ตอนที่แล้วเล่มที่ 1: บทที่ 8-3 (Alien)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเล่มที่ 2 : บทที่ 1-2 (Alien)

เล่มที่ 2: บทที่ 1-1 (Alien)


เล่มที่ 2: บทที่ 1-1 แปลโดยกิลด์เทพอสูร

 

นอกเหนือจากตัวละครหลักแล้ว เอเลี่ยนตัวนี้มันยังฆ่าทุกคน

ซีโร่นั่งลงที่ข้างศพโดยไม่พูดอะไร เขาจุ่มนิ้วลงบนเลือดแล้วดมกลิ่นมัน พร้อมกับพูดขึ้นมาว่า "ตายมาประมาณ 4 - 5 ชั่วโมง"

ซวนนั่งลงข้างศพด้วยเหมือนกัน เขาวัดเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดของรูที่บริเวณทรวงอกของศพด้วยนิ้วแล้วเปรียบเทียบขนาด เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง พร้อมกับลุกขึ้นยืนพูดขึ้นด้วยท่าทางจริงจัง "ต้องเป็นฝีมือของราชินีแน่ๆ นี่ถือเป็นข่าวร้ายของพวกเรา เพราะภารกิจคือการกำจัดเอเลี่ยนทั้งหมดถูกต้องไหม? ถ้ามีราชินีอยู่บนยานบินลำนี้ ... ผมคิดว่าพวกเราคงไม่รอด "

ทุกคนต่างมองมาที่เขา หลานแตะหน้าผากของเธอ และ พูดขึ้นมาว่า "ฉันจำได้ว่าตัวราชินีมันสามารถวางไข่ได้ด้วยใช่มั้ย ตัวมันคงใหญ่มากน่าดูถ้าเทียบเอเลี่ยนขนาดปกติ สิ่งที่นายต้องการจะสื่อคือแบบนี้ใช่ไหม? "

ซวนพยักหน้า "ใช่ มันแข็งแกร่งกว่าเอเลี่ยนปกติ 10 เท่า คุณไม่สามารถสร้างความเสียหายใดๆ กับมันได้ ถ้าปราศจากอาวุธหนัก สิ่งที่เลวร้ายที่สุด และสิ่งที่แย่ที่สุดคือพวกเราอยู่ที่นี่"

เจิ้งถามขึ้นว่า "แย่ที่สุดงั้นงั้นเหรอ? นายกำลังหมายถึงอะไร? "

"อาหาร ลองคิดถึงการเจริญเติบโตของเอเลี่ยน จากขนาดเท่างู ไปจนถึงขนาดที่มีความสูงมากกว่าหกฟุตโดยใช้ระยะเวลาไม่นาน คุณคิดว่าพวกมันสามารถเติบโตขึ้นจากอากาศได้เหรอ? ไม่ มันต้องการพลังงานและเนื้อจำนวนมหาศาล กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ในช่วงเวลานี้พวกมันต้องกิน ความจริงแล้วผมกำลังสงสัยว่าทำไมพวกมันถึงไม่กินศพเหล่านั้น? นั่นหมายความว่าพวกมันมีศพที่เพียงพอแล้วหรือเปล่า? " ซวนพึมพำคำพูดเหล่านี้ออกมา

"มีแนวโน้มว่าพวกเราจะกลายเป็นอาหารของมัน ถ้ามีเราเพียงแค่ 8 คน ก็ยังสามารถรวมตัวกันได้ และหาวิธีโต้ตอบเมื่อพวกมันปรากฏตัว แต่อีก 7 คนที่เหลือล่ะ? พวกเขากระจายตัวอยู่ทั่วยาน ในสายตาของเอเลี่ยน พวกเขาคืออาหารอันโอชะ ความจริงแล้ว ฉันกำลังสงสัยว่าตัวละครในเรื่องทั้งหมดได้กลายเป็นที่ฟักไข่ของเอเลี่ยนเรียบร้อยแล้ว มีตัวละครแปดคนยกเว้นหุ่นยนต์ สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในตอนนี้ก็คือ ราชินีเอเลี่ยน และ เอเลี่ยนอีก 5 ตัว นี่เป็นสถานการณ์โดยรวมที่พวกเรากำลังเผชิญอยู่"

เจี๋ยถามขึ้นมาว่า "ทำไมถึงไม่มีราชีนีหลายตัว? ยังไงพวกเราก็ต้องตายอยู่แล้ว เพิ่มมาอีกซักตัวสองตัวก็ไม่น่าจะแตกต่างกันเท่าไหร่"

ซวนส่ายหัว "เป็นไปไม่ได้ เอเลี่ยนมีสังคมเป็นของตัวเองเหมือนกับมดและผึ้ง ต้องมีเพียงหนึ่งราชินีในกลุ่ม มิฉะนั้นจะทำให้เกิดสงครามและการแตกแยกภายใน กลุ่มที่อ่อนแอจะถูกกำจัดออกไป แต่นี่คือภายในยานอวกาศ และมีเพียงเอเลี่ยจำนวนมาก ไม่สามารถมีราชินีตัวอื่นได้อีก"

"ความจริงแล้วครั้งแรกที่ฉันดูหนังเรื่องนี้ ฉันคิดว่าสายพันธุ์นี้เป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบที่สุดในด้านการวิวัฒนาการของร่างกาย พวกมันสามารถเปลี่ยนรูปร่างเพื่อปรับให้เข้ากับสภาพแวดล้อมโดยอิงพันธุกรรมของร่างต้น พวกมันมีการแก้ไขปรับเปลี่ยนยีนของพวกมันเพื่อวิวัฒนาการอยู่ตลอดเวลา นี่จึงคล้ายกับมนุษย์ที่ได้ปลดล็อคขีดจำกัดทางพันธุกรรม

ขีดจำกัดทางพันธุกรรม? มนุษย์? ทุกคนมองไปที่นักวิทยาศาสตร์คนนี้ ที่มียศเป็นถึงพันเอก ใขณะที่เขาหมกหมุ่นความคิดของตนเอง ในตอนนั้ันเอง ก็มีเสียงกรีดร้องและร้องไห้เพื่อขอความช่วยเหลือ ดังมาจากห้องโถงที่อยู่ห่างไกลออกไป เสียงกรีดร้องที่น่าสังเวชนั้นดังขึ้นเรื่อยๆ หลังจากผ่านไปประมาณ 10 วินาที เสียงกรีดร้องนั้นก็หายไป

ซีโร่มองไปที่ห้องโถงและพูดอย่างไร้อารมณ์ว่า "นี่มันเป็นเสียงของพวกอันธพาล คงจะถูกโจมตี"

เจิ้งถอนหายใจออกมา “พวกเราไปดูกันเถอะ ถ้าเราเจอเอเลี่ยน เราก็ยังสามารถฆ่าพวกมันได้ คาดว่าในตอนนี้พวกมันน่าจะอ่อนแออยู่  ถูกต้องไหม?”

ซวนพยักหน้า "ใช่ ถ้าเอเลี่ยนพวกนี้ยังอยู่ในระยะที่สอง พวกเราใช้แค่เพียงปืนไฟก็พอที่จะฆ่าพวกมันได้แล้ว พวกนายมีแค่ ดีเซิร์ทอีเกิ้ลกระบอกเดียว และยังไม่ได้แลกอาวุธอย่างอื่นมาอีก?"

เจิ้ง และ เจี๋ย ยิ้มอย่างขมขื่น "พวกเราทั้งหมดต่างจากนายนะ ผมเป็นแค่พนักงานออฟฟิศ ก็มีแค่เจี๋ยที่เป็นทหารเก่า หลานเป็นนักเขียน ส่วนเสี่ยวอี้เป็นเเค่นักเรียนธรรมดาเท่านั้น นายคิดว่าพวกเราจะรู้วิธีสู้รบงั้นเหรอ?"

ซวนยิ้ม "ไปกันเถอะ เราจะไปดูกันก่อน แต่ที่คุณพูดยังไม่ถูกทั้งหมดนะ ยังจำที่ผมเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ได้มั้ย เรื่องขีดจำกัดทางพันธุกรรม? นั่นคือเทคโนโลยีที่สูงที่สุดในโลกในของเรา ประเทศเรามีความก้าวหน้ามากที่สุดในโลก แม้แต่ประเทศอเมริกาและประเทศมหาอำนาจทางยุโรป ก็ไม่น่าจะรู้มากกว่าพวกเราเท่าไหร่"

"ในสมัยโบราณเมื่อบรรพบุรุษของเรายังคงเป็นลิงอยู่ ไม่สิ แม้แต่ก่อนหน้าที่จะมีประวัติศาสตร์ยุคแรกเริ่ม (ไดรโอพิทธีคัส) จากการศึกษาและค้นคว้าประวัติศาสตร์ของพวกเราได้มีช่วงเวลาที่ขาดหายไป ไม่มีอะไรบ่งชี้ว่าทำไมลิงถึงวิวัฒนาการมาเป็นมนุษย์ อย่าเชื่อตำราเรียนที่บอกว่ามนุษย์ค่อยๆ วิวัฒนาการโดยใช้เวลามากกว่าล้านปี ฉันจะบอกนายว่า การศึกษาทางพันธุกรรมครั้งล่าสุดแสดงให้เห็นว่าการวิวัฒนาการนี้ ใช้เวลาเพียงแค่ 120 ปีเท่านั้น ไม่ได้ใช้เวลานับล้านปี นับพันปี แต่ใช้แค่ 120 ปี ที่มนุษย์วิวัฒนาการมาจากไดรโอพิทธีคัส กลายเป็นคนแรกที่เป็นบรรพบุรุษมนุษย์ (ออสตราโลพิเทคัส) "

"จากสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวที่เก่าแก่ที่สุดไปสู่สิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ จากสิ่งมีชีวิตไม่มีกระดูกสันหลังไปสู่สัตว์เลื้อยคลานและค่อยๆ วิวัฒนาการกลายมนุษย์ยุคใหม่ ประวัติของเราถูกระบุไว้ในรหัสพันธุกรรมของเราเอง คุณรู้ไหมอะไรที่ปรากฏในรหัสพันธุกรรมของพวกเราในช่วงเวลา 120 ปี? ฉันจะบอกคุณว่ามันว่ามันคือการปลดล็อคขีดจำกัด"

"ใช่ ขีดจำกัดวิวัฒนาการของพวกเราระเบิดออกโดยใช้เวลาเพียง 120 ปีเท่านั้น แล้วมันก็ถูกปิดผนึกลงด้วยเหตุผลต่างๆ ที่ยังไม่แน่ชัด หลังจากนั้น นับตั้งแต่มนุษย์ยุคต้นจนถึงมนุษย์ยุคปัจจุบัน เราก็มีวิวัฒนาการที่น้อยลงมาก ไปจนถึงจุดที่หมื่นปีที่ผ่านมาเราไม่มีวิวัฒนาการเลยแม้แต่นิดเดียว คุณสามารถบอกได้ว่า เทคโนโลยีของเรากำลังพัฒนาขึ้น เราก้าวหน้ายิ่งกว่าคนเมื่อหมื่นปีก่อน แต่นี่เป็นเพียงการสะสมของภูมิปัญญาเท่านั้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการวิวัฒนาการทางชีววิทยา วิวัฒนาการของเราได้หยุดลงแล้ว"

ซวนพูดในขณะที่เขากำลังวิ่งอยู่ เขาไม่ได้สนใจการแสดงออกถึงความตกตะลึงของทุกคน และพูดต่อไปว่า "มิตินี้ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องเอเลี่ยน แต่หมายถึงมิติทั้งหมดของหนังสยองขวัญ ผมเคยเห็นมันมาก่อนแล้ว เว้นแต่ว่าในเวลานั้นผมยังไม่เข้าใจว่าความหมายของมันคืออะไร ในซากโบราณที่เราพบกะโหลกศีรษะของมนุษย์ถ้ำ ด้วยความเป็นจริงประเทศของเราพบแผ่นจารึกที่มีตัวอักษรแกะสลักอยู่ เราได้แปลคำเหล่านั้นและคำส่วนใหญ่ ได้บอกว่า เมื่อวิวัฒนาการของมนุษย์หยุดลงความสยองจะช่วยเราปลดล็อกขีดจำกัดทางพันธุกรรมอีกครั้ง เพื่อเริ่มต้นการพัฒนาวิวัฒนาการครั้งใหม่ "ข้อความนี้ถูกทิ้งไว้โดยคนที่ชื่อ ‘กลุ่มแรกของมนุษย์ ที่ปลดล็อกข้อจำกัดทางพันธุกรรม’ บางทีมิตินี้ อาจะมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ"

เจิ้งถามว่า "เกิดอะไรขึ้นเมื่อเราปลดล็อขีดจำกัดทางพันธุกรรม? มนุษย์จะกลายเป็นซูเปอร์แมน?"

ซวนยิ้ม "คุณคงเคยได้ยินเรื่องนี้มาแล้ว ‘ทุกคนต่างมีข้อดีในตนเอง’ ตามรหัสพันธุกรรมของเรา ไม่มีในมนุษยชาติคนไหนที่อ่อนแอจริงๆ ทุกคนจะมีความชำนาญพิเศษเป็นของตนเอง และในกลุ่มคนที่ความชำนาญพิเศษนั้น ยังมีคนที่ได้รับประกันว่าเป็นหนึ่งในผู้ที่มีความสามารถมากที่สุด ความจริงแล้วบางคนสามารถเป็นอย่างนั้นได้โดยผ่านการฝึก เช่นกีฬา ความจำ หรือปัญญา การปลดล็อคขีดจำกัดทางพันธุกรรมจะช่วยให้เราสามารถเลือกความชำนาญพิเศษนั้น มาใช้ให้ตรงกับสถานการณ์นั้นๆ ได้ เพียงแค่คุณคิด คุณก็สามารถเป็นอัจฉริยะเมื่อใดก็ได้ที่คุณต้องการ มีพละกำลังที่หาตัวจับได้ยาก ในเวลาคุณต้องการพลัง หรือในระหว่างการต่อสู้...คุณสามารถกลายเป็นสุดยอดนักรบที่สามารถมีชวิตอยู่ได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม แม้ว่าทุกคนจะตายหมดแล้ว คุณก็จะมีชีวิตอยู่ "

"ความสามารถในการแก้ปัญหาต่างๆ ความคิดที่จะไม่ยอมแพ้และอยู่รอดผ่านสถานการณ์นั้นๆ ! นี่คือวิวัฒนาการของเราหลังจากปลดล็อคขีดจำกัดทางพันธุกรรมแล้ว! "

 

 

ติดตามข้อมูลข่าวสารนิยายเรื่องนี้ได้ก่อนใครที่ FB: www.facebook.com/IDTR8  หรือพิมพ์ค้นหา นิยายแปล: เกมส์สยองต้องไม่ตาย  Blog: www.idtr8.wordpress.com 

จากตอนปัจจุบันในเพจตอนนี้กลุ่มลับนำไปแล้ว 150+ ตอนน้ะค้า

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด