ตอนที่แล้วตอนที่ 94 ไม่บอกชื่อตอน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 96 แขกผู้ทรงเกียรติแห่งเอลฟ์เฮล์ม 2 (แก้ไข)

ตอนที่ 95 แขกผู้ทรงเกียรติแห่งเอลฟ์เฮล์ม 1


อาณาจักรแห่งเวทมนต์ เมลเทอร์นั้นมีจอมเวทย์ที่มากกว่าอาณาจักรอื่นๆในตอนเหนือของทวีป และหอคอยเวทมนต์แต่ละหอคอยนั้นจะทำหน้าที่เป็นแกนหลัก ระบบเวทมนต์ของพวกเขาซึ่งรวมเข้ากับวิทยาศาสตร์ซึ่งทำให้สามารถเรียกได้ว่าสิ่งเหล่านี้คือรากฐานของความรุ่งเรืองแห่งเมลเทอร์ เมื่อเปรียบเทียบกับพลังออร่านั้น พลังเวทมนต์มีความสามารถรอบตัวที่มากกว่าซึ่งทำให้เมลเทอร์สามารถรับมือกับจักรวรรดิแอนดราสได้แม้พวกเขาจะมีพื้นทีและทรัพยากรที่น่ากลัว

อย่างไรก็ตาม มีพื้นที่ที่หนึ่งที่เหล่าจอมเวทย์ได้หลีกเลี่ยงเกี่ยวกับการเมือง ซึ่งมีแต่การหลอกหลวงต่างๆนาๆ

‘ฉันถูกเรียกตัวมาเพราะเหตุผลทางการเมือง’

ธีโอดอร์มองตัวเองในกระจกขณะที่แต่งตัวของเขา

จอมเวทย์นั้นมักจะสวมแต่ชุดคลุมออกไปข้างนอก ถ้าไม่ใช่เพราะมารยาทแล้วละก็เขาคงจะสวมชุดปกติแล้ว

“เอาละ เท่านี้ก็พอแล้ว”

เขาขยับเน็กไทด์ให้เข้าที่และดึงสายไฟที่ห้อยลงมาจากเพดาน

ตึงง!

จากนั้นก็ได้มีคนก้าวเข้ามาในห้องราวกับเขากำลังรออยู่ เขาตรวจสอบเสื้อผ้าของธีโออย่างรวดเร็ว โดยปกติแล้วชายหนุ่มที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะมักจะไม่รู้จักมารยาทในราชสำนัก

ถ้าธีโอทำผิดพลาดผู้ดูแลก็จะไม่สามารถหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบได้ ธีโอได้ปฏิเสธความช่วยเหลือของเขาและบอกว่าเขาจะแต่งตัวด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตามเมื่อผู้ดูแลตรวจแล้วเขาก็เห็นว่าเสื้อผ้าของธีโอนั้นสมบูรณ์แบบมาก

“….ธีโอดอร์ ฉันจะนำทางเธอไปยังท้องพระโรง”

ในตอนแรกผู้ดูแลนั้นรู้สึกแปลกใจ แต่เขาก็นึกขึ้นได้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นเป็นขุนนางจึงฟื้นคืนความสงบนิ่งของเขา มันเป็นความจริงและเท็จ แต่ชายคนนั้นก็ได้สงบลงด้วยความคิดแก้ตัวของเขา ตระกูลมิลเลอร์นั้นเป็นขุนนางที่ทรงเกียรติ

ธีโอดอร์ไม่ทราบเกี่ยวกับความคิดของผู้ดูแลที่กำลังคิดอยู่และเดินผ่านทางเดินของพระราชวังที่เขาคุ้นเคย มันเป็นเส้นทางที่เขาเดินมาแล้วเมื่อเขาโดนเรียกตัวเมื่อครึ่งปีก่อนและเขายังคงจำได้ว่ารูปปั้นนั้นอยู่ตรงไหน พูดอย่างตรงไปตรงมา เขาสามารถที่จะเดินได้โดยปราศจากความช่วยเหลือจากผู้ดูแล นอกเหนือจากเขตหวงห้ามแล้ว เขาสามารถที่จะสร้างแผนที่สำหรับทุกอย่างภายในนี้ได้ นี่เป็นความสามารถที่แยกออกจากจอมเวทย์ธรรมดาทั่วไป

“ธีโอดอร์”

“โอ้ เรามาถึงแล้ว”

พวกเขามาถึงขณะที่เขากำลังขบคิด ประตูที่สลักลายนกอินทรีนั้นบ่งบองบอกได้ว่านี่เป็นที่ที่กษัตริย์ปกครอง นกอินทรีเป็นสัญลักษณ์ที่จะประทับลงบนบางพื้นที่เท่านั้น รวมถึงท้องพระโรงนี่ด้วย

ในทางตรงกันข้ามพื้นที่ที่สำคัญของหอคอยเวทมนต์จะมีสัญลักษณ์ของสัตว์ที่ทรงภูมิปัญญา เหล่าผู้นำหอคอยมีสัญลักษณ์เต่าหรือนกฮูกงั้นหรอ!? ธีโอจะหาคำตอบในภายหลัง ขณะที่ประตูได้เปิดออก

กรึก...

มันไม่ใช่เสียงที่ดังมาก อาจเป็นเพราะมันชโลมไปด้วยน้ำมันอย่างดี เสียงมันถือว่าเบามากสำหรับประตูที่หนักเช่นนี้ เกิดความเงียบที่หนักอึ้งภายในห้องดูเหมือนว่าเสียงประดูที่ดังขึ้นจะทำให้ทุกสายตาจับจ้องไปที่บุคคลที่เปิดประตูเข้ามา –ธีโอ

ธีโอดอร์แข็งค้างเมื่อเผชิญกับสายตานับสิบที่จ้องมาที่เขา

‘อะไรกัน ทำไมบรรยากาศในวันนี้ถึงเป็นเช่นนี้กัน?’

ธีโอได้กลายเป็นคนชื่อเสียงด้วยตัวของเขาเอง แต่เขาไม่ใช่คนที่พิเศษเมื่อเปรียบเทียบกันบางคนที่มารวมตัวกันที่นี่ มันเป็นสถานที่ที่บุคคลที่มีอำนาจที่แท้จริงของเมลเทอร์มารวมตัวกัน ทุกคนที่รวมตัวกันที่นี่มีแต่ขุนนางชั้นสูงหรือคณะผู้บริหารทั้งสิ้น

ธีโอเป็นคนที่น่าสนใจ แต่พวกเขาไม่ใช่คนประเภทที่จะสนใจในตัวเขา น้ำหนักของสายตาที่จับจ้องมาที่เขานั้นหนักแตกต่างจากปกติ มันเกินกว่าตอนงานเต้นรำหรือตอนที่เขาประลองกับรีเบคก้า

“ธีโอดอร์ เธอจะนั่งตรงนี้ในวันนี้”

“…ที่นั่งผู้อาวุโส?”

“ใช่แล้ว ฉันได้รับคำสั่งให้เธอนั่งตรงนี้”

ธีโอมองไปรอบๆด้วยความสับสน เขาถูกบังคับให้ทำเช่นนั้นขณะที่ลอร์ดส่วนใหญ่นั่งอยู่ในที่ต่ำกว่าเขา ธีโอดอร์ไม่สามารถมองเห็นไวท์เคาท์คนอื่นได้เลย และมีเพียงมาร์ควิสไม่กี่คนเท่านั้นในที่ที่เขานั่งอยู่ แม้กระทั่งจอมเวทย์ระดับผู้อาวุโสยังมีเพียงไม่กี่คน

ธีโอคาดไม่ถึงว่าเขาจะได้นั่งในที่ระดับสูงเช่นนี้ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องผิดปกติที่เขาจะได้รับความไม่พอใจจากคนที่นั่งอยู่ต่ำกว่าเขา อย่างไรก็ตามไม่มีใครคัดค้านตำแหน่งของธีโอ

นี่เป็นประสบการณ์ครั้งแรกของเขาที่ได้นั่งในที่หรูหราเช่นนี้ วัสดุเนื้อผ้าของเก้าอี้นั้นไม่แตกต่างจากที่อื่นมากนัก แต่อากาศโดยรอบนั้นแตกต่างกัน

ในเวลานั้นก็ได้มีคนวางแขนไว้รอบคอของเขา “สวัสดีเด็กน้อย เธอรู้สึกเป็นไงบ้างในขณะนี้?”

“...ผู้นำ”

ผิวของเขารู้สึกเสียวหวาบ มีเพียงคนๆเดียวเท่านั้นที่สามารถทำให้มาน่าในอากาศเดือดได้เช่นนี้

ผมสีแดงของผู้นำRed Tower เวโรนิก้าได้ชอนไชหูของธีโอ มันเป็นเสียงที่เขาไม่ได้ยินเลยในหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากเขาได้มุ่งมั่นกับการฝึกพิเศษ ธีโอเด้งตัวไปด้านหลังทันที และเวโรนิก้าก็ได้หัวเราะออกมา

“ไม่เอาน่า นี่เป็นครั้งแรกของเธอที่ได้นั่งที่อาวุโสใช่ไหม?”

มันยังคงไม่ดีพอสำหรับหัวใจของเขา ธีโอพูดกับเธอขณะที่เขาพยายามสงบลง “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ....แต่ผู้นำ?”

“หืม?”

“คุณรู้ไหมว่าทำไมผมถึงได้นั่งในที่ผู้อาวุโส?ผมไม่รู้ว่าทำไมเนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกของผม”

ดวงตาของเวโรนิก้าเบิกกว้างขึ้นตามคำพูดของเขาจากนั้นเธอก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ“อ่า เธอมาโดยไม่รู้อะไรเลยงั้นหรอ?อันที่จริงแล้ว มันไม่ใช่เรื่องที่จะผ่านไปเฉยๆได้ดูเหมือนว่าคนอื่นๆจะใช้วิธีการของพวกเขาเพื่อเลื่อนตำแหน่ง”

เธอมองไปรอบๆขณะที่เธอพูดและกระแอมออกมา เมื่อเธอมองเห็นแรงกดดันจากสายตาของคนบางคน มันเป็นเพราะเวโรนิก้าได้มองทะลุผ่านพวกเขา นั่นคือเหตุผลว่าทำไมพวกขุนนางจึงยอมให้ธีโอดอร์นั่งบนที่นั่งของเขาอย่างเงียบๆ

เวโรนิก้ามองพวกเขาเหมือนคนที่น่าสงสารก่อนที่จะพูดว่า “แน่นอน ตำแหน่งของเธอนั้นยังไม่สูงพอที่จะนั่งที่นี่ แต่มันไม่ใช่สำหรับกรณีนี้ ในวันนี้เธอเป็นคนที่มีสิทธิ์มากที่สุดในการนั่งที่นี่”

“วันนี้งั้นหรอครับ?”

“ใช่ พวกเขาไม่ได้มาเพื่อเมลเทอร์ พวกเขามาเพื่อดูเธอ ธีโอดอร์ มิลเลอร์”

ก่อนที่เขาจะตระหนักถึงความสำคัญของคำพูดนั้น อัศวินหลวงที่อยู่ใกล้บัลลังก็ก็ได้เปล่งเสียงขึ้น “กษัตริย์เสด็จ--!”

พร้อมๆกันคนหลายสิบคนก็ได้ลุกขึ้นจากที่นั่งของเขา พวกเขาโค้งคำนับให้กับเคิร์ทที่3ที่ปรากฏตัวขึ้นหลังผ้าม่าน เช่นเคย เคิร์ทที่3ได้ละเว้นขั้นตอนอย่างเป็นทางการและนั่งลงบนบัลลังก์ เขารอจนกระทั่งทุกคนนั่งก่อนที่จะพูด

“ก่อนอื่นข้าต้องขอขอบคุณที่ทุกท่านมาทันที่ที่ได้รับการเรียกตัว สถานการณ์นี้เป็นสิ่งที่ไม่คาดคิด แต่ข้าต้องการให้ทุกคนรู้ว่านี่ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญสำหรับอาณาจักรเรา บางทีอาจจะมีบางคนที่เคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้และบางคนที่ไม่เคยได้ยิน ดังนั้นข้าจะสรุปให้ฟังง่ายๆ”

เขาหันหน้าไปทางที่นั่ง และแน่นอนเขามองมาที่ธีโอดอร์

“ฑูตจากเอลฟ์เฮล์มได้มาถึงแล้ว นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่พวกเขามาเพื่อสานสัมพันธ์แทนการค้า หลังจากช่วงเวลานี้ พวกเราจะไปพบกับคณะฑูต”

เมื่อคำอธิบายได้จบลงเสียงในห้องก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นเมื่อผู้คนพุดคุยอย่างตื่นเต้น

อาณาจักรของเหล่าเอลฟ์ เอลฟ์เฮล์ม ยังไม่ได้ตัดขาดจากภายนอกโดยสมบูรณ์ เหล่าเอลฟ์ยังคงมีความสัมพันธ์ต้องพึ่งผลประโยชน์กับมนุษย์บนทวีปอยู่ในระดับกลางๆ แต่มนุษย์นั้นไม่ได้เป็นมิตรกับเหล่าเอลฟ์

ความพิเศษของเอลฟ์เฮล์มนั้นสุดยอดอย่างยิ่งจนไม่สามารถหาได้จากที่ไหนๆ และเอลฟ์ยังต้องยอมรับอารยธรรมของมนุษย์ที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามมิตรภาพนั้นได้รับการปฏิเสธเสมอมา

“มะ-มิตรภาพ…?!”

“ถ้านี่เป็นเรื่องจริงละก็ สภาพการณ์ของภาคเหนือจะเปลี่ยนไป!”

“ฉันไม่คิดเลยว่าเอลฟ์เฮล์มจะออกมาด้วยสิ่งนี้....”

เอลฟ์เฮล์มนั้นไม่ได้เป็นพันธมิตรกับอาณาจักรใดๆและไม่ได้เป็นศัตรูกับพวกเขา พวกเขาเป็นกลางและคอยเฝ้าดูสงครามหรือพันธมิตรของอาณาจักรอื่นๆ ป่าที่ยิ่งใหญ่ที่พวกเขาอาศัยอยู่ทำให้มันเป็นไปได้สำหรับพวกเขาที่จะดำรงอยู่ในฐานะอำนาจที่3

แอนดราสหรือเมลเทอร์ สามารถที่จะเดินทัพสู่เอลฟ์เฮล์มได้ แต่พวกเขาไม่สามารถที่เสี่ยงข้ามเขตแดนของพวกเขาในขณะที่ศัตรูรออยู่อีกฝั่งหนึ่งได้ อย่างไรก็ตามความสมดุลดังกล่าวกำลังจะล่มสลาย

เมื่อผู้คนเริ่มสงบลง เคิร์ทที่3ก็ได้ตบมือหลายครั้งและมองไปที่ทางเข้าท้องพระโรง

“เข้ามาได้”

ทุกคนต่างนิ่งเงียบ นี่คือช่วงเวลาที่ฑูตจากเอลฟ์เฮล์มผู้ที่สามารถเปลี่ยนแปลงยุคนี้ได้จะเปิดเผยออกมา พวกเขาอดที่จะรู้สึกเครียดไม่ได้ มีบางคนที่ขยับแว่นตาขึ้นขณะที่บางคนดึงเน็กไทด์ให้แน่นขึ้น แม้กระทั่งธีโอดอร์ยังอดที่จะกลืนน้ำลายไม่ได้เนื่องจากความตึงเครียดที่แผ่กระจายไปทั้งห้อง

อาจจะใช้เวลาไม่กี่นาทีหรือบางทีไม่กี่วินาที สุดท้ายฑูตจากเอลฟ์เฮล์มก็ได้ปรากฏตัว

“อืม....!”

“นั่นคือฑูต....?”

ผมสีบลอนด์ที่ใกล้เคียงกับสีเงินได้ไหลปกคลุมไหล่ออกฑูต ขณะที่จมูกและดวงตาของเขานั้นสมบูรณ์แบบราวกับรูปแกะสลัก เขาเป็นคนที่ตรงกับชื่อเสียงของเอลฟ์ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความงดงาม ผิวของเขาโปร่งใสและเสื้อผ้าและเกราะของเขาถูกสร้างขชึ้นด้วยโลหะและผ้าที่ไม่รู้จัก ดวงตาทุกคู่ได้ถูกจับไว้โดยรูปลักษณ์ที่ส่องแสง แต่ธีโอนั้นกลับชื่นชมคนๆนี้ในแบบอื่น

เป็นเพราะเขาเห็นจิตวิญญาณธาตุหลากหลายที่เต้นอยู่รอบๆตัวเอลฟ์ตนนั้น

“23?ไม่สิ มากกว่านั้น...”

“เด็กน้อยเธอสังเกตได้ดี”

เวโรนิก้าแสดงความสนใจในตัวธีโอด้วยการพึมพำเบาๆขณะที่เธอจ้องมองไปที่เอลฟ์ตนนั้นด้วยสายตาที่แคบลง

“เซ็นติเนล ผู้พิทักษ์แห่งจิตวิญญาณ?พวกขี้ขลาดในป่าส่งเป้าใหญ่ออกมาเลยรึ”

“เซ็นติเนล?มันคืออะไรหรอครับ”

“มันเป็นฉายาที่ใช้กันในหมู่เอลฟ์ ผู้ใช้ธาตุชั้นสูงที่สามารถควบคุมจิตวิญญาณธาตุระดับหัวหน้าและเป็นนักรบเอลฟ์ระดับสูงสุดจะถูกเรียกด้วยฉายานั้น กล่าวอีกนัยนึง เขาอยู่ในระดับสูงสุด”

เสียงของเวโรนิก้านิ่งสงบ แต่เนื้อหาที่เธอกล่าวนั้นทำให้ธีโอดอร์ถึงกับตกใจ

เซ็นติเนลคือบุคคลที่เทียบเท่ากับปรมาจารย์ดาบหรือจอมเวทย์ขั้น7!ถ้าเวโรนิก้าพูดถูกละก็มันก็เป็นเรื่องปกติที่ฑูตจะถูกส่งมาคนเดียว บุคคลเช่นนี้เพียงพอที่จะเป็นตัวแทนของประเทศได้

ฑูตได้ยืนอยู่ในที่แห่งนี้และคำนับอย่างสุภาพ “เรารู้จักท่านผู้ปกครองแห่งเมลเทอร์ อาณาจักรแห่งเวทมนต์ เราเอ็ดวิน บุตรแห่งตระกูลบีชที่3แห่งเอลฟ์เฮล์มยินดีที่ได้พบท่าน โปรดให้อภัยแก่มารยาทที่หยาบคายของเรา”

“พวกเราก็ไม่รู้ถึงมารยาทของผืนป่าเช่นกัน เอ็ดวิน เรารู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ท่านมาเยือนเมลเทอร์”

มันเป็นการทักทายที่สง่างามซึ่งแตกต่างจากจักรวรรดิแอนดราส ฑูตได้แนะนำตัวเองว่าเขาชื่อเอ็ดวินโดยคงท่าทางอันงดงามไว้ ในขณะที่เคิร์ทที่3แสดงให้เห็นถึงศักดิ์ศรีในฐานะกษัตริย์ แต่เขาไม่เคยกดดันผู้อื่น

เอ็ดวินได้มอบเครื่องบรรณาการแก่เคิร์ทที่3และเขาก็รับมัน ดังนั้นคำทักทายพื้นฐานจึงเสร็จสิ้น

ในขณะที่บรรยากาศกำลังเหมาะแก่การพูดคุย เคิร์ทที่3ก็ได้กล่าวขึ้นอย่างระมัดระวัง “เอล์ฟเฮล์มนั้นเป็นเพื่อนบ้านของเรา แต่ก็ยังคงเป็นดินแดนที่ห่างไกล ท่านไม่ได้ตั้งใจที่จะเข้าใกล้มนุษย์เพื่อจุดประสงค์อื่นๆนอกเหนือจากการค้าขาย และเราคิดว่าพวกเราทุกคนก็ได้เคารพในเรื่องนี้”

“ใช่แล้ว ฝ่าบาทคำพุดของท่านถูกต้อง”

“ดังนั้น เราจึงแปลกใจ ด้วยเหตุใดกันทำไมเพื่อนบ้านของเราจึงต้องเดินทางมาในสถานที่ที่ห่างไกลเช่นนี้?”

เอ็ดวินยกศีรษะขึ้นราวกับเขารอคำพูดนั้น

ไม่จำเป็นต้องมองไปในทิศทางที่แตกต่างกัน จิตวิญญาณธาตุที่อยู่รอบตัวธีโอก็ได้ส่งกลิ่นหอมออกมา มันเป็นกลิ่นหอมที่เอลฟ์ทั้งหลายสามารถได้กลิ่นทันทีโดยไม่ต้องคำนึงถึงพลังของพวกเขา

เอ็ดวินมองไปที่ ‘เขา’ และเปิดปากขึ้น “งั้นเราจะบอกท่าน เรามาที่นี่เพื่อตอบแทนคนที่ช่วยชีวิตนักเต้นลำดับที่6ของเผ่าพันธ์ เอลโลน่าและ เชิญเขาและเพื่อนๆของเขาให้ไปเป็นแขกผู้ทรงเกียรติแห่งราชอาณาจักรเอลฟ์เฮล์ม!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด