ตอนที่แล้วตอนที่ 146 – ชัยชนะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 148 – ทหารออกโรง

ตอนที่ 147 – โต้กลับยามเหนื่อยล้า


ตอนที่ 147 – โต้กลับยามเหนื่อยล้า

 

ภายใต้ความเงียบ มีเพียงเสียงพึมพำของหลิงซูที่ลอยอยู่ในสายลม

“อาจารย์ ข้า...ข้าทำสำเร็จแล้ว...”

หลิงซูราวกับท่อนไม้ล้มลงบนพื้นก่อเกิดฝุ่นดินขึ้นมา

ถังเทียนตกใจและพุ่งเข้าไปหาหลิงซู แต่ขาของเขาไร้เรี่ยวแรงและเขาก็ล้มลงไปบนพื้น ร่างของเขารู้สึกเบาโหวง ปราศจากกำลังแม้แต่นิด ใบหน้าของเขากระแทกไปบนพื้นรู้สึกเจ็บปวดทรมาน

บัดซบ!

“เขาไม่เป็นไร แค่เพียงหมดแรงเท่านั้น” น้ำเสียงมู่เหลยดังมาจากที่ที่หลิงซูอยู่

ถังเทียนพลันโล่งอก เขาที่ล้มอยู่บนพื้นคร้านที่จะเคลื่อนไหวอีกต่อไป

ชนะงั้นหรอ? พวกเขาเอาชนะได้จริงๆ!

ใบหน้าของถังเทียนเต็มไปด้วยดิน แนบอยู่กับพื้นหัวร่ออย่างโง่งม เขามิรู้ว่าจะอดกลั้นความรู้สึกนี้ได้เช่นไรและมิรู้ว่าจะต้องฉลองชัยชนะที่ยากลำบากเช่นนี้เช่นไร เขาไร้เรี่ยวแรงอย่างสิ้นเชิง

“อี้อี้ อ๊าอ๊า!”

เสียงเรียกที่คุ้นเคยดังเข้าหูเขา ถังเทียนพลันเปิดตาขึ้น

หยาหยา?

โดยไม่รู้ตัวหยาหยาก็พุ่งมาที่ใบหน้าของเขา มันโบกสะบัดแขนน้อยของมัน ร้องเรียกอู่อี้ สีหน้าของมันเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

“หยาหยา เจ้าต้องหัดที่จะพูดได้แล้ว...” ถังเทียนพูดกล่าวอย่างอ่อนแรง

หยาหยาพลันคว้าจับที่ผมของถังเทียน แก้มน้อยๆป่องขึ้นและโค้งขึ้นกับดวงตาคู่น้อยที่เบิกกว้าง ร่างถังเทียนเคลื่อนที่เพราะถูกดึง แต่...

“โอ๊ย เจ็บ เจ็บ!”

“เจ้าตัวบัดซบ รีบปล่อยเดี๋ยวนี้!”

“เจ้าโง่เอ้ย! คอ! ดึงที่คอสิ!”

“ข้าบอกให้เจ้าดึงที่คอ...อ๊า...”

สีหน้าถังเทียนซีดขาว หยาหยาดึงผมและค่อยๆลากถังเทียนตรงไปหากู่เสวี่ย

ร่างเล็กๆของหยาหยามันมีแรงมากกว่าที่ถังเทียนคาดคิด หลังจากที่ลากไปสักพัก หยาหยาก็เริ่มจะวิ่ง

“อี้อี้!” “อ๊าอ๊า!” “อี้อี้!” “อ๊าอ๊า!”

หยาหยาราวกับคนที่กำลังพายเรือ ตะโกนเป็นจังหวะ และวิ่งไปตลอดทาง ลากถังเทียนไปตามซากปรักหักพัง ตามทางที่พวกเขาผ่านมีหินที่แตกอยู่ หยาหยาก็กระโดดเล็กน้อยข้ามมันไป แต่ถังเทียนผู้น่าสงสารกลับกระแทกมันโดยตรง

เกิดรูปดาวเหนือสายตาของถังเทียน เจ้าสารเลวตัวนี้...

ความเร็วของหยาหยารวดเร็วมัน มันไม่ด้อยไปกว้างมู่เหลยเลย

ก่อนที่หลายคนจะทันตอบสนอง หยาหยาก็ลากถังเทียนกลับมาถึงแล้ว

“หยาหยา ไปลากสองคนที่ตายแล้วกลับมาด้วย” ถังเทียนแอบกระซิบ

หยาหยาที่ยืนอยู่หน้าถังเทียนมีสีหน้าสับสยและส่ายหัวน้อยๆของมัน

“พวกมันมีแก่นจิตวิญญาณอยู่ด้วย” ถังเทียนแสดงสีหน้าประมาณว่า ‘เจ้ารู้น่ะว่าข้าหมายความเช่นไร’

นัยน์ตาหยาหยาพลันสว่างวาบราวกับดวงดารา วูบ มันพลันหายไปจากสายตา ต่อมาก็ปรากฏที่ด้านข้างร่างของฮวาซา มือเล็กๆของมันคว้าไปที่ร่างเหยียดขาน้อยของมันและลากร่างฮวาซาขณะที่วิ่งไปยังฮวาหรง

หลังจากที่วิ่งมาที่ด้านข้างฮวาหรง มือน้อยๆอีกข้างก็คว้าร่างฮวาหรงและก้มหน้าก้มตาวิ่งกลับมา

ฝุ่นผงปลิวกระจาย หยาหยาลากร่างทั้งสองที่ไม่สมส่วนกับขนาดของมันเลย แก้มเล็กๆพ่องขึ้น นัยน์ตาของมันเบิกกว้างคล้ายกับว่ามันใช้เรี่ยวแรงทั้งหมด ร่างเล็กๆท่วมท้นทำให้ถังเทียนประทับใจและทำให้เขาตกตะลึงเช่นกัน

หยาหยาลากฮวาซาและฮวาหรงกลับมายังซากปรักหังพังอย่างรวดเร็วจากนั้นร่างของมันก็แผ่ลงบนพื้น ท้องของมันพ่องขึ้นจากการสูดอากาศ

“เจ้าไม่เป็นอะไรนะ”

เสียงเป็นห่วงและกังวลของกู่เสวี่ยดังมาจากเหนือหัวของเขา กู่เสวี่ยคุกเข่าข้างหนึ่งและลงไปสำรวจร่างของถังเทียน

“ข้าไม่เป็นอะไร...” ถังเทียนฝืนหัวร่อออกมา เขารู้สึกถึงมือของกู่เสวี่ยที่เปิดเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริงของเขาขึ้นมา

เมื่อกู่เสวี่ยเห็นหลังถังเทียนสีหน้าของนางก็ซีดขาว นางปิดปากของนางอย่างรวดเร็วและนัยน์ตาพลันเลือนลาง ถังเทียนได้ใช้หลังของเขาทนต่อการโจมตีของฮวาซายี่สิบกระบวนท่า แม้ว่าเขาจะถูกปกป้องโดยชุดเกราะนกยูง เขายังคงมิอาจหลีกเลี่ยงอาการบาดเจ็บได้

หลังของเขาเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ มันมีรูแผลมากมายขนาดเท่าหัวแม่มือ บ้างจับตัวเป็นก้อนแล้ว ของเหล่าพวกแผลที่ทิ่มโดยพลองเขี้ยวหมาป่า

“อ้า มันน่ากลัวมากเลยใช่ไหม แต่มันไม่เป็นอะไรมาก มันเป็นเรื่องเล็ก เพียงแค่อาการบาดเจ็บดูน่ากลัวเท่านั้น พวกมันจะฟื้นฟูหลังจากพักสักสองสามวัน”

ถังเทียนที่นอนแผ่อยู่บนพื้นค่อนข้างดูไม่ค่อยใส่ใจนัก

กู่เสวี่ยควบคุมอารมณ์ของนาง ความทรมานในช่วงเวลานี้มันทำให้นางเติบโตอย่างรวดเร็ว นางเริ่มที่จะเข้าใจ ความเศร้าและสิ้นหวังไม่ได้ช่วยอะไรนางในสถานการณ์นี้

นางหยิบเอาขวดยาขึ้นมาและเริ่มทาให้ถังเทียนอย่างงุ่มง่าม

ถังเทียนรู้สึกหลังของเขาเย็นสบายอย่างยิ่ง หลังจากการต่อสู้ครั้งใหญ่ ความเครียดและกังวลต่างสลายหายไปหมด ความเหนื่อยล้าและไร้กำลังถาโถมเขาราวกับคลื่น จนถังเทียนผลอยหลับไป

ทันใดนั้น มู่เหลยพลันหันขวับจ้องมองอย่างกราดเกรี้ยวไปยังถนนที่ห่างไกล

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

“พวกเขาชนะ...สหายทั้งสองผู้นั้นเอาชนะได้….” มีคนกุมหัวของเขาและจ้องมองไปยังลานสนามอย่างงุนงง สีหน้าของเขาซีดขาวราวกับเขาตื่นตกใจ

ด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก มันดังผิดปกติท่ามกลางความเงียบ

แต่มิมีผู้ใดเอ่ยปากขึ้น ทุกคนต่างกุมหัวของพวกเขา จ้องมองอย่างเหลือเชื่อไปยังถนนที่เละเทะ

พี่น้องฮวาซื่อ...กลับถูกสังหารโดยสองคนที่ไร้ชื่อเสียง...

ช่วงเวลาของแสงสีน้ำเงินและเปลวเพลิงสีเงิน มันยังคงฝังอยู่ภายในความทรงจำของพวกเขา ช่วงเวลาที่ตื่นตานั้น มันราวกับกระบี่ที่ทิ่มแทงเบาๆภายในใจพวกเขาและฝังลึกลงไป

แต่พวกเขาคือพี่น้องฮวาซื่อเชียวนะ...

ฉายาที่เป็นดั่งตำนาน….

มิว่าเป็นใครก็ต้องสยบต่อความหวาดกลัวหรือความหวาดหวั่น มิมีผู้ใดปฏิเสธความสามารถพวกเขาได้ ทุกคนที่ชมต่างเห็นด้วยอย่างไร้ข้อกังขา นั่นคือการต่อสู้ที่ห่างชั่นความสามารถอย่างมาก ถังเทียนและหลิงซูมิมีโอกาสที่จะชนะ มิมีหนทางใดๆทั้งนั้น ความเห็นทุกคนมีเพียงแค่พวกเขาจะทนทานได้นานเพียงใดเท่านั้น และสิ่งที่น่าตื่นตาที่พี่น้องฮวาซื่อจะแสดงให้ดูเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม...ผลลัพธ์ของการต่อสู้ ทำให้ทุกคนตกตะลึงและเงียบกริบ

กู่อู่ตกใจเขาสั่นสะท้าน “เขา...เขาเอาชนะได้...”

สีหน้าของกู่อันสงตอนนี้เศร้าหมอง แขนขาของเขาเย็นเยียบ เขามิต้องการให้ผู้อาวุโสสูงสุดได้ตัวกู่เสวี่ยไป แต่อย่างไรก็ตามผลลัพธ์เบื้องหน้าสายตาเขาทำให้เขายิ่งหงุดหงิดเข้าไปอีก การได้ตัวกู่เสวี่ยมีเพียงแค่ทำให้ตระกูลหลักแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น แต่ความขัดแย้งของเขาและกู่เสวี่ยมันมิมีทางที่จะเป็นตัวเชื่อมได้เลย

กู่เสวี่ยมีคนช่วยคุ้มครองสองคน จากนั้นเขาและตระกูลของเขาจะต้องมีเพียงผลลัพธ์เดียวคือ ความตาย!

ไม่! ไม่มีทาง! เขาใช้ความพยายามไปอย่างมากถึงยี่สิบปีเต็ม ก่อนที่เขาจะขึ้นมาตำแหน่งนี้ได้! เขาจะมาตายอย่างง่ายดายเช่นนี้ได้อย่างไร?

นัยน์ตากู่อันสงเปิดเผยแวตาบ้าคลั่ง เขาขบฟันและประกาศกร้าว “รวบรวมผู้คน ต้องใช้โอกาสนี้จัดการพวกเขาในตอนนี้!”

กู่อู่ตกใจกับคำกล่าวของกู่อันสง “ท่านบ้าไปแล้ว! พวกเขาสามารถจัดการแม้กระทั่งพี่น้องฮวาซื่อ..”

“หุบปาก!” กู่อันสงคำรามอย่างโมโห เขาราวกับอสูรที่จนตรอก “รอจนพวกมันฟื้นฟู จากนั้นพวกเราก็คงจบสิ้นแล้ว! คิดว่ากู่เสวี่ยจะปล่อยเจ้าไปงั้นหรือ?”

สีหน้ากู่อันซีดขาว

“ไปสิ! ไปรวบรวมผู้คนมา!” กู่อันสงเปิดเผยกลิ่นอายสังหาร “พวกมันจะต้องเหนื่อยล้าอยู่จากสังหารพี่น้องฮวาซื่อ! เวลานี้เป็นเวลาที่พวกมันอ่อนแอ ต้าเหว่ย เจ้าคอยจัดการมู่เหลย! ถ้าพวกเรามิสังหารพวกมันในวันนี้ พวกเราทั้งหมดจะต้องตายตกแน่! ข้าจะไปหาผู้อาวุโสสูงสุดก่อน ถ้าเขามิต้องการที่จะตาย เขาจะต้องร่วมมือกับพวกเราแน่!”

สีหน้ากู่อู่และต้าเหว่ยขาวซีด

“เร็วเข้า!” กู่อันสงตะโกนอย่างกราดเกรี้ยวไปยังพวกเขาทั้งสอง

พวกเขาทั้งสองพลันฟื้นสติจากนั้นก็รีบเร่งไปทันที

ไม่ช้าคนของผู้อาวุโสสูงสุดก็รวมรวบเช่นเดียวกัน เขารู้ว่าเขาล่วงเกินกู่เสวี่ยและหลิงซูเอาไว้แล้วครานี้ ถ้าเขามิใช้โอกาสจัดการพวกเขาในตอนนี้ เขาและตระกูลของเขาจะต้องจบสิ้นแน่ ภายในเมืองภูเขาทมิฬ มิมีผู้ใดสามารถเป็นคู่มือของถังเทียนและหลิงซูได้

กู่อันสงและผู้อาวุโสสูงสุดต่างร่วมมือกัน นักสู้มากมายเริ่มรวมตัวกันที่สุดถนน

จุดดำของฝูงชนราวกับคลื่นถาโถม

นี่มันเป็นเพียงโอกาสเดียวของพวกเขา มันเป็นโอกาสเดียวที่พวกเขาจะรอดชีวิตไปได้!

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

มู่เหลยมองเห็นกระแสนักสู้อันไร้ที่สิ้นสุดปรากฏที่สุดถนน ท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไปทันที แทบจะทันทีเขาพลันเข้าใจเจตนาของผู้อาวุโสสูงสุดและกู่อันสง พวกเขาต้องการที่จะพลิกกระดานใช้โอกาสความได้เปรียบตอนที่ถังเทียนและหลิงซูกำลังเหนื่อยล้า!

บัดซบ!

เขาพบเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยสองสามคน เหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดของกู่อันสงและผู้อาวุโสสูงสุด พวกเขาเหินมาอย่างบ้าคลั่งตามถนน แต่ละคนมีสีหน้าที่โหดเหี้ยม ทั้งสองฝ่ายต่างร่วมมือกัน ทุ่มเทหมดหน้าตัก

สีหน้ากู่เสวี่ยพลันซีดขาว นางสามารถคาดเดาศัตรูได้เลยว่า นี่มันคือการโจมตีครั้งสุดท้ายของพวกเขา

นางมิได้สูญเสียความสุขุมและพลันตะโกน “ลุงมู่พาพวกเขาหนีไป!”

มู่เหลยพลันตอบกลับ “แต่ว่า...”

“เห็นสีหน้าของนักสู้ที่เข้าใกล้มาแล้ว สีหน้าพวกเขาบ้าคลั่งและดุร้าย คุณหนู ผู้คนเหล่านี้ ผู้คนเหล่านี้มันบ้าไปแล้ว! ถ้าพวกเขามิมาโจมตีพวกเขาจะต้องมาระบายความโกรธที่คุณหนูเป็นแน่...”

“ลุงมู่!” กู่เสวี่ยพลันคำรามไปยังมู่เหลยสุดกำลังของนาง

นัยน์ตาของคุณหนูเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นราวกับมันเปล่งประกายอยู่

มู่เหลยขบฟันแน่นและพุ่งไปยังถังเทียน

กู่เสวี่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางกังวลอย่างมากว่าลุงมู่จะลังเลอย่างมากในช่วงเวลานี้ สายตาของนางไปหยุดที่ถังเทียนที่นอนแผ่อยู่บนพื้น มิสาเหตุใดนางถึงรู้สึกอบอุ่น ปราศจากความกลัว มีแต่เพียงความสงบเท่านั้น มันมิใช่ว่านางจะไม่รู้ว่าผู้คนเหล่านั้นกำลังบ้าคลั่ง ถ้านางตกอยู่ภายใต้เงื้อมมือพวกเขา นางต้องทุกข์ทรมาน อย่างไรก็ตามรอยยิ้มยกขึ้นบนใบหน้างดงามของนาง

ข้าหวังว่าเจ้าจะรอดชีวิต...

บุรุษหนุ่มเทพ เจ้าจะมาตายที่นี้ได้เยี่ยงไรกัน? เจ้ามีความใฝ่ฝันที่ยิ่งใหญ่ เจ้าจำเป็นต้องไปตามหาเชี่ยนฮุ่ยของเจ้า...

น่าเสียดายนัก เจ้ามิสามารถเห็นข้ากระตุ้นเปิดเส้นชีพจรโลหิตของข้าได้...

ถังเทียน ข้าขอบใจเจ้ามาก

เสียงกระซิบราวกับสายลมพาดผ่านจากใจของกู่เสวี่ย

มู่เหลยพุ่งไปด้านข้างถังเทียนราวกับสายลม ขณะที่เขากำลังจะสัมผัสร่างของถังเทียน จู่ๆเสียงก็ดังขึ้นมาเข้าในหูเขา ร่างใหญ่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขาบดบังสายตาของเขา

“อย่าได้แตะต้องเขา”

มู่เหลยได้ยินเสียงมาจากเบื้องหน้าเขา มันคือจิตวิญญาณขุนพลของถังเทียน

เบื้องหน้ามู่เหลยพลันมืดลง เกิดเง่าปกคลุมตัวเขา ร่างของเขาพลันแข็งค้าง และเขาหันหัวไปมองอย่างตกใจ

ร่างใหย่ของเครื่องกลไกทองแดงปรากฏขึ้น บดบังแสงดวงตะวัน ทองแดงอันเย็นเยียบและเงางาม นำพาความหนาวเย็นและกลิ่นอายจะสนามรบที่ผ่านมาหลายปีและเหยียบย่ำบนพื้นดินนี้

ครึก ครืน ครึก ครืน

ขาขนาดใหญ่อันหนักแน่นของพยัคฆ์เขี้ยวดาบค่อยย่างก้าวไปบนพื้น ราวกับรัวกลองรบค่อยๆดังขึ้น

เขาเดินข้ามไปยังเส้นที่หลิงซูกรีดเอาไว้

***********************************************************

ติ ชม รับข่าวสารได้ที่ แฟนเพจ ได้เลย และกดไลค์เพื่อเป็นกำลังใจด้วยครับ

0 0 โหวต
Article Rating
5 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด