ตอนที่แล้วตอนที่ 4 สร้อยรูปงู
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 6 เจอกันอีกเเล้วนะ

ตอนที่ 5 เมืองปีศาจ


 

 

"ทำไมนายต้องจับฉันมาไว้เเบบนี้ด้วยล่ะ ปล่อยฉันออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ"

 

 

ฉันพูดออกมาเพื่อพยายามทำให้เขาใจอ่อนปล่อยฉันไป เเต่ว่าสีหน้าของเขากลับไม่สนใจฉันสักนิดเลย เขามองฉันเรื่อยๆเเละยังมองอย่างนั้นอยู่ตลอด

 

 

"ถ้านายไม่ปล่อยฉันฉันจะไม่บอกที่ซ่อนของสร้อยรูปงูเผือกที่ฉันเอามาด้วยเด็ดขาดเลย"

 

 

สิ่งที่ฉันพูดทำให้เขายื่นขึ้นมาเเล้วเดินมาหาฉันในทันที

 

 

"อะไรนะเธอเอาสร้อยรูปงูออกมาด้วยอย่างนั้นหรอ?"

 

 

ฉันไม่ได้พูดอะไรต่อเขาก็ไม่ได้พูดอะไรเหมือนกัน เขาจับเก้าอี้เเล้วเลื่อนมานั่งใกล้ๆกับฉัน ก่อนจะมองฉันไปเรื่อยๆเเบบนั้นอีกครั้ง

 

 

“เธอบอกฉันมาว่าเธอเอาสร้อยไปไว้ที่ไหน” ฉันเงียบไม่พูดอะไรเหมือนเดิม เเต่คราวนี้เขาไม่ได้นั่งมองฉันกลายเป็นว่าเขาเอามือมาจับที่หน้าของฉันเเทน

 

 

"อย่าดื้อหน่อยเลยบอกฉันมาดีกว่าว่ามันอยู่ที่ไหน ไม่อย่างนั้นฉันจะฆ่าเธอเสียตรงนี้เเหละ"

 

 

เขามองฉันเเล้วยิ้มที่มุมปากก่อนที่จะเอามือออกจากปากของฉัน

 

 

"ฉันจะไม่บอกนายเด็ดขาดถ้านายไม่ยอมปล่อยฉันให้ฉันออกไปจากที่นี่"

 

ทุกอย่างเงียบอีกครั้งหนึ่งสิ่งที่ฉันพูดทำให้เขาหัวเราะออกมาซะงั้น เขาหัวเราะไม่ยอมหยุดเลยตอนนี้ ก่อนที่เขาจะหยุดหัวเราะเเล้วก็หันมามองที่ฉันอีกครั้งหนึ่ง

 

 

"ถ้าเป็นคนอื่นคงจะบอกไปเเล้วนะ เเสดงว่าเธอคงไม่ใช่คนในเมืองกงจิ้นสินะ เเล้วทำไมเธอถึงมาอยู่ที่เมืองกงจิ้นได้ล่ะ ?"

 

 

ทำไมเขาถึงรู้ได้ล่ะว่าฉันไม่ใช่คนของเมืองกงจิ้น ฉันก็ยังคงเงียบยู่่เหมือนเดิมไม่ยอมพูดหรือบอกอะไรเขาเลยเเม้เเต่น้อย เพียงเเต่หันหน้าหนีเขาเท่านั้น

 

 

"นี่จะไม่พูดอะไรกับฉันจริงๆใช่ไหม ?? ก็ได้ฉันจะปล่อยเธอก่อนเเต่ว่าห้ามหนีเด็ดขาดนะถ้าเธอหนีฉันเมื่อไหร่ฉันจะฆ่าเธอทันที"

 

 

เขาใช้มือของเขาเเก้มัดเชือกที่มัดตัวของฉันเอาไว้ ก่อนที่ฉันจะลุกขึ้นเเล้วถอยห่างออกไปจากเขาในทันที

 

 

"ฉันเเก้มัดเธอเเล้วฉะนั้นเธอก็บอกฉันมาได้เเล้วว่าเธอเป็นใครทำไมถึงไม่อยู่ที่เมืองๆนั้นได้"

 

 

ฉันควรจะบอกเขาดีไหมหรือว่าควรจะเงียบเอาไว้ เเต่ว่าคราวนี้ถ้าฉันเงียบอาจจะไม่ได้ลืมตาดูโลกก็ได้นะ

 

 

"ฉันชื่อมะลิอยู่ที่ประเทศไทยฉันไม่ได้อยู่ที่เมืองกงจิ้นอะไรนี่เลยเเม้เเต่น้อยพอใจนายหรือยัง บอกทุกอย่างหมดเเล้วก็ปล่อยให้ฉันหนีได้เเล้วนะ"

 

 

เมื่อฉันพูดจบเขาก็นิ่งไปสักพักก่อนที่จะเริ่มเดินมาหาฉันเรื่อยๆ เดินมาเข้าใกล้ฉันมาเรื่อยๆ

 

 

"นะ...นายจะทำอะไรน่ะ ถอยออกไปนะอย่าเข้ามาใกล้ฉัน"

 

 

เขาเริ่มเดินเข้ามาใกล้ฉันเเละฉันก็ถอยออกจากเขาเเบบนี้ จนกระทั่งฉันชนกับประตูที่อยู่ด้านหลังของฉันส่วนเขาก็เริ่มเอาหน้าเข้ามาใกล้ฉันจมูกของเขามันมาโดนที่จมูกของฉัน ไม่ไหวเเล้วเมื่อเป็นเช่นนั้นฉันจึงหันหน้าหนีเขาในทันที เเต่เเล้วเขาก็เปิดประตูข้างหลังของฉันออกทำให้ฉันหงายหลังลงไป แต่เหมือนกับว่ามีคนมารับฉันเอาไว้ทำให้ฉันไม่ตกลงพื้นไปไม่งั้นคงเจ็บมากแน่ๆเลย ฉันมองไปข้างหลังของฉันว่าใครกันที่เป็นคนพยุงฉันเอาไว้ไม่ให้ฉันล้มลงไป

 

“มนุษย์จริงๆด้วยฉันก็ว่าอยู่ทำไมฉันถึงได้กลิ่นมนุษย์ เอ๊ะ!นายท่านนี่นาขออภัยค่ะนายท่านคือว่าฉันตามหล่อนไม่ทันจริงๆค่ะ ได้โปรดยกโทษให้ฉันด้วยนะคะนายท่านที่ทำให้นางนี่หลุดมือไปได้ แล้วต้องมาเสียเวลากับนายท่าน เอิ่ม. . .จะเอายังไงกับผู้หญิงคนนี้ดีคะควรจะจับมันไปทำแกงต้มเนื้อมนุษย์คงอร่อยน่าดูเลยค่ะ”

 

เดี๋ยวนะหล่อนจะเอาฉันไปต้มเป็นแกงต้มมนุษย์หรอ ฉันตายแล้วยังจะเอาฉันไปกินอีกหรอ ฉันสะบัดตัวออกจากเธอในทันทีแล้วก็เดินถอยออกไปหลบตรงกำแพงข้างๆ เขายิ้มออกมาเบาๆก่อนที่จะมองไปที่ผู้หญิงหน้าสุนัขคนนั้น

 

“เอาตัวหล่อนขึ้นมาแล้วพามาที่ห้องส่วนกลางของฉันด้วย ใส่โซ่ล๊อกมือล๊อกเท้าอย่าให้หนีไปได้เด็ดขาดเลยไม่อย่างนั้นฉันจะเอาเธอลงสู่นรกอีกครั้งนะโซฟี”

 

เดี๋ยวก่อนๆพวกเขาจะพาฉันไปไหน จะพาฉันไปปรุงอาหารใช่ไหมด้วยเนื้อของฉันหรือเปล่า ไม่นะไม่เอานะฉันยังไม่อยากตายที่นี่ไม่ใช่สิฉันยังไม่อยากเป็นอาหารของใครฉันยังอยากจะอยู่กับพ่อแม่ของฉันอยู่ จากนั้นผู้หญิงหน้าสุนัขคนนี้ก็ยกฉันขึ้นพร้อมกับมีอีกหลายหน้าพากันมายกฉันขึ้นแล้วนำโซ่หรือที่ล๊อกมือมาล๊อกมือของฉันขาของฉันเอาไว้ ก่อนจะปล่อยให้ฉันนั่งรออยู่ตรงห้องส่วนกลางอะไรนี่ เป็นห้องที่โล่งมากไม่มีอะไรเลยนอกจากมีเก้าอี้ตัวเดียวอยู่ท้ายห้องเป็นเก้าอี้กระดูกผสมกับสีดำ เเล้วไอ้กระดูกนั่นเหมือนกระดูกคนที่ห้องวิทยาศาสตร์เลย พอมองเเล้วหลอนมาก ฉันรอเวลาสักพักชายคนนั้นก็เดินออกมาจากห้องด้านหลังของเก้าอี้เเล้วเดินมานั่งที่เก้าอี้นั่น ก่อนจะมีอีกคนหนึ่งที่เดินมายืนข้างๆกับผู้ชายคนนั้น

 

“เอาล่ะฉันขอถามอะไรเธอหน่อยสิ เธอมาที่นี่ได้อย่างไรแล้วทำไมถึงมาที่นี่ได้บอกฉันมา”

 

ทุกคนในห้องต่างพากันมองฉันเเล้วซุบซิบกันเหมือนกับว่าไม่เคยเจอเเบบนี้มาก่อน

 

“ฉันไม่ได้อยู่ที่นี่ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่ที่ไหน ฉันแค่อ่านไอ้กำไลสีดำเนี่ยแล้วอยู่ๆฉันก็ไปโผล่ที่เมืองกงจิ้นอะไรนั่น แล้วฉันก็ไปพบกับคนมากมายจากนั้นเขาก็ขังฉันไว้ในหอคอยบ้าบอคอแตก แล้วอยู่ๆฉันก็มาเจอนกยักษ์ไล่กินคน เห็นต่อหน้าต่อตาว่ามีคนตายแล้วเจอซอกอะไรไม่รู้ ฉันก็เข้ามาที่นี่ แล้วก็เห็นคนทำอะไรกันในห้องสีเหลี่ยมนั่น แล้วก็วิ่งไปวิ่งมาจนมาเจอนายเนี่ยแหละ ซึ่งนายกับผู้หญิงคนหนึ่งก็อยู่ในนั้นด้วยไอ้ห้องนั้นน่ะ”

 

ฉันปี๊ดแตกมากตอนนี้ สติของฉันไม่อยู่กับเนื้อกับตัวคือมันเหนื่อยมาก วิ่งมาทั้งวันเจอกับอะไรหลายอย่างที่ฉันไม่คิดอยากจะเจอเลยด้วยซ้ำ ทำไมฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้ ถ้าไม่ได้ไอ้กำไลบ้านั่นมาคงได้อยู่สุขสบายในบ้านของฉันเองแล้วแท้ๆ

 

“กำไลดำอย่างนั้นหรือ. . ไม่จริงน่ะคนอย่างเธอเนี่ยนะจะได้มันมาจากเขา เหอะเเล้วทำไมเขาต้องไปเลือกมนุษย์ที่เเสนจะบอบบางเเละอ่อนเเอร์เเบบนี้มาด้วยล่ะเนี่ย ช่างมันเถอะ งั้นทุกคนฉันขอเวลาคุยกับผู้หญิงคนนี้สักพักให้ทุกคนออกไปจากที่นี่ทุกคน รวมถึงนายด้วยมาคาโอ”

 

จากนั้นทุกคนก้มหัวลงแล้วก็เดินออกไปจากประตูด้านหลังของฉัน ทุกอย่าเงียบลงเขายืนขึ้นมา แล้วเดินมาหาฉันก่อนที่จะเดินไปรอบๆตัวของฉันแล้วมาหยุดที่หน้าของฉัน เขาก้มหน้าลงมาใกล้ๆหน้าฉัน ฉันเลยหันหน้าออกจากเขามันใกล้เกินไปทำให้ฉันไม่กล้ามองหน้าของเขาเลย

 

“หึหึ ได้กำไลมาจริงๆด้วยเเฮะอะไรไปดลบันดาลใจให้เขาให้กำไลเธอมากัน ต้องมาเป็นภาระของฉันอีกสินะ”

 

ภาระหรอ? เมื่อฉันได้ยินเเบบนั้นทำให้ฉันหันไปมองหน้าของเขาเเล้วเราสองคนก็สบตากัน //วิ๊ง// เมื่อตะกี้มันเกิดอะไรขึ้นอยู่ๆก็มีภาพอะไรบางอย่างเข้ามาในหัวของฉัน เเค่เเว๊บเดียวเท่านั้นเอง

 

 

“มะ..เมื่อตะกี้มันอะไรกัน เธอมีพลังด้วยอย่างนั้นหรือ ???”

 

อะไรของเขาพลังอะไรกันฉันยังไม่ทันได้ทำอะไรเขาเลยนี่นา

 

 

"พลังอะไรของนายฉันไม่รู้เรื่องเลย ??"

 

เขาดูผิดปกติไปจากตอนเเรกดูลนๆยังไงก็ไม่รู้ จากนั้นเขาก็หันหลังให้กับฉันเเล้วเดินวนไปวนมาสักพักก่อนจะหันกลับมาหาฉัน

 

"เปล่าช่างมันเถอะไม่มีอะไรทั้งนั้นเเหละ"

 

อะไรของเขาฉันงงกับเขาไปหมดเเล้ว

 

"ถ้านายอยากจะฆ่าฉันก็ฆ่ามันตอนนี้เลย ขอเเบบไม่ทรมานนะเพราะถึงอย่างไรฉันก็ไม่มีข้อมูลอะไรให้นายอยู่เเล้ว เเถมฉันไม่มีอะไรให้กับนายอีกอยากได้อะไรก็ฆ่าฉันเเล้วเอาไปเลย"

 

ฉันทนไม่ไหวเเล้วฉันรู้ว่ายังไงเขาก็จะฆ่าฉันทิ้งอยู่ดีฉันจึงพูดเเบบนั้นออกมา

 

“ฉันยังไม่ฆ่าเธอตอนนี้หรอกนะ ฉันมีข้อเเลกเปลี่ยนให้กับเธอต่างหากมีอยู่เเค่สองข้อเท่านั้น ข้อเสนอเเรกก็คือให้เธอมาเป็นคนรับใช้ที่นี่ กับข้อเสนอที่สองก็คือฉันจะฆ่าเธอเเละทรมานเธอให้ตาย ว่าอย่างไรล่ะฉันให้เธอเลือก”

 

ฉันคิดกับข้อเเลกเปลี่ยนของเขา เเต่ว่าถ้าเกิดฉันเข้าไปเป็นคนใช้ของเขามีหวังโดนใช้เเล้วใช้อีกเเน่ๆเลย ฉันควรจะทำอย่างไรดีล่ะ . . . ใช่สิต้องทำให้เขาตายใจก่อนเเล้วจึงค่อยวิ่งหนีเขาออกไปจากที่นี่ก็ได้นี่นา

 

“ฉันจะเชื่อนายได้อย่างไรกัน ฉันคงต้องคิดเรื่องข้อเเลกเปลี่ยนก่อนสักพัก เพราะเห็นเเล้วว่านายคงจะเป็นคนที่อำมหิตเเละบ้าอำนาจเเน่ๆ ตอนที่ฉันเเอบฟังนายนายดูเหมือนไม่สนใจคนพวกนั้นเลยเเม้เเต่น้อยหัวใจของนายมันตายด้านหรือยังไงกันที่เห็นการฆ่าคนเป็นเรื่องธรรมดา หลายคนคงเป็นคนที่บริสุทธิ์สินะที่นายได้ฆ่าไปน่ะ”

 

ดูเหมือนเขาจะอึ้งนิดๆกับสิ่งที่ฉันพูดไป เพราะมันเป็นความจริงที่เขาควรรับรู้ก่อนจะฆ่าฉัน ฉันรู้ว่าเขาก็มีหัวใจอยู่เหมือนกัน ถึงแม้เขาจะไม่ใช่มนุษย์อย่างฉันก็เถอะนะหรือเขาจะฆ่าคนมามากเท่าไหร่ก็ตามแต่นะ

 

“งั้นฉันจะพาเธอดูอะไรบางอย่างเเล้วเธอจะรู้ว่าฉันทำมันไปเพราะเหตุผลบางอย่าง”

 

จากนั้นแสงสว่างสีม่วงได้บังเกิดขึ้นเป็นวงกลมรอบๆตัวของฉันกับตัวของเขา แล้วทุกอย่างก็สว่างจ้าเป็นสีขาว ทำให้ฉันมองไม่เห็นเเถมเสียงลมที่อัดหูของฉันก็ดังเอามากๆทำให้ฉันไม่ได้ยินเช่นกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น เสียงทุกอย่างเงียบลงความสว่างนั้นหายไปกลายเป็นสถานที่ๆหนึ่ง เสียงม้าได้ดังขึ้นทำให้ฉันหันไปดูทางที่ม้ากำลังเดินมา ม้าเดินมาเป็นขบวนพร้อมกับทหารอีกมากมาย และข้างหลังสิ่งที่ฉันเห็นและไม่เคยคิดมาก่อน ฉันเห็นผู้คนมากมายทั้งผู้หญิงและผู้ชายถูกเชือกมัดไว้กับมือแล้วพาลากไปอย่างไม่ใยดีให้เดินตามไป ใครเดินตามไม่ทันก็โดนเอาแซ่มาตี บางคนตายก็ปล่อยไว้กลางทางแบบนั้น คนพวกนี้มันใครกันทำไมถึงโหดร้ายอะไรเช่นนี้ พวกเขาเป็นใครกันแต่ชุดเกาะแบบนั้นเหมือนเคยเห็นที่ไหนสักแห่งหนึ่ง

 

“เธอคงจะเห็นแล้วสินะ นั่นคือพวกของเมืองกงจิ้นเป็นทหารที่เอาเธอมาขังไว้ในหอคอยนรหของฉันไง พวกนี้มันไม่ต่างอะไรกับสัตว์เดรัจฉานหรอกนะเพียงแต่มันทำให้มันดูดีในภายนอก แต่ภายในของมันกลับไม่เป็นอย่างที่เธอคิดหรอกนะ เธอก็เป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาเธอจะสู้อะไรกับคนพวกนั้นได้ ฉันทำให้เธอได้รู้เพียงเท่านี้ถ้าเธอคิดว่านี่มันอาจจะไม่ใช่เรื่องจริง เป็นเรื่องที่ฉันได้แต่งเสริมเข้ามาในรูปลักษ์ที่เธอได้เห็นก่อนหน้านี้ ฉันจะปล่อยเธอไปสู่เมืองกงจิ้นให้เธอได้รู้ว่าคนที่เธอคิดว่าดีนักดีหนา มันก็ไม่ได้ต่างอะไรจากสัตว์มากนักหรอกหรือถ้าเธอคิดว่าเธอเชื่อฉันล่ะก็ ฉันอาจจะไว้ชีวิตเธอเพราะติดอยู่ว่าเธอสามารถจับกำไลนั้นได้ กำไลที่เธอนำมาก็กำไลนั่นแหละ เธอคงไม่รู้สินะว่ากำไลที่เธอได้มาจากคนๆนั้นน่ะเป็นกำไลทีคนมีพลังจะสามารถจับมันได้เท่านั้น หรือจิตใจเข้มแข็งจริงๆไม่ใช่คนเลวไม่ชั่วช้ามันถึงจะจับได้ เธอคิดยังล่ะจะมาทำงานรับใช้ฉัน หรือว่า..อยากจะไปที่กงจิ้นกัน มีหนทางให้เลือกถ้าเธอไม่อยากจะตายที่นี่หรือในเมืองนั้นและแน่นอนนี่คือเส้นทางการเลือกมีชีวิตของเธอ”

 

ฉันควรจะทำอย่างไรดี. . .ใช่ลองถามเรื่องสร้อยรูปงูก่อนดีกว่าว่ามันมีอะไรดีทำไมเขาถึงดูต้องการมันขนาดนั้น

 

"ฉันอยากจะรู้เกี่ยวกับสร้อยรูปงูเผือกก่อนที่ฉันจะเลือกหน่อยได้ไหม ว่าทำไมนายถึงสนใจมันขนาดนั้นมันมีอะไรดีอย่างนั้นหรอ ?"

 

เขามองมาที่หน้าของฉันเเน่นอนว่าฉันนั้นก็มองหน้าของเขาเหมือนกัน

 

"ฉันจะบอกเธอตรงๆก็ได้พอดีว่าฉันไม่ชอบโกหกใครเสียด้วยสิ ไอ้สร้อยรูปงูนั่นมันมีพลังอะไรบางอย่างอยู่ซึ่งปีศาจอย่างพวกเราก็คาดไม่ถึงเช่นกัน ส่วนที่มาของมันเธอก็ไม่ต้องรู้อะไรหรอกนะ รู้เเค่ว่าพวกปีศาจจะไม่สามารถเข้าใกล้เธอได้เฉพาะปีศาจชั้นต่ำไปถึงชั้นกลางเท่านั้น"

 

สิ่งที่เขาพูดดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้เลยสักอย่าง เเต่เท่าที่ประสบพบเจอมาก็ได้เห็นเเล้วว่ามีหลายอย่างที่มัน

สามารถเป็นไปได้

 

"ว่าอย่างไรกันฉันพูดไปหมดทุกอย่างที่เธอสงสัยเเล้ว เหลือเพียงเธอที่จะต้องตอบคำถามของฉัน ว่าอย่างไร??"

 

ฉันมีความคิดดีๆอย่างหนึ่งเเล้วล่ะ ถ้าเกิดสร้อยที่เขาว่านั้นมันดีจริงๆเเล้วล่ะก็ เเล้วถ้าเกิดตานีเป็นปีศาจเเล้วล่ะก็ฉันอาจจะใช้สร้อยนี้กับเขาได้นะ ตอนนี้ก็ต้องทำเป็นยอมรับเงื่อนไขของเขาก่อนเเล้วค่อยตลบหลังเขาอีกทีก็ได้

 

“โอเคฉันเลือกเป็นคนรับใช้ให้กับนายก็ได้แต่ว่าปล่อยฉันก่อนได้ไหม ฉันเจ็บมือกับเท้าไปหมดแล้วมันลัดฉันไว้เนี่ย”

 

เขายิ้มใส่ฉันก่อนที่จะเดินมาเเก้มัดให้กับฉัน ตอนนี้เเหละ!! ฉันหยิบสร้อยรูปงูเผือกขึ้นมาก่อนที่จะชูใส่ที่หน้าของเขา มันทำให้เขากระตุกนิดหน่อยเสร็จฉันเเน่!!

 

“นาย... นายหลงกลฉันเเล้วปล่อยฉันไปเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่อย่างนั้นนายจะเจอของดีจากสร้อยรูปงูเผือกนี่เเน่นอน”

 

เขานิ่งไปเเล้วมองไปที่สร้อยงูนั่น เขายิ้มออกมาเเล้วก็หัวเราะออกมาซะงั้น

 

"ฮ่า ฮ่า ฮ่า ทำอะไรของเธอเธอจะใช้สร้อยนี้ทำร้ายฉันอย่างนั้นหรอ ??เธอคิดผิดเเล้วนะฉันบอกเธอเเล้วไงว่ามันใช้ได้เเต่พวกปีศาจชั้นต่ำไปจนถึงชั้นกลาง. . . เเต่ว่าฉันเป็นปีศาจชั้นสูงนี่สิ เสียใจด้วยนะที่เธอไม่สามารถใช้สร้อยนั้นทำอะไรฉันได้เลย"

 

ว่าอะไรนะมันหมายความว่าอย่างไร เขาไม่ใช่พวกชั้นกลางหรืออะไรเเบบนั้นหรอ เขาเริ่มเดินเข้ามาใกล้ฉันเรื่อยๆเเล้วไม่นะเขาต้องฆ่าฉันเเน่เลย ฉันหลับตาลงเเล้วยื่นสร้อยเข้าไปหาเขา

 

"โอ๊ย. . . เป็นไปได้อย่างไรกันมันไม่ควรที่จะเป็นเช่นนี้สิ"

 

เสียงของเขาทำให้ฉันต้องลืมตาขึ้นมา เเล้วพบว่าที่มือของเขามีควันออกมาพร้อมกับเศษสีขาวๆติดตามมือของเขา เมื่อฉันเห็นฉันเช่นแล้วฉันจึงรีบวิ่งออกจากห้องนี้ไปที่ประตูแล้วเปิดประตูข้างหน้าของฉันออก ข้างนอกนี่เป็นเหมือนถนนทางเดิน ทำให้ฉันสามารถออกไปจากที่แห่งนี้ได้แล้ว ฉันวิ่งออกไปด้วยแรงที่มีอยู่วิ่งไปให้สุดไม่เหลียวมองกลับไปเด็ดขาด ฉันวิ่งไปเรื่อยๆจนกระทั่งไปถึงสี่แยกซึ่งตอนนี้คือมันมืดเวลาเดินมันจึงมองไม่ค่อยเห็นอะไรมากเท่าไหร่ เเต่ยังดีที่มีเสาร์ไฟขนาดใหญ่ตามทางอยู่เลยมองเห็นทางบ้าง ฉันเอารองเท้าออกมาจากกระเป๋าแล้วก็ใส่มันจะได้ไม่เจ็บเวลาที่เดินไปเหยียบพวกของเเหลมๆ ในขณะที่กำลังเดินไปตามทางอยู่ก็ได้พบกับซุ่มเหมือนเป็นร้านขายของ เห็นเเบบนั้นทำให้ฉันมีความหวังที่จะรอดเเละสามารถขอความช่วยเหลือกับคนในซุ้มได้ ฉันรีบวิ่งไปที่ซุ่มในทันทีเมื่อฉันวิ่งไปถึงฉันก็พยายามที่จะมองหาผู้คนที่อาจจะอยู่ที่นี่ เเต่ไม่มีใครอยู่เลย. . . มีเเต่จานขนมที่วางไว้ตรงโต๊ะข้างหน้าของฉัน //คอก เเคก// เสียงท้องที่ดังมานั้นบ่งบอกว่าฉันหิวข้าวมากเลยตอนนี้ ฉันมองซ้ายมองขวาเพื่อดูว่ามีคนอยู่เเถวนี้หรือเปล่าเเล้วปรากฏว่ามันไม่มีคนอยู่ที่นี่จริงๆ

 

"ขอโทษนะคะไม่ได้อยากเป็นขโมยเเต่มันไม่ไหวเเล้วจริงๆ"

 

ฉันเดินเข้าไปหยิบจานขนมเเล้วเริ่มกินมันเข้าไปอย่างเอร็ดอร่อย เเต่่เวลาผ่านไปได้ไม่ถึงนาทีเเถมกินได้ไม่กี่ชิ้นเองเสียงอะไรบางอย่างก็ดังขึ้นมาจากรอบๆตัวของฉัน รู้สึกเหมือนว่าลางไม่ดีเเล้วมันต้องมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นกับฉันเเน่ๆ

 

"อ๊ากกก ใครกินขนมของฉันมันจะต้องเจอดี!!"

 

เสียงที่ใหญ่เเละดังก้องไปทั่วพื้นที่ๆฉันอยู่เหมือนกับว่าเขากำลังโกรธที่ฉันนั้นเเอบกินขนมของเขา รอไม่นานเจ้าของเสียงนั้นก็ได้วิ่งเข้ามาหาฉันจากที่ไกลๆ ซึ่งฉันมองเห็นลางๆว่า. . .เขาไม่ใช่คนอย่างเเน่นอนตัวของเขาเป็นสีม่วงเเละดูอ้วนมาก เขี้ยวที่ใหญ่โตของเขาพร้อมกับหูเเหลมที่ใหญ่ยาวดั่งหอกทำให้ฉันเริ่มกลัวเสียเเล้ว

 

"ฉันจะฆ่าเเกฉันจะฆ่าเเกเดี๋ยวนี้ อ๊ากกก!!"

 

สิ่งที่เขาพูดออกมาทำให้ฉันกลัวมากเเละทำให้ฉันก้าวขาไม่ออกด้วยเช่นกัน ฉันตั้งสติสักพักเเล้วใส่เกียร์หมาวิ่งหน้าตาตื่นอย่างรวดเร็ว เกิดมาไม่เคยวิ่งสุดหนีตายสุดชีวิตเเบบนี้มาก่อนเลย เเต่เเล้วฉันก็ดันทำตัวเองเสียได้ฉันวิ่งไปจนสะดุดกับหินที่อยู่ตรงพื้นเเล้วล้มลง

 

"เเฮ่ เเฮ่ นี่มันมนุษย์นี่นาเเถมเป็นเด็กสาวเสียด้วย น่ากินเสียเหลือเกินทำไมถึงน่ากินเช่นนี้ วันนี้ช่างเป็นวันที่โชคดีจริงๆมีของกินมาส่งถึงที่เลย ไหนขอฉันชิมเนื้อเเกหน่อยนะเเม่สาวน้อย"

หน้าตาที่ดูหิวโหยบวกกับน้ำลายไหลของเขาทำฉันน้ำตาคลอเบ้า นี่ฉันจะต้องตายจริงๆใช่ไหม . . .

 

[ใช้สร้อยเสียสิ] เสียงใครกันอยู่ๆก็มีเสียงของใครก็ไม่รู้ดังขึ้นมา

 

[ใช้สร้อยรูปงูสิ] ใช่สิ!!สร้อยรูปงูน่าจะช่วยชีวิตของฉันได้นะ ฉันหยิบสร้อยขึ้นมาจากคอของฉันเเล้วชูขึ้นไปหาปีศาจตัวม่วงในทันที

 

"นี่เเก. . . มีสร้อยนี่ได้อย่างไรกันเเกไปเอามันมาจากที่ใด"

 

เขาหยุดวิ่งลงต่อหน้าฉันก่อนจะตะโกนใส่ฉัน มันทำให้ฉันรู้เลยว่าสร้อยนี้มีประโยชน์ต่อฉันเป็นอย่างมาก

 

"ฝากไว้ก่อนเถอะเเกฉันจะต้องกินเเกให้ได้ อย่าให้ฉันเห็นเเกอีกนะยัยมนุษย์"

 

ปีศาจตนนั้นค่อยๆถอยออกไปทีละนิดๆก่อนจะจากไปโดยไม่เเตะต้องตัวของฉันเลยเเม้เเต่น้อย ฉันถอนหายใจยาวๆด้วยความสบายใจที่ฉันยังรอดจากเงื้อมมือของปีศาจตนนั้นได้ ที่นี่มันไม่ธรรมดาเเล้วนะสิ่งที่ฉันเห็นมาตั้งเเต่มาที่นี่ มันไม่มีอะไรที่ธรรมดาหรือปกติเลย ฉันเหนื่อยมากเหนื่อยมากๆเลยตั้งเเต่ที่ เกิดเรื่องขึ้น ฉันควรจะทำอย่างไรต่อดี ฉันอยากจะกลับบ้านไปหาพ่อกับเเม่ของฉันเเต่ก็ไม่สามารถที่จะกลับไปได้ ขนมที่ตกตาทางจนเหลือเพียงไม่กี่ชิ้นในจานของฉันทำให้ฉันยิ่งไม่มีความหวังที่จะรอด เเต่อย่างไรก็ตามฉันจะพยายามสู้เเละจะรอดต่อไป จากนั้นฉันก็กินขนมที่เหลืออยู่พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว

 

“อร่อยจัง ฮือ”

 

อยู่ๆฉันก็รู้สึกหน้ามืด. . . เเล้วทุกอย่างก็มืดไป

 

 

 

 

 

 

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด