ตอนที่แล้วตอนที่ 84 คณะฑูตจากจักรวรรดิ 1
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 86 คณะฑูตจากจักรวรรดิ 3

ตอนที่ 85 คณะฑูตจากจักรวรรดิ 2


ระดับของจอมเวทย์นะครับ 1.เริ่มต้น 2.ทั่วไป 3.ปรมาจารย์ 4.อาวุโส 5.ระดับผู้นำหอคอยครับ

ระดับของผู้ใช้ออร่า 1.ต่ำ 2.กลาง 3.สูง 4.เชี่ยวชาญ 5.ปรมาจารย์ดาบ

จักรวรรดิแอนดราส...

จักรวรรดิที่ถูกเรียกว่าอาณาจักรแห่งดาบ ซึ่งมีฐานอำนาจมายาวนานซึ่งเป็นศัตรูกับอาณาจักรเมลเทอร์

ทั้งสองอาณาจักรต่างครอบครองส่วนที่แตกต่างกันของเขตเหนือ พวกเขามีความคล้ายคลึงกันในหลายๆด้าน เนื่องจากการต่อสู้กันมาอย่างยาวนานของพวกเขา อย่างไรก็ตามอำนาจหลักของจักรวรรดิแอนดราสก็คือพลังออร่า แตกต่างจากอาณาจักรเมลเทอร์ที่อำนาจหลักคือจอมเวทย์

จักรวรรดิแอนดราสสามารถเรียกได้ว่าเป็นอาณาจักรแห่งราชันดาบก็ว่าได้

เด็กชายและเด็กหญิงทุกคนจะต้องได้รับการฝึกอบรมอย่างเข้มงวดในหน่วยงานที่ดำเนินการโดยตรงกับเชื้อพระวงศ์เมื่อถึงอายุ7ขวบ สองในสามของเด็กที่ถูกเอาไปฝึกจะตาย แต่จักรวรรดิก็สามารถสร้างกลุ่มผู้ใช้ออร่าที่มีพลังมากกว่าอาณาจักรอื่นๆ

“ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดเกี่ยวกับจักรวรรดิแอนดราสก็คือบางสิ่งบางอย่างที่น่าเหลือเชื่อ จักรวรรดิแอนดราสกลับมีปรมาจารย์ดาบถึง7คนในยุคเดียวกัน นี่ไม่สามารถพบได้ที่ไหนนอกจากจักรวรรดิแอนดราส”

ผลลัพธ์ก็คือการดำรงอยู่ของ7เทพดาบเปรียบเสมือนเสาหลักของจักรวรรดิแอนดราส

ด้วยเหตุนี้จักรวรรดิแอนดราสจึงไม่พ่ายแพ้ต่ออาณาจักรเมลเทอร์ที่มีจอมเวทย์ขั้น8ถึง2คนและจอมเวทย์ระดับปรมาจารย์อีกมากมาย ผู้ใช้ออร่าที่ประสบความสำเร็จในฐานะปรมาจารย์ดาบนั้นเป็นตัวตนที่ใกล้เคียงกับพายุอันบ้าคลั่ง

ทุกคนต่างรู้ดีว่าปรมาจารย์ดาบนั้นเคยกล่าวไว้ว่าแม้กระทั่งเวโรนิก้ายังไม่สามารถทำให้พวกเขาก้าวถอยหลังได้

ธีโอดอร์ฟังคำพูดของวินซ์อย่างตั้งใจและถามว่า “…แล้วทำไมจักรวรรดิถึงส่งคณะฑูตมากันครับ?พวกเขาดูเหมือนคนที่จะพูดด้วยดาบมากกว่าคำพูด”

อาณาจักรเมลเทอร์นั้นได้ต่อสู้กับจักรวรรดิมานานหลายร้อยปีแล้ว ระบบการศึกษาของอาณาจักรต่างได้รับการออกแบบมาเป็นเวลานานแล้วที่จะเน้นด้านที่ไม่ดีของอาณาจักรศัตรูและสร้างความเกลียดชังต่อศัตรู

“อืม นั่นอาจจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเมือง อาณาจักรต่างๆที่พึ่งพาแต่พลังอำนาจนั้นไม่สามารถที่จะคงอยู่ได้นานนัก จักรวรรดิแอนดราสนั้นเป็นอาณาจักรที่น่ากลัวเพราะพวกเขารู้วิธีการใช้พลังอำนาจที่แตกต่างกัน”

“การใช้ที่แตกต่าง...”

“ภารกิจครั้งนี้ของพวกเขาส่วนหนึ่งก็คือการพูดคุยเกี่ยวกับการลงนามในสงครามเมื่อครั้งสุดท้าย และแน่นอน เธอเป็นหนึ่งในเหตุผลที่พวกเขามา”

“ฮะ?ผม?” ธีโอดอร์รู้สึกประหลาดใจอย่างมากกับเรื่องนี้

อย่างไรก็ตามวินซ์ก็ตอบคำถามเขาแบบลวกๆ “พวกเขานั้นสงสัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเธอกับเอลฟ์ชั้นสูงและเอลฟ์เฮล์ม พวกเขายังสงสัยเกี่ยวกับตัวตนของวีรบุรุษที่ปรากฏตัวขึ้นเมื่อครึ่งปีก่อน เหล่าฑูตอาจจะเริ่มเจรจาต่อรองอย่างจริงจังหลังจากที่ได้เห็นคุณค่าของเธอแล้ว”

“อ่า ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศค่อนข้างซับซ้อน”

“นั่นหมายความว่าเธอเป็นคนสำคัญอย่างยิ่ง สถานะของเอลฟ์ชั้นสูงนั้นยิ่งใหญ่กว่าที่ฉันคิดเอาไว้”

ในเอลฟ์เฮล์ม ซึ่งเป็นอาณาจักรที่มีครึ่งเอลฟ์อาศัยอยู่พวกเขามีเพียงเอลฟ์สายเลือดบริสุทธิ์อยู่5ตนเท่านั้น และเมื่อเร็วๆนี้ก็ได้นับรวมเอลโลน่าเข้าไปเป็น6ตน แต่มันก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่าพวกเขานั้นหายากอย่างมาก

เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงมีหนี้มหาศาลที่ต้องจ่ายให้แก่ธีโอดอร์ มิลเลอร์ผู้ที่ปกป้องเอลฟ์ชั้นสูงตนที่6เอาไว้ ด้วยเหตุนี้พวกเขาอาจจะเปลี่ยนสถานะเป็นกลางของพวกเขาที่รักษาไว้นานหลายร้อยปี

แม้ว่าธีโอดอร์จะไม่ได้อยู่ในระดับปรมาจารย์ แต่พวกเขาก็ได้เรียกตัวธีโอด้วย นี่เป็นสถานการณ์ที่วินซ์สามารถคาดเดาได้อย่างง่ายดาย จากมุมมองของMagic Society แล้วธีโอนั้นมีคุณค่ามากกว่าจอมเวทย์ระดับปรมาจารย์เสียอีกในตอนนี้

‘นี่เป็นข้อกำหนดที่อาจทำให้เกิดเรื่องที่น่ารำคาญไม่ใช่น้อย’

มีแขกไม่ได้รับเชิญมาหาพวกเขาขณะที่กำลังจดจ่ออยู่กับการฝึกเวทมนต์ ดังนั้นธีโอจึงอดที่จะเดาะลิ้นไม่ได้

เขาจะไม่บ่นถ้านี่เป็นภารกิจ แต่เขาไม่ต้องการที่จะเกี่ยวพันกับเรื่องของการเมือง

***

ไม่นานหลังจากการสนทนาของพวกเขา ธีโอและวินซ์ก็ได้มาถึงปลายทาง

‘ชิ อย่างที่คิดเอาไว้’ ธีโอก้าวไปด้านหน้าขณะที่พยายามไม่สนใจดวงตาที่จับจ้องมายังเขา

จำนวนผู้คนเริ่มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆขณะที่พวกเขาเข้าใกล้เขตหอประชุม และพวกเขาทุกคนต่างรู้จักเขาไม่มีใครในMagic Society ที่ไม่รู้จักวีรบุรุษหนุ่ม ธีโอดอร์ที่ชื่อของเขาได้กลายเป็นโด่งดังเมื่อครึ่งปีที่แล้ว

เสียงซุบซิบนินทาของจอมเวทย์บางคนดังเข้าไปในหูของเขา

“ชายหนุ่มนั่นนะหรอธีโอดอร์ มิลเลอร์…?”

“เขาดูเด็กกว่าที่ฉันคิดอีก ดูเหมือนว่าข่าลือที่บอกว่าเขาพึ่งผ่านอายุ20ปีมาไม่นานจะเป็นเรื่องจริง”

“การเป็นจอมเวทย์ขั้น5ระดับสูงสุดด้วยวัยแค่นั้น....น่าเหลือเชื่ออย่างมาก และเขายังเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวของขบวนเดินทาง เขาเปรียบเสมือนโอกาสของRed Tower .

“มาดูกัน พวกเราจะได้รู้ว่าชื่อเสียงของเขานั้นเกินจริงหรือไม่”

ไม่จำเป็นต้องตอบสนองต่อคำพูดเหล่านั้นธีโอเพียงแค่เมินเสียงของพวกเขาและก้าวเข้าสู่เขตของหอประชุม นี่เป็นสถานที่ที่Magic Society ใช้สำหรับการจัดแข่งขันประลองเวทมนต์ประจำปี ดังนั้นพื้นที่นี้จึงใหญ่โตมาก บรรดาจอมเวทย์นับ100คนที่มารวมตัวกันนั้นไม่สามารถทำให้ห้องประชุมนั้นเต็มได้

แต่ทว่ากลับมีบางสิ่งที่ปกคลุมเติมเต็มในพื้นที่ที่ว่างเปล่านั้น

‘แม้จะเป็นสถานที่ใหญ่โต แต่ความหนาแน่นของมาน่านั้นกลับน่ากลัวอย่างมาก....คนทั่วไปจะไม่สามารถหายใจได้อย่างคล่องตัว ณ ที่แห่งนี้’

มันคือการไหลของพลังมาน่าที่แสนน่ากลัว! นี่คือผลจากการรวมจอมเวทย์ระดับปรมาจารย์ไว้ด้วยกัน ทำให้ยกระดับความหนาแน่นขจองมาน่าให้อยู่ในระดับที่ผิดปกติ

ในขณะนั้นชายชราคนหนึ่งก็ได้ปรากฏตัวขึ้นบนเวทีของห้องประชุม

“ฟู่ ทุกคนมารวมตัวกันได้เร็วมาก”

ชายชราแปลกหน้านั้นไม่รู้สึกตื่นตระหนกอะไรกลับคลื่นมาน่าที่ให้ความรู้สึกราวกับสีนามิเลย ชายชราดูสงบนิ่งราวกับเขาเป็นศูนย์กลางของพายุ และแน่นอนนี่ไม่ใช่ปรากฏการณ์ทั่วๆไป

และธีโอผู้ที่มีประสบการณ์มามากมายกับคนเช่นเขา ทำให้เขาตระหนักได้ว่า

‘ชายคนนี้ เขาอยู่ในระดับสูงสุด(Master level 7เทพดาบก็Master levelเช่นกันครับ ระดับสูงสุดคือ7 แต่มีเวโรนิก้ากับบลันเดลที่อยู่ระดับ8เกินขอบเขตครับ)....!’

จอมเวทย์ขั้น7ผู้ที่ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของมนุษย์และสามารถปรับเปลี่ยนกฏของธรรมชาติได้....มีเพียงคนระดับนี้เท่านั้นที่สามารถควบคุมพลังมาน่าได้อย่างอิสระ มันเป็นไปได้ที่เขาจะจัดการกับแรงกดดันของมาน่าเช่นเดียวกับที่เขาควบคุมแขนขาของตนเอง

ธีโอไม่เคยพบกับผู้นำของMagic Societyมาก่อน แต่เขาสามารถรับรู้ได้ว่าชายตรงหน้านี้ต้องเป็นผู้อำนวยการMagic Societyแน่ๆ

“อย่างแรก ฉันขอขอบคุณที่ทุกท่านมารวมตัวกันในที่นี้แม้จะเป็นการประกาศอย่างฉับพลันก็ตาม การมาของคณะฑูตจากแอนดราสนั้นไม่ได้มีการวางแผนไว้ ดังนั้นชายชราผู้นี้จึงได้ยินเรื่องนี้ช้าไป ต้องขอบคุณสำหรับความเข้าใจของทุกท่าน” ผู้นำของMagic Society ได้โค้งคำนับและแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจต่อการมาของพวกเขา

หลังจากที่ได้ยินำพูดของเขา ความรู้สึกไม่สบอารมณ์บนใบหน้าของคนบางคนก็ได้หายไป ประเด็นสำคัญที่สุดตอนนี้ก็คือคณะฑูตจากจักรวรรดิแอนดราสกำลังมาที่นี่ อาณาจักรเมลเทอร์ต่างหาก

เมื่อเห็นทุกคนไม่พูดอะไรออกมา ผู้นำMagic Society ก็ได้ยกหัวขึ้นและพูดอีกครั้ง

“เอาละ ฉันจะเริ่มเข้าเรื่องเลยละกัน ทุกคนนั้นคงได้ยินข่าวที่ว่าคณะฑูตจากแอนดราสกำลังเดินทางมาที่เมลเทอร์แล้วสินะ ดังนั้นฉันจะไม่พูดถึงเรื่องนี้ แต่ที่ฉันเรียกทุกคนมารวมตัวกันที่นี่ในวันนี้ก็เพื่อหารือเกี่ยวกับวิธีการปฏิบัติต่อแขกที่ไม่ได้รับเชิญนี่”ผู้นำMagic Society ได้กล่าวอย่างคล่องแคล่ว เสียงของเขาดังไปทั่วทั้งหอประชุม แม้กระทั่งธีโอที่อยู่เกือบจะตรงทางออกยังได้ยินชัดเจน

จากนั้นพวกเขาก็พูดกันถึงข้อมูลของแอนดราส เกี่ยวกับการรุกรานและความโหดร้ายของพวกเขา

และมีสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับธีโออย่างมาก

‘นี่ไม่ใช่ว่าการฝึกท้าประลองกันทุกวันของพวกเขานั้นเหมือนกับประเพณีของเหล่าออร์คเลยงั้นหรือ?’

มันไม่ใช่การประลองธรรมดาทั่วไป แต่นี่เป็นการประลองที่เรียกได้ว่าการต่อสู้ที่แท้จริงเลยก็ว่าได้ มักจะมีคนที่ตายในการประลองประจำวันนี้ ในจักรวรรดิแอนดราสนั้นมีชายผู้หนึ่งซึ่งเคยเป็นทาสเขาได้กลายเป็นดยุคจากการต่อสู้นี้และในที่สุดเขาก็ได้นั่งบนบัลลังก์ของ1ใน7เทพดาบ

“ทุกคนรู้หรือไม่?ในจักรวรรดิแอนดรานั้นการประลองคือการต่อสู้เพื่อชีวิต ไม่ใช่การต่อสู้ที่พวกเรารู้จัก เมื่อ30ปีก่อนกลุ่มจอมเวทย์ของเรานั้นได้ปะทะกับฑูตของทางฝ่ายนั้นส่งผลให้มีคนตายหลายคน อย่าเดินตามรอยเท้าในอดีตเด็ดขาด”

การมาของคณะฑูตจากแอนดราสเคยเกิดขึ้นมาแล้วสองหรือสามครั้ง แต่ทุกครั้งกลับมีการนองเลือดตลอด และครั้งนี้เมลเทอร์ต้องหลีกเลี่ยงเนื่องจากพวกเขาได้รับความเสียหายขนาดใหญ่จากการที่ขบวนเดินทางถูกทำลายเมื่อครึ่งปีที่ผ่านมา

นอกเหนือจากความเสียหายนั้น ถ้าจักรวรรดิแอนดราสคิดว่าอาณาจักรเมลเทอร์กำลังอ่อนแอ พวกเขาอาจจะบุกโจมตีมาอีกครั้ง

เหล่าจอมเวทย์ที่ชุมนุมกันอยู่ในหอประชุมต่างพยักหน้าให้กับคำพูดนั้น

คำพูดของผู้นำMagic Society นั้นมีความสมเหตุสมผลดีและไม่มีเหตุผลใดที่จะปฏิเสธเขา ยิ่งไปกว่านั้นเขากลับเสริมคำพูดไม่กี่คำในตอนท้าย ซึ่งทำให้ทุกคนต่างรู้สึกหนาวเย็น “โอ้และก็ 2ใน7เทพดาบก็ได้เข้าร่วมในกลุ่มคณะเดินทางครั้งนี้ด้วย มันจะไม่มีความหวังที่จะรอดเลยถ้าพวกเธอได้รับคำทักทายด้วยใบดาบของปรมาจารย์ดาบ”

เหล่าจอมเวทย์ระดับปรมาจารย์ต่างตกตะลึงเมื่อได้ยินคำนี้ ปรมาจารย์ดาบ...!

พวกเขาเปรียบเสมือนมัจจุราชในสนามรบ พวกเขาสามารถที่จะเคลื่อนที่ผ่านระยะทางร้อยเมตรได้ในพริบตา และพวกเขาจะตัดผ่านเวทย์ป้องกันราวกับพวกเขาเป็นเพียงขยะ

ตั้งแต่วัยเด็ก เหล่าจอมเวทย์นั้นถูกปลูกฝังให้กลัวในอำนาจของปรมาจารย์ดาบ จอมเวทย์ที่มากประสบการณ์ต่างกำหมัดแน่นเมื่อเผชิญกับความจริงข้อนี้ จอมเวทย์ที่อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าขั้น7นั้นก็เปรียบเสมือนเส้นฟางสำหรับพวกเขา

ขณะที่ทั่วหอประชุมค่อยๆเงียบลง ดวงตาของผู้นำMagic Society ก็ได้หันไปทางอื่น ซึ่งเป็นที่ที่ธีโอได้นั่งอยู่ตรงมุมขอบห้อง

ผู้นำMagic Society สบตากับธีโอและพูดให้คำแนะนำด้วยเสียงอันดังว่า “ธีโอดอร์ มิลเลอร์ เธอควรระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ นี่เป็นเป้าหมายหลักของกลุ่มคณะฑูต เธอไม่ควรที่จะตอบรับการท้าทายของพวกเขาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม”

“ครับ ผมเข้าใจแล้วครับ”

“ฉันไม่สงสัยในความสามารถของเธอ แต่เธอควรจะหลีกเลี่ยงจากความเสี่ยงที่ไม่แน่นอนนี้ เนื่องจากนี่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างอาณาจักร อย่าตกลงไปในความโง่เขลาเด็ดขาด”

หลังจากที่เห็นธีโอยอมรับคำเตือนของเขาแล้ว ชายชราก็ได้หันสายตาไปที่อื่น

‘กลุ่มคณะฑูตจากแอนดราส...และปรมาจารย์ดาบ’ นี่แตกต่างจากจอมเวทย์คนอื่นๆ ธีโอดอร์นั้นไม่ได้กลัวไปกับคำพูดนี้เลย

แน่นอนเขาไม่ได้คิดว่าตัวเองจะสามารถเอาชนะปรมาจารย์ดาบได้ แต่อย่างไรก็ตามถ้าเขาสามารถทำลายกำแพงและก้าวสู่ขั้น6ได้แล้วละก็ เขาอาจได้รับแรงบันดาลใจในการท้าทายปรมาจารย์ดาบ

ขณะที่บรรยากาศภายในหอประชุมยังคงตึงเครียดอยู่นั้น ธีโอดอร์ก็ได้กำหมัดเงียบๆอยู่ใต้โต๊ะของเขา เขารู้สึกว่าหกเดือนที่เงียบสงบกำลังจะสิ้นสุดลง

หกวันหลังจากนั้น กลุ่มคณะฑูตและสองปรมาจารย์ดาบก็ได้มาถึงเมลเทอร์

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด