ตอนที่แล้วตอนที่ 101 เกรทฟอเรสต์ 3
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 103 ผู้มาเยือน 1

ตอนที่ 102 เกรทฟอเรสต์ 4


“Ratatoskr?”

-ใช่แล้ว มันเป็นชื่อของคนช่างพูดที่ถูกบันทึกไว้ในตำนาน เธอได้ตระหนักถึงพื้นที่ในอิกดราซิลที่มีเพียงเอลฟ์ชั้นสูงเท่านั้นที่เข้าถึงได้

เอลโลน่านั้นได้ส่งเมล็ดพันธุ์แห่งต้นไม้โลกให้แก้มิตรา แต่เธอไม่ได้ตระหนักว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น ที่ดีที่สุดเธอคิดว่ามันจะแค่ขยายความสามารถของมิตราเพิ่มขึ้นเท่านั้น ขณะนั้นเอลฟ์ชั้นสูงที่เงียบๆมาตั้งแต่แรกก็ได้เปิดปากขึ้น –ดิมิตรา……โดยการปลูกต้นไม้โลกลงบนศีรษะของพระแม่แห่งพื้นธรณี....บางทีเธออาจจะสูงส่งกว่าพวกเรา.....อืม

-ชะ-เช่นนั้นหรอ?

-เราไม่ทราบแน่ชัด....เราเพียงแค่คาดเดา....บางทีเราอาจจะถูกแค่ครึ่งเดียว....

หากเป็นเช่นนั้น เอลโลน่าก็ได้บังเอิญสร้างเหตุการณ์ที่ใหญ่โตขึ้น แต่ทว่าเอลฟ์ผู้ที่พูดขึ้นมานั้นไม่ได้มีเสียงแห่งความโกรธเลย เสียงที่พูดออกมานั้นนุ่มนวลมากจนตาของธีโอรู้สึกหนักขึ้นเพียงแค่ฟัง

-มนุษย์ที่ได้รับสิทธิ์โดยตรงจากRatatoskr โชคดีที่ไม่มีประโยชน์มากนักกับการได้ยินเสียงของป่า....อย่างมากเขาสามารถยืมมาน่าได้เล็กน้อย....?

-อืม นั่นมันจะไม่เป็นปัญหาใหญ่

-ใช่แล้ว มันจะโอเครถ้าอยู่ในระดับนั้น

เสียงที่เงียบหลายเสียงเห็นด้วยกับความคิดเห็นนี้ พลังแห่งกระแสจิตและการยืมพลังมาน่าของป่านั้นถือเป็นการตอบแทนที่ดีสำหรับผู้ที่ช่วยชีวิตเอลฟ์ชั้นสูง เหนือสิ่งอื่นใดมันเป็นคนตัดสินของเหล่าเอลฟ์ชั้นสูงที่จะมอบเมล็ดพันธุ์แห่งต้นไม้โลกให้แก่มิตรา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถโทษเอลโลน่าได้

ไม่ว่าจะกรณีใด ธีโอดอร์ มิลเลอร์ ถือเป็นคนที่พิเศษในหลายๆด้าน

เมื่อเรื่องราวได้จบลงแล้ว เสียงที่ร่าเริงก็พูดด้วยเสียงอันดัง –งั้นเรามาเปลี่ยนเรื่องกันเถอะ กลุ่มคณะฑูตได้เข้ามาในเกรทฟอเรสต์แล้วงั้นหรือ?พวกเขามาถึงเร็วกว่าที่คาดไว้ดังนั้นมันจึงช้าไปเล็กน้อยที่จะไปทักทายพวกเขา แต่ใครอยากจะไปกัน?ฉัน?หรือฉัน?

-เราไม่ไป

-เราจะไปนอน

-เราต้องการจะมองดูพวกเขา แต่เราคิดว่ามีคนที่มีสิทธิ์มากที่สุดในขณะนี้

เอลฟ์ชั้นสูง4ตน มีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน แต่มีคนที่ใช่1คน

เอลฟ์ชั้นสูงที่นิ่งเงียบ เอลโลน่า ค่อยๆยกมือของเธอขึ้น.....แต่ทว่า ธีโอดอร์นั้นไม่สามารถมองเห็นได้เขาได้ยินเพียงแค่เสียงเท่านั้น ในท้ายที่สุด ข้อตกลงก็เป็นเอกฉันท์ว่าเธอจะมาพบกับพวกเขา

ทันทีที่ได้ข้อสรุป เอลฟ์ชั้นสูงก็ถอนออกไปจากRatatoskr ทีละคนๆ

-เธอบอกเธอชื่อธีโอดอร์ใช่ไหม?ฉันจะพบกับเธอในภายหลัง!เสียงที่ร่าเริงดังก้องอยู่บนภูเขาขณะที่เสียงที่ราวกับสัตว์ร้ายได้จางหายไปอย่างเงียบๆ

-เราจะเตรียมการต้อนรับเธอ เสียงที่อ่อนโยนได้หายไปพร้อมกับคำพูดที่เต็มไปด้วยความเคารพ

-.....ฝันดีนะ เอลฟ์ชั้นสูงพูดด้วยน้ำเสียงที่ง่วงนอนกล่าวสั้นๆก่อนจะหายไป

พวกเขาเป็นคนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างแท้จริง ธีโอสามารถแยกแยะความแตกต่างได้ว่าใครเป็นใครเพียงแค่การฟังเสียงของพวกเขา ธีโอดอร์กล่าวคำอำลากับพวกเขาด้วยรอยยิ้ม ในท้ายที่สุด ธีโอดอร์และเอลโลน่าเป็นเพียงสองคนที่เหลืออยู่

เธอทักทายเขาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น – ไม่ได้เจอกันนานเลยธีโอดอร์!เราดีใจมากที่ได้พบเจอเธออีกครั้ง

‘เอลโลน่า ขอบคุณสำหรับคำเชิญนี้ ฉันไม่รู้เลยว่าเธอจะเรียกฉันมาในฐานะแขกของเอลฟ์เฮล์ม

-เราก็ไม่รู้ว่ามันจะเกิดเช่นนี้ขึ้น เราอยู่ในตำแหน่งนี้ แต่เราไม่ได้ทำอะไรมาก

มันเป็นเช่นที่เธอกล่าว เอ็ดวินนั้นเป็นผู้ที่อยู่ในระดับสูงสุดและเป็นหนึ่งในนักรบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเอลฟ์และเขาก็ปฏิบัติต่อเหล่าเอลฟ์ชั้นสูงด้วยความเคารพอย่างยิ่ง นี่เป็นเหตุผลที่เขาไม่สามารถละเลยผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเอลโลน่าได้

อย่างไรก็ตาม เอลโลน่าเคยคิดว่ามันเป็นความรับผิดชอบที่ใหญ่มากตั้งแต่ที่เธอเกิดในป่าเล็กๆไม่ใช่เอลฟ์เฮล์ม

-มันไม่น่ารำคาญงั้นหรอที่จะพูดคุยผ่านRatatoskr? จากนั้นเธอก็พูดคำพูดที่ธีโอดอร์ไม่สามารถเข้าใจได้ –ดังนั้น ฉันจะไปหาเธอ

‘หะ?ยังไง?’

-หุๆ เธอจะรู้ในเร็วๆนี้ เอลโลน่าหัวเราะเบาๆก่อนที่จะตัดการเชื่อมต่อกับRatatoskr เธอไม่ได้บอกเขาว่าเธอจะมาจากเอลฟ์เฮล์มที่อยู่ห่างไกลจากที่นี่

ธีโอเปิดตาของเขาขึ้นก่อนที่จะเห็นใบหน้าของใครบางคนตรงหน้าเขา

“ผู้มีพระคุณ”

“โอ้ เซอร์เอ็ดวิน?!”

เอ็ดวินพุ่งเข้ามาประชิดตัวเขาอย่างรวดเร็วก่อนที่ธีโอดอร์จะสามารถถอยหลังได้ทัน

“ท่านได้คุยกับพวกเขาใช่ไหม?ผ่านRatatoskr สถานที่เฉพาะของเหล่านักเต้น?”

“อะ-อาจจะ”

“โอ้!ท่านไม่ได้เป็นมนุษย์ธรรมดาจริงๆ!”

ธีโอแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เขาเป็นเจ้าของหนังสือเวทย์โบราณ เป็นผู้ทำสัญญากับจิตวิญญาณธาตุโบราณและผู้ที่สืบทอดจิตวิญญาณของวีรบุรุษสงคราม....แม้ว่าเขาจะมีเพียงหนึ่งชื่อ แค่คำว่า’ธรรมดา’นั้นไม่สามารถใช้กับเขาได้

จากปฏิกิริยาของเอ็ดวิน เอลฟ์ธรรมดานั้นไม่สามารถเข้าสู่Ratatoskr ได้แม้ว่าพวกเขาจะมีความสามารถแค่ไหน มีเพียงเอลฟ์ชั้นสูงเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงได้

‘อ่า นี่อาจจะเป็นอันตรายได้’

จอมเวทย์คนอื่นๆที่อยู่ด้านหลังเอ็ดวินนั้นต่างมองมาที่ธีโอด้วยสายตาตื่นเต้น เหงื่อได้ไหลลงทั่วแผ่นหลังของธีโอ ความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขาได้ถูกกระตุ้นหลังจากได้ยินคำว่า ‘Ratatoskr’ ซึ่งเป็นคำที่พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน

ในขณะนั้น พลังมาน่าในชั้นบรรยากาศก็เริ่มสั่นสะเทือนในลักษณะแปลกๆ

วูบบ!

รากไม้ได้แปรเป็นขลุ่ยและเริ่มเป่ามันจากใต้ดิน และต้นหญ้าก็ได้เริ่มบรรเลงบทเพลง สายลมที่พัดผ่านราวกับกำลังลูบผิวของเขา มันแตกต่างจากพลังออร่าที่รุนแรงหรือพลังเวทย์อันมหัศจรรย์ ธีโอและเอ็ดวินเป็นเพียงสองคนที่คุ้นเคยกับคลื่นมาน่าที่แปลกประหลาดนี้

“นี่....!”

มันเป็นพลังชีวิตซึ่งเรียกว่าพราน่า

แสงสีเขียวได้ส่องแสงจากพื้นดิน จากนั้นก้อนดิน รากไม้ และใบไม้ก็ได้รวมกันจนเป็นรูปร่างที่ดูเหมือนมนุษย์ มันเป็นปรากฏการณ์ที่แม้แต่จอมเวทย์ยังอดที่จะประหลาดใจไม่ได้

ล้อมรอบไปด้วยความงดงามของพราน่า เธอก็ได้แสดงตัวขึ้น[สวัสดี ทุกท่าน]

รูปร่างนั้นคือเอลโลน่า ด้วยความงดงามตามธรรมชาติของเธอที่ถูกสร้างขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบ เธอได้ยืนอยู่ตรงนั้น ในขณะที่ทุกคนพูดอะไรไม่ออก เอ็ดวินก็ได้โค้งคำนับอย่างสุภาพ

“เอ็ดวินบุตรชายแห่งตระกูลบีช กิ่งก้าน(สาขา)ที่สามแห่งต้นแม่ ยินดีที่ได้พบกับนักเต้นลำดับที่6”

[ไม่จำเป็นที่ต้องก้มหัวให้กับเรา เอ็ดวิน นี่เป็นร่างโคลนที่สร้างจากRatatoskr]

“ถึงกระนั้น ร่างกายนี้ก็ต้องทำหน้าที่ในฐานะสมาชิกของกิ่งก้าน แม้ท่านจะไม่ได้อยู่ที่นี่”

เอลโลน่าถอนหายใจและมองไปที่ธีโอ ธีโอดอร์เข้าใจความหมายของรูปลักษณ์เธอและในขณะที่เขาก้าวไปด้านหน้าเขาก็พูดว่า “ฉันไม่รู้ว่าเธอจะมาในลักษณะนี้ ฉันรู้สึกประหลาดใจจริงๆ”

มันไม่ใช่แค่การเยินยอ เขารู้สึกประหลาดใจอย่างแท้จริง เธอได้สร้างร่างกายขึ้นจากที่ที่ห่างไกลหลายสิบหรือหลายร้อยกิโลเมตร ไม่มีทางที่จะทำเช่นนั้นได้โดยใช้ความรู้เวทมนต์ที่ธีโอมี ดูเหมือนว่า’Ratatoskr’ จะไม่ได้มีอำนาจในการสนทนาเพียงเท่านั้น

เอลโลน่ายิ้มอย่างสดใสและโบกมือของเธอ[ฉันเองก็พึ่งรู้เร็วๆนี้ว่ามันทำเช่นนี้ได้ ฉันจะนำทางเธอเองจากนี้ ตอนแรกฉันคาดว่าเธอจะต้องใช้เวลาสักสองสัปดาห์กว่าเธอจะมาถึง แต่เธอมาถึงนี่ได้รวดเร็วจริงๆ]

ผู้นำWhite Tower ก้าวไปด้านหน้าหนึ่งก้าวและกล่าวอย่างสุภาพว่า“ก่อนอื่น ต้องขอขอบคุณอย่างยิ่งเอลฟ์ชั้นสูงเอลโลน่า....ถ้าเป็นไปได้ ฉันขอถามท่านสิ่งหนึ่งได้ไหม?”

[ได้สิ แน่นอน]

“ฉันรู้สึกขอบคุณอย่างยิ่งที่ท่านมาที่นี่ แต่ท่านไม่ต้องเป็นห่วง แค่เอ็ดวินคนเดียวก็เพียงพอแล้วไม่ใช่หรอสำหรับการนำทาง?”

คำพูดของเขาไม่ผิด เอ็ดวินเป็นผู้ช่วยที่มีอำนาจและจะไม่เป็นเรื่องยากเลยสำหรับพวกเขาที่จะไปถึงเอลฟ์เฮล์ม แม้จะไม่มีความช่วยเหลือของเอลโลน่า นอกจากนี้พวกเขายังมีธีโอทำหน้าที่เป็นคนนำที่สอง ดังนั้นออร์ต้าจึงไม่ต้องการที่จะยืมมือของเอลฟ์ชั้นสูงไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด

อย่างไรก็ตาม เอลโลน่านั้นยิ้มราวกับเธอรอคำพูดนี้อยู่ [นี่เป็นส่วนหนึ่งของแผนดั้งเดิม ดังนั้นไม่จำเป็นต้องกังวล เราไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกทักษะของเอ็ดวิน แต่ในป่านี้ไม่มีผู้ใดที่จะนำทางได้ดีไปกว่าเอลฟ์ชั้นสูง]

หลังจากคำพูดเหล่านั้น เธอก็ได้หันหลังกลับและชี้ไปในทิศทางที่พวกเขาควรจะเดินทางไป ดินและกิ่งไม้ต่างเคลื่อนที่ออกไปจากการขยับของนิ้วเธอ เป็นการกระทำที่เรียบง่าย แต่เป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่ไม่มีใครสามารถปฏิเสธมันได้

“หะ....!”

“หะ-เหลือเชื่อ...”

เส้นทางได้เกิดขึ้นในที่ที่ไม่เคยมีมาก่อนหน้านี้ นี่เป็นเพราะพืชพันธุ์ได้แยกตัวมันเอง รากไม้ที่ยื่นออกมาได้มุดลงไปในพื้นดิน ขณะใบไม้และกิ่งไม้ต่างขยับออกไปจากเส้นทาง มันเปรียบเสมือนว่าพวกมันกำลังต้อนรับพวกเขา

ขณะนี้ได้เกิดเส้นทางขึ้นในเกรทฟอเรสต์ที่เต็มไปด้วยพุ่มไม้และต้นไม้อันหนาแน่น!

“มันช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ”แม้กระทั่งผู้นำWhite Tower ก็อดที่จะอ้าปากค้างไม่ได้ เอลโลน่าได้ควบคุมพืชนับร้อยรับพันเพื่อสร้างเส้นทางโดยไม่ทำลายธรรมชาติ แม้กระทั่งจอมเวทย์ขั้น8เช่นบลันเดลล์ยังไม่สามารถที่จะทำเช่นนี้ได้

ออร์ต้ายกระดับของเอลฟ์เฮล์มขึ้นไปอีกสามระดับ อย่างน้อยในเกรทฟอเรสต์ เอลฟ์เฮล์มก็เป็นมหาอำนาจที่เมลเทอร์หรือแอนดราสไม่อาจจะแตะต้องได้

[ด้วยร่องรอยของพลังที่หลงเหลืออยู่ สิ่งมีชีวิตจึงไม่สามารถเข้าถึงได้ง่าย ถ้าเราไปด้วยวิธีนี้ พวกเราจะถึงเอลฟ์เฮล์มได้เร็วกว่าเดิม]

ผู้นำWhite Tower มองไปที่เส้นทางของเอลโลน่าด้วยดวงตาที่สงบนิ่งและเปิดปากเพื่อพูดว่า “….พลังแห่งธรรมชาติที่ต้นไม้โลกได้สร้างขึ้น.....เมื่อคิดว่ามันสามารถนำมาใช้ได้ในวิธีนี้..”

การปรากฏตัวของต้นไม้โลกนั้นรุนแรงพอที่จะฆ่าสิ่งมีชีวิตทั้งหมด ดังนั้นทุกรากที่ยืดออกของมันนั้นยากที่สิ่งมีชีวิตจะอยู่รอดได้ ถนนนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยเครือข่ายประสาทเทียมของอิกดราซิลที่เรียกว่าRatatoskr มันสามารถที่จะขับไล่สิ่งมีชีวิตได้

อย่างไรก็ตามสัตว์ประหลาดที่เรียกว่าเวโรนิก้านั้นสามารถเผาสิ่งนี้ได้ ผู้นำWhite Tower ส่ายหัวให้กับภาพความทรงจำอันน่าสยดสยองและพูดกับเอลโลน่าว่า “พวกเราเพียงแค่เดินตรงไปตามเส้นทางนี้?”

[ ใช่แล้ว มันจะใช้เวลาประมาณ3วัน]

“อืม งั้นมันก็จะเป็นครึ่งวัน ท่านเอลโลน่า รูปลักษณ์นี้ไม่ได้มีความต้านทานเวทมนต์เช่นร่างที่แท้จริงของท่านใช่ไหม?”

[ถูกต้อง แต่...ครึ่งวัน?]

เอลโลน่ารู้สึกสับสนแต่ออร์ต้าก็ได้หยิบกล่องที่คุ้นเคยขึ้นมา

มันเป็นเวทมนต์ที่ไม่สามารถนำมาใช้ในป่าได้เนื่องจากปัจจัยต่างๆ แต่มันจะเป็นเรื่องที่แตกต่างออกไปถ้าเส้นทางถูกวางไว้แบบนี้ กลุ่มคณะฑูตได้สวมแหวนเงินไว้บนนิ้วของพวกเขา ในที่สุดร่างโคลนของเอลโลน่าก็ได้สวมแหวน และผู้นำWhite Tower ก็ได้ก้าวไปอยู่ด้านหน้าของกลุ่ม

แสงสีเขียวที่อยู่เบื้องหน้านั้นได้สร้างทางลัดให้แก่พวกเขา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด