ตอนที่แล้วเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 8 สิ่งต่างๆไม่เคยเปลี่ยนแปลง มีเพียงมนุษย์ที่เปลี่ยนไป (อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 10 พายุอาจเกิดขึ้นจากท้องฟ้าที่สว่างสดใส (อ่านฟรี)

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 9 ค่อยๆห่างกันออกไปบนเส้นทางของแต่ละคน (อ่านฟรี)


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 9 ค่อยๆห่างกันออกไปบนเส้นทางของแต่ละคน

แปลโดย iPAT 

ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีแดงในยามใกล้จะพลบค่ำ

แม้มันยังคงสว่างไสวแต่บรรยากาศกลับดูมืดมน โดยเฉพาะภายในห้องโถงของครอบครัวสกุลฟาง

ลุงกับป้าของพี่น้องแซ่ฟางนั่งอยู่บนเก้าอี้ขณะที่การแสดงออกของพวกเขายากที่จะคาดเดา

เมื่อเห็นฟางหยวนถือไหสุราไว้ในมือ คิ้วของลุงตงถูก็ขมวดแน่นก่อนที่เขาจะเปิดปากกล่าว “เพียงพริบตาพวกเจ้าก็อายุครบสิบห้าปีแล้ว นอกจากนี้พวกเจ้ายังเป็นผู้ใช้วิญญาณที่มีพรสวรรค์ โดยเฉพาะฟางเจิ้ง ลุงกับป้าภูมิใจในตัวเจ้ามาก และเพื่อเป็นรางวัลให้แก่ผู้มีพรสวรรค์อันโดดเด่น ลุงกับป้าจะมอบหินวิญญาณให้พวกเจ้าคนละหกก้อน การปรับแต่งวิญญาณดวงแรกจำเป็นต้องใช้พลังวิญญาณจากทะเลวิญญาณเป็นจำนวนมาก ดังนั้นพวกเจ้าต้องพึ่งพาหินวิญญาณเหล่านี้”

หลังจากลุงตงถูกล่าวจบประโยค สาวใช้ผู้หนึ่งก็นำถุงบรรจุหินวิญญาณมาส่งมอบให้กับฟางหยวนและฟางเจิ้ง

ฟางหยวนรับมันไว้อย่างเงียบๆ

ขณะที่ฟางเจิ้งรีบเปิดถุงและตรวจสอบหินวิญญาณสีเทาขาวเหล่านั้น สิ่งนี้ทำให้ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้นและยินดี เขาเร่งโค้งคำนับและกล่าวขอบคุณลุงกับป้าของเขา “ขอบพระคุณท่านลุงท่านป้า ข้าจำเป็นต้องใช้หินวิญญาณเหล่านี้จริงๆ ท่านทั้งสองดูแลข้าเป็นอย่างดี บุญคุณอันใหญ่หลวงนี้ ข้า ฟางเจิ้ง จะไม่มีวันลืมเลือน”

ลุงของเขาเผยรอยยิ้มพึงพอใจพร้อมกับพยักหน้า อีกด้านหนึ่ง ป้าของเขารีบโบกมือและกล่าวด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยน “นั่งลงเถอะ รีบนั่งลง แม้พวกเจ้าทั้งสองจะไม่ใช่บุตรในสายเลือดของพวกเรา แต่พวกเราก็รักและเอ็นดูพวกเจ้าประหนึ่งบุตรที่แท้จริง หากพวกเจ้ามีอนาคตที่สดใส แน่นอนว่าพวกเราจะต้องมีความสุขเป็นอย่างมาก”

คำกล่าวของนางมีความนัยซ่อนอยู่ แต่น่าเสียดายที่ฟางเจิ้งไม่เข้าใจ สำหรับฟางหยวน เขาเพียงหรี่ตาเล็กน้อย

ในจังหวะนี้ลุงตงถูพลันกล่าวแทรก “ลุงกับป้าคิดมาอย่างถี่ถ้วนแล้วว่าพวกเราต้องการรับพวกเจ้าเป็นบุตรบุญธรรม ฟางเจิ้ง เจ้าเต็มใจหรือไม่?”

ฟางเจิ้งรู้สึกมีความสุขมากและเร่งตอบรับทันที “แท้จริงแล้วตั้งแต่ที่ท่านพ่อท่านแม่ของข้าเสียชีวิต ข้าก็อยากมีครอบครัวของตนอีกครั้ง หากสามารถเป็นครอบครัวเดียวกันกับท่านลุงท่านป้า ข้าคงจะมีความสุขเป็นอย่างมาก”

ป้าของเขาหัวเราะด้วยความยินดี “เจ้าเป็นลูกของพวกเราแล้ว อย่าเรียกท่านลุงท่านป้าอีก”

“ท่านพ่อ ท่านแม่” ฟางเจิ้งเร่งแก้คำพูดของตนเองอย่างรวดเร็ว

ลุงกับป้าหัวเราะเสียงดัง “ลูกชายที่ดี ไม่เสียแรงที่พวกเราสามีภรรยาดูแลเจ้ามาถึงสิบปี ฮ่าฮ่าฮ่า”

ลุงตงถูหันหน้าไปทางฟางหยวนและถาม “ฟางหยวน แล้วเจ้าคิดอย่างไร?”

ฟางหยวนส่ายศีรษะแต่ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกไป

“พี่ใหญ่!” ฟางเจิ้งกำลังจะกล่าวบางคำแต่ถูกลุงของเขาหยุดไว้

“หากเป็นกรณีนี้ ฟางหยวนหลานของข้า พวกเราจะไม่บังคับเจ้า ตอนนี้เจ้าอายุสิบห้าแล้ว เจ้าโตพอที่จะแยกตัวออกไปใช้ชีวิตของเจ้าเองแล้วและมันก็เป็นวิธีที่ดีที่จะรักษาสายเลือดแซ่ฟางเอาไว้ แต่เจ้าอย่าได้กังวล ลุงเตรียมหินวิญญาณสองร้อยก้อนไว้ให้เจ้าเป็นทุนสำหรับการตั้งตัวแล้ว”

“สองร้อยก้อน?” ดวงตาของฟางเจิ้งเบิกกว้างขึ้นด้วยความตื่นตะลึง เขาไม่เคยเห็นหินวิญญาณจำนวนมากมายเช่นนี้มาก่อนในชีวิต มันจึงช่วยไม่ได้ที่เขาจะรู้สึกอิจฉา

แต่ฟางหยวนยังคงส่ายศีรษะ

ฟางเจิ้งงุนงงกับท่าทีของฟางหยวนขณะที่การแสดงออกของลุงเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย ด้านป้าของเขา ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเย็นชา

“ท่านลุงท่านป้า หากไม่มีสิ่งใดแล้ว ข้าขอตัว” ฟางหยวนไม่เปิดโอกาสให้พวกเขากล่าวสิ่งใดก่อนจะเดินถือไหสุราจากไปทันที

ฟางเจิ้งผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้และเร่งกล่าว “ท่านพ่อท่านแม่ พี่ใหญ่ไม่ได้คิดเช่นนั้นจริงๆ ข้าจะไปคุยกับเขา”

ลุงของเขาโบกมือก่อนจะถอนหายใจออกมา “อนิจจา เรื่องเช่นนี้ไม่สามารถบังคับจิตใจกันได้ พ่อของเจ้าผู้นี้เข้าใจดี เอาล่ะ เด็กๆ ดูแลคุณชายฟางเจิ้งให้ดี”

“หากเป็นเช่นนั้น บุตรขอตัวลา” ฟางเจิ้งทำความเคารพก่อนจะจากไปอย่างเงียบๆ

เมื่อดวงอาทิตย์ตกดิน ภายในห้องโถงที่มืดสลัวก็ยิ่งมืนมนลงเรื่อยๆ เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงอันเย็นชาของตงถูดังขึ้นอีกครั้ง “ดูเหมือนเจ้าเด็กเลวฟางหยวนจะมองเห็นแผนการของเรา!”

ตามกฎของหมู่บ้านแสงจันทร์บรรพกาล เมื่อบุตรชายคนโตอายุครบสิบหกปี พวกเขาจะมีสิทธิในการรับสืบทอดมรดกของครอบครัว บิดามารดาของฟางหยวนเสียชีวิตไปแล้ว แต่พวกเขาทิ้งมรดกเอาไว้ อย่างไรก็ตามลุงกับป้าของเขาเป็นคนจัดการมรดกเหล่านั้นมาตลอด และมันก็ไม่ใช่บางสิ่งที่หินวิญญาณเพียงสองร้อยก้อนจะสามารถเปรียบเทียบได้ หากฟางหยวนตกลงเป็นบุตรบุญธรรมของลุงกับป้า เขาจะหมดสิทธิรับมรดกทันที แต่ในกรณีที่ฟางหยวนตัดสินใจที่จะแยกตัวออกไป มันจะไม่ขัดต่อกฎของหมู่บ้าน

“โชคดีที่พวกเราสามารถจัดการฟางเจิ้ง ส่วนฟางหยวน เขามีพรสวรรค์เพียงนภาที่สาม หึ” ตงถูยิ้มเยาะ

“สามี เมื่อฟางหยวนอายุครบสิบหกปี พวกเราจะทำอย่างไร?” ภรรยาของตงถูถามด้วยความกังวล

“ฮืม ตั้งแต่เขาทำตัวเสเพล เขาก็ไม่สามารถตำหนิพวกเราได้ ตราบเท่าที่พวกเราสามารถจับผิดเขาและไล่เขาออกจากครอบครัว พวกเราจะสามารถอ้างความชอบธรรมในการดูแลมรดกต่อไป” ตงถูกล่าวเสียงเย็น

“แต่เด็กนั่นฉลาดมาก เขาจะพลาดได้อย่างไร?” ภรรยาของตงถูไม่แน่ใจ

ตงถูกลอกตาก่อนจะกระซิบบางอย่างกับภรรยาของเขา “เจ้านี่โง่จริงๆ หากเขาไม่ได้ทำผิด พวกเราก็ต้องทำให้เขาผิด เพียงให้เฉินซุ้ยพะเน้าพะนอฟางหยวนและกรีดร้องออกมา ในจังหวะนั้นพวกเราจะเข้าไปจับตัวเขาและทำราวกับว่าเขาพยายามจะข่มเหงเฉินซุ้ยหลังจากที่เขาดื่มเหล้าจนเมามาย เมื่อถึงเวลานั้นพวกเราจะสามารถไล่เขาออกไปได้ทันที!”

“สามี ท่านฉลาดมาก นั่นเป็นแผนการที่ยอดเยี่ยม!”

ม่านรัตติกาลคลี่คลุมผืนฟ้าขณะที่ดวงดาวถูกบดบังด้วยกลุ่มเมฆหมอก

โคมไฟในหมู่บ้านค่อยๆสว่างไสวขึ้นเพื่อทำลายความมืดมิดที่เข้ามาเยี่ยมเยือน

ฟางเจิ้งถูกชักดึงเข้าไปในห้อง

“คุณชายฟางเจิ้ง ข้าเตรียมห้องนี้ไว้เป็นพิเศษสำหรับท่าน” แม่บ้านเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงประจบประแจง

ฟางเจิ้งกวาดตามองไปรอบๆก่อนที่ดวงตาของเขาจะส่องประกายขึ้น ห้องนี้ใหญ่โตกว่าห้องเดิมของเขาอย่างน้อยสองเท่า มันมีเตียงขนาดใหญ่ ข้างหน้าต่างมีโต๊ะไม้ที่งดงาม ผนังห้องถูกตกแต่งอย่างประณีตบรรจง ขณะที่ใต้เท้าของเขาไม่ใช่พื้นไม้แต่เป็นพรมขนสัตว์ที่อ่อนนุ่ม

ตั้งแต่จำความได้ ฟางเจิ้งไม่เคยอาศัยอยู่ในห้องเช่นนี้มาก่อน ดังนั้นเมื่อเห็นภาพเบื้องหน้า เขาจึงพยักหน้าซ้ำๆด้วยความพึงพอใจ “นี่เป็นสิ่งที่ดี ขอบคุณมากแม่บ้านเฉิน”

แม่บ้านเฉินหัวเราะ “ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ เพราะมันเป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้ว คุณชายสามารถทำสิ่งใดก็ได้ที่ท่านปรารถนาและหากท่านต้องการสิ่งใดเพียงลั่นระฆังที่อยู่ข้างเตียงของท่าน คนรับใช้จะเข้ามาทันที นายท่านสั่งพวกเราไว้แล้วว่าให้ดูแลคุณชายเป็นอย่างดี คุณชายเพียงให้ความสนใจกับการบ่มเพาะของท่านเท่านั้น ปล่อยสิ่งอื่นไว้เป็นหน้าที่ของพวกเรา”

ฟางเจิ้งรู้สึกมีความสุขมาก แม้เขาจะไม่ได้กล่าวสิ่งใดแต่เขาได้ตัดสินใจแล้ว ‘ครั้งนี้ข้าต้องได้ที่หนึ่งเพื่อไม่ให้ท่านลุงท่านป้าผิดหวัง’

เมฆหมอกบนท้องฟ้าเริ่มหนาทึบมากขึ้นเรื่อยๆ มีเพียงแสงอันเลือนรางของดาวบางดวงเท่านั้นที่สามารถเล็ดลอดลงมาได้

‘ลุงกับป้าต้องวางแผนไล่ข้าออกจากบ้านอย่างแน่นอน ในชีวิตก่อนหน้าพวกเขาให้สาวใช้เข้ามายั่วยวนข้าและจัดฉากให้ข้ากระทำความผิด จากนั้นพวกเขาก็ไล่ข้าออกจากบ้าน ข้าสงสัยนักว่าชีวิตนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่?’ ฟางหยวนหัวเราะขบขันอยู่ภายในใจขณะที่เดินไปตามเส้นทางหมู่บ้าน

เขามองเห็นตัวตนที่แท้จริงของลุงกับป้า แต่เขาเข้าใจและคิดว่ามันเป็นเพียงเรื่องตลกเท่านั้น

สัตว์ป่ายอมตายเพื่ออาหาร มนุษย์ยอมตายเพื่อความมั่งคั่ง ไม่ว่าโลกมนุษย์ใบเดิมของฟางหยวนหรือโลกวิญญาณใบนี้ ผู้คนมักจะเหยียบย่ำมิตรภาพและความรักเพื่อผลประโยชน์ของตนเองเสมอ

ในความเป็นจริงมันไม่เคยมีความผูกพันใดๆ เหตุผลที่ลุงกับป้านำเขาและน้องชายมาดูแลก็เป็นเพราะคนทั้งสองต้องการยึดครองมรดกของครอบครัวแซ่ฟางนั่นเอง

‘ก้าวแรกมักยากลำบากที่สุดเสมอ เช่นเดียวกับข้า ประการแรก ข้าไม่มีพรสวรรค์ที่โดดเด่น ประการที่สอง ข้าไม่มีอาจารย์อบรมสั่งสอน ข้าเริ่มต้นจากศูนย์ แต่ด้วยมรดกของท่านพ่อท่านแม่ มันจะเป็นประโยชน์สำหรับข้า ในชีวิตก่อนหน้า ลุงกับป้าขโมยมรดกเหล่านั้นไป นั่นทำให้ข้าเสียเวลาไปถึงสองปีโดยปราศจากความก้าวหน้า ดังนั้นในชีวิตนี้ข้าจะไม่ทำผิดพลาดเช่นเดิมอีก’

ฟางหยวนตัดสินใจขณะที่เดินออกไปนอกหมู่บ้าน

ในคืนที่มืดมิดและไร้แสงดาว สายลมที่พัดผ่านภูเขาค่อยๆทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

เมฆฝนกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาแต่เขายังคงมุ่งมั่น หลังจากทั้งหมดมีเพียงมรดกของนักบวชปีศาจสุราดอกไม้เท่านั้นที่จะทำให้เขาเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

นอกหมู่บ้าน สายลมที่กรรโชกแรงหอบเอาชุดผ้าบางๆของฟางหยวนลอยขึ้นสู่อากาศ ท่ามกลางความหนาวเย็น สุราทำให้เขารู้สึกอบอุ่นขึ้นเล็กน้อย

นี่เป็นครั้งแรกในช่วงหลายวันที่ฟางหยวนดื่มสุราเข้าไปจริงๆ

แม้จะมีเพียงความมืดมิดที่รออยู่ แต่ฟางหยวนก็ไม่ลังเลที่จะเดินต่อไปข้างหน้า

อีกด้านหนึ่งน้องชายของเขาฟางเจิ้งกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวใหญ่เพื่อทบทวนบทเรียนอยู่ท่ามกลางแสงสว่าง ไม่มีลม ไม่มีความหนาวเย็น บนโต๊ะยังมีน้ำโสมอุ่นๆเตรียมไว้ให้เขาจิบได้ตลอดเวลา

“คุณชายเจ้าคะ ข้าได้เตรียมน้ำอุ่นเอาไว้ให้ท่านอาบแล้วเจ้าค่ะ”

นอกห้อง เฉินซุ้ยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ทรงเสน่ห์ของนาง

หัวใจของฟางเจิ้งเต้นแรงขึ้นอย่างกะทันหัน “นำมันเข้ามา”

เฉินซุ้ยเดินเข้าไปในห้องก่อนจะโค้งคำนับอย่างงดงามต่อหน้าฟางเจิ้ง

“สาวใช้ผู้ต่ำต้อยคารวะคุณชายเจ้าค่ะ” เฉินซุ้ยมองฟางเจิ้งด้วยด้วยสายตายั่วยวน

ฟางหยวนมีพรสวรรค์เพียงนภาที่สามขณะที่ฟางเจิ้งมีพรสวรรค์นภาที่หนึ่ง ชัดเจนว่าผู้ใดมีอนาคตที่สดใสหรือผู้ใดไม่มี หากเฉินซุ้ยได้รับการสนับสนุนจากฟางเจิ้ง มันจะเป็นโชคลาภครั้งใหญ่ของนางอย่างไม่ต้องสงสัย

5 2 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด