ตอนที่แล้ว45. Slam. Charge. (8)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป47. The Firing from the Readied Marksman Begins (2)

46. The Firing from the Readied Marksman Begins


46. The Firing from the Readied Marksman Begins

“ฮัลโหล?”

“นี่ มินชอย นายอยู่ไหน?”

“ด้านหน้าอาคารสมาคมส่วนกลาง คุณคิดว่าคุณจะจบเมื่อไหร่?”

“สิ่งเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องฟัง ฉันจะพาแม่นายออกไปใน 10 นาที.”

“Ok.ผมจะรออยู่ที่ทางเข้ารถไฟใต้ดิน ทางออกที่3.”

เนื่องจากมีการรักษาความปลอดภัยเป็นอย่างมากในบริเวณอาคารสมาคม ผมจึงตัดสินที่จะรอทางเข้ารถไฟ.

ผมได้เช็ดเลือดออกจากตัวผมทั้งหมดรวมทั้งเสื้อผ้า

แต่ผมก็ไม่สามารถซ่อนกลิ่นที่ซึมผ่านผิวหนังได้.

ผมมองไปรอบๆอย่างรอบคอบ.

ไม่นานผมก็เห็นแม่และจุงโฮออกมา.

“ขุ่นพระ ทำเธอถึงเหม็นจัง.”

“ผมไปล่ามา การอภิปรายเป็นไงบ้าง?”

“ไม่ต้องถาม เธอไม่สามารถไปโจมตีคนรอบๆได้ เข้าไจ๊? โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่อ่อนแอที่ตายและไม่รู้แม้กระทั้งว่าศพของพวกเขาอยู่ไหน ตอนนี้ฉันไม่รู้แล้วว่าโลกกำลังจะไปยังทิศทางใด.”

คำพูดของแม่ผม ทำให้หัวใจผมหนักอึ้ง.

ไม่ใช่ว่าผมพึ่งฆ่าคนไปกว่า 500 คนของกิลด์ๆนึง?

อย่างน้อยๆผมก็ไม่เสียใจกับเหตุการณ์ในวันนี้.

ผมต้องแข็งแกร่งทั้งกายและใจ.

เพื่อปกป้องของๆผม ผมต้องใช้เวลามากกว่านี้.

“นี่ นายกำลังคิดอะไรของนายอยู่ แม่รู้อยู่แล้ว นายจะไม่ทำร้ายใครก่อน.”

“ผิดแล้ว แม้ว่าจะถูกทำร้ายก่อน แต่เธอต้องแก้ปัญหาด้วยคำพูดก่อน”

“Ok! ผมจะทำมัน ผมจะทำมัน เดาว่าคุณกำลังสนุกอยู่แน่ๆเพราะว่าคุณยังพูดอยู่ กลับบ้านเถอะ ผมหิว.”

* * *

หลังจากที่กลับมาบ้านและทานอาหารเสร็จแล้ว ผมก็คุยกับจุงโฮเกี่ยวกับจิน

ผมต้องการวางแผนที่จะจัดการเขา.

เขาเข้าใจความสามารถของผมแล้ว.

แต่ว่าผมไม่มีความรู้เกี่ยวกับเขาและบอสของเขา.

และผมยังสามารถจัดการพวกเขาได้ในระดับหนึ่ง

แต่ผมไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยของแม่ได้เมื่อผมออกไปล่า.

จุงโฮรู้สึกตกใจกับความสามารถที่มานาไม่มีวันหมดของผม ขณะที่เขาได้ยินสิ่งนี้เป็นครั้งแรก

เขาคิดว่าอัตราการฟื้นฟูของผมสูงมาก.

ทำไมผมถึงไว้ใจเขามากจนถึงจุดที่แบ่งปันความสามารถของผมน่ะหรอ?

มันน่าอายเล็กน้อย แต่ผมมีคนแคระที่ให้ค้นหาเบื้องหลังของจุงโฮโดยใช้แอสซาซินระดับกลาง.

ทั้งหมดที่ผมรู้คือ เขาเป็นคนดีกว่าที่ผมคิดเอาไว้อีก.

นั่นคือเหตุผลที่ผมเชื่อเขาและฝากแม่ไว้กับเขา ในศึกของโนเบลซ.

ผมแซวเขากับการที่เขาไม่สามารถซ่อนความจริงของเขาได้ แต่ผมก็ไม่ได้เกลียดเขา.

จุงโฮเปลี่ยนหัวข้อไปสู่การต่อสู้

“การโจมตีที่ทะลุโล่เลเวล 100 3ชั้น? มันไม่ใช่บางอย่างที่ต่างไปหรอ.”

“ผมไม่สนว่าเขาน่าทึ่งแค่ไหน ผมกังวลเรื่องความปลอดภัยของแม่ วันที่เราเจอกันอีกครั้งจะเป็นวันที่เขาต้องจัดงานศพ.”

ผมค่อนข้างซีเรียสและไม่สามารถสบายใจได้จนกว่าเรื่องราวต่างๆจะหมดไป.

“แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมคิดว่ามันตลก.”

“สิ่งนั้นมันเป็นอะไร?”

“ฮยอง, คิดดีๆ ถ้ามีคนที่มีสกิลในการโจมตี ทำไมเขาไม่เล็งไปที่หัวใจหรือศีรษะ?”

“มั่นก็จริง.”

“แต่เขามุ่งเป้ามาที่ท้องของผม แน่นอนว่าผมจะตายจากการบาดเจ็บ แต่ผมจะไม่ตายทันที.”

“หืม….”

“เนื่องจากผมมีโล่สามชั้น มุนโจมตีเลยเปลี่ยน? เป็นไปได้ไหม อย่างไรก็ตามผมรู้สึกได้ว่าเขาก็ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่จุดไม่สำคัญเหมือนกัน.”

“รายได้ที่ได้จากกิลด์โนเบลซกำลังถูกทำลาย แต่มันก็เหมือนกับว่ามันจะไม่เป็นไรหากมันพังไปสักที่นึง? นายไม่คิดหรอว่าการโจมตีของเขาผิดพลาด?”

“อย่างที่ผมบอกก่อนหน้านี้ เขารู้ความสามารถของผมแล้ว ถ้าผมเข้าใจว่าเขาต้องการความสามารถไม่มีวันหมด.”

สักพักผมก็เอาโทรศัพท์ของผมออกมา.

มันเป็นการแสดงให้เขาเห็นว่ามีอะไรอยู่ที่ชั้นใต้ดิน15.

การแสดงออกของจุงโฮกลายเป็นร้ายแรงและเขาเริ่มมองไปที่โทรศัพท์ของผมอย่างจริงจัง.

“นี่คือ?”

“มันอยู่ชั้นใต้ดินของกิลด์โนเบลซที่15 คุณคิดว่าเครื่องนี้คืออะไร?”

“อ่า...ฉันเคยเห็นแบบนี้.”

จุงโฮกำลังนึกถึงบางอย่าง.

“ฉันไม่มั่นใจหลังจากมองมันหลายครั้ง.”

“ไม่มั่นใจ?”

“สิ่งที่พวกเขากำลังสกัดจากคนเหล่านี้คือมานา.”

“มานา? งั้นพวกเขาจะเอามานาทั้งหมดส่งไปยังพอร์ทัลเพื่ออะไร? มันมีเหตุผลอะไร?”

“นั่นฉันไม่รู้ แต่มานาที่ต้องการจะต้องเป็นอะไรบางอย่างที่มหาศาลมากเมื่อดูจากคนเป็นร้อยๆคน เนื่องจากพวกเขาต้องการมานาแมาก พวกเขาจึงต้องทำตัวเลวร้าย.”

“ถ้าสิ่งที่นายบอกมาถูกต้อง นายจะสบายอยู่พักนึง ก่อนที่พวกเขาจะเอาดาบมาจ่อคอคุณอีกครั้งเหมือนกับที่โนเบลซทำ.”

“แน่นอนว่าผมต้องมีพลังมากพอที่จะกันพวกเขาได้ และก่อนที่ผมจะทำแบบนั้นผมต้องรับประกันความปลอดภัยของแม่ผมก่อน ดังนั้นผมจึงสบายใจกับการเพิ่มความแข็งแกร่งได้.”

“วิธีง่ายๆ.”

“มันคือ?”

“นายก็เพียงใช้สกิลกับแม่ของนายเท่านั้น.”

“นายไม่สามารถใช้อะไรได้นอกจากสกิลโจมตีไปยังคนปกติหรอ?”

นั่นก็จริง

รวมทั้งสกิลปฏิเสธสถานะที่ปาร์คฮยอนใช้ มันเหมือนกับฮีลและการป้องกันอื่นๆ มันไม่สามารถใช้ได้กับทุกคนยกเว้นอเวค.

ไม่มีทางที่จุงโฮจะพูดถ้าไม่รู้เรื่องนี้.

แต่จุงโฮไม่ใช่คนไร้สาระ.

ผมภาวนาให้สิ่งที่เขาพูด มันจะเป็นทางออกที่ผมต้องการ

“ฟื้นฟูและสกิลบัฟต่างๆไม่ได้ แต่การโจมตีทำได้ ถูกมั๊ย?”

“… คุณหมายถึง?”

ผมไม่รู้ว่าจะทำได้อะไรได้บ้าง แต่แปลกใจที่จุงโฮพูดถึงมัน

อย่างไรก็ตามเขายังคงทำต่อไปรวมทั้งการแสดงออกที่ไม่เปลี่ยนแปลง.

“เนโครแมนเซอร์มีสกิลที่เรียกว่า ‘หลักฐานการปฏิญาณ’ ที่นายสามารถใช้ได้.”

“มันคือ?”

“โดยทั่วไปแล้วเขาจะกำหนดเป้าหมายไปที่คนรับใช้.”

“เดี๋ยวฮยอง ผมคิดว่าผมไม่เข้าใจ ผม….”

“นายสามารถใช้มันกับเป้าหมายที่อ่อนแอได้เท่านั้น มันเป็นประเภทเดียวกับดีบัฟแต่มันจัดเป็นสกิลโจมตี.”

“…..”

“เดิมทีมันโอนความเสียหายทั้งหมดของผู้ใช้ไปยังเป้าหมายเช่น การใช้มนุษย์เป็นโล่ แต่เรื่องตลกก็คือมันสามารถใช้ในทางกลับกันเหมือนกัน.”

“จริงดิ? ถ้ามีสกิลแบบนั้นผมรู้สึกว่าเนโครแมนเซอร์เป็นยิ่งกว่าตัวแท้งหรืออัศวินVIPเสียอีก หรือแม้กระทั่งวอริเออร์เป็ด*อีก.”(ความจริงมันเขียนว่าวอริเออร์อเนกประสงค์ ผมเลยเรียกมันว่าเป็ด/ไรต์)

“มันก็จริง แต่ถ้าฉันไม่รู้เกี่ยวกับความสามารถของนายฉันคงไม่แนะนำให้ใช้สกิลนี้.”

“หมายความว่าไง?”

“ไม่มีใครในโลกใช้สกิลนี้ได้ อย่างน้อยจนถึงตอนนี้ เยี่ยม ฉันก็ไม่คิดว่ามันจะมีใครใช้ได้ในอนาคตไม่ว่าอย่างไรก็ตาม.”

“มันใช้มานาท่าไร? เท่าไร?”

“5ล้าน 5ล้านพอดี ถ้ามนุษย์ยังพัฒนาไปได้เรื่อยๆก็สามารถใช้งานได้ หากว่าเขาไม่ตายและยังเพิ่มเลเวลเรื่อยๆ...ก็อาจจะใช้สกิลได้ แต่มันไม่ใช่กับนาย?”

“แต่ถ้านายใช้สกิลนี้ เอาไปใช้กับพวกมันไม่ดีกว่าหรอ? เนื่องจากนายสามารถควบคุมได้.”

“ก็จริง แต่มันก็ขึ้นอยู่กับควบคุมของนาย นายสามารถใช้มันโจมตีจิตใจของเขาหรือคุณมันก็อาจจะมีผลกระทบจากสกิลของพวกเขาและมันอาจจะออกมาได้ด้วยจิตใจของนายคนเดียว.”

ถ้ามันเป็นอย่างที่จุงโฮพูดนี่มันเป็นแผนที่สุดยอด

แม้ว่าแม่ของผมจะถูกโจมตีแต่ความเสียหายทั้งหมดจะถูกโอนมาให้ผม.

นอกจากสกิลที่ไม่มีแรงค์แล้วก็ไม่มีการโจมตีอะไรที่ทำได้ที่จะสามารถผ่านโล่มานา.

และมันก็ยังมีประโยชน์หากเป้าหมายไม่มายุ่ง.

ไม่ว่ามันจะมีค่าใช้จ่ายเท่าไรผมก็ต้องหาวิธีอะไรสักอย่างเพื่อให้ได้มันมา.

ผมไม่สามารถซ่อนความตื่นเต้นหลังจากคำถาม.

“ราคามันคงจะแพงอย่างไม่น่าเชื่อเลยใช่มั๊ย?”

“ใช่...แพงใอย่างไม่น่าเชื่อ.”

“ผมมีแค่แก่นอเวค แต่นั่นก็คงพอมั้ง?”

“ยาก.”

“ผมจะหามันได้จากที่ไหร?”

“อาจจะอยู่ในถังขยะตามตลาด.”

“อ่า ผมเกือบจะตีคุณซะแล้ว อย่างนั้นมันก็เป็นสกิลที่ไร้ค่า.”

“แน่นอน ใครมันจะไปซื้อสกิลที่ไร้ค่าแบบนั้นหลังจากที่นายได้มันมาแล้วหล่ะ? หากนายล่ามิมิคอย่างบ้าครั่งมันอาจจะดรอปสักเล่ม.”

“คุณรู้ดีจริงๆนี่ ใช่มั๊ย?”

“ฉันได้ทำงานเป็นเบี้ยล่างของสังคมมานานแล้ว นี่เป็นพื้นฐานของมันเท่านั้น.”

ผมมุ่งหน้าไปตลาดกับจุงโฮ

* * *

มันเป็นเวลา1สัปดาห์แล้วหลังจากที่ผมกวาดล้างกิลด์โนเบลซและปาร์คฮยอน

ผมได้รับสกิลที่จุงโฮพูดวันนั้น.

นักเวทย์สามารถใช้มันได้ด้วยมือทั้งสองข้าง.

ต้องขอบคุณมันไม่ได้เป็นสกิลที่ต้องใช้อย่างต่อเนื่องเหมือนกับโล่มานา

มันใช้เพียงครั้งเดียวมันก็อยู่ตลอดและยังจำเป็นต้องร่ายกับเป้าหมายเดิมอีกครั้งเพื่อยกเลิก.

ผมจำเป็นต้องทดสอบผลของสกิล.

ผมไม่สามารถใช้ใส่แม่ได้หากยังไม่ได้ทดสอบว่าปลอดภัย.

แต่มีวิธีที่ง่ายและค้นหามันได้อย่างรวดเร็ว.

เช้าวันอาทิตย์

ผมมุ่งหน้าตามไปยังเสียงกรีดร้องที่เกิดขึ้นอยู่ในห้องครัว.

แม่ของผมทำมีดบาดนิ้วขณะทำอาหาร.

เธอกดมันไว้แน่น.

แต่เมื่อเธอเปิดมันออกมาและปรากฎว่าไม่มีรอยบาดแต่อย่างใด.

เธอดูประหลาดใจ แต่คิดว่ามันเป็นความโชคดี เธอเลยไม่สงสัยอะไร.

ผมใช้โล่มานา

แม้ว่าจะเป็นมีดกุหลาบบาดเธอตรงๆเธอก็ไม่มีแผล

ข่าวเรื่อง ‘การหายสาบสูญของสมาชิกกิลด์โนเบลซ’ ขึ้นหน้าหนึ่ง.

พวกเขาถือเป็นเรื่องลึกลับเพราะว่าไม่สามารถหาร่องรอยของพวกเขาได้.

500 คนถูกฆ่า แต่ไม่มีข่าวอะไรเกี่ยวกับพอร์ทัล.

สมาคมไม่สามารถหาพอร์ทัลในอาคารได้?

โอกาศที่เกิดขึ้นนั้นเป็น0.

และเครื่องที่ติดตั้งบนพอท์ทัลถูกนำออกเรียบร้อยแล้ว

คาดเดาว่าพวกเขาไม่ต้องการให้มันถูกเปิดเผยผ่านสื่อ.

ด้วยสกิลทำตามปฏิญาณ ผมรู้สึกโล่งใจมากขึ้นเกี่ยวกับแม่ของผม.

แต่จินเป็นเป็นคนที่มีสกิลที่น่าเหลือเชื่อ.

ถ้าพวกเขาทำตามองค์กรจะต้องมีพลังมากกว่าเขา.

ถ้าพวกเขาไม่มีสกิลที่ไม่มีการจัดอันดับ? แล้วผมจะไม่ทำอะไรได้นอกจากความต้านทานเพียวๆ.

ผมได้ซื้อของให้ตัวเองเพื่อเพิ่มความสามารถของผม.

ผมต้องใช้โอกาสนี้อย่างเต็มที่ตอนที่ผมยังไม่ได้ถูกโจมตีใดๆ นั่นก็คือผมต้องรีบเติบโตเร็วๆ.

เนื่องจากดันเจี้ยนเลเวล19-21ไม่สามารถโจมตีด้วยเวทย์มนต์ได้ ผมจึงต้องเข้าไปในเลเวล23

เพื่อทำการล่าให้เร็วขึ้นผมยังเอาสร้อยคอลูว์เวอร์จากเลเวล 18 ดังนั้นผมจึงใช้เวทย์มนต์ทั้งสองมือได้อย่างไร้กังวล.

ด้วยผมของเซ๊ตเอฟเฟค ผมจึงมีโล่ป้องกันเวทย์เพิ่มขึ้นมาอีกอัน

สิ่งต่างๆที่อยู่ในดันเจี้ยนจะถูกป้องกันด้วยโล่นี้.

ผมเข้าไปในดันเจี้ยนเลเวล18เพื่อสร้อยคอ แต่มันก็ยังเพียงเลเวล.

เมื่อเลเวลผมมาถึง170 ผมได้ใส่ค่าสถานะทั้งหมดไปที่ความอึด.

ไม่มีเหตุผลที่ผมจะต้องเพิ่มค่าความแข็งแกร่งอีก

เพียงแค่ที่ผ่านมามันก็เกินกว่า600แต้มแล้ว

มันเป็นแค่วิริเออร์บางคนเท่านั้นที่จะใส่มันอยุ่ค่าเดียวจนถึงเลเวล 118.

ด้วยจินวอนทั้งสองเล่มมันยังเพิ่มความแข็งแกร่งให้ผมได้อย่างมหาศาล

นอกจากจะมีไอเทมหรือสกิลที่ทำให้เวทย์มนต์ไม่ส่งผล ผมจึงต้องวางแผนเอาแต้มทั้งหมดต่อจากนี้ใส่ไปที่ความคล่องตัวและความอดทน

นั่นเป็นเหตุผลที่ผมเลือกดีนเจี้ยนเลเวล23

มันคือการหาอุปกรณ์ป้องกันจากดันเจี้ยน

“จินหรือใครก็ตาม ฉันจะยิงทันทีที่ฉันพร้อม.”


Looking for the next chapter?

Current schedule: Once a week.

Current Queue: 15 Chapters

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด