ตอนที่แล้วตอนที่ 97 แขกผู้ทรงเกียรติแห่งเอลฟ์เฮล์ม 3
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 99 เกรทฟอเรสต์ 1

ตอนที่ 98 เกรทฟอเรสต์ 0


“มิตรา?” ธีโอดอร์มองไปที่มันอย่างสงสัย แต่เขาก็ยอมรับเมล็ดพันธุ์สำหรับมิตรา

เมล็ดนั้นเรืองแสงสีน้ำเงินออกมา ถ้านี่เป็นเมล็ดพันธ์ที่แท้จริงจากอิกดราซิล ต้นไม้โลกแสนศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู่ใจกลางเอลฟ์เฮล์ม คุณค่าของมันไม่สามารถประเมิณได้ อย่างไรก็ตามเอลโลน่าได้มอบเมล็ดพันธ์นี้ให้กับมิตรา

ธีโอรู้สึกกังวลและสงสัยเกี่ยวกับมัน ดังนั้นแทนที่เขาจะกังวลเพียงอย่างเดียวธีโอก็ได้ตัดสินใจที่จะถามคนที่นั่งอยู่ด้านหน้าเขา “เซอร์เอ็ดวิน คุณรู้ความหมายของเมล็ดพันธุ์นี้ไหมครับ?”

“ท่านหมายความว่าอย่างไร?”

“อะไรคือพลังของเมล็ดพันธ์นี้....หรือทำไมเอลโลน่าถึงบอกให้ผมนำมันให้กับมิตรา?”

เอ็ดวินครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะก่อนที่จะพยักหน้าและตอบคำถาม “เรานั้นไม่ได้รู้เต็มที่เท่าเธอ แต่เราจะบอกในสิ่งที่เรารู้”

คำอธิบายของเขาย้อนไป ณ ช่วงเวลาที่อิกดราซิลและเอลฟ์เฮล์มได้ถือกำเนิด มันเป็นช่วงเวลาประมาณ300ปีที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าไม่นานนักเมื่อเทียบกับอายุที่ยืนยาวของเอลฟ์ เหล่าเอลฟ์จากทั่วทุกมุมของทวีปได้มารวมตัวกันเพื่อสร้างบ้านใหม่ในเทือกเขาทางตอนเหนือ ด้วยการใช้พลังของเหล่าเอลฟ์ พวกเขาได้สร้างต้นไม้โลกขึ้นมา จากนั้นเป็นต้นมา เอลฟ์เฮล์ม อาณาจักรของเหล่าเอลฟ์ ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น

แม้ว่าจะไม่สมบูรณ์ แต่อิกดราซิลก็ยังคงเป็นต้นไม้โลก เช่นเดียวกับชื่อของมัน อิกดราซิลได้ปกป้องเอลฟ์เฮล์มด้วยพลังของมัน ใบไม้ที่หล่วงหล่นจะทำความสะอาดพื้นดิน ในขณะที่รากของมันจะขยายพื้นผิวเพื่อสร้างระบบนิเวศของธรรมชาติ นี่คือเหตุผลที่เอลฟ์สามารถรักษาพื้นที่ของเทือกเขาตอนเหนือให้คงความปลอดภัยเอาไว้ ซึ่งเป็นที่อาศัยของวิ่งมีชีวิตทุกชนิด

เหล่าเอลฟ์แห่งเอลฟ์เฮล์มต่างยกย่องให้ต้นไม้โลกเป็นต้นกำเนิดของต้นไม้ในป่าทั้งหมด

“ต้นไม้โลกได้ช่วยให้เอลฟ์ก้าวหน้า น้ำที่คอยหล่อเลี้ยงจะสร้างพลังแห่งชีวิตให้กับพวกเรา กิ่งก้านได้กลายเป็นอาวุธของเหล่านักรบขณะที่กลีบและผลไม้จะมีพลังในการรักษาอาการบาดเจ็บและโรคภัยได้”

“บางที...”

“ใช่ ความคิดของท่านนั้นถูกต้อง”

ธีโอได้สังเกตเห็นว่ายาและของวิเศษมากมายนั้นสามารถสร้างได้จากเอลฟ์เฮล์มเท่านั้น

นี่เป็นเพราะต้นไม้โลก อิกดราซิล เนื่องจากยาและของวิเศษมากมายนั้นเป็นผลพลอยได้จากต้นไม้โลกของพวกเขา นั้นจึงเป็นเหตุผลที่มนุษย์ไม่สามารถทำได้ และทำให้เอลฟ์เฮล์มมีข้อได้เปรียบอย่างมากในการค้า

อย่างไรก็ตามธีโอยังคงรอต่อไปแม้จะประหลาดใจ เนื่องจากคำอธิบายเกี่ยวกับผลของเมล็ดพันธ์นั้นยังไม่ปรากฏ เอ็ดวินหยุดพูดสักพักและพูดหัวข้อถัดไป “ต้นไม้โลกได้ผลิตผลไม้จำนวนมากใน100ปี แต่กลับผลิตเมล็ดพันธ์มาไม่กี่เมล็ดเท่านั้น เราคือ1ในคนที่ได้รับเมล็ดพันธุ์”

“เซอร์เอ็ดวิน?”

“ใช่ตามคำพูดเก่าแก่ เมล็ดของต้นไม้โลกนั้นจะพูดถึงการแตกหน่อความสามารถที่ซ่อนอยู่ในตัวผู้ที่ได้รับมัน เราได้รับมันและได้เดินบนเส้นทางของผู้พิทักษ์”

‘การแตกหน่อของความสามารถที่ซ่อนเร้น!’

มันเป็นผลผลิตจากต้นไม้โลก นั้นทำให้ธีโอดอร์ประหลาดใจกับคำเหล่านั้นก่อนที่จะก้มลงมองที่เมล็ด ตามคำอธิบายของเอ็ดวิน เมล็ดพันธุ์นั้นจะไม่ช่วยธีโอมากนัก มันเป็นสิ่งหนึ่งที่จะดึงพรสวรรค์ที่ซ่อนเร้นออกมา แต่ก็ไม่มีความหมายอะไรเลยสำหรับเขาเพราะความสามารถโดยกำเนิดของเขาแทบจะไม่มี

พรสวรรค์โดยกำเนิดของเขามีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับมิตรา ‘พระแม่แห่งธรณี’

เทียบเคียงได้กับเทพพระเจ้า ดิมิตรา ผู้ที่มีขนาดใหญ่ยิ่งกว่าภูเขา ศักยภาพของมนุษย์นั้นไร้ค่า ไม่มีใครจะสามารถจินตนาการได้เมื่อมองมาที่มิตราตัวเล็กๆที่กำลังกระโดดอยู่บนเข่าของเขาตอนนี้

[ฮู้ว?]มิตรารู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมองของเขาและถามคำถามด้วยเสียง

“นี่คือของขวัญ”ธีโอส่งเมล็ดพันธ์ไปให้เธอโดยไม่ลังเลเลย มิตราจ้องมองที่เมล็ดพันธ์ชั่วขณะก่อนที่จะกระโดดไปบนฝ่ามือของเขา ตอนแรกเธออยากที่จะกัดเมล็ด แต่แล้วเธอก็เงยหน้าขึ้นมองธีโอ

[ดีโอ!มิตรากินมัน?!]

“กิน?”

[ใจ้!]

น้ำลายของมิตราไหลลงมาราวกับเธอรู้ว่ามันอร่อยมาก อาจจะมีบางอย่างที่มีแค้จิตวิญญาณธาตุเท่านั้นที่รู้สึกได้ สำหรับเขามันดูเหมือนลูกปัดที่มีกลิ่นหอมมากเท่านั้น

ธีโอดอร์พยักหน้าทำให้มิตราส่งเสียงหัวเราะและยกเมล็ดขึ้นเหนือหัวของเธอ

[อะอ้าม-!]เธอเปิดปากและกลืนมันไปในครั้งเดียว

อึก.

***

ใจกลางของป่าทางตอนเหนือ เอลฟ์เฮล์มนั้นอยู่ในทวีปเดียวกับเมลเทอร์ มันต้องใช้เวลา1เดือนกับรถม้าเพื่อเดินทางจากมาน่า-วิล ไปยังเกรทฟอเรสต์ นอกจากนี้การเดินทางด้วยรถม้าจะลำบากเมื่อเดินทางในป่าใหญ่

ด้วยเหตุนี้จึงมีกำหนดระยะเวลาขั้นต่ำ100วันเพื่อให้พวกเขาไปถึงเอลฟ์เฮล์ม อย่างไรก็ตามห้องเตรียมออกเดินทางของคณะฑูตนั้นกลับว่างเปล่าอย่างแปลกประหลาด

“…เธอมาแล้ว”ออร์ต้าชายผู้ยืนอยู่ตรงกลางห้องพึมพำทันทีที่ประตูได้ปิดแน่น เบื้องหลังของเขาคือเอ็ดวินที่คุยกับธีโอดอร์มาเป็นเวลานาน

ธีโอหยุดยืนอยู่ด้านข้างออร์ต้าชายผู้ที่ถามเขา “การเตรียมการเสร็จสิ้นแล้วยัง?”

“ใช่”

“งั้นไปกันเถอะ มันเป็นการเดินทางที่ยาวนาน ดังนั้นเราจำเป็นต้องรีบ”

โดยไม่คำนึงถึงฐานะ ธีโอดอร์และผู้นำWhite Tower พวกเขามีอำนาจเท่ากันในภารกิจครั้งนี้ ออร์ต้าได้ยอมรับคำสั่งและขยับไปอยู่ตรงกลางของวงเวทย์ ขณะที่ซิลเวียวิ่งไปทางด้านธีโอ อย่างไรก็ตามก่อนที่ซิลเวียจะพูดว่า ‘สวัสดี’บางอย่างก็ได้โผล่ออกมาจากแขนธีโอ

“เอ๋?”ซิลเวียได้จับมิตราเอาไว้ทันที เธอมีการตอบสนองที่ยอดเยี่ยมสำหรับจอมเวทย์

[ฮู้!] มิตราโบกมือให้เธอราวกับเธอกำลังพูดสวัสดี เธอมองไปที่ซิลเวียและหัวเราะ ซิลเวียวางมิตราไว้บนมือและรู้สึกแปลกๆกับสัมผัสของเธอ

ขณะที่เธอลูบผมของมิตรา เธอก็พึมพำออกมาด้วยท่าทางประหลาดใจ “…ผลิดอก?”

มันเป็นเช่นที่ซิลเวียกล่าว ต้นอ่อนสีเขียวได้งอกออกมาจากผมของมิตรา

ซิลเวียมองไปที่ธีโอเพื่อหาคำตอบ แต่เขาก็ยิ้มให้อย่างลึกลับ ธีโอและเอ็ดวินเป็นเพียงคนเดียวที่รู้ว่าต้นอ่อนได้เติบโตหลังจากที่มิตรากินเมล็ดพันธ์ของต้นไม้โลกเข้าไป มิตรานั้นรู้สึกทึ่ง แต่เธอก็ไม่รู้เช่นกันว่ามันเป็นอย่างไร

‘ฉันจะรู้ได้ถ้าฉันถามเอลโลน่าโดยตรง’มันไม่ใช่สิ่งที่ธีโอควรคิดถึงขณะที่พวกเขากำลังรีบ

เขามีประสบการณ์จากการเคลื่อนที่ผ่านมิติมาก่อนแล้ว ธีโอจึงรออย่างใจเย็นเพื่อให้เวทมนต์ทำงาน ตามที่ผู้นำWhite Tower ได้กล่าว เขาจะเคลื่อนย้ายพวกเขาไปใกล้ๆเขตชายแดน เนื่องจากระยะทางมันไกลมันอาจจะทำให้เกิดอาการเวียนหัวและผลข้างเคียงมากมาย

ช่วงเวลาที่ธีโอดอร์กำลังเตรียมตัวนั้น....

“Mass Teleport” พร้อมกับที่คำพูดนั้นเปล่งออกมา วงเวทย์ภายใต้กลุ่มของพวกเขาก็ได้สว่างขึ้นวงเวทย์เคลื่อนย้ายมิติ ที่เป็นสัญลักษณ์ของWhite Tower ได้กลืนกินเอลฟ์1ตนและคณะฑูตอีก9คนเข้าไป

‘อ่า!’ ช่องว่างมิติทั้งสามได้หุบรวมกับเป็นเส้นตรง

การดัดของช่องว่างมิตินั้นไม่มีข้อจำกัด มันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยความรู้สึกของมนุษย์ นอกจากนี้มันไม่ได้จบลงเพียงแค่การเวียนหัวเท่านั้น แม้มันจะไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการปิดตา แต่มันก็ยังดีกว่าหลายเท่าที่จะลืมตา

โชคดีที่ความรู้สึกผิดเพี้ยนได้สิ้นสุดลงอย่างรวดเร็ว

“อึก!”

“ฟู่....”

“อืม”

เมื่อมาถึงจุดหมายปลายทางทุกคนต่างก็ทำให้อาการเวียนหัวหายไปในแบบของตนเอง บางคนสูดหายใจเข้าลึกๆในขณะที่คนอื่นๆเลียริมฝีปากของพวกเขา อย่างไรก็ตามมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถมองไปรอบๆโดยไม่มีอาการสะดุดเลยและธีโอก็เป็นหนึ่งในนั้น

ในเวลานั้น ลูกปัดที่ส่องแสงก็ได้ลอยขึ้นในที่มืด

“สถานที่แห่งนี้อยู่ในใต้ดินใกล้กับชายแดน เป็นสถานที่ที่เราไม่สามารถอยู่ได้นานนัก ตามหลังฉันมา”ออร์ต้าให้คำแนะนำขณะที่เขาเดินผ่านห้องด้วยการก้าวเท้าที่คุ้นเคย

หลังจากที่ปีนขึ้นมานานพอสมควร เขาก็เห็นแผ่นไม้ที่ปิดประตูเอาไว้ โดยไม่ระวังว่ามันจะเป็นวัตถุเวทมนต์ ออร์ต้าได้ผลักมันด้วยมือโดยไม่พูดอะไรสักคำ

กรึก ขณะเดียวกันแสงก็ได้ส่องลงมาจากเพดาน

มันเป็นเพราะเวทย์แสง...?แปลกมาก ไม่มีใครสักคนที่ปิดตาของพวกเขาหรือคร่ำควรญอย่างทรมาน เมื่อทั้งเก้าคนได้ปีกขึ้นมาออร์ต้าก็ได้ปิดแผ่นไม้ที่อยู่ข้างหลังพวกเขา เขาเททรายปิดทับมัน โดยไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้

จากนั้นธีโอก็ได้เริ่มมองไปรอบๆ “…ที่แห่งนี้”

ไม่มีสิ่งกีดขวางใดๆ มันเป็นเพียงพื้นที่รกร้างที่ทำให้สายตาของทั้ง10คนนั้นเปิดกว้าง ทรายสีแดงที่พัดปลิวในสายลมนี่เป็นจุดเด่นเฉพาะที่รกร้างแห่งนี้

‘นี่คือดินแดนรกร้าง ที่ราบสีแดง?’

นี่คือชายแดนด้านเหนือของเมลเทอร์ ที่ราบสีแดง มันเป็นดินสีแดงที่ดูเหมือนจะปฏิเสธชีวิตทั้งมวล

ทำไมสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งของผืนป่าใหญ่ทางตอนเหนือถึงไม่ข้ามมาที่ชายแดนของเมลเทอร์? เหตุผลนั้นสามารถพบได้ในที่ราบสีแดง นี่เป็นดินแดนที่แห้งแล้มที่กินพื้นที่หลายรอยกิโลเมตร ซึ่งในรอบสองปีฝนจะตกเพียงครั้งเดียว จำนวนสิ่งมีชีวิตที่หิวโหยที่ได้ตายลงไปนั้นมีจำนวนมากเกินที่จะนับได้

ดังนั้น จึงมีการเตรียมสิ่งจำเป็นเป็นจำนวนมากเพื่อที่จะข้ามผ่านดินแดนที่รกร้างแห่งนี้ อาหาร น้ำ และสิ่งของที่สามารถทนต่อการโจมตีของอันเดทได้ในระยะทางหลายร้อยกิโลเมตรเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง

ทุกคนนั้นรู้ความจริงข้อนี้ ดังนั้นคนๆหนึ่งจึงถามคำถาม “ท่านผู้นำหอคอย?”

“หืม?”

“รถม้าที่พวกเราจะนั่งอยู่ที่ไหนครับ?”

อีกแปดคนที่เหลือต่างมองไปที่ออร์ต้า

เนื่องจากเขาเป็นจอมเวทย์จากWhite Tower พวกเขาจึงคิดว่าเขาจะเตรียมรถม้าหรือเกวียนสายลมเอาไว้ บุคคลระดับสูงสุดนั้นสามารถใช้จิตวิญญาณธาตุระดับสูงได้ แต่แม้กระทั่งเอ็ดวินก็ยังมีขีดจำกัด เขาไม่มีความสามารถที่จะแบกสัมภาระของทั้งเก้าคนได้

แต่ทว่าไม่ว่าพวกเขาจะมองไปทางไหนพวกเขาก็ไม่สามารถหารถม้าหรือเกวียนสายลมได้

“มันน่ารำคาญที่จะอธิบาย ทุกคนสวมแหวนนี่เอาไว้”

ออร์ต้าหยิบกล่องออกใสและส่งแหวนให้คนละหนึ่งวง

แหวนนั้นทำจากเงินและไม่มีการตกแต่งใดๆ แต่กลุ่มเดินทางก็ได้สวมแหวนที่ผู้นำWhite Towerส่งมาให้ เอ็ดวินลังเลอยู่สักพัก แต่ในที่สุดเขาก็สวมมันลงบนนิ้วชี้

ออร์ต้าเฝ้ามองพวกเขาใส่มันด้วยสายตาอันเงียบสงบ “เดินทางกันเถอะ ฉันต้องบอกพวกเธอสิ่งหนึ่ง พวกเธอแค่ยืนอยู่ในตำแหน่งเท่านั้น”

“…?”ทุกคนต่างอยู่ในอาการงุนงง

“แทนที่จะอธิบาย มันจะเร็วกว่าที่จะแสดงให้พวกเธอดูโดยตรง”ผู้นำWhite Tower พูดคำแปลกๆก่อนที่จะก้าวไปด้านหน้าหนึ่งก้าว

การก้าวเท้าของเขาดูเฉื่อยชา ขาของเขาเคลื่อนไหวอย่างเห็นได้ชัด แต่เขาไม่ได้เคลื่อนที่ออกห่างจากกลุ่มของพวกเขา เขาแสดงให้พวกเขาเห็นถึงเคล็ดลับงั้นหรือ?บางคนเริ่มคิดว่าผู้นำWhite Tower นั้นแปลกประหลาดเล็กน้อยในหัว

อย่างไรก็ตามมีผู้ที่สังเกตเห็นถึงความผิดปกติ ธีโอดอร์มีความรู้สึกที่ไวต่อความรู้สึกเหนือธรรมชาติและ’โลกนั้นได้เปลี่ยนไป’ ดังนั้นเขาจึงเป็นคนที่รู้สึกตัวได้เร็วที่สุดในหมู่พวกเขา แม้กระทั่งท่าทางของเอ็ดวินยังกลายเป็นตื่นตะลึงเมื่อเขาเข้าใจได้ว่าภาพรอบตัวของพวกเขาได้เปลี่ยนไป

เมฆที่ปรากฏบนหัวของพวกเขาในตอนแรกได้หายไปในระยะไกล ขณะที่เมฆบนขอบฟ้าเคลื่อนที่อยู่เหนือหัวพวกเขา ใช่ภาพรอบตัวเปลี่ยนไปทุกครั้งที่เขาก้าวเท้า

‘…เราเคลื่อนที่ได้ไกลแค่ไหนในหนึ่งก้าว?!’

นี่เป็นเวทมนต์มิติงั้นหรอ?กลุ่มคนที่มีศูนย์กลางอยู่ที่ออร์ต้ากำลังกระโดดไปด้านหน้าหลายร้อยเมตรหรืออาจจะเป็นกิโลเมตร พร้อมๆกัน มันไม่ได้สังเกตเห็นทันทีเนื่องจากทั้งสี่ทิศทางของพวกเขานั้นเป็นดินแดนที่ว่างเปล่า แต่กลุ่มคนที่เหลือก็เข้าใจในเร็วๆนี้

“กะ-การบิดเบือนช่องว่าง?! มันเป็นเช่นนี้ทุกก้าว?”

“เป็นไปไม่ได้....!”

“แม้ว่าเขาจะคือผู้นำWhite Tower ก็ตาม แต่นี่....”

ออร์ต้าได้สั่งให้คนอื่นๆอย่าขยับตัว แต่คนทั้งกลุ่มต่างประหลาดใจเมื่อมองไปที่ท้องฟ้าที่เปลี่ยนไปตลอดเวลา พวกเขากำลังเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วผ่านที่ราบสูงสีแดงที่ขึ้นชื่อ มันไม่จำเป็นต้องมีรถม้า

เกวียนสายลมถือว่ามีความเร็วต่ำไปเลยเมื่อเทียบกับการเคลื่อนที่หลายร้อยเมตรในพริบตาเดียว

ผู้นำWhite Tower ออร์ต้า ผู้ซึ่งอยู่จุดสูงสุดของเวทย์มิติ ประกาศอย่างตรงไปตรงมาว่า “พวกเราจะถึงเกรทฟอเรสต์ทันทีที่ดวงอาทิตย์ตกดิน เตรียมพร้อมที่จะหยุดและตั้งค่าย”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด