ตอนที่แล้วตอนที่ 55 หนังสือจากหอสมุดแห่งชาติ 1
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 57 หนังสือจากหอสมุดแห่งชาติ 3

ตอนที่ 56 หนังสือจากหอสมุดแห่งชาติ 2


ดวงตาของธีโอเบิกกว้างขึ้นเมื่อได้เห็นข้อมูลนั่น ‘จอมเวทย์สามารถต่อสู้ในระยะประชิดได้เฉกเช่นนักรบ?มันเป็นไปได้จริงงั้นหรอ?’

ธีโอมีความภาคภูมิใจในการเป็นจอมเวทย์ของเขา แต่เขาก็ต้องยอมรับในความแข็งแกร่งของผู้ใช้พลังออร่า ไม่ว่าเขาจะเสริมพลังให้กับร่างกายของเขาด้วยเวทมนต์มากแค่ไหน มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะแข็งแกร่งได้เท่ากับนักดาบของจริงเช่นแรนดอล์ฟ

พลังออร่า เป็นพลังที่สุดยอดมาก มันเป็นพลังที่จะเพิ่มความสามารถทางด้านกายภาพให้กับผู้ใช้อย่างมหาศาล แม้กระทั่งจอมเวทย์ขั้น7ที่ใช้เวทย์เสริมความเร็วก็ยังยากที่จะตอบสนองต่อความเร็วของดาบของแรนดอล์ฟได้ทัน

“อ่า มันคือบทเพลงแห่งสงครามนั่นเอง? มันยังคงอยู่” ขณะนั้น เวโรนิก้าก็เดินมาด้านหลังของเขาและมองข้ามไหล่ของธีโอมาที่หนังสือที่เขาถืออยู่

ในฐานะผู้นำหอคอยเวทมนต์ เธอสามารถเดินทางเข้าออกจากหอสมุดแห่งชาติได้อย่างอิสระ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เธอจะรู้เกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้ มันอาจจะเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดใจ แต่เธอก็มีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้แนะนำที่ดีของเขา

ธีโอหันกลับไปและถามว่า “มันเป็นหนังสือที่มีชื่อเสียงหรอครับ?”

“หืม?มันออกจะเป็นเช่นนั้น...แต่เป็นในด้านที่แย่ละนะ” เวโรนิก้าหยุดพูดไปชั่วขณะก่อนที่จะอธิบายว่าทำไม “โดยปกติจอมเวทย์ทั่วไปจะสนใจเกี่ยวกับมันเลย มันเป็นหนังสือที่เหมาะสมหรับการสอนให้เด็กๆอย่างมาก แต่เป็นการยากที่จะหาคนที่เรียนรู้มันได้จริง”

“ทำไมกันครับ? มันเป็นเวทมนต์ที่ช่วยในการต่อสู้ระยะประชิดที่เป็นประโยชน์ในทุกๆสถานการณ์”

มันเป็นไปตามที่ธีโอกล่าว

บทเพลงแห่งสงคราม นั้นจะเสริมความสามารถทางกายภาพที่จอมเวทย์ขาดไป ซึ่งมันไม่ได้จำกัดเฉพาะจอมเวทย์สงครามเท่านั้น มันเป็นเวทมนต์ที่จะช่วยจอมเวทย์ที่อ่อนแอทุกคนให้แข็งแกร่ง! เหตุใดจอมเวทย์คนอื่นถึงไม่สนใจเวทมนต์นี้กัน?

เวโรนิก้ายิ้มขึ้นเมื่อรู้ว่าธีโอคิดอะไรอยู่ “ทุกคนที่เห็นหนังสือนี่เป็นครั้งแรกต่างพูดคล้ายๆเธอ เด็กน้อย บทเพลงแห่งสงครามนั้นเป็นเวทมนต์ที่สุดยอดอย่างที่เธอคิด ถ้าเธอใช้มันได้ เธอก็จะเปรียบเสมือนจอมเวทย์สงครามที่สามารถทำได้คล้ายๆกับผู้ใช้ออร่า แต่อย่างไรก็ตาม บทเพลงแห่งสงครามนั้นเป็นเวทมนต์ถาวรซึ่งแตกต่างจากเวทย์ เสริมความเร็วหรือเสริมความแข็งแกร่ง เธอเข้าใจไหมว่าฉันหมายถึงอะไร?”

“….บางที”

“มันเป็นเช่นนั้น หากเธอต้องการใช้บทเพลงแห่งสงคราม เธอต้องคอยหมุนวงกลมอย่างน้อย4วงโดยไม่หยุดและร่ายเวทย์เรื่อยๆ มีใครจะยอมเสี่ยงในเรื่องนี้กัน?”

และธีโอดอร์ก็ได้เข้าใจและยอมรับถึงความจริงนี้

เช่นเดียวกับที่เวโรนิก้าพูดมันแตกต่างจากเวทมนต์ที่ใช้แล้วใช้เลย เพื่อให้มันมีผลต่อไป เขาต้องหมุนวงกลมของเขาไปเรื่อยๆเพื่อที่จะรักษาไว้  และนอกจากนี้การไหลเวียนของเวทมนต์ของเขาก็จะต้องแก้ไขโดยการร่ายเวทมนต์เรื่อยๆโดยไม่หยุดชะงัก

หากจอมเวทย์ขั้น5 ใช้ บทเพลงแห่งสงคราม พวกเขาจะสามารถใช้ได้เพียงเวทย์ขั้น1ได้เท่านั้น ในกรณีเช่นนี้มันดีกว่าที่จะยืนอยู่ในสถานที่ปลอดภัยและร่ายเวทมนต์

‘นอกเหนือจากจอมเวทย์สงครามแล้ว มันเป็นความคิดที่ดีที่จะหลีกเลี่ยงมัน....’

แม้กระทั่งจอมเวทย์ขั้น7 ก็จะถูกกำจัดให้สามารถใช้ได้แค่เวทย์ขั้น3เท่านั้นเมื่อใข้ บทเพลงแห่งสงคราม หากพวกเขาไม่ได้เป็นจอมเวทย์แห่งสงครามที่เชี่ยวชาญด้านศิลปะกรต่อสู้แล้วละก็ มันจะมีข้อเสียต่างๆมากมาย แม้ว่าจอมเวทย์จะสามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเช่นเดียวกับผู้ใช้ออร่า แต่ก็ไม่มีประโยชน์ถ้าหากว่าพวกเขาไม่รู้จักเทคนิคการต่อสู้

อย่างไรก็ตามถ้าธีโอเรียนรู้เวทมนต์นี้ เขาจะสามารถใช้กระสุนเวทย์ของอัลเฟรดได้ด้วยพลังของวงกลมเพียงวงเดียวเท่านั้น ขณะที่ธีโอกำลังกังวลเกี่ยวกับบทเพลงแห่งสงครามอยู่นั้น

-ผู้ใช้เลือกหนังสือเล่มนี้ซะ

มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นในหัวของเขา

‘ความตะกละ?’

เขารู้สึกดีใจที่เวโรนิก้าไม่ได้ยืนอยู่ด้านหน้าของเขา แต่เธอยืนอยู่ด้านหลัง เธอจึงไม่ได้เห็นใบหน้าของธีโอที่จู่ๆก็เปลี่ยนไป

-อย่าถามคำถามที่เจ้ารู้อยู่แล้ว มันเสียเวลา

‘แก สามารถพูดด้วยวิธีนี้ได้ไหม?’

-มันเป็นคุณสมบัติที่มีมาตั้งนานแล้ว ข้าสามารถได้ยินเจ้าได้ผ่านความคิด

ธีโอได้ขอคำแนะนำเดียวกับหนังสือเวทมนต์แก่ความตะกละ

‘ทำไมแกถึงเลือกหนังสือเล่มนี้?’

-มันอยู่ในระดับสมบัติ ดังนั้นมันจึงมีคุณสมบัติมากพอที่จะปลดผนึกตราที่3ของข้า นอกจากนี้คุณสมบัติที่จะได้รับการปลดผนึกจากผนึกที่3นั้น จะทำให้เจ้าสามารถใช้เวทมนต์นี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

-.....แกไม่สามารถบอกฉันได้สินะว่าคุณสมบัตินี้คืออะไร?’

-ถูกต้อง

ในช่วงสุดท้ายของวัน นี่จะเป็นการตัดสินใจเลือกหนังสือครั้งสุดท้ายของเขา ธีโอมอไปที่หนังสือในมือและกล่องกระจกรอบๆตัวเขา มีเพียง1เล่มที่เขาสามารถเลือกได้ แต่ในสักวันหนึ่งเขาจะกลับมาหาความรู้จากหนังสือเล่มอื่นให้ได้

ท้ายที่สุด ธีโอดอร์ก็ได้หยิบ [บทเพลงแห่งสงคราม]ขึ้นมา เวโรนิก้าพยักหน้าด้วยความพึงพอใจที่เขาเลือกมัน ดูเหมือนว่าผู้คนจากRed Tower หลายคนจะเลือกเรียนมัน

“ดีมาก มันไม่ใช่การตัดสินใจที่แย่!เวทมนต์ที่เด็กอย่างเธอสามารถเรียนรู้ได้ในนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นเธอควรเลือกสิ่งที่อยู่ในขอบเขตความสามารถของเธอ”

“ครับ ขอบคุณ”

“ฉันจะอยู่ที่เมืองหลวงสักพักหนึ่ง ดังนั้นเธอควรจะไปเยี่ยมวินซ์ซะบ้าง เราสามารถพูดคุยเกี่ยวกับวงกลมของเธอได้ในวันหลัง ตกลงไหม?”

ดูเหมือนว่าเวโรนิก้าจะไม่เคยรอให้ใครตอบกลับมาก่อน เธอรวบรวมพลังเวทมนต์เข้าไปในผนังขณะที่จับหัวของธีโอเอาไว้ด้วยมืออีกข้าง แม้จะเป็นสัมผัสที่น่าอึดอัดอย่างมากแต่เขาก็สามารถบอกได้ว่าเธอกำลังแสดงความเอ็นดูในแบบของเธอ

“เจอกันวันหลังนะ ธีโอดอร์!”

ธีโอดอร์ถูกทิ้งไว้เพียงลำพังก่อนที่เขาพึ่งจะรู้ตัวว่าเขาออกมาจากหอสมุดแล้ว

***

หลังจากเสร็จสิ้นการเลือกหนังสือแล้ว ธีโอดอร์ก็มุ่งหน้าไปที่ห้องส่วนตัวของวินซ์พร้อมกับวินซ์ทันที หอคอยเวทมนต์และMagic Society ด้านในนั้นกว้างกว่าที่เห็นภายนอกมากนั้นด้วยเวทย์ขยาย ดังนั้นมันจึงมีห้องพักรองรับจอมเวทย์ได้ถึงพันกว่าคน

แน่นอน การที่จะพักในห้องส่วนตัวนั้นเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเมื่อบุคคลผู้นั้นเป็นจอมเวทย์ระดับปรมาจารย์

หลังจากการรับประทานอาหารเริ่มขึ้น การสนทนาระหว่างสองคนก็ได้เริ่มขึ้น

“…ดังนั้น นั่นคือเรื่องที่เกิดขึ้นสินะ”

วินซ์ได้ฟังเรื่องราวอย่างจริงจังและรู้สึกประหลาดใจ

มันเป็นเวลาเพียงแค่2สัปดาห์ตั้งแต่การแข่งขันของธีโอเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าผู้เป็นเจ้าของความตะกละนั้นจะไม่สามารถมีชีวิตที่ปกติได้ เมื่อธีโอเดินทางกลับบ้านเขาก็พบกับเอลเดอร์ดิชและหนังสือเวทย์โบราณทันที

หลังจากที่ธีโอเล่าเรื่องเสร็จแล้วเขาก็ก้มหัวลงและขอโทษกับวินซ์ว่า “ผมขอโทษด้วยมาสเตอร์ แต่กระเป๋ามิติที่ผมยืมมานั้น....”

“ไม่ต้องพูด มันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว มันจะเป็นหายนะอย่างมากถ้าหนังสือเล่มนั้นยังคงอยู่ต่อไปเรื่อยๆ หากปัญหาทั้งหมดนั้นสามารถแก้ไขด้วยกระเป๋ามิติแล้วละก็มันไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดีเลย และกระเป๋ามิตินั้นฝ่าบาทก็ได้ทรงมอบใบใหม่ให้แล้ว”วินซ์ชื่นชมการตัดสินใจของธีโอ

แม้จะเป็นการยืมพลังจากหนังสือเวทย์โบราณเช่นความตะกละ แต่ความจริงที่ว่ามิลเลอร์ บารอนี่ ก็ได้ถูกปกป้องไว้โดยธีโอนั้นคือเรื่องจริง

นี่เป็นความสำเร็จที่กล้าหาญซึ่งได้ช่วยชีวิตผู้คนนับร้อยและป้องกันไม่ให้เกิดภัยพิบัติ จะไม่มีคนโง่ที่ไหนดูหมิ่นธีโอเพียงเพราะกระเป๋ามิติหนึ่งใบ

วินซ์ต้องการทำให้ธีโอสงบอารมณ์ เขาจึงเปลี่ยนเรื่องพูดคุย “ฉันไม่รู้ว่าทำไมผู้นำหอคอยถึงชอบเธอนัก เธอมัมีอารมณ์ที่แปรปรวน ไม่มีใครเข้าใจความคิดของเธอ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผู้คนจะเข้าใกล้เธอ”

“…เป็นอย่างงั้นหรอครับ?” ท่าทางของธีโอได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

ทันทีที่เขาพบเธอครั้งแรก เธอก็เอาแขนมาพาดไหล่และลากเขาไปแล้ว เธอไม่ได้แสดงความใม่ชอบต่อซิลเวียหรือวินซ์ เธอแค่ดูเหมือนจะสนใจธีโอมากกว่า

อย่างไรก็ตาม วินซ์นั้นพูดอย่างจริงจังว่า “แรงกดดันที่เธอปล่อยออกมานั้นคล้ายกับมังกร และเธอต้องใช้เวลานานกว่าจะรู้จักหรือจำใครบางคนได้ ในกรณีของฉัน ฉันต้องใช้เวลาถึงสองปีกว่าเธอจะเรียกชื่อฉันได้”

“ปะ-แปลกจังเลยนะครับ”

“นั่นไม่ใช่แค่ฉันแต่เป็นกับทุกคน”วินซ์พูดกับเขา ก่อนที่จะหันไปมองหนังสือของธีโอและกระซิบกับเขา “มันคือบทเพลงแห่งสงครามใช่ไหม?ฉันเคยอ่านมันเมื่อ10ปีก่อน”

“มาสเตอร์เคยอ่านมันด้วยงั้นหรอครับ?”

“แน่นอน มันเป็นการต่อสู้ระยะประชิดที่น่าสนใจอย่างมาก แม้ว่าจะไม่สามารถใช้งานมันได้บ่อย แต่มันถือเป็นไพ่ลับได้เลยทีเดียว”

หนังสือที่อยู่ในหอสมุดแห่งชาตินั้นไม่สามารถทำสำเนาได้ก็จริงเนื่องจากมันมีพลังพิเศษที่ไม่สามารถก๊อปปี้ได้ แต่มันไม่ใช่ปัญหาที่จะเขียนคัดลอกความรู้เนื้อหาในหนังสือมา

หนังสือที่ถูกเก็บไว้ในหอสมุดแห่งชาติ นั้นล้วนเป็นหนังสือต้นฉบับทั้งสิ้น แต่ความรู้ส่วนใหญ่ก็ได้แพร่กระจายโดยการคัดลอกเนื้อหาในหนังสือออกไป แน่นอนว่ามีหนังสือต้องห้าม และคนที่อ่านพวกมันได้มีเพียงผู้นำหอคอยเวทมนต์และกษัตริย์เท่านั้น

วินซ์ได้เรียนรู้บทเพลงแห่งสงครามและสามารถท่องมันได้ทุกคำ ควาสามารถในการจำของจอมเวทย์ระดับปรมาจารย์นั้นไม่ใช่อะไรที่จะลืมได้ในเวลาสั้นๆ

“ถ้าเธอไม่เข้าใจในส่วนไหน เธอสามารถมาถามฉันได้ ฉันไม่รุ้ว่าเธอจะได้อะไรจากหนังสือเล่มนี้ แต่ฉันสามารถจำได้ทุกเรื่องในเล่มนี้”

“ขอบคุณครับ”

“เธอจะเข้าร่วมกับRed Tower ไหม?” คำถามของวินซ์อาจจะฟังดูแปลกๆ แต่ในความเป็นจริงศิษย์กับอาจารย์นั้นไม่จำเป็นต้องอยู่ในหอคอยเดียวกัน แม้มันจะถูกแบ่งออกเป็น4หอคอยเวทมนต์ แต่ทั้งหมดก็คือMagic Society ดังนั้นพวกเขาก็คือกลุ่มเดียวกันนั่นเอง

จอมเวทย์ทุกคนมีสิทธิ์เลือกที่จะอยู่ในหอคอยที่เต้องการและธีโอก็ได้เลือกRed Tower“ครับ ผมต้องการเข้าร่วมกับRed Tower”

เขานั้นสนใจในYellow Tower มากเนื่องจากเขามีพันธสัญญากับมิตราที่เป็นธาตุดิน ดังนั้นเขาจึงคิดว่าYellow Tower นั้นดีที่สุด อย่างไรก็ตามเขาก็ล้มเลิกความคิดนั้นตั้งแต่ได้พบกับเอลเดอร์ลิชที่แสนทรงพลัง ธีโอมีลางสังหรณ์ว่าชีวิตของเขาจะไม่มีวันปกติเช่นคนธรรมดา

‘พลังเป็นสิ่งที่จำเป็น ถ้าฉันไม่แข็งแกร่งกว่านี้ ฉันจะถูกครอบงำโดยหนังสือเวทย์โบราณ คราวนี้ฉันสามารถรอดจากสถานการณ์ได้ แต่ฉันไม่ควรคาดหวังในโชคชะตามากเกินไป!

ตั้งแต่แรก ธีโอนั้นไม่ต้องการที่จะเป็นนักวิจัย เขาต้องการมีชีวิตเหมือนกับจอมเวทย์ที่ชอบผจญภัยที่เขาเคยอ่านหนังสือในวัยเด็ก ธีโอต้องการช่วยผู้คนและหาสมบัติ....เขาเคยหมกหมุ่นกับเรื่องเช่นนี้

หลังจากที่เขาได้พบกับหนังสือเวทย์โบราณ ความตะกละ เขาก็คิดว่าฝันของเขาได้เป็นจริงแล้ว แต่ในท้ายที่สุดเขาก็เป็นแค่จอมเวทย์อ่อนหัดเท่นั้น

ตามความปราถนาของธีโอ วินซ์ได้พยักหน้า “โอเคร ฉันจะไปยื่นเรื่องนำเธอเข้าร่วมกับRed Towerให้เองและเนื่องจากเธอเป็นจอมเวทย์ระดับทั่วไปแล้ว เธอจะได้รับห้องส่วนตัวภายในRed Tower”

“ขอบคุณครับ มาสเตอร์”

“ไม่เป็นไร งั้นฉันไปก่อนนะ”

เมื่อวินซ์เดินออกจากห้องไป ธีโอก็ได้เปิด บทเพลงแห่งสงคราม “อืม....มีคำพูดที่คลุมเครืออยู่เยอะเลย”

ดูเหมือนว่าเรื่องเล่าที่บอกว่า บทเพลงแห่งสงครามนั้นได้มาจากจอมเวทย์ต่างชาติจะเป็นเรื่องจริง เนื่องจากมีคำแปลกๆมากมายถูกผสมลงในเพลงนี้ ดังนั้นการแปลคำบางคำจึงเป็นเรื่องยาก มันเป็นหนังสือที่คุ้มค่าที่จะถูกเก็บไว้ในหอสมุดแห่งชาติ แต่มันก็ไม่เกินความเข้าใจของธีโอ

ดวงตาของเขาจดจ่ออยู่กับตัวอักษรบนหนังสือและเริ่มขยับไปมา

‘พลังงานของชีวิตไหลอยู่ในร่างกายเช่นเดียวกับพลังเวทย์และพลังออร่า ประสิทธิภาพของร่างกายจะเปลี่ยนแปลงไปขึ้นอยู่กับกระแสทิศทางที่พลังได้ไหลและเวทมนต์ที่ได้อธิบายไว้ในหนังสือเล่มนี้มีจุดมุ่งหมายที่จะนำการเปลี่ยนแปลงนี่ไปใช้....’

ในห้องที่มีแต่ความเงียบ มันเปรียบได้กับสรวงสวรรค์สำหรับจอมเวทย์ที่แสวงหาภูมิปัญญา จิตสำนึกของเขาได้จมลงไปในหนังสือ ถ้าเขาสามารถที่จะใช้ความสามารถในการประเมินตัวเองได้ เขาจะได้เหนการเพิ่มขึ้นของระดับความเข้าใจของเขาที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วได้

95% คือตัวเลขขั้นต่ำของความเข้าใจที่จำเป็นในการดึงแก่นแท้ของหนังสือออกมา มันเป็นระดับที่เรียกได้ว่า สูงมาก เมือ่ธีโอได้หยุดอ่าน เขาก็อ่านหนังสือมาได้ครึ่งเล่มแล้ว การรวมกันของคำศัพท์ที่แปลกใหม่และความรู้พิเศษ ได้ลดสมาธิของเขาลง

อย่างไรก็ตามเขาได้เลือกที่จะผลักดันตัวเองเพื่อที่จะเรียนรู้สิ่งแปลกใหม่ ซึ่งแตกต่างจากเวทมนต์ที่เขารู้อยู่แล้ว

***

และในวันที่6 ในที่สุดธีโอดอร์ก็ได้วางหนังสือลง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด