ตอนที่แล้วตอนที่ 132 ผสาน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 134 วิหกเพลิงราตรี

ตอนที่ 133 เศร้าหมอง


“ฟู่”

อากาศที่ถูกเปลี่ยนให้เป็นแก็สพิษแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ต้นไม้บริเวณรอบๆ เริ่มกลายเป็นสีดำและเหี่ยวแห้งตายลง ไม่เว้นแม้แต่พื้นดินก็แปรเปลี่ยนเป็นสีดำ

สีหน้าของชายวัยกลางคนทั้งสามต่างปรากฏเม็ดเหงื่อไหลรินออกมา ภาพที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขาทุกอย่างค่อยๆ กลายเป็นสีดำ และตายลงภายในอึดใจเท่านั้น

“มันเกิดอะไรขึ้น” ชายสวมเกราะสีน้ำเอ่ยขึ้นอย่างตกใจ เพราะข้างหน้าของเขาต้นไม้จำนวนมากราวกับช่วงชิงชีวิตไปอย่างไรอย่างนั้น แถมมันกำลังแพร่กระจายมาหาพวกเขาทั้งสามเรื่อยๆ โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลยแม้น้อย

“หัวหน้าถอยเร็วเข้านั้นมันพิษ!” หนึ่งในลูกน้องตะโกนออกมาอย่างเสียงดัง หลังจากที่ยืนขบคิดอยู่นาน

“บัดซบ” ทั้งสามระเบิดพลังลมปราณออกมา ก่อนจะหันหลังกลับแล้วพุ่งทะยานหนีจนเห็นเป็นเพียงเส้นแสง

ทว่าขณะนั้นเองภายในปากของเฉินตี้ ประกายเพลิงถูกจุดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ลุกลามติดกับแก๊สพิษจนเกิดระเบิดเป็นลูกโซ่ต่อเนื่องกันไปภายพริบตา

“บู้มมม บู้มม....”  คลื่นอัดอากาศมหาศาลกระจายออกเป็นวงกว้าง จนทำให้แก๊สพิษสามารถเคลื่อนที่เร็วขึ้นนับสิบเท่าหากเมื่อเทียบกับตอนปล่อยออกจากปาก

“อ๊ากก!” เสียงร้องดังขึ้นชั่วอึดใจ ก่อนจะหายไปตลอดกาล พวกเขาทั้งสามมิอาจหนีรอดจากแรงระเบิดได้ ทั้งถูกแก็สพิษช่วงชิงการเคลื่อนไหวไป และความเร็วของการระเบิด เลยทำให้ทุกอย่างภายรัศมีสองกิโลเมตรถูกทำลาย ไม่เว้นแม้แต่ร่างของชายวัยกลางคนทั้งสาม

“น...นิ..นี่มัน” ดวงตาของหย่าจิ้งเบิกกว้าง เมื่อเห็นพลังทำลายอันน่าสะพรึงกลัวของสายเลือดมรกตกลืนที่ผสานเข้ากับความสามารถของร่างต้นกำเนิดสมบูรณ์

ตามบัญญัติแห่งราชันย์ในยุคบรรพกาลที่นางเคยพบเจอมา หนึ่งในนั้นได้กล่าวไว้ว่าสายเลือดมรกตกลืนกิน พลังของมันขึ้นอยู่กับระดับเพาะของสัตว์อสูรผู้ครอบครอง

ถ้าหากระดับบ่มเพาะสูงก็จะสามารถเปลี่ยนอากาศให้กลายเป็นแก็สพิษมากตาม แต่พลังของมันก็ยังเสียเปรียบสายเลือดโบราณลำดับอื่น ด้วยที่ว่าแก็สพิษมันแพร่กระจายช้า เลยทำให้สามารถหลบหนีได้อย่างง่ายดาย

อย่างไรก็ตามสิ่งที่นางเห็นกลับกลายเป็นว่าสายเลือดมรกตกลืนกิน มันได้รับการหนุนเสริมจากความสามารถแฝงเร้นจากร่างต้นกำเนิดสมบูรณ์ จนทำให้ช่องว่างนั้นถูกเติมเต็มไป และบางทีอาจจะเป็นครั้งแรกสำหรับสายเลือดมรกตกลืนกินที่สามารถแสดงพลังได้เต็มสิบส่วน

“แรงระเบิดรุนแรงยิ่งกว่าตอนนั้นเสียอีก” ฉางหยางพยักหน้าเล็กน้อย เขาคาดการไว้แล้วว่าการทุ่มเทกำลังทรัพย์เพื่อปลุกสายเลือดโบราณให้ตื่นขึ้นมา มันช่างไม่ทำให้เขาผิดหวังเสียจริง ด้วยพลังทำลายขนาดนี้คงพอสำหรับเก็บกวาดผู้ฝึกวรยุทธชั้นปลายแถวได้มากพอสมควร

แถมตอนนี้ดูเหมือนเฉินตี้จะไม่กลับเป็นร่างขนาดเล็กเหมือนกาลก่อน นั้นแสดงว่าความสำเร็จของเขาก้าวหน้าไปอีกขั้นแล้ว

“เอาล่ะ.. พวกมันคงไม่รอดแน่ อยู่ที่นี่ไปก็ไม่ประโยชน์” ทั้งสามบินกลับสำนักดาราพิชิตอย่างเร่งรีบ

ด้วยเสียงระเบิดดังสนั่นขนาดนี้ มันต้องดึงดูดเหล่าผู้ฝึกวรยุทธภายในเมืองมาที่นี่อย่างแน่นอน แถมตอนอยู่ในงานประมูลก็มีผู้ฝึกวรยุทธระดับสูงหลายคนเช่นกัน ซึ่งอาจจะทำให้เขาต้องเจอกับเรื่องยุ่งยากหากยังรั้งรออยู่ต่อ

หลังจากที่บินอยู่ครึ่งค่อนวัน เขามาถึงสำนักดาราพิชิตพอดี ฉางหยางและหย่าจิ้งเดินมุ่งหน้าไปยังภูเขาบ้านพักของตน โดยไม่สนใจสายตาของเหล่าศิษย์หญิงจำนวนมาก

ภายในบ้านพัก หลิงซูและหลางหลู่เออร์นั่งมองไข่สัตว์อสูรใบเล็กอย่างหมดหนทาง พวงนางต่างผลัดกันโคจรพลังลมปราณอัดเข้าไปในไข่อยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่มีร่องรอยว่าจะฟักออกมาเลยจนทำให้พวกนางต้องนั่งดูอย่างท้อแท้ใจ

“ข้าว่าไข่ใบนี้มันดูดซับพลังลมปราณของพวกเรามากไปหรือเปล่า ขนาดระดับการบ่มเพาะของเจ้าและข้าอยู่ในชั้นปราณบรรจบขั้นที่สอง ยังไม่มีทีท่าว่าจะทำให้มันฟักออกได้เลย” หลางหลู่เออร์กมองหน้าหลิ่งซูเล็กน้อย

“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ โดยปกติแล้วการที่ไข่สัตว์อสูรจะฟักออกมาได้ แค่ปล่อยให้มันดูดกลืนพลังลมปราณจากธรรมชาติเล็กน้อยก็น่าจะเพียงพอ แต่ข้าก็ยังไม่เคยได้ยินว่ามีสัตว์อสูรตัวไหนสามารถดูดกลืนพลังลมปราณจากมนุษย์แม้แต่ตัวเดียวเลย จนกระทั่งมาเห็นไข่ใบนี้” หลิ่งซูกล่าวอธิบาย

ระหว่างที่สองสาวกำลังช่วยกันตรวจสอบไข่ปริศนาอยู่นั้น ประตูห้องพักก็ถูกเปิดออก พวกนางทั้งสองรีบหันหน้ามามองอย่างรวดเร็ว จากสีหน้าครุ่นคิดสงสัยกลับกลายเป็นเบิกบานดีใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้นพร้อมเพียงกัน

“เจ้ากลับมาแล้ว”

ร่างอันบอบบางของทั้งสองรีบลุกจากเตียงนอนแล้วเดินมาฉางหยาง ทางด้านหลางหลู่เออร์รีบหยิบแหวนมิติวงหนึ่งขึ้นมา และหลิ่งซูก็ได้ถือไข่สัตว์อสูรมาด้วย

แต่ทั้งสองกลับต้องมาชะงักลงชั่วครู่ เมื่อสายตาของพวกนางมองไปเห็นหญิงสาวที่ดูมีอายุมากกว่าพวกนางเล็กน้อย ยืนอยู่ข้างหลังฉางหยาง แถมรูปร่างหน้าของนางนับว่าเป็นหญิงงามล่มอาณาจักรเลยทีเดียว

“เป็นอย่างไรบ้างเรื่องสมุนไพรที่ข้าให้เจ้าไปจัดการ” ฉางหยางหันหน้ามองไปยังหลางหลู่เออร์ก่อนจะกล่าวขึ้น

“อ..อะ อืม สมุนไพรทั้งหมดอยู่ในแหวนมิตินี่แล้ว” หลางหลู่เออร์ยื่นแหวนมิติให้ฉางหยาง แต่ดวงตาสีดำของนางยังคงจ้องมองหญิงสาวผู้มาใหม่นี้อย่างไม่คาดสายตา

ส่วนทางด้านหลิ่งซูเอง นางกลับขบคิดถึงเหตุการณ์เป็นไปได้ต่างๆมากมายอยู่ภายใน “หรือว่านางจะเป็นภรรยาอีกคนของสามีกันแน่ ขนาดนางสาวผ้าคลุมปกปิดไว้ ยังไม่สามารถบดบังความงดงามได้ แล้วระดับการบ่มเพาะที่สูงถึงชั้นปราณผันผวน จะดูทางไหนข้าก็มิอาจทัดเทียมนางได้แม้แน่น้อย”

ฉางหยางหยิบเอาแหวนมิติพร้อมกับไข่สัตว์อสูรจากมือของหลางหลู่เออร์และหลิ่งซูมาเก็บไว้ ก่อนจะพวกนางแล้วบอกล่าวบางอย่าง

“เอาล่ะพวกเจ้าทั้งสองออกไปก่อน แล้วอย่าได้เข้ามาหากไม่ได้รับอนุญาตจากข้า”

ได้ยินเช่นนั้นหลางหลู่เออร์และหลิ่งสะท้านไปถึงขั้วหัวใจ นี่มันเป็นความเย็นชาและความเยื่อไร้เยื่อใยในตอนก่อนที่ทั้งสามจะเป็นสามีภรรยากันไม่ใช่รึ ความเศร้าหมองเริ่มปรากฏทางสีหน้าของทั้งสอง เพียงแค่คำกล่าวคำเดียวก็มิอาจเอ่ยออกมาได้ มันราวกับว่ามีบางอย่างมาบดบังจนทำให้พวกนางไม่สามารถกล่าวถาม

เมื่อเห็นทั้งสองเดินออกจากห้องพักไปแล้ว ฉางหยางรีบหันมามองและกล่าวถามหย่าจิ้งอีกครั้ง

“ที่เจ้ากล่าวมาทั้งหมดมันเป็นเรื่องจริงรึ”

“นายท่านได้โปรดเชื่อหย่าจิ้งสักครั้ง และแน่นอนครั้งนี้หย่าจิ้งจะไม่ทำให้นายท่านต้องผิดหวัง” นางเดินเข้าไปใกล้ๆ ฉางหยางแล้วมือเรียวยาวค่อยๆ ปลดเปลื้องชุดจอมยุทธสีดำออก เผยให้เห็นผิวพรรณที่ขาวเรียบเนียนราวกับหิมะบริสุทธิ์ จนสามารถปลุกความเป็นชายชาตรีให้ตื่นขึ้นมา

“ข้าจะยอมเชื่อเจ้าสักครั้ง”

ขณะที่ฉางหยางกำลังกระทำบางอย่างกับหย่าจิ้งอยู่นั้น ทางด้านหลางหลู่เออร์และหลิ่งซูกลับยืนนิ่งค้างอยู่นาน ใบหน้าของพวกนางเหม่อลอยไปไกล ภายในใจรู้สึกเจ็บปวดเหมือนกับโดนเข็มนับพันเล่มทิ่มแทงเอา

“หรือว่าเขาจะหลงรักหญิงสาวผู้นั้น จนลืมเลือนข้าไปเสียแล้ว” หลิ่งซูกล่าวพร้อมใบหน้าเหม่อลอย จิตใจของนางสับสนวุ่นวายไปหมด โดยไม่สามารถแยกแยะได้แล้วว่ามันคือความจริงหรือภาพมายากันแน่

“อ๊าา”

เสียงครางที่เร่าร้อนดังกึกก้อง ทั้งหลางหลู่เออร์และหลิ่งซูสั่นสะท้านไปทั่วร่าง ทว่าเท่านั้นมันยังไม่พอ เมื่อเสียงกล่าวอันเย้ายวนเสริมขึ้นมา

“อ๊าา นายท่านช่วยอ่อนโยนกับหย่าจิ้งด้วย เพราะนี่ก็เป็นครั้งแรกของหย่าจิ้งเช่นกันที่ทำแบบนี้”

“เอาน่า.. แรกๆก็เป็นอย่างนี้แหละ พอผ่านไปสักครู่เดี๋ยวก็จะชินเอง”

“แต่...อ๊าา...ของนายท่านที่เข้ามาในร่างของหย่าช่างร้อนเสียจริง จนทำให้ร่างของหย่าจิ้งเริ่มจะหลอมละลายไปพร้อมกับมันแล้ว”

“ทนหน่อยแล้วกัน เดี๋ยวจะเร่งขึ้นแล้ว”

“อ๊าา! นายท่านช่วยผ่อนปรนให้หย่าจิ้งอีกสักเล็กน้อยหน่อยเจ้าค่ะ”

ใบหน้าที่เคยเหม่อลอยของพวกนางทั้งสอง ตอนนี้เริ่มเต็มไปด้วยหยดน้ำตาไหลหลั่งรินอาบแก้มแดงระเรื่อ จนไม่หลงเหลือความงดงามสดใสให้เห็นอีกครั้ง

ถึงอย่างไรเสียงที่พวกนางได้ยินต้องเป็นการเสพสุขระหว่างบุรุษและอิสตรีเป็นแน่ แต่ทำไมบุรุษของพวกนางกลับมากระทำเยี่ยงนี้ต่อหน้าต่อตาราวกับว่าพวกนางเป็นของใช้แล้วทิ้งอย่างไรอย่างนั้น

“อ๊าา หย่าจิ้งจะไม่ไหวแล้ว”

“ข้าก็เหมือนกัน เร็วเข้าใกล้จะออกแล้ว”

0 0 โหวต
Article Rating
23 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด