ตอนที่แล้วตอนที่ 68 เอลฟ์ชั้นสูงเอลโลน่า 2
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 70 เอลฟ์ชั้นสูงเอลโลน่า 4

ตอนที่ 69 เอลฟ์ชั้นสูงเอลโลน่า 3


แม้เขาจะใช้เวลานานไปกับการทานอาหารมื้อค่ำกับเอิร์ลเบอร์เก้น แต่ดวงจันทร์ก็ยังคงอยู่กลางทองฟ้า บางทีอาจจะยังมีเวลาอยู่จนกว่าจะถึงเที่ยงคืน มันไม่น่าจะมีปัญหาอะไรถ้าเขารีบไปคุยกับเอลโลน่าที่ห้องของเธอ

ธีโอดอร์หันไปถามวินซ์ก่อนที่จะมองไปรอบๆ

“งั้น ช่วยนำทางผมที”

ดูเหมือนว่าเขากำลังพูดกับใครบางคนอยู่ ธีโอนั้นมีความสามารถในการมองเห็นสิ่งที่คนธรรมไม่สามารถมองเห็นได้ นี่เป็นพลังเช่นเดียวกับเอลฟ์ที่เกิดมาพร้อมกับดวงตาซึ่งสามารถมองเห็นจิตวิญญาณธาตุได้ มันเป็นนกโปร่งแสงที่ถ่ายทอดเสียงของเอลโลน่ามาให้เขา

จิตวิญญาณนกตัวนี้เป็นเพียงจิตวิญญาณชั้นต่ำ Sylph ที่สามารถพบได้ใน[การแนะนำเวทย์ธรรมชาติเบื้องต้น] คุณสมบัติของธาตุลมสามารถที่จะถ่ายทอด เสียงได้ดี ดังนั้น Sylph จึงมักใช้เป็นที่ส่งข้อความกัน

พึ่บ

Sylph อาจไม่มีรูปลักษณ์ที่ชัดเจนเช่นมิตรา แต่ก็สามารถแสดงท่าทางได้อยู่ นกขยับหัวไปมาอย่างเข้าใจพร้อมกับเริ่มบินไปที่เบื้องหน้าของธีโอ มันไม่เหมือนกับนกทั่วไป มันไม่จำเป็นที่ต้องกางปีกหรือกระพือปีกเพื่อบิน นั้นเพราะร่างของ sylph นั้นใกล้เคียงกับ จิตวิญญาณ

‘คฤหาสถ์นี้กว้างมาก’

ธีโอได้ตระหนักถึงความจริงนี้โดยตรงเนื่องจาก sylph ได้นำพาเขาผ่านมา5หัวมุมแล้ว แต่จำนวนห้องที่เขาเดินผ่านมามีเพียงสองห้องเท่านั้น เขาเดินมาเป็นเวลาเกือบ 10 นาที ก่อนที่เขาจะมาถึงห้องที่เอลโลน่าอาศัยอยู่

ถ้าบ้านของเอิร์ลยังเป็นเช่นนี้ เขาไม่อาจที่จะทราบเลยว่า บ้านของ มาร์ควิสหรือดยุคจะเป็นเยี่ยงไร

ธีโอดอร์หยุดอยู่ที่หน้าประตูแล้วลูบตัวsylph เบาๆ “ขอบคุณที่พาฉันมานะ”

พึ่บ อาจจะเนื่องจากมันอารมณ์ดี มันจึงปล่อยเสียงที่ฟังดูรื่นรมย์ออกมาก่อนที่จะหายไป

เดิมที มนุษย์จะไม่สามารถมองเห็นจิตวิญญาณธาตุได้ เมื่อไม่มีเวทย์ที่คอยหล่อเลี้ยงมันก็จะหายไปและกลับสู่ธรรมชาติของมัน จิตวิญญาณธาตุชั้นต่ำนั้นจึงแตกต่างจากจิตวิญญาณธาตุชั้นสูงที่มีอิสระเสรี

ขณะนั้นก็มีเสียงใสดังออกมาจากด้านหลังประตู

“เข้ามาได้เลย”

ธีโอดอร์เปิดประตูเข้าไปและถูกโจมตีด้วยกลิ่นที่แสนหอม มันเป็นกลิ่นของผลไม้ที่สุกงอม เขาเคยกินมันไม่กี่ครั้ง แต่กลิ่นก็ยังคงอยู่ในความทรงจำของเขา ธีโอดอร์ได้ยืนค้างอยู่ที่ด้านหน้าประตูด้วยท่าทางตกตะลึง

“….เถาวัลย์องุ่น?” เขาพูดด้วยเสียงดังขณะที่เขาแตะเถาวัลย์องุ่นที่ปกคลุมไปทั่วกำแพงห้อง

มันเป็นเถาวัลย์หนาซึ่งแม้แต่ในสวนยังหาพบได้ยาก มันเป็นองุ่นที่ห้อยลงมาจากเถาวัลย์? แต่ละพวงมีขนาดเท่าลูกวอลนัท แม้ว่าเขาจะไม่ชอบกินองุ่น แต่เขาก็รู้สึกได้ถึงความหวานของน้ำผลไม้ที่อยู่ข้างในมัน มันเป็นภาพที่ไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าจะมีห้องเช่นนี้อยู่ในคฤหาสถ์ของขุนนาง

เอลโลน่าที่นั่งอยู่ตรงกลางห้องสีขาวเอ่ยทักทาย “สวัสดียามค่ำ ท่านธีโอดอร์”

เธอเปรียบเสมือนดอกไม้หรือใบไม้ที่กลมกลืนไปกับห้องอันงดงามนี้ มีกระถางต้นไม้และเถาวัลย์องุ่นล้อมรอบตัวเธอ ธีโอมองภาพแปลกๆนี้และตอบว่า “อ่า สวัสดีครับ”

“ท่านสนใจงั้นหรือ?เราได้ปลูกต้นองุ่นเอาไว้สำหรับมื้อเย็นของเรานะ ท่านสนใจอยากจะลองกินดูไหม?”

‘เถาวัลย์องุ่นเหล่านี้งอกขึ้นจากเมล็ดองุ่นที่ปลูกในตอนเย็นงั้นหรอ?’ ธีโอตะลึงงันและหยิบองุ่นขึ้นมาและกินมัน

ตามที่คาดไว้น้ำที่อยู่ภายในเม็ดองุ่นนั้นมีรสหวานและเต็มไปด้วยความชุ่มชื้นอยู่ภายในนปากของเขา แม้แต่คนที่ดื่มไวน์องุ่นได้ลองชิมไวน์ที่ทำจากองุ่นนี่ละก็พวกเขาจะไม่สามารถต้านทานความต้องการได้ ถ้าเอลฟ์ชั้นสูงทำสวนผลไม้ละก็ ผลไม้จากสวนอื่นจะถูกทำลายทันที

ธีโอนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับเอลโลน่าและกินองุ่นอีกสองสามลูก “…ผมขอโทษ”

“ไมเป็นไร เราค่อนข้างชอบด้วยซ้ำ เรากังวลอยู่ว่าผลไม้พวกนี้มนุษย์จะชอบหรือไม่”

“เป็นไปไม่ได้หรอก ใครจะปฏิเสธผลไม้เหล่านี้ได้กัน”

ที่บรรยากาศดีเช่นนี้เป็นเพราะผลไม้อร่อยงั้นหรือ?เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจที่บทสนทนาระหว่างเขาทั้งสองคนไม่ได้เริ่มต้นอย่างอึดอัด

ตอนแรกเอลโลน่าจะพูดขอบคุณที่ช่วยเหลือพวกเขา จากนั้นพวกเขาก็พูดถึงพลังของเอลฟ์ชั้นสูงเช่นเธอ ก่อนจะพูดถึงความเป็นกลางของเอลโลน่า

เธอบอกกับธีโอว่า “เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคนเช่นธีโอดอร์ที่จะรู้สึกอึดอัดเมื่อเห็นเรา”

ตามที่เอลโลน่ากล่าว เอลฟ์ชั้นสูงนั้นเปรียบเสมือนจิตวิญญาณธาตุมากกว่าเอลฟ์เสียอีก พวกเขาไม่จำเป็นต้องกินบ่อยๆ พวกเขาจะไม่ตายจากความอดอยากและพวกเขาจะไม่รู้สึกเหนื่อยหรือง่วงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้นอน ต้องขอบคุณพันธุกรรมจากบรรพบุรุษของเขา ทำไมเพศของพวกเขานั้นคลุมเครือ

“ดังนั้น เอลโลน่า จึงไม่มีเพศงั้นหรอ?”

“อืม....มันแตกต่างกันเล็กน้อย ดังนั้นพูดว่าความเป็นกลางจะใกล้เคียงมากกว่า”

“เป็นกลาง?”

ใช่เอลโลน่าพยักหน้าด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ

“ตอนที่พวกเราเกิดพวกเราจะดูเหมือนผู้หญิงมากกว่าชาย แต่ทว่าเมื่อเราตัดสินใจเลือกคู่ครองของเราแล้วสิ่งนี้จะเปลี่ยนไปตามเพศของคู่ครองเรา ถ้าคู่ครองเราเป็นผู้ชายเราจะกลายเป็นเพศหญิง ถ้าคู่ครองของเราเป็นหญิง เราจะกลายเป็นเพศชาย”

“อ่า...เช่นนั้น…”

“ใช่แล้ว เรายังไม่มีคู่ครอง”

โอเคร ถ้ายังงั้นมันก็เหมาะสมแล้ว เขาเหลือบมองไปที่เอลโลน่าอย่างไม่รู้ตัวก่อนที่จะหันไปทางอื่น

ธีโอมีความทรงจำของ ลี ยองซุก ผู้ซึ่งเป็นลูกหลานของนักรบตะวันออก ดังนั้นความรู้เกี่ยวกับร่างกายของมนุษย์ของเขาจึงเพิ่มขึ้นมาก เขาสามารถจำแนกเพศชายและหญิงได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตามเขากลับไม่สามารถแยกแยะเพศของเอลโลน่าได้ เป็นเพราะเธอยังไม่ได้ตัดสินใจเลือกเพศของตัวเอง

ขณะที่เขาฟังอย่างเงียบๆ เขาก็นึกขึ้นได้ว่า ‘ฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับตัวตนของเอลฟ์ชั้นสูงมากขึ้นกว่าเดิมงั้นสิ?’

มันเป็นไปตามที่เขาคิด ตอนนี้ธีโอดอร์อาจจะมีความรู้เกี่ยวกับเอลฟ์ชั้นสูงมากที่สุดในอาณาจักรเลยก็ว่าได้ ถ้าเขาเขียนหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาจะสามารถกวาดเหรียญทองได้หลายร้อยเหรียญภายในวันเดียว

อย่างไรก็ตามความปราถนาในโลกนี้ของเขาดูเหมือนจะไม่มีความหมายเลยเมื่อเขามองไปที่ดวงตาของเอลโลน่า

“ธีโอดอร์”

มันถึงเวลาสำหรับการที่เธอเรียกเขามาที่นี่แล้ว

“ท่านสามารถเรียกผู้ที่ทำสัญญากับท่านออกมาได้ไหม?”

***

เขาเรียกผู้ทำสัญญาของเขาออกมาทันที

[ฮู้!] มิตราปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับเสียงของเธอที่ดังในหัวเขา ขณะที่หัวของเธอโผล่มาจากกระถางที่ใส่เมล็ดองุ่น มองไปเหมือนตัวตุ่นเธอมองไปรอบๆและกระโดดออกมาด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นเอลโลน่า

“โอ้ พระเจ้า” เอลโลน่ารู้สึกสับสนเมื่อมิตรากระโดดลงบนฝ่ามือของเธอ

มิตรากอดนิ้วชี้ของเธอไว้แน่นราวกับมันอุ่นมาก

“…เราเคยได้ยินเกี่ยวกับเธอมาก่อน แต่เราไม่รู้เลยว่าเธอจะน่ารักเช่นนี้” เอลโลน่ายิ้มอย่างนุ่มนวลให้มิตราก่อนที่จะหันหน้าไปหาธีโอดอร์ “ธีโอดอร์ รู้เกี่ยวกับเธอเท่าไหร่?”

“….ผมรู้แค่ว่าเธอเป็นจิตวิญญาณธาตุโบราณและเธอมีระดับที่แตกต่างจากโลกของจิตวิญญาณธาตุ”

“ใช่แล้ว” เอลโลน่ายิ้มหวานและวางมิตราไว้บนไหล่ของเธอ มิตรารู้สึกสับสนกับการสูบเสียนิ้วไปที่กอดไปอย่างฉับพลัย แต่ในไม่ช้าเธอก็เริ่มไต่ไปตามเส้นผมสีเขียวของเอลโลน่าราวกับเชือก มิตราดูเหมือนกับจักจั่นบนกิ่งไม้

เอลโลน่า ไม่สนใจเธอและอธิบายต่อว่า “เราจะเล่าให้ฟัง จิตวิญญาณธาตุโบราณนั้นไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโลกแห่งจิตวิญญาณธาตุ พวกเขาต่างได้รับการยกย่องว่าเป็น ‘เมล็ดพันธุ์(seeds)’ ที่แสนลึกลับและการดำรงอยู่ของพวกเขาถึงเป็นจุดสูงสุด

“มะ-เมล็ดพันธุ์?”

“ใช่แล้ว นี่คือตัวอย่าง”

ทันทีที่เธอแบมือซ้ายของเธอ ลมก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นรูปร่างของยักษ์ เขาสีกุหลาบของมันราวกับมงกุฏและลำตัวของมันดูแข็งราวกับเกราะ มันดูเหมือนจะเป็นยักษ์จากตำนาน

ขณะที่ธีโอมองไปที่มัน เอลโลน่า ก็พยักหน้าและบอกถึงตัวตนของมันว่า “นี่เป็นภาพลวงตาของ เซเฟอร์ ผู้ที่เปรียบเสมือนพระเจ้าของสายลมที่มีชีวิตอยู่มาเนิ่นนานแล้ว ตามตำนานท่านได้นำพาพายุมาสู่โลกโดยการหันไปรอบๆโลกและถอนหายใจ”

“เทพโบราณ เซเฟอร์....”

“เขาคือต้นแบบของจิตวิญญาณโบราณ เจรอส ผู้ทำสัญญากับ ไมน์ดัล เฮอเซม เมื่อ120ปีที่แล้ว”

‘ไมน์ดัล เฮอเซม!’ ใบหน้าของธีโอแข็งค้างเมื่อได้ยินชื่อที่ไม่คาดคิด

เหตุใดชื่อดังกล่าวถึงได้โผล่มา? ไม่สิ เขาเป็นจอมเวทย์ธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่เอลฟ์จะรู้ชื่อของเขา ในขณะที่มนุษย์มีการเชื่อมโยงกับธรรมชาติต่ำลง ไมน์ดัล เป็นเพียงคนเดียวที่สามารถเรียก ราชาแห่งธาตุออกมาได้

เอลโลน่า สังเกตเห็นความตื่นเต้นของเขาและหยุดท่าทางของเขา “ไม่ใช่ว่าเทพทั้งหมดจะศักสิทธิ์เหมือนกับเซเฟอร์ แต่ก็มั่นใจได้ว่าเหล่าเทพนั้นเป็นเหมือนท่านเซเฟอร์ทุกตน ด้วยเหตุผลบางอย่างพวกเขานั้นสูญเสียการคงอยู่ของพวกเขาไปและเศษร่างกายของพวกเขาได้กลายเป็น เมล็ดพันธุ์ และเมล็ดพันธุ์ก็เป็นที่รู้จักกันในชื่อ จิตวิญญาณธาตุโบราณ”

ทั้งสองต่างจ้องมองไปที่มิตรา ที่น่าจะเป็นเทพผู้ยิ่งใหญ่

มิตราที่กำลังถักผมของเอลโลน่าเล่น เงยหน้าขึ้นเมื่อเธอรู้สึกได้ถึงสายตาของพวกเขา เธอดูคล้ายกับเด็กซนที่ชอบเล่นสกปรกๆ มันยากที่จะเชื่อได้ว่าตุ๊กตาดินที่น่ารักจะเคยเป็นเทพผู้ยิ่งใหญ่มาก่อน

เอลโลน่า เข้าใจคำถาม ที่ธีโอไม่ได้ถามออกมาและคว้าตัวมิตรามา จากนั้นเธอก็จ้องมองเข้าไปในดวงตาของธีโอดอร์และเสนอทางเลือกให้เขาสองทางเลือก

“ถ้าธีโอต้องการ เราสามารถที่จะฟื้นพลังบางอย่างของเธอได้ แม้มันจะไม่อยู่ในระดับเดียวกับต้นแบบ แต่เธออาจจะสามารถฟื้นพลังในระดับผู้พิทักษ์ของจิตวิญญาณธาตุได้”

“ผู้พิทักษ์ จิตวิญญาณ...ธาตุ”

แน่นอน มิตรา นั้นไม่ได้แตกต่างจากจิตวิญญาณธาตุอื่นๆนอกจากความจริงที่ว่าเธอมีฐานะที่สูง ในกรณีที่ไม่มีอำนาจเวทมนต์ของธีโอความสามารถของเธอจะลดลงอย่างมากและเธอจะไม่สามารถปรากฏตัวได้อย่างอิสระในพื้นดิน ถ้าเธอกลายเป็นผู้พิทักษ์จิตวิญญาณธาตุได้ เธออาจจะข้าม ข้อจำกัด บางอย่างของเธอได้

อย่างไรก็ตามก่อนที่จะตัดสินใจ ธีโอดอร์ ได้ถามมิตรา “มิตรา เธอต้องการจะทำมันไหม?”

เอลโลน่าแอบยิ้มให้กับการกระทำของธีโอที่ไม่บังคับจิตวิญญาณธาตุของเขา ธีโอไม่รู้เรื่องนี้ แต่นี้มันใกล้เคียงกับพฤติกรรมของเหล่าเอลฟ์ นี่คือเหตุผลที่ทำให้เหล่าเอลฟ์ตนอื่นๆชอบเขา แม้จะไม่รู้เกี่ยวกับตัวตนของมิตรา

ดังนั้น คำตอบคืออะไร? มิตรากังวลชั่วครู่ก่อน.....[ฮู้!]

‘ฉันจะทำ!’ นั่นคือสิ่งที่เธอหมายถึง ธีโอดอร์ลูบหัวมิตรา 2-3ครั้งก่อนที่จะส่งเธอให้กับเอลโลน่า

“ได้โปรด ทำมันทีครับ เอลโลน่า”

“ได้เลย แค่คิดว่าเราจะได้ชดใช้ธีโอ เราก็ดีใจแล้ว” เอลโลน่าไม่ให้เขาได้มีโอกาสตอบกลับขณะที่เธอถือมิตราไว้ในฝ่ามือทั้งสองข้าง “จะเริ่มละนะ”

วูบบบบ!

แสงที่เต็มไปด้วยพลังแห่งชีวิตปกคลุมไปทั้งห้องที่ทั้งสองคนอยู่

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด