพราะเขาพึ่งเห็นพ่อไม่นานมานี้ แองเจเล่ยังมีความทรงจำที่ลึกซึ้งกับเขา

บารอนสวมถุงมือสีดำบนมือของเขาที่ถือบังเหียน เขามองกลับไปที่เย่ซ่งพยายามคิดให้ออกว่าเขาเป็นใคร

บารอนมองเห็นเย่ซ่งที่หน้าต่างและเขาก็ถอดถุงมือข้างหนึ่งและโบกมือให้เย่ซ่ง เย่ซ่งยิ้มตอบและพยักหน้าให้พ่อ บารอนจึงกระตุกบังเหียนเบาๆเพื่อกระตุ้นม้าให้วิ่งเร็วขึ้น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด