ตอนที่แล้วChapter 38 The Secluded Village (Part 1)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 40 The Silver Village (Part 3)

Chapter 39 The Silver Village (Part 2)


Chapter 39 The Silver Village (Part 2)

“ฉันได้กลิ่นพวกเขา.”

หนึ่งในพี่น้องสูดลุมหายใจเข้าขณะพูด.

เจสันที่มุ่งเน้นที่ความรู้สึกของกลิ่นและพยักหน้า.

“แน่นอน กลิ่นหญ้าที่น่าเปื่อยผสมกับกลิ่นของมนุษย์ที่ครุมเครือเล็ก”

เจสันบดฟัน.

“ไปกัน ฆ่าพวกมันให้หมด”

“เราควรระวัง.”

“พวกมันมีอาวุธแปลกๆ.”

“ฉันรู้แล้ว!”

พี่น้องเจสันเริ่มต้นเข้าไปยังที่ๆมนุษย์อยู่.

พวกเขาเข้าไปใกล้ๆอย่างเงียบๆและสงบนิ่ง.

ขณะที่พวกเขาเข้ามาใกล้กลิ่นมนุษย์เริ่มแรงขึ้น.

ในที่สุดพวกเขาก็ประสบความสำเร็จที่เข้าใกล้มนุษย์และตรวจสอบพวกเขาด้วยสายตาตัวเอง.

มนุษย์ผู้ชายคนนึงที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน.

บางทีเป็นเพราะว่าเขากำลังเฝ้ายามอยู่เลยมองเห็นได้อย่างง่ายๆ คนอื่นๆดูยากเล็กน้อยแต่ก็พอเข้าใจว่าพวกเขากำลังนอนหลับอยู่.

พี่น้องมองไปที่เจสันเพื่อให้เขาตัดสินใจ.

‘มีเพียงคนเดียวที่ตื่นอยู่.’

มนุษย์ชายที่ตื่นอยู่ไม่ได้ถึืออาวุธใดๆ.

ในตอนนี้เป็นโอกาสดีที่จะได้สู้ จริงๆแล้วมันก็แค่ชัยชนะที่ท่วมท้น.

นี่เป็นโอกาสทองที่จะฆ่ามนุษย์ทุกคนที่เฮลกิไม่สามารถทำอะไรได้และวิ่งหนีออกไป เจสันจะไม่ปล่อยโอกาสอย่างนี้.

‘พวกมันกล้าใช้ลูกเล่นกับฉัน! เจ้ามนุษย์!’

เจสันยกกรงเล็บขึ้น.

พี่น้องก็ทำตามและเปลี่ยนท่าทางในการต่อสู้ที่กำลังใกล้เข้ามา ความกระหายเลือดในการต่อสู้เริ่มที่จะเบาบางลง.

“กรรร!”

สุดท้ายเจสันก็โจมตี.

คนแรกที่เป็นเป้าหมายคือมนุษย์ผู้ชายที่ยืนยามอยู่ในที่แจ้ง

เขาเดินเข้ามาและกลางกรงเล็บของเขา มันจะเป็นแค่ช่วยเวลานึงที่เขาจะกรีดคอมนุษย์.

แต่มนุษย์ผู้ชายคนนั้นเคลื่อนที่ไปทางขวาและหลีกเลี่ยงการโจมตี ยิ่งไปกว่านั้นมนุษย์ที่หลบหลีกเจสันยังได้เตะเข้าไปทีี่ชายโครงขณะหลบด้วย.

ผลัก!

“คุก!”

การโต้กลับโดยไม่คาดคิดทำให้เจสันสะดุด.

พี่น้องที่ออกมาในเวลาเดียวกันที่เข้ามาโจมตีก็ไม่มีผลกระทบอะไรกับชายคนนั้น.

‘บางอย่างผิดปกติ!’

ความรู้สึกไม่สบายใจก็ผ่านเข้ามาในหัวใจของเจสัน จากนั้น…

ปัง!

***

“ยิง!”

ผมสั่งและซิลก็เหนี่ยวไก.

ปัง!

ในเวลาเดียวกันกับที่ประกายไฟของ Mosin-Nagant, พร้อมกับเสียงกรีดร้องที่คล้ายกับ ‘อ๊ากกก!’.

คลิก!

ซิลดึงสลักและเปลี่ยนแม๊กกระสุน จากนั้นเธอก็ปลดไกพร้อมยิง ทั้งหมดนี้ทำได้อย่างรวดเร็วมาก.

กริ๊ก ปัง!

ทุกครั้งที่มีเสียงปืนยิงออกมาก็จะมีไลแคนล้มลง.

กริ๊ก ปัง!

“ตุบ!”

กริ๊ก ปัง!

“อ๊ากก!”

ซิลเหมือนกับเป็นเครื่องจักรที่ยิงได้อย่างต่อเนื่องและเคลื่อนไหวอย่างนั่นซ้ำๆ

ถ้าเป็นผมที่ถือปืนผมคงไม่เร็วอย่างนี้.

คืนนี้มือดังนั้นเราจึงเห็นเพียงแค่เงาคลุมเครือ แต่ผมสามารถบอกได้เลยว่าฝั่งไลแคนตื่นตัวไม่น้อย.

“หนี!”

นั่นเป็นครั้งแรกที่ได้ยินเสียงไลแคน.

ผมช๊อค.

‘พวกมันพูกเหมือนมนุษย์!’

ผมตกใจที่พวกมันพูดเหมือนมนุษย์กับใบหน้าที่คล้ายสัตว์ของเขา และรู้สึกตกใจอีกรอบที่เราสามารถเข้าใจกันได้.

มันเป็นภาษาที่ผมได้ยินเป็นครั้งแรก แต่ผมเข้าใจมันได้.

“ฮยอง ไอ้พวกห่านั่นกำลังหนีไปแล้ว!”

เมื่อจุนโฮตะโกนผมก็ได้สติกลับมา

หลังจากทั้งหมดที่ถูกยิงตายในช่วงเวลาหนึ่ง ก็มีเพียงไลแคนสามตัวที่หนีไปทางซ้ายสองและขวาอีกหนึ่ง.

ในขณะที่พวกมันทำแบบนั้นจุนชอยที่อยู่ท่างกลางพวกมันก็เคลื่อนที่ตามไปโดยไม่ต้องคิด.

เขาเหยียบไปที่พื้่นและเตะเข้าไปที่ไลแคนมันก็กระเด็นขึ้นข้างบน.

“กรรรร!”

ไลแคนที่ร่วงลงมาพร้อมกับกรงเล็บที่อ่อนแรง.

จุนชอยหลบได้อย่างแม่นยำและโจมตีเข้าไปยังช่องว่างอีกรอบ.

พั๊วะ!

“แค่ก!”

ด้วยการโจมตีที่รุนแรงเข้าไปที่หน้าอกไลแคนครางออกมา เมื่อตกใจกับเสียงครางของตนเองไลแคนได้กู่ร้องคล้ายกับสัตว์ป่าพร้อมกับขย้ำกรงเล็บมา ดูเหมือว่าเขาจะใช้การโจมตีแบบนั้นรอบที่สองในการทำให้จุนชอยกลายเป็นเศษเนื้อ.

แต่จุนชอยเป็นคนที่เยี่ยมมาก.

เขาไม่ได้ถอยกลับ แต่ยืนอย่างมั่นคง เขายื่นแขนออกมาและลู่ไปตามแรงของไลแคนโดยที่มันไม่อาจจะทำอะไร.

จากนั้นแรงระเบิดเกิดที่หน้าอกอีกครั้งและมันก็กลายเป็นหลุม!

โผ๊ละ!

“กรางง!”

โดยไม่มีแรงด้านพร้อมกับการถูกบด.

ด้วยเสียงร้องนั่นไลแคนเริ่มที่จะกระอักเลือด.

‘ดี ตอนนี้เหลือเพียงแค่สอง.’

ผมส่งตลับกระสุนปืนให้กับซิลอีกครั้ง.

“ซิลไล่ตามพวกมันไปและยิงมันให้หมด.”

-เมี๊ยว!

ซิลถือ Mosin-Nagant และบินออกไปดังสายลม.

***

เจสันกำลังตกอยู่ในความหวาดกลัว

เขาไม่อาจเข้าใจมันได้

ปัง ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงที่แหลมคนนี้ หัวของพี่น้องของเขาก็กระจุย.

เขาไม่คิดว่าไลแคนตระกูลเงินที่มีเกียรติจะตายโดยไร้ประโยชน์.

‘มันเป็นเรื่องจริง! นี่เป็นเหตุผลที่เฮลกิไม่มีทางเลือกนอกจากวิ่งหนี!’

การที่คิดว่าเขาอาจจะตายอย่างไรประโยชน์อย่างนี้ก็ได้พัดผ่านเข้ามา.

เจสันหนีหางจุดตูด

เหลือเพียงพี่น้องคนเดียวที่เหลืออยู่.

จากนั้น…

ปัง-

อีกครั้งที่เกิดเสียงดังกังวานก้องเข้าไปทุกที่

เจสันไม่แม้แต่จะมองย้อนกลับไปและตระหนักว่าไม่มีใครอยู่กับเขารอบๆนี้.

น้องชายคนเล็กทียังไม่ได้วิ่งหนีอยู่ที่นั่น.

คนเดียวที่เหลืออยู่ตอนนี้คือเจสัน.

‘ฉันต้องมีชีวิต! ฉันต้องมีชีวิต!’

ความคิดนับล้านได้ผ่านเข้ามาในหัวของเขา ความปรารถนาทั้งหมดที่เขาแสวงที่จะมีชีวิตล้วนเปล่าประโยชน์.

เจสันรู้ถึงความต้องการอันหอมหวานนี้เป็นแรงผลักดันให้เขามีชีวตอยู่.

เขาควรจะรับรู้ได้ถึงความอันตรายหลังจากที่พี่น้องเฮลกิพ่ายแพ้ไป เขาไม่ควรประมาทเพียงเพราะมนุษย์เป็นแค่เหยื่อเท่านั้น.

เขาล้มเหลวเพราะเล่ห์กลของมนุษย์และเขาก็มีความโกรธโดยสมบูรณ์และมันก็เป็นเพียงความผิดพลาด เขาไม่ควรทำอย่างนั้น.

แต่ตอนนี้เวลาแห่งความเสียใจได้ผ่านไปแล้ว.

ปัง!

เสียงแห่งความตายได้เจาะเข้ามาในสมองของเขาและการมองเห็นเบื้องหน้าก็กลับกลายเป็นความมืดที่ส่งเจสันไปยังนรก.

***

เปรี๊ยง!

จุนชอยโจมตีครั้งสุดท้ายไปที่หัวไลแคน

ด้วยเสียงที่น่ากลัวกระโหลกของมันก็ถูกบดขยี้ ไลแคนล้มลงเหมือนกับหุ่นเชิดที่ไร้สาย.

ในเวลาเดียวกันซิลก็กลับมา ด้วยสองมือที่น่ารักนั่นกำลังกอดไรเฟิลที่มีขนาดใหญ่กับตัวเองมาก เธอมองผมด้วยตากลมตัว ราวกับว่ามันเป็นนิสัยที่มักจะถามผมว่า เธอทำดีหรือไม่.

“เธอทำดีมาก ซิล.”

ผมลูบหัวของซิลและเธอก็เงยหน้าขึ้นเลียมือของผม.

การต่อสู้เสร็จสิ้นและเริ่มรวบรวมซากศพของไลแคนไว้ในจุดเดียว.

“ลองดูเมไจ.”

ขณะที่ผมพูด จุนโฮและแจฮีทำสีหน้าตกใจ.

“นั่น อืม เราต้องหามันในศพของเขา ถูกไหม?”

จุนโฮถามและผมก็พยักหน้า.

“ผมก็คิดงั้น.”

“อุก…”

จุนโฮไม่สามารถเข้าใจได้

นั่นมันเป็นเรื่องง่ายๆ แม้ว่าเราจะเป็นนักสำรวจแต่เราก็เคยชินกับความหยาบกร้านในการสอบ แต่เราก็ยังไม่คุ้นเคยกับการผ่าศพ.

แฮซูพูดขึ้น.

“โอปป้า ฉันจะทำมัน.”

“คุณ?”

“ใช่ ออกมาให้ฉัน.”

แฮซูเรียกดาบของเธอ

จากนั้นเธอก็ไปยังศพของไลแคน.

หัวที่ถูกยิงด้วยปืนทำให้สภาพศพของพวกมันดูแปลกประหลาด แฮซูเรียกความกล้าหาญของเธอขณะที่เอาดาบแทงไปที่ศพ

ฉึบ!

จุนโฮเฝ้าดูอยู่ใกล้ๆ

ด้วยมือที่สั่นเทาของแฮซูขณะที่ลากดาบผ่าไปบนร่างไลแคน.

แลกบริเวณที่เธอลากผ่านก็มีเลือดไหลออกมายังบริเวณที่เธอจับ.

จากที่ผมเห็น ผมรู้สึกได้ แฮซูทำงานอย่างหนักมากเพื่อความแข็งแกร่งของเธอ การอาสาทำงานที่รังเกียจนี้เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้เป็นอย่างดี.

“ฮยองผมจะทำมันด้วยอาวุธ!”

จุนโฮเรียกหอกของเขาและเริ่มผ่าไปยังไลแคนอีกตัว

“โอปป้าฉันเจอมันแล้ว!”

แฮซูเจอมันก่อนและแสดงให้ผมเห็นถึงหินกลมๆที่ชุ่มไปด้วยเลือด.

หินกลมที่มีแสงสีเหลืออ่อนๆออกมา.

นี่คือเมไจ พวกเขาบอกว่าเจ้าสิ่งนี้อยู่ในตัวของสิ่งมีชีวิตทุกอย่างในอารีน่า.

จีเฮได้แสดงตัวอย่างของเมไจมาก่อนที่ศูนย์วิจัย แต่สิ่งที่พวกเขาแสดงตัวอย่างออกมามันใหญ่กว่าเจ้าสิ่งนี้ แต่ผมไม่สงสัยกับเรื่องนี้.

“ฉันพวกมันเหมือนกับฮยอง!มันอยู่ใกล้กับสะดือ.”

จุนโฮก็โชวเมไจให้ผมดู.

“โอเค ตอนนี้ก็ปล่อยผม.”

ผมใช้ซิล.

ซิลใช้มีดสายลมในการขุดเขาเมไจออกมา.

เรารวบรวมเมไจได้ทั้งหมด7อันและเก็บมันไว้ในกระเป๋าของแฮซู มันมีที่ว่างไม่มากนัก ผมจุงได้เอากระสุนของผมออกและเก็บไว้ในกระเป๋าของผม.

“ฮยอง ถ้าเราขายพวกนี้ให้ศูนย์วิจัยคุณคิดว่ามันจะได้เท่าไรเมื่อพวกเขาเสนอราคา?”

“ฉันไม่รู้ อย่างไรก็ตามเราไปกันเถอะ เราต้องรีบหน่อย ไลแคนตัวอื่นๆอาจจะได้ยินเสียงปืน”

“ตกลง.”

พวกเราเริ่มเดินอีกครั้ง.

***

ในตึกสูงตระหง่าน ย่านศูนย์กลางของกังนัม โซล.

ตึกที่สูงเสียดฟ้านี้มีเพียงตัวอังษรอยู่สองตัว จินซัง ตัวใหญ่เขียนไว้ที่ยอดตึกและอาคารแห่งนี้เป็นอาคารสำนักงานใหญ่ของจินซังกรุ๊ป.

ที่ชั้นบนสุดมีชายชราอายุประมาณ70ที่กำลังนั่งมองลงไปยังเบื้องล่างผ่านหน้าต่างของเขา.

เขาที่กำลังมองลงไปยังเมืองที่ดูเล็กเหมือนของเล่นและแววตาของชายชราคนนี้ก็มีลักษณะสำนึกผิดออกมา.

“ประธาน.”

เสียงชายวัยกลางคนที่ได้ยินจากด้านหลังเรียกชายชรา.

ประธานจินซองกรุ๊ป ที่เกิดจากชาวนาที่ยากจนและได้ถือครองความมั่งคั่งและเกรียติยศสูงที่สุดในเกาหลี ประธานปาร์คจินซังหันมามองรอบๆ.

ประธานปาร์คถาม.

“คุณรู้เรื่องแล้วหรือยัง?”

“ครับ ผ่านการเชื่อมต่อจากศุูนย์วิจัยจากภายในและได้เห็นมันแล้ว.”

“แสดงให้ผมดู.”

ชายวัยกลางคนได้หยิบซองเอกสารบางอย่างออกมาและด้านในก็มีรูปภาพมากมายที่ถูกถ่ายไว้อยู่บนโต๊ะ.

ด้านหลังเป็นฮอฯของกองทัพ

มันเป็นรูปของชายหญิงอายุน้อง4คนที่กำลังเข้าไปในฮอฯ.

มันเป็นการแอบถ่ายโดยกล้องมือถือถ่ายรูปจากคนที่อยู่ในกองร้อยนั้น.

ในรูปใบหน้าของบุคคลทั้งสี่มีหน้าตาแน่วแน่.

ชายกลางคนยังเอาประวัติของเขาให้ดู.

“พวกเขาเป็นผู้เข้าสอบใหม่ของศูนย์วิจัยและรู้จักในชื่อของทัม คิมฮยอนโฮ.”

“คิมฮยอนโฮเป็นใคร?”

“เด็กหนุ่มคนนี้.”

ชายวัยกลางคนชี้ไปที่ชายหนุ่มคนนึงให้ปาร์คจินซังดูใกล้ๆ.

“คนนี้เป็นผู้นำ?”

“ครับ.”

“เขาเป็นเด็กแบบไหน?”

“พวกเขาบอกว่าเขาเป็นคนที่มีการตัดสินใจและการออกคำสั่งที่ดี และยิ่งไปกว่านั้นเขายังมีสกิลหลักที่พิเศษมากอยู่ด้วย.”

“ประเภทไหน?”

“ผมไม่รู้ ผมเลยบอกว่าผมจะให้เงินมากขึ้น แต่แหล่งข่าวของเราปฏิเสธว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะพูดมากกว่านี้.”

“แล้วคนอื่น?”

“ผู้เข้าสอบคังจุนชอยไม่ค่อยน่าสักเกตเท่าไรนัก.”

เขานำภาพของคังจุยชอยออกมาและอธิบายต่อ.

“สกิลของเขาอยู่ในค่าเฉลี่ย แต่เขามีความสามารถในศิลปะการต่อสู้จากประเทศจีน พวกเขาบอกว่าเขาอยู่ในการสอบรอบที่3 แต่สกิลของเขามีมากกว่าคนที่สอบรอบที่6.”

“หืิม เป็นแบบนั้นเอง?”

“ใช่ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่พูดเกินความจริง.”

“หืม…”

ประธานปาร์คจินซังมองไปที่ภาพของคิมฮยอนโฮและคังจุนชอยอีกครั้ง.

“แล้วเพือนคิมฮยอนโฮคนนี้ทำอะไรได้บ้าง?”

“อายุ29 หลังจากจบการศักษาในมหาวิทยาลัยเขามีประวัติการทำงานเล็กน้อยคนเกือบจะมาอยู่ในวัยกลางคน เนื่องจากเขาจะเตรียมสอบเข้าราชการ เขาลาออกจากงานและย้ายกลับไปอยู่อาศัยกับครอบครัวในชอยนัน.”

“จิ๊ จิ๊ เขาเป็นอย่างไร เขาไม่เคยมีชีวิตที่เหมาะสมก่อนที่จะตายและทุกข์ทรมาณจากความยากลำบาก.”

ประธานปาร์คเดาะลิ้นของเขาราวกับจะแสดงความเมตตาของเขาจณะที่เขาจ้องมองไปที่ภาพ.

มันเป็นธรรมดา แต่อบอุ่น มันเหมือนกับตอนที่เขาได้ลูกชายคนแรกของเขา.

0 0 โหวต
Article Rating
11 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด