ตอนที่แล้วเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 10 พายุอาจเกิดขึ้นจากท้องฟ้าที่สว่างสดใส (อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 12 สุราไผ่เขียว (อ่านฟรี)

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 11 เล่นกับไฟ (อ่านฟรี)


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 11 เล่นกับไฟ 

แปลโดย iPAT 

ฟางหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย ด้วยประสบการณ์ห้าร้อยปีทำให้เขาได้กลิ่นการสมรู้ร่วมคิด

เขาหรี่ตาก่อนจะคลายปมที่ผูกอยู่ระหว่างคิ้วออก “ตอนนี้ข้ากำลังหิวพอดี เข้ามาสิ”

ที่หน้าประตูห้อง เฉินซุ้ยยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นชา แต่เพียงเมื่อนางผลักประตูเข้ามาภายใน ใบหน้าของนางกลับเปลี่ยนเป็นน่ารักอ่อนหวานไปในทันที

“นายน้อยฟางหยวน สุราอาหารเหล่านี้ล้วนเป็นของชั้นเลิศ แม้ไม่ได้ลิ้มลองแต่ข้าสามารถบอกได้จากกลิ่นหอมอันเย้ายวนของมัน” นางกล่าวด้วยเสียงที่อ่อนหวานกขณะวางถาดอาหารลงบนโต๊ะ จากนั้นนางก็จัดแจงอาหารและรินสุราให้เขา

“นายน้อยโปรดนั่งลงก่อน เพื่อความสุขของนายน้อย สาวใช้ผู้ต่ำต้อยของท่านขอบังอาจอยู่ที่นี่และดื่มกับนายน้อยในวันนี้นะเจ้าค่ะ” นางส่งยิ้มหวานให้กับฟางหยวนก่อนจะดึงร่างของฟางหยวนให้นั่งลงบนเก้าอี้ จากนั้นนางก็ทิ้งสะโพกของตนเองลงบนตักของฟางหยวนและเอนกายลงซบอกของเขาพร้อมกับแสร้งทำเป็นหญิงสาวขี้อายก่อนจะกระซิบที่ข้างหูของเขาอย่างแผ่วเบาว่า “นายน้องฟางหยวน สาวใช้ผู้นี้ชื่นชอบท่านมาตลอด ไม่ว่าท่านจะมีพรสวรรค์อยู่ในระดับใด ข้าก็จะอยู่เคียงข้างและปลอบโยนท่านเสมอ คืนนี้หญิงผู้ต่ำต้อยผู้นี้ยินดีมอบเรือนร่างให้แก่นายน้อยเจ้าค่ะ”

วันนี้นางแต่งตัวงดงามเป็นพิเศษ

นางทาริมฝีปากด้วยสีเชอร์รี่ เมื่อนางกระซิบที่ข้างหูของฟางหยวน ลมหายใจของนางกระทบกับใบหูชั้นในของเขาอย่างแผ่วเบา และเพราะเธอนั่งอยู่บนตักของเขา เขาจึงสามารถสัมผัสได้ถึงส่วนโค้งส่วนเว้าบนร่างกายอันอ่อนนุ่มของนางได้อย่างชัดเจน

“นายน้อย เชิญดื่มสุรา” เฉินซุ้ยยกถ้วยสุราขึ้นจิบและค่อยๆส่งริมฝีปากของนางไปที่ริมฝีปากของฟางหยวน

แต่การแสดงออกของฟางหยวนกลับไร้อารมณ์ราวกับสิ่งที่อยู่บนตักของเขาเป็นเพียงรูปปั้นหินก้อนหนึ่งเท่านั้น

เมื่อเฉินซุ้ยเห็นท่าทีของฟางหยวน นางรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยในตอนแรก แต่เมื่อริมฝีปากของนางอยู่ห่างจากริมฝีปากของเขาเพียงไม่กี่นิ้ว นางจึงกลับมาเชื่อมั่นและลอบเย้ยหยันเขาอยู่ภายใน ‘ทำเป็นเย็นชา เชอะ!’

เป็นเพียงเวลานี้ที่ฟางหยวนได้กล่าวบางสิ่งออกมาด้วยน้ำเสียงที่แฝงไว้ด้วยเย้ยหยัน “เจ้ากำลังเล่นกับไฟ”

ใบหน้าของเฉินซุ้ยแข็งค้าง นางรีบกลืนสุราลงคอและทำตัวราวกับสาวน้อยไร้เดียงสา “นายน้อยหมายถึงสิ่งใด...”

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายเย็นเยียบ เขามองเข้าไปในดวงตาของเฉินซุ้ยก่อนจะยกมือขวาขึ้นคว้ากุมลำคอของนางและค่อยๆกดมันลงไป ดวงตาของเฉินซุ้ยหดเล็กลงพร้อมกับน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก “นายน้อย ท่านจะทำร้ายข้าเช่นนั้นหรือ!?”

ฟางหยวนไม่ตอบแต่ค่อยๆบีบลำคอของนางแน่นขึ้นเรื่อยๆ

“นายน้อยฟางหยวน สาวใช้ผู้นี้เริ่มกลัวแล้วนะเจ้าคะ!” เฉินซุ้ยเริ่มหายใจลำบากและเริ่มหงุดหงิด นางยกมือจับมือของฟางหยวนและพยายามแกะมือของเขาออก แต่นางกลับพบว่ามือของฟางหยวนแข็งราวกับเหล็กและไม่สามารถดึงมือของเขาออกไป

“ดูเหมือนลุงกับป้าจะให้เจ้าเข้ามายั่วยวนข้า นี่หมายความว่ามีบางคนรออยู่ข้างล่างถูกต้องหรือไม่?” ฟางหยวนหัวเราะเสียงเย็น “แต่เจ้าคิดว่าตนเองเป็นผู้ใด เจ้าคิดว่าสามารถใช้กองขยะที่เน่าเสียบนหน้าอกของเจ้ากับข้าได้งั้นหรือ?”

ขณะที่ฟางหยวนกล่าวถ้อยคำเหล่านี้ เขาก็ใช้มือซ้ายบีบหน้าอกของนางอย่างไร้ปรานี

ดวงตาของนางเบิกกว้างขึ้นเมื่อนางรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่พุ่งเข้าสู่หน้าอกของนางอย่างกะทันหัน

ความเจ็บปวดทำให้ดวงตาของนางเต็มไปด้วยหยดน้ำ นางอยากจะกรีดร้องออกมาแต่ฟางหยวนบีบลำคอของนางเอาไว้อย่างแน่นหนา นางทำได้เพียงสะอึกสะอื้นเป็นครั้งคราวและพยายามต่อต้านมากขึ้นเรื่อยๆเพราะนางกำลังจะหายใจไม่ออก

แต่ในเวลานี้ฟางหยวนกลับค่อยๆคลายมือของเขาออก

เฉินซุ้ยรีบเปิดปากสูดหายใจอย่างหนักหน่วงพร้อมกับไอออกมาอย่างรุนแรง ฟางหยวนหัวเราะก่อนจะใช้มือหยิกแก้มของนางเบาๆและกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่แยแส “เฉินซุ้ย เจ้าคิดว่าข้าสามารถฆ่าเจ้าได้หรือไม่?”

หากฟางหยวนคำรามใส่นางราวกับปีศาจร้าย เธอจะตอบโต้อย่างรุนแรง แต่ฟางหยวนกลับเผยรอยยิ้มและใช้น้ำเสียงอันแผ่วเบาเพื่อถามว่าเขาสามารถฆ่านางได้หรือไม่ นี่ทำให้ความหวาดกลัวพุ่งเข้าเกาะกุมหัวใจของนางเอาไว้ทั้งหมด

นางหวาดกลัวมาก!

ใบหน้าของนางกลายเป็นน่าเกลียดโดยเฉพาะเมื่อนางเห็นรอยยิ้มของฟางหยวนขณะที่เขามองมาที่เธอ

เฉินซุ้ยรู้สึกว่านางจะไม่มีวันลืมสายตาคู่นี้ไปตลอดชีวิต มันเป็นดวงตาที่ปราศจากอารมณ์ความรู้สึกใดๆทั้งสิ้น มันทั้งดำมืด ลึกลับ และดูเหมือนบ่อน้ำเก่าแก่ที่มีอสูรกายซ่อนตัวอยู่

ภายใต้การจ้องมองของดวงตาคู่นี้ เฉินซุ้ยรู้สึกราวกับนางกำลังเปลือยกายอยู่ท่ามกลางพายุหิมะในดินแดนน้ำแข็งอันหนาวเหน็บ

‘บุคคลที่อยู่ต่อหน้าข้ากล้าที่จะฆ่าข้าจริงๆ เขาสามารถฆ่าข้าได้จริงๆ!’

‘โอ้ สวรรค์ เหตุใดข้าถึงมาที่นี่และยั่วยุปีศาจตนนี้?’

หัวใจของเฉินซุ้ยเต็มไปด้วยความสำนึกเสียใจ นางรู้สึกอยากจะหลบหนีไปให้ไกลที่สุด แต่ความจริงก็คือนางยังนั่งอยู่บนตักของเขาและไม่แม้แต่จะกล้าขยับร่างกาย

กล้ามเนื้อของเริ่มตึงเครียด ร่างกายของนางเริ่มสั่นเทา ใบหน้าของนางเริ่มซีดขาว นางไม่สามารถกล่าวสิ่งใดออกไปได้แม้เพียงครึ่งคำ

“เห็นว่าเจ้าเป็นสาวใช้ที่ดูแลข้ามานานหลายปี ดังนั้นข้าจะไม่สังหารเจ้าในตอนนี้ หากเจ้าต้องการหลบหนีจากการเป็นทาส จงไปหาน้องชายของข้า เขาทั้งโง่เขลาและไร้เดียงสา” ฟางหยวนเก็บรอยยิ้มกลับคืนก่อนจะใช้มือตบใบหน้าของนางเบาๆและกล่าวเสียงเรียบ

เขาถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเปิดปากกล่าวอีกครั้ง “เจ้าไปได้”

ร่างกายของเฉินซุ้ยกลายเป็นแข็งทื่อราวกับท่อนไม้ขณะที่นางเดินออกไปอย่างเชื่อฟัง นางหวาดกลัวมากและไม่รู้ว่าตนเองจะหลบหนีไปจากปีศาจตนนี้ได้อย่างไร

ท่ามกลางความมืด กลุ่มคนที่ซ่อนอยู่รู้สึกมึนงงเมื่อพวกเขาเห็นเฉินซุ้ยเดินออกมาด้วยร่างกายที่สั่นเทา

‘แท้จริงแล้วแผนการของพวกเขาแยบยลมากกว่าในชีวิตก่อนหน้าของข้า ฮ่าฮ่า ความเมตตาที่มอบให้ในครั้งนี้ ข้าจะขอจดจำเอาไว้ในส่วนลึกของหัวใจ’

ไม่นานหลังจากที่เฉินซุ้ยจากไป ฟางหยวนก็ได้ลุกขึ้นและจากไปเช่นกัน ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่สามารถอาศัยอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไป คนฉลาดจะมองเห็นและพยายามลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น เมื่อความแข็งแกร่งยังไม่เพียงพอ มีเพียงคนโง่เท่านั้นที่จะนำตนเองเข้าไปหาหายนะ

“เถ้าแก่ ท่านมีห้องว่างหรือไม่?” ฟางหยวนมาที่โรงเตี้ยมพักแรมแห่งเดียวในหมู่บ้าน

“มีแน่นอน มีห้องพักอยู่บนชั้นสองและชั้นสาม ไม่เพียงมันจะสะอาดแต่ค่าเช่ายังถูกมาก สำหรับชั้นแรก มันจะเป็นภัตตาคาร นายท่านสามารถมาทานอาหารที่นี่ นอกจากนั้นเรายังมีบริการส่งอาหารให้กับนายท่านถึงห้องอีกด้วย” เจ้าของโรงเตี้ยมมีความสุขมากกับการมาของฟางหยวน

ที่นี่เป็นโรงเตี้ยมพักแรมเพียงแห่งเดียวของหมู่บ้าน แต่กิจการของพวกเขาค่อนข้างแย่ ในความเป็นจริงมันค่อนข้างรกร้าง เฉพาะในช่วงเวลาที่มีขบวนสินค้าเดินทางมายังภูเขาชิงเหมาแห่งนี้เท่านั้น มันจึงจะคราคร่ำไปด้วยผู้คน

ฟางหยวนรู้สึกหิวเล็กน้อยดังนั้นเขาจึงโยนหินวิญญาณให้กับเถ้าแก่สองชิ้น “หาห้องพักให้ข้าและเตรียมสุราสองไหพร้อมกับอาหารอีกสามสี่อย่าง”

“ได้ๆ” เถ้าแก่รับหินวิญญาณไว้และเร่งถาม “นายท่านต้องการทานอาหารในห้องพักหรือที่ห้องอาหาร?”

ฟางหยวนมองขึ้นไปบนท้องฟ้า เวลานี้ฝนหยุดตกและใกล้ค่ำแล้ว เขาตัดสินใจที่จะกินอาหารในห้องอาหารชั้นหนึ่งก่อนจะออกไปค้นหาวิญญาณสุราอีกครั้ง “ข้าจะกินที่ห้องอาหาร”

ห้องอาหารของโรงเตี้ยมแห่งนี้เต็มไปด้วยโต๊ะไม้สี่เหลี่ยมที่รายล้อมไปด้วยเก้าอี้ยาว ระหว่างโต๊ะอาหารปรากฏเสาขนาดใหญ่ที่คอยค้ำจุนอาคารหลังนี้เอาไว้ พื้นห้องถูกปูด้วยหินอ่อนแต่มันค่อนข้างลื่นเนื่องจากความชื้นบนภูเขา

มีสามโต๊ะที่มีผู้คนนั่งอยู่ โต๊ะริมหน้าต่างมีชายแก่ผู้หนึ่งกำลังดื่มสุราและมองออกไปยังดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า สำหรับโต๊ะอาหารกลางห้องปรากฏนักล่านั่งล้อมวงอยู่ที่นั่นจำนวนหกคน พวกเขากำลังพูดคุยกันถึงประสบการณ์ในการล่าสัตว์ของตนเองอย่างครื้นเครง ใต้ฝ่าเท้าของพวกเขาเต็มไปด้วยมูลสัตว์ที่แตกต่างกันเช่นกระต่ายหรือไก่ฟ้า

อีกมุมหนึ่งมีผู้เยาว์สองคนกำลังสนทนากับอยู่อย่างแผ่วเบา พวกเขานั่งอยู่ในมุมมืดที่ยากต่อการมองเห็น มันยากที่จะบอกเพศของพวกเขาและยากที่จะบอกว่าพวกเขากำลังทำสิ่งใด

ฟางหยวนตัดสินใจนั่งที่โต๊ะใกล้กับประตู ไม่นานหลังจากนั้นอาหารจึงถูกนำมาวางบนโต๊ะ

‘ด้วยการใช้พรสวรรค์นภาที่สามปรับแต่งวิญญาณแสงจันทร์ หากมันไม่ขัดขืนมากเกินไป ข้าสามารถใช้หินวิญญาณเพียงห้าก้อน แต่หากมันดื้อรั้น ข้าอาจต้องใช้หินวิญญาณถึงแปดก้อน’

วิญญาณเป็นรูปแบบชีวิตชนิดหนึ่ง พวกมันมีเจตจำนงเป็นของตนเอง

วิญญาณบางดวงมีเจตจำนงที่แข็งแกร่งและจะต่อต้านผู้ใช้วิญญาณ บ่อยครั้งที่ผู้ใช้วิญญาณต้องยอมแพ้พวกมัน

‘ข้ามีหินวิญญาณหกก้อน ข้ามอบสองก้อนให้กับเจ้าของโรงเตี้ยม ตอนนี้ข้าเหลือหินวิญญาณเพียงสี่ก้อน มันยังไม่เพียงพอสำหรับการปรับแต่งวิญญาณแสงจันทร์ของข้า’

ในโลกใบนี้หินวิญญาณถือเป็นสกุลเงินหลักและมันก็มีมูคค่าสูงมาก สำหรับครอบครัวมนุษย์ธรรมดาที่มีสมาชิกสามคน พวกเขาจะใช้หินวิญญาณเพียงหนึ่งก้อนต่อหนึ่งเดือนเท่านั้น แต่เมื่อผู้ใดที่พวกเขากลายเป็นผู้ใช้วิญญาณ ความต้องการใช้หินวิญญาณจะเพิ่มสูงขึ้นอีกมาก ฟางหยวนเป็นตัวอย่างที่ดี เฉพาะการปรับแต่งวิญญาณแสงจันทร์ เขาก็ต้องใช้หินวิญญาณมากถึงห้าหรือแปดก้อน หากเขาพบวิญญาณสุรา เขาอาจต้องใช้หินวิญญาณอีกนับสิบก้อน

‘กล่าวตามตรงแม้ว่าข้าจะพบวิญญาณสุรา แต่ข้าก็ไม่มีหินวิญญาณมากพอที่จะปรับแต่งมัน อย่างไรก็ตามข้ายังต้องค้นหามันให้เจอเป็นอันดับแรก เพราะนี่เป็นโอกาสที่จะได้รับมรดกของนักบวชปีศาจสุราดอกไม้ บางทีเขาอาจซ่อนหินวิญญาณเอาไว้เป็นจำนวนมาก’

นักบวชปีศาจสุราดอกไม้เป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้าและเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงบนเส้นทางสายปีศาจ ตัวตนเช่นนี้จะไม่มีหินวิญญาณอยู่ในการครอบครองได้อย่างไร