ตอนที่แล้วตอนที่ 95 แขกผู้ทรงเกียรติแห่งเอลฟ์เฮล์ม 1
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 97 แขกผู้ทรงเกียรติแห่งเอลฟ์เฮล์ม 3

ตอนที่ 96 แขกผู้ทรงเกียรติแห่งเอลฟ์เฮล์ม 2 (แก้ไข)


แก้ให้แล้วครับ ขอโทษทีครัลบ

 

‘แขกผู้ทรงเกียรติ!’ เป็นคำเพียงไม่กี่คำ แต่ท่าทางของทุกคนต่างเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

จนถึงตอนนี้เอลฟ์เฮล์มนั้นได้ยอมรับกลุ่มคณะฑูตจากอาณาจักรอื่น แต่นั้นก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการซื้อขายแลกเปลี่ยนเท่านั้น ในความเป็นจริง เอลฟ์เฮล์มนั้นไม่เคยที่จะต้อนรับกลุ่มคณะฑูตจากอาณาจักรใดเลย

เคิร์ทที่3เป็นผู้เดียวที่รักษาความสงบเอาไว้ได้ “หืม แขกผู้ทรงเกียรติ”

ไม่สิ มีความเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าเขาเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าเอลฟ์เฮล์มจะทำเช่นนี้ อย่างดีที่สุดเขาคิดว่าจำนวนของสินค้าทางการค้าหรือสายสัมพันธ์ของพวกเขากับผืนป่าใหญ่จะเพิ่มขึ้น แต่เอ็ดวินกลับบอกว่าพวกเขาจะได้รับอนุญาติให้เข้าไปในพรมแดนของเอลฟ์เฮล์มที่ที่ไม่เคยมีผู้ใดได้เข้าไปมาก่อน? นั่นมีค่ายิ่งกว่าสิ่งใด

“เซอร์เอ็ดวิน คำพูดของท่านหมายความว่าเอลฟ์เฮล์มกำลังยินยอมให้พวกเราส่งกลุ่มคณะฑูตไปงั้นรึ?”

“ถูกต้อง”

“มันอยู่ในเขตรอบนอกของผืนป่าใหญ่อีกครั้งใช่ไหม?”

เอ็ดวินส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มบางๆ “ไม่ พวกเราไม่สามารถที่จะปฏิบัติต่อแขกผู้มาเช่นนี้ได้ การพบปะกันครั้งนี้จะใช้เวลานานนิดหน่อย แต่เอลฟ์เฮล์มได้ตัดสินใจที่จะต้อนรับเหล่าสหายของธีโอดอร์ที่ด้านหน้ามหาพฤกษาหรือต้นไม้โลก”

“ต้นไม้โลกที่เป็นหัวใจของผืนป่าใหญ่....”

“ใช่แล้ว ต้นกำเนิดพฤกษาทั้งมวลของพวกเรา”

หลังจากที่ได้ยืนยันสิ่งที่ได้ยินนี้ เคิร์ทที่3ก็ได้ยกคุณค่าของภารกิจนี้ไปอีก3ระดับ

เอลฟ์นั้นไม่สามารถที่จะพูดโกหกได้ นี่ไม่ใช่เพราะความเชื่อหรืออะไรทั้งสิ้น แต่เป็นเพราะเหล่าเอลฟ์ที่เต้นและร้องเพลงกับธรรมชาตินั้นจะสูญเสียพลังเมื่อพวกเขาโกหก ดังนั้นเอลฟ์ที่สูญเสียความชอบธรรมเรื่องจากโกหกจะถูกตราว่าเป็นคนบาปในสังคมของพวกเขาและถูกไล่ออกจากเผ่าพันธ์

ในฐานะคนที่อยู่ในระดับสูงสุด เอ็ดวินนั้นเป็นคนที่ทรงพลังอย่างยิ่ง เขาอาจจะสูญเสียพลังทั้งหมดของเขาหากเขาพูดโกหก ดังนั้นการยืนยันของเอ็ดวินจึงเป็นหลักฐานชั้นดี

“มีกี่คนที่สามารถไปกับธีโอดอร์ได้?”เคิร์ทที่3 ถามอย่างสงบขณะที่เขานึกถึงฑูตบางคน

“ยิ่งน้อยยิ่งดี ถ้าถูกโจมตีเช่นครั้งก่อนมันจะเป็นเรื่องยากสำหรับผู้คุ้มกันเมื่อมีคนเยอะ”

“เยี่ยม เหลี่ยมจัดมาก”

“อ่า!มีสิ่งหนึ่งที่เราลืมบอกท่าน”คำพูดถัดไปของเอ็ดวินทำให้ความคิดที่ซับซ้อนอยู่แล้วของเขาถูกรบกวนมากขึ้น “ใกล้กับต้นไม้โลกที่อยู่ตรงกลางของผืนป่าใหญ่ ความเข้มข้นของมาน่าจะสูงขึ้นมาก ร่างกายที่ไม่ได้รับการฝึกฝนอย่างถูกต้องจะไม่สามารถทนต่อมันได้”

“ระดับละ?”

“บนพื้นฐานของจอมเวทย์....อย่างน้อยพวกเขาต้องอยู่ในขั้น5”

“งั้นเหล่าคณะบริหารส่วนใหญ่จะถูกตัดออก”เคิร์ทที่3พึมพำเงียบๆและมองไปรอบๆ

เหล่าคณะผู้บริหารบางคนนั้นสามารถใช้เวทมนต์ได้ แต่ไม่มีใครเลยที่สามารถข้ามกำแพงเข้าสู่ขอบเขตขั้น5ได้บางคนนั้นยุ่งอยู่กับหน้าที่ของพวกเขา และเรียนเวทมนต์ป้องกันตัวเล็กน้อยเป็นงานอดิเรก และส่วนที่เหลือใช้เวลาหลายปีหรือหลายสิบปีกับการก้าวข้ามกำแพง หากต้องการวงกลมที่5ละก็ ดูเหมือนว่าขั้นต่ำสุดที่สามารถส่งไปปฏิบัติภารกิจนี้ได้คือจอมเวทย์ระดับปรมาจารย์ขึ้นไป

“….มันเป็นเรื่องยากเนื่องจากบุคลากรนั้นมีน้อยเกินไป”

พวกเขาต้องการคนที่เป็นมากกว่าจอมเวทย์อย่างเดียวพวกเขาต้องการคนที่เป็นจอมเวทย์ที่ยุ่งกับการเมือง ถ้าเขาส่งนักสู่จากหอคอยเวทมนต์ไปเห็นได้ชัดว่าพวกเขาจะกลับมาพร้อมกับไก่หรือผลไม้ที่พวกเขาได้รับมาหรือบางทีอาจจะได้ไปแค่เที่ยวชม ครึ่งหนึ่งของผู้ทีผ่านเกณฑ์นี้ได้ตายไปในขบวนเดินทางสุดท้ายนั่น อย่างไรก็ตามถ้าเขาส่งคนที่เหลือไปก็จะไม่มีใครเหลืออยู่ในราชอาณาจักรเลย

ถ้าเป็นไปได้เขาต้องการที่จะส่งผู้นำหอคอยไป“…เวโรนิก้า”

สีผิวของเอ็ดวินเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินชื่อนั้น “ฝะ-ฝ่าบาท!”

“…ตามที่คาด เธอไม่สามารถ?”

“เราขอโทษ แต่เราขอละเว้นที่จะอนุญาติเธอให้เข้าร่วมกลุ่มคณะฑูต”

เป็นเรื่องที่ตลกที่เห็นบุคคลเช่นเขาทำท่าประหลาดเช่นนี้ออกไป แต่เขามีเหตุผลที่จะทำเช่นนั้น เมลเทอร์และเอลฟ์เฮล์มนั้นอยู่ใกล้พอที่จะมีประวัติการติดต่อและการค้าขายกันมา ระหว่างที่เวโรนิก้าได้ไปเยือนผืนป่าใหญ่พร้อมกับคณะฑูต พลังการต่อสู้ของเธอนั้นคือเปลวเพลิงและการป้องกันของเธอนั้นเป็นอะไรที่แน่นอน อย่างไรก็ตามปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเธอไปเยือนเอลฟ์เฮล์ม

มีจิตวิญญาณธาตุที่คอยปกป้อง ณ เขตชั้นนอกของเอลฟ์เฮล์มและขอบเขตของต้นไม้โลกอยู่ซึ่งที่แห่งนั้นอำนาจของธาตุได้ถูกขยายเพิ่มขึ้น แต่ทว่าเมื่อพวกเขาสัมผัสกับพลังของเวโรนิก้าพวกเขาต่างถูกเผาไหม้ทันที

“มันไม่ใช่การทำลายล้างโดยเจตนา ดังนั้นเราจึงปล่อยมันให้ผ่านไปในเวลานั้น อย่างไรก็ตามเราไม่สามารถอดทนเป็นครั้งที่2ได้”เหงื่อของเอ็ดวินเริ่มไหลออกมาเมื่อนึกถึงวันนั้น

อย่างไรก็ตามเวโรนิก้าที่ถูกปฏิเสธอย่างระมัดระวังนั้นกลับตะโกนใส่เขา “เห้!ทำไมคุณถึงมาโทษฉันกัน ในเมื่อหญ้าของพวกคุณนั้นมันอ่อนแอเอง?”

“มะ-ไม่ใช่เช่นนั้น....”

“งั้นมันคืออะไรละ?ฉันจะใช้ลมหายใจของฉันที่ด้านบทของต้นไม้โลก!”

เอ็ดวินนั้นรู้ธรรมชาติที่แท้จริงของคำพูดเธอดี ดังนั้นใบหน้าเขาจึงกลายเป็นซีดเซียว หากเกิดเหตุการณ์เช่นนั้น ทั้งสองอาณาจักรจะได้รับความเสียหายที่ร้ายแรงแน่นอน

เคิร์ทที่3ลืมเกี่ยวกับการรักษาท่าทางของเขาและพยายามที่จะหยุดเธอ แต่ธีโอนั้นเร็วกว่า มันดีกว่าที่จะเรียกเธอด้วยสิ่งที่จะดึงดูดความสนใจเธอ “ใจเย็นๆครับพี่สาว”

“ฉันจะเผาต้นไม้โลกและทุกอย่างให้เป็นจุล....หืม?”

เมื่อเวโรนิก้าหยุดนิ่งไปชั่วขณะจากคำพูดที่วิเศษนั่น ธีโอก็ได้ดึงเธอไว้ในอ้อมแขนและจับเธอเอาไว้ ผู้นำRed Tower เทพเจ้าแห่งการทำลายของเมลเทอร์ ได้พ่ายแพ้เมื่อได้พบกับคำพูดนี้

ขณะที่เธอพยายามที่จะให้ธีโอเรียกเธออีกครั้ง เคิร์ทที่3ก็ได้เปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว ภายในใจ เขาตัดสินใจที่จะให้รางวัลธีโอสักเล็กน้อย

อย่างไม่คาดคิด คนจากกระทรวงคนหนึ่งก็ได้ลุกขึ้นและแนะนำใครบางคน “ฝ่าบาท แล้วท่านผู้นำBlue Tower ละพะยะค่ะ?”

“เราต้องการที่จะทำเช่นนั้นแต่....”อย่างไรก็ตาม เคิร์ทที่3กลับส่ายหัว“บลันเดลล์นั้นกำลังมุ่งหน้าไปเพื่อหยุดน้ำท่วมในเขตทุ่งนาตะวันออก สำหรับเวลานี้ เขาไม่สามารถกลับมาที่เมืองหลวงได้”

“งั้นเหล่าผู้อาวุโสจากหอคอยเวทมนต์ละพะยะค่ะ?”

“เราต้องรีบเติมเต็มกำลังคนที่ขาดแคลน เราไม่สามารถส่งเหล่าผู้อาวุโสที่มีน้อยนิดไปได้”เคิร์ทที่3สามารถนึกถึงคนได้ไม่กี่คนเท่านั้น แต่เขาไม่ต้องการเห็นอันตรายที่เป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่นั้น

หลังจากนั้นการถกเถียงก็ได้เริ่มขึ้น ความขัดแย้งเกิดขึ้นระหว่างเหล่าขุนนางที่ต้องการให้จอมเวทย์ของพวกเขาเข้าร่วมและผู้ที่ไม่สนใจ ถ้าเป็นเช่นนี้ต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะเกิดข้อสรุป

เคิร์ทที่3ตัดสินใจที่จะรับความเสียหายบางส่วนและเปิดปากเขาขึ้นเพื่อที่จะพูด

แต่ทว่าชายคนหนึ่งก็ได้ปรากฏตัวขึ้นในห้องอย่างฉับพลัน “ถ้าท่านไม่สามารถหาคนไปได้ ข้ายินดีที่จะไป ฝ่าบาท”

เขาคือชายที่สวมหน้ากากสีขาว ปากของเขาเปิดออกขณะที่ผู้คในห้องตระหนักถึงการมาของเขา

“ผู้นำWhite Tower?!”

เขาแตกต่างจากผู้นำYellow Tower ที่ไม่ได้เปิดเผยตัวตนของเขา ชื่อของผู้นำWhite Tower นั้นเป็นที่รู้จักกันดี จอมเวทย์มิติที่เก่งกาจที่สุดซึ่งกำลังลอยตัวอยู่ในอากาศ ออร์ต้า ผู้นำWhite Tower เขาค่อยๆลอยตัวลงมาที่พื้นอย่างช้าๆและคุกเข่าลงข้างหนึ่ง

เคิร์ทที่3บอกให้เขาลึกขึ้นและพูดว่า “เจ้าพึ่งกลับมาจากGengaงั้นหรือ ออร์ต้า”

“พะยะค่ะ”

“เราคิดว่าเจ้าต้องใช้เวลาอีกสักสองวันเสียอีก แต่เจ้ามาเร็วกว่าที่คิดไว้มาก นี่เป็นการคำนวณผิดพลาดที่มีความสุขอย่างยิ่ง”

มันเป็นเช่นที่เคิร์ทที่3กล่าว

ในฐานะหนึ่งในจอมเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของเมลเทอร์ เขาสามารถเชื่อในทักษะของผู้นำหอคอยได้ แต่ละคนอาจจะมีข้อบกพร่องในบุคลิกภาพของตนเอง แต่เขาก็มองข้ามสิ่งเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ให้เป็นส่วนหนึ่งของเสน่ห์ของพวกเขา ผู้นำWhite Tower นั้นเป็นคนที่กระตือรือร้นมากที่สุดในการปฏิบัติภารกิจและเขาก็จัดการทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง

“เยี่ยมมาก ภารกิจนี้จะอยู่ในการดูแลของออร์ต้า รวบรวมผู้เข้าร่วมจากหอคอยเวทมนต์แต่ละแห่ง พวกเขาต้องเป็นจอมเวทย์ขั้น5ขึ้นไป และอย่าให้เกิน10คน”

“พะยะค่ะ ฝ่าบาท”

“และธีโอดอร์”

ธีโอดอร์ ผู้ซึ่งกำลังจับเวโรนิก้าไว้ในอ้อมแขนของเขาด้วยการยอมจำนนครึ่งหนึ่งตอบสนองต่อการเรียกในขณะที่เขาได้ปล่อยจากบุคคลที่อันตรายด้วยความเสียใจ เคิร์ทที่3มองธีโอขึ้นลงและถามคำถามแก่เขามันเป็นคำถามที่ออกจะงุนงง “ร่างกายของเจ้าเป็นยังไงบ้าง?”

“หืม?อ่า ดีขึ้นแล้วพะยะค่ะ ฝ่าบาท”

“เช่นนั้น?เราได้ยินมาว่าสภาพของเจ้าไม่ค่อยดี มันผ่านมาประมาณ1เดือนแล้ว เราจึงไม่ทราบเกี่ยวกับวันนี้”

ธีโอตระหนักถึงความหมายของคำถามหลังจากได้ยิน ‘เดือนที่ผ่านมา’

‘ผลข้างเคียงจากการเพิ่มสัมผัสเวทย์ ฝ่าบาททรงตระหนักถึงมัน’

อย่างไรก็ตามการดำรงอยู่ของยาเพิ่มสัมผัสเวทย์นั้นเป็นความลับดังนั้นกษัตริย์จึงถามแบบอ้อมๆ

โชคดีที่ความสามารถในการใช้เวทย์แบบไม่ต้องร่ายนั้นได้ผ่านจุดที่ต่ำสุดที่สามารถใช้ในการต่อสู้ได้แล้ว ถ้าเขาต้องการที่จะไปให้ไกลกว่านี้ เขาต้องเพิ่มมันจากการต่อสู้ ไม่ใช่จากการฝึกฝน

‘เอลฟ์เฮล์ม ผืนป่าใหญ่และต้นไม้โลก’

สำหรับธีโอที่ต้องการโอกาสใหม่ในการข้ามกำแพงขั้น6นี่ถือเป็นโอกาสที่ดี

“ไม่มีปัญหาพะยะค่ะ ฝ่าบาท โปรดอย่าลังเลที่จะส่งกระหม่อมไป”

“..เราเข้าใจ”เคิร์ทที่3ยิ้มให้กับคำตอบที่แน่วแน่และพยักหน้าให้

เคิร์ทที่3ได้เข้าใจและตัดสินเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว และลุกขึ้นจากบัลลังก์พร้อมกับที่ทุกคนได้ลุกขึ้นหลังจากเขาลุก

เบื้องหน้าทุกคน กษัตริย์แห่งเมลเทอร์ได้ประกาศว่า“วันนี้เป็นช่วงเวลาที่เราจะประกาศถึงความเป็นไปได้ที่เมลเทอร์และเอลฟ์เฮล์มจะสร้างความสัมพันธ์กัน! กลุ่มคณะผู้แทนจะเดินทางไปกับวีรบุรุษ ธีโอดอร์ มิลเลอร์และเราจะอนุญาติให้พวกเจ้าพูดคุยเฉพาะเรื่องการจัดตั้งสายสัมพันธ์ทางการฑูตขึ้นใหม่เท่านั้น!”

“พะยะค่ะ!ฝ่าบาท!”ผู้คนต่างตอบรับคำบัญชา

“และผู้แทนของภารกิจนี้ก็คือ ธีโอดอร์ มิลเลอร์!”

‘ไม่ใช่ผู้นำWhite Tower ที่เป็นผู้นำ?’

“พะยะค่ะ ฝ่าบาท!” ธีโอดอร์แทบจะรักษาใบหน้าที่นิ่งเฉยของเขาเอาไว้ใม่ได้ในขณะที่คุกเข่ารอคำสั่งจากกษัตริย์ เขากังวลใจมันเป็นคำพูดส่วนตัว ซึ่งเจาะจงมาที่เขาธีโอดอร์และไม่มีใครอื่น

“ขณะที่ยังหนุ่ม เจ้าได้รับเกียรติอย่างสูงขณะที่เป็นความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่าเจ้าจะเป็นแสงแห่งเมลเทอร์ โปรดจำเอาไว้ว่าเจ้าเป็นคนที่สำคัญที่สุดของภารกิจทางการฑูตนี้”

“พะยะค่ะ!”

“ในภารกิจครั้งนี้เราจะมอบอำนาจให้เจ้าเฉกเช่นผู้นำWhite Tower อย่าลังเลที่จะพูดในสิ่งที่เจ้าคิด!”

ธีโอโค้งคำนับและตอบกลับอย่างหนักแน่น “ธีโอดอร์ มิลเลอร์ จะทำตามพระประสงค์ของฝ่าบาท!”

เขาคุ้นเคยกับภาระที่เพิ่มขึ้นบนบ่าของเขา

มีบางคนกล่าวเอาไว้ ‘การก้าวเท้าของคนๆหนึ่งมีความลึกเท่ากับน้ำหนักของสิ่งที่บรรทุกอยู่บนหลังของพวกเขา ถ้าผู้คนไม่ล้มลงในระหว่างทางพวกเขาจะกลายเป็นคนที่แข็งแกร่ง มันเป็นเรื่องที่ดีกว่านับร้อยเท่าที่จะอดทนต่อสิ่งนั้นแทนที่จะไม่ได้รับความคาดหวังอะไรเลย’

เบื้องหน้าของเหล่าผู้ทรงอำนาจแห่งอาณาจักรเวทมนต์ เมลเทอร์ ธีโอนั้นได้รับมอบหมายหน้าที่อย่างสง่าผ่าเผย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด