ตอนที่ 138 ไม่บอกชื่อ
ตั้งแต่อดีตกาล เหล่าเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรืองจะถือเป็นเมืองชั้นใน และแน่นอนว่าเมืองบางแห่งที่อยู่ใกล้กับชายแดนถือเป็นเมืองที่มีค่าทางยุทธศาสตร์ แต่รามอสไม่ได้เป็นหนึ่งในนั้น
อย่างไรก็ตาม รามอสนั้นมีข้อได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ มันเป็นส่วนหนึ่งของแนวชายฝั่งที่เรียกว่า ‘ปลายแหลม’ ซึ่งเป็นภูมิประเทศที่ทอดยาวจากพื้นดินสู่ทะเล
มันเป็นเมืองท่า ใช่ รามอสเป็นหนึ่งในไม่กี่เมืองท่าในใจกลางของผืนทวีปตอนกลางที่กว้างขวาง พื้นที่ดังกล่าวนั้นแคบเกินไปที่จะใช้เป็นจุดยุทธศาสตร์ แต่มันไม่มีปัญหาเรื่องการขนส่งโดยใช้เส้นทางการเดินเรือ นอกจากนี้มันยังมีชื่อเสียงในเส้นทางลัดไปยังทวีปฝั่งตะวันออก
ด้วยเหตุนี้ รามอสจึงยกระดับจนเทียบเท่ากับเมืองใหญ่หลายแห่ง แม้ว่าจะอยู่ในขอบเขตของราชอาณาจักรก็ตาม
และวันนี้มันก็เป็นเหมือนกับทุกวัน
“เฮ้ เด็กใหม่!เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”
“ครับ!เข้าใจแล้วครับ!”
ยามที่อายุน้อยที่สุดเป็นผู้ทำหน้าที่ในวันนี้ แฮนสัน รีบวิ่งไปยังทางรอกควบคุมประตูอย่างรวดเร็ว
เช่นเดียวกับเมื่องอื่นๆ รามอสควบคุมการเข้าเมืองโดยการล็อคประตูเมือง แม้ว่าเมืองจะอยู่ห่างไกลจากถิ่นที่อยู่อาศัยของเหล่าสิ่งมีชีวิต แต่มันก็เป็นการดีกว่าที่จะระวัง จากนั้นในตอนเช้า ประตูเมืองจะเปิดทันทีที่ดวงอาทิตย์ขึ้น
ตุกตึก.....กึกกึก...
แฮนสันวิ่งมาถึงสายพานและเริ่มเปิดประตูด้วยแขนหนาของเขา กำแพงนั้นไม่สูงมากนัก ดังนั้นประตูจึงไม่ได้ใหญ่โตมาก แต่ก็ควรที่จะมีทหารสักสองสามคนคอยช่วยกันเปิดประตู แต่เขากลับถูกบอกให้เปิดประตูด้วยตัวคนเดียว
“ย่า....!”
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ใบหน้าของแฮนสันจะแดงก่ำ แต่เขาไม่สามารถที่จะเปิดประตูได้ อย่างไรก็ตามเขาถือได้ว่ามีพละกำลังที่มหาศาลยิ่งสำหรับมนุษย์ที่ไม่มีพลังออร่า ยามอาวุโส ผู้ที่กำลังเฝ้าดูเขาได้ผิวปากออกมาขณะที่พวกเขากำลังชื่นชมในพละกำลังของเด็กใหม่ที่ค่อนข้างดี
แต่การแสดงออกที่ผ่อนคลายนั้นก็อยู่ได้ไม่นาน
“หืม ใครกำลังมา?”
“อะไรนะ?อีกนานแค่ไหนกว่าพวกเขาจะมาถึง?”
“พวกเขากำลังจะมาถึงเร็วๆนี้ ดูจากละอองฝุ่นแล้ว มันเป็นกลุ่มเล็กๆแต่เป็นรถม้าชั้นสูง?”
ทหารยามนั้นจะคอยเฝ้ามองไปยังขอบฟ้าจากด้านบนกำแพงในทุกๆวัน ดังนั้นสายตาของพวกเขาจึงคล้ายคลึงกับนักล่าชั้นดี พวกเขาสังเกตเห็นถึงการปรากฏตัวของรถม้าที่มาจากขอบฟ้าทางตะวันตกและระบุได้รูปลักษณ์ของรถม้าที่กำลังใกล้เข้ามา
มันไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกสำหรับที่นี่เพราะมันไม่ใช่เรื่องหายากสำหรับที่นี่ที่จะมีแขกมาตอนเช้าตรู่ อย่างไรก็ตามปัญหาก็คือความเร็วของรถม้าต่างหาก
“อะ-อะไรกัน?ทำไมมันเร็วขนาดนี้?!”ทหารยามมากประสบการณ์ได้สังเกตเห็นถึงความรุนแรงของสถานการณ์และรีบไปดึงกำแพงขึ้นอย่างรวดเร็ว
รถม้าระดับสูงหมายถึงแขกที่เป็นขุนนางหรือกลุ่มการค้าชั้นนำ มันไม่ได้เป็นสถานการณ์ที่พวกเขาจะสามารถชักช้าได้เพราะพวกเขากำลังรับน้องใหม่ พวกเขารีบวิ่งไปช่วยแฮนสันที่กำลังเหนื่อยหอบในการดึงสายพานอย่างรวดเร็ว
ตึงตึงตึง....!ประตูได้เปิดขึ้นด้วยความเร็วที่รวดเร็วยิ่ง ไม่นานนัก กลุ่มของธีโอดอร์ก็ได้หยุดลงที่หน้าประตู ทหารยามที่พึ่งผ่านวิกฤติได้ไม่นานนักกลับกลายเป็นกังวลอีกครั้งเมื่อได้เห็นรถม้า
“ฮะ-เฮือก!”
“รอยเลือด....?!”
มันเป็นไปไม่ได้ที่จะหารูปลักษณ์ดั้งเดิมของรถม้าที่ซึ่งเคยส่องประกายในตอนที่ซื้อใหม่ๆ รถม้าในตอนนี้ดูราวกับพึ่งวิ่งผ่ากลางสนามรบมา ราวกับเป็นเรื่องธรรมชาติ ธีโอดอร์ได้หันหลังให้กับทหารยามที่ตกใจไปยังป่าที่พวกเขาพึ่งผ่านพ้นมา ยังคงมีอันเดทอีกนับพันข้างในป่านั้น
‘บ้าจริง มันน่ารำคาญมากยิ่งกว่าคืนแรกเสียอีก’
หลังจากที่พวกเขาฆ่าวอร์ล็อคผู้ที่โจมตีเป็นคนแรก ธีโอก็ได้ระมัดระวังตัวอย่างเต็มที่ แต่เขากลับไม่พบเห็นเงาใดๆเลย
เพื่อที่จะซ่อนตัวจากการตรวจจับของฮิวกิ้น วอร์ล็อคคนอื่นต้องซ่อนตัวอยู่ห่างออกไปหลายกิโลเมตร ในขณะเดียวกัน เป้าหมายของพวกมันก็คือการหยุดรถม้าของธีโอเอาไว้ มันเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมศัตรูจึงใช้แต่อันเดทชั้นต่ำซึ่งแตกต่างจากวันแรก
ในท้ายที่สุด ธีโอและแรนดอล์ฟก็ได้ยอมแพ้ที่จะต่อสู้กับเหล่าอันเดทและได้ทะลวงฝ่ากองทัพอันเดทออกมา
ตุบ
ในที่สุด จู่ๆม้าตัวหนึ่งก็ได้ล้มลงไปกับพื้นดิน
“….ฉันขอโทษจริงๆ”
ธีโอนั้นได้ใช้เวทย์เร่งความเร็วและฟื้นฟูความเมื่อยล้าซ้ำๆให้กับม้าซึ่งหมายความว่าผลที่ตามมาจะเลวร้ายอย่างมาก ม้าอีกตัวเองก็แทบจะยืนไม่ไหว มันจะตายเช่นกันหากมันวิ่งต่อไปอีกสักพัก ธีโอดอร์ได้ใช้เวทมนต์ง่ายๆในการฝังม้าที่ตายไปแล้ว จากนั้นเขาก็หันหน้าไปหาทหารยามที่กำลังประสาทแตก
และธีโอมีวิธีที่สะดวกอย่างมากที่เขาไม่จำเป็นต้องตอบคำถามใดๆ
“ฉันมาจากกลุ่มการค้าโพโลเนล”
ด้วยคำกล่าวและแผ่นโลหะ มันเพียงพอที่จะทำให้ทหารยามของรามอสหลีกทางให้กับเขา
***
“เราจะแยกกันที่นี่”
“อืม เจอกันที่ท่าเรือ”
หลังจากที่เข้าสู่รามอส พวกเขาทั้งคู่จะแยกกันออกไปตามหน้าที่ แรนดอล์ฟจะทิ้งรถม้าและปล่อยม้าที่เหลืออยู่ไป ในขณะที่ธีโอดอร์จะคอยตรวจดูว่าเรือลำใดที่จะมุ่งหน้าไปยังอาณาจักรโซลดุน
‘ฉันหวังว่าพวกเราจะได้ออกไปในวันนี้’
แม้ว่าพวกเขาจะเข้าสู่เมืองแล้วก็ตาม แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอที่จะหยุดยั้งการโจมตีของกลุ่มการค้าออร์คุส แรนดอล์ฟและธีโอสามารถที่จะจัดการกับอันเดททั่วไปได้.....แต่มันคงเป็นการยากหากอันเดทชั้นสูงอย่างอัศวินแห่งความตายปรากฏขึ้น
Doom Wight นั้นถูกจัดการโดยธีโอดอร์และความตะกละ แต่มันจะร้ายแรงอย่างมากหากแรนดอล์ฟอยู่ตัวคนเดียว ขุมอำนาจที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มการค้าออร์คุสนั้นทรงพลังกว่าที่พวกเขาคาดเอาไว้ ดังนั้นเขาจึงต้องการที่จะหลบหนีจากอำนาจดังกล่าวให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
แต่ทว่า คำตอบที่ธีโอดอรืได้รับนั้นกลับไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก
“ไม่มีเรือเหลือเลย?”
“ครับ ผมขอโทษ แต่มันถูกจองหมดแล้ว....”
มันถือเป็นข้อผิดพลาดสำหรับธีโอดอร์ เป็นเพราะเขาไม่เคยเห็นทะเลหรือเรือมาก่อนในชีวิตของเขา
“แม้ว่าคุณจะไปถามกลุ่มขนส่งอื่นๆก็ตาม คุณก็จะได้รับคำตอบเดียวกัน”
เรือทุกลำได้ถูกจองหมดแล้ว เห็นได้ชัดว่าเรือแต่ละลำสามารถบรรจุคนได้จำกัดและมันเป็นการยากที่จะแสดงความยืดหยุ่น ซึ่งแตกต่างจากภาคพื้นดิน และยิ่งไปกว่านั้น เขากำลังมองหาเรือที่จะมุ่งหน้าไปยังอาณาจักรอื่น
มันจะมีโอกาสหากมีที่ว่าง แต่โชคไม่ได้อยู่ข้างธีโอดอร์ในครั้งนี้
ตอนนี้ เขากำลังพูดคุยกับเบลฟ์ สมาชิกของกลุ่มขนส่ง เลอซ์
“ในช่วงเวลานี้ เรือส่วนใหญ่จะไปยังทิศใต้หรือเหนือ ดังนั้นจึงมีเพียงเรืออยู่3ลำเท่านั้นที่มุ่งหน้าไปยังอาณาจักรโซลดุน ถ้าหากคุณจองตอนนี้ คุณอาจจะต้องรออีกเป็นเดือน”
“แม้กระทั่งคนที่มาจากกลุ่มการค้าชั้นนำ?”
ดวงตาของเบลฟ์เบิกกว้างขึ้นเมื่อเขาเห็นแผ่นโลหะที่ธีโอดอย์ชูขึ้นมา
“โอ้ คุณมาจากกลุ่มการค้าโพโลเนล”
อย่างไรก็ตาม เบลฟ์นั้นไม่ลังเลเลยที่จะส่ายหัวของเขา แม้ว่าธีโอดอร์จะมีฐานะหรือเงินก็ตาม แต่ว่ามันไม่มีที่เหลืออยู่เลยจริงๆ
บนทะเล ชื่อกลุ่มการค้าโพโลเนลไม่ได้มีบทบาทที่สำคัญนัก อิทธิพลของกลุ่มการค้าโพโลเนลส่วนใหญ่จะอยู่บนภาคพื้นดินในเขตตอนเหนือ ซึ่งหมายความว่าพื้นที่ดังกล่าวไม่ได้มีอิทธิพลมากในพื้นที่ที่ห่างไกลในทวีปตอนกลาง และรามอสคือหนึ่งในเมืองเหล่านั้น เนื่องจากกิจการส่วนใหญ่ของพวกเขาดำเนินการผ่านทางทะเล
ธีโอดอร์ขบริมฝีปากแน่นเมื่อเขาไม่ได้ในสิ่งที่เขาหวัง
‘ถ้าฉันไม่สามารถหาเรือได้ที่นี่....ฉันจำเป็นต้องหารถม้าและวิ่งไปที่ชายแดนทางตะวันตกงั้นหรือ?ไม่ มันยากเกินไปเนื่องจากฉันเสียเวลาไปกับที่นี่ ฉันต้องการรถม้าที่ดีพอที่จะทำลายการโอบล้อมของเหล่าอันเดท...หรือฉันควรที่จะหลบซ่อน?’
เขาจนมุม ธีโอดอร์ตระหนักถึงความจริงในเรื่องนี้และมองไปที่พื้นด้วยท่าทางน่ากลัว
แม้ว่าเขาจะมีความรู้ สมองและประสบการณ์ที่เหนือกว่าคนหลายคน แต่ธีโอดอร์ยังคงเด็กอยู่ เวโรนิก้าจะเอาชนะความยากลำบากนี้ด้วยพลังของเธอ ขณะที่วินซ์คงจะจองเรือในเมืองท่านี้ตั้งแต่แรกเริ่ม
ขณะนั้นเอง....
“อืม....คุณบอกว่าคุณชื่อธีโอใช่ไหม?”
“อ่า ใช่”
“ดั่งที่ผมได้กล่าวไป มันเป็นไปไม่ได้ที่จะขึ้นเรือธรรมดา อย่างไรก็ตาม มันอาจจะเป็นไปได้หากเป็นเรือพิเศษ”
ธีโอดอร์ผู้ที่กำลังจมดิ่งไปกับความเศร้าหมองนั้นรู้สึกราวกับถูกฉุดขึ้นจากขุมนรก “เรือพิเศษ?”
ไม่สำคัญว่าราคาของมันเท่าไร เขาสามารถจ่ายได้ทั้งนั้น ต้องขอบคุณการต่อสู้ตัวต่อตัว เงินที่เขาได้ใช้ไปในการประมูลใต้ดินนั้นไม่ได้มากมายนัก อย่างไรก็ตามแทนที่จะอธิบายต่อ เบลฟ์กลับเอานิ้วของเขาทาบริมฝีปากของเขาเอาไว้ “แต่ทว่า มันมีเงื่อนไขอยู่สองข้อ”
“อะไร?”
“ข้อแรก คุณจะได้รู้ความลับของเรือหลังจากที่ขึ้นเรือแล้ว และห้ามแพร่งพรายเรื่องนี้เด็ดขาด”
“…เข้าใจแล้ว”
ธีโอดอร์ต้องการที่จะบ่น แต่เขาไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่จะทำเช่นนั้นได้ เขาต้องการที่จะหลบหนีการไล่ล่าและไปถึงอาณาจักรโซลดุนให้เร็วที่สุด ตราบเท่าที่เขาสามารถบรรลุจุดประสงค์ของเขาไม่ว่าจะยังไงเขาก็ยอม
จากนั้น เบลฟ์ก็ได้บอกเขาถึงเงื่อนไขข้อที่สอง และมันเป็นไปตามที่ธีโอคาดเอาไว้
“ผมต้องมีหลักค้ำประกันนิดหน่อย”
“คุณหมายความว่าฉันต้องจ่ายเงินเพิ่มงั้นหรอ?”
“ไม่ ไม่ใช่เช่นนั้น”
ธีโอดอร์นั้นสับสนอย่างมาก นั่นทำให้เบลฟ์ยิ้มกว้างและกระซิบด้วยเสียงดัง “มีใครในกลุ่มนอกจากธีโอไหม?”
“ใช่ สองคนรวมฉัน”
“งั้นก็ต้องใช้ 20เหรียญทอง หากคุณจ่าย10เหรียญทองต่อคน ในตอนท้ายคุณก็จะได้รู้ว่าทำไม”
เขาหมายความว่าเงินส่วนที่เหลือจะถูกเรียกเก็บหลังจากขึ้นเรือ?ธีโอดอร์พยายามที่จะถาม แต่เบลฟ์ยืนกรานว่าเขาไม่สามารถอธิบายได้อีกต่อไป
‘ชิ ช่วยไม่ได้’
เนื่องจากสถานการณ์ที่ล่อแหลมของเขา ธีโอจึงต้องยอมแพ้ ในท้ายที่สุด ธีโอดอร์ก็ได้ยอมรับข้อเสนอของเบลฟ์ เขาหยิบเหรียญทองให้แก่เบลฟ์และได้รับตั๋วขึ้นเรือมาสองใบ ขอบคุณตราทองแดงของกลุ่มขนส่ง เลอซ์ ทำให้การปลอมแปลงตั๋วขึ้นเรือนั้นทำได้ยาก บางทีนี้อาจไม่ใช่ของที่ใช้ได้ครั้งเดียว
“ผมจะจัดห้องสำหรับสองคนไว้ เวลาออกเดินทางคือช่วงเย็นของวันนี้”
ธีโอดอร์จ้องมองไปที่เขาด้วยความรู้สึกกังวลและถามเบลฟ์ถึงสิ่งที่เขาเกือบจะลืมไป “ต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการเดินทางไปอาณาจักรโซลดุน?ฉันได้ยินมาว่าเราสามารถไปถึงได้เร็วที่สุดสี่วัน”
“อ่า ผมขอโทษ ผมลืมอธิบายไป”เบลฟ์ตบหัวของเขาก่อนที่จะตอบว่า “เรือของเรานั้นจะเดินทางโดยใช้ทางอ้อมเล็กน้อย ดังนั้นมันจึงต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งสัปดาห์ คุณมีธุรกิจเร่งด่วนงั้นหรือ?”
“…ไม่เป็นไร”ธีโอดอร์หยุดคิดชั่วขณะก่อนที่จะหยิบเอาตั๋วขึ้นเรือทั้งสองใบไป สิ่งสำคัญที่สุดคือการกำจัดความเสี่ยงจากกลุ่มการค้าออร์คุสไป ไม่ใช่ระยะเวลาที่จะไปถึงอาณาจักรโซลดุน
ข้อได้เปรียบของการเดินทะเลคือการที่เขาไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับการจู่โจมจากวอร์ล็อค ซอมบี้ กูลล์ และอันเดทชั้นต่ำอื่นๆไม่สามารถต้านทานแรงกดดันของกระแสน้ำในทะเลได้หรือต่อกรกับสิ่งมีชีวิตในทะเล
อย่างไรก็ตาม ธีโอดอร์นั้นกลับระแวงเกี่ยวกับเรือพิเศษลำนี้ซะมากกว่า
‘ฉันควรจะไปพบกับแรนดอล์ฟและบอกข่าวแก่เขา’
ธีโอดอร์เดินออกจากกลุ่มขนส่ง เลอซ์และมุ่งหน้าไปหาแรนดอล์ฟในที่ที่เขากำลังรออยู่ ในฐานะผู้นำกลุ่มทหารรับจ้างที่ประจำการอยู่ในทวีปตอนกลาง แรนดอล์ฟอาจจะรู้เกี่ยวกับความลับนั่น