ตอนที่แล้วตอนที่ 141 – แผนการของกู่เสวี่ย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 143 – ข้าซ้าย เจ้าขวา

ตอนที่ 142 – พี่น้องฮวาซื่อ


ตอนที่ 142 – พี่น้องฮวาซื่อ

 

“หลิงซู เจ้าคนเนรคุณ! อกตัญญู! เมื่อใดกันที่พวกเราปฏิบัติไม่ดีต่อเขา? มันกลับหักหลังพวกเราจริงงั้นหรือ? บัดซบ! พวกเราจะไม่ปล่อยมันไปเช่นนี้ ไม่มีทาง!”

พ่อบ้านของตระกูลหลักโกรธจนหน้าเขียว ตะโกนด่าทออยู่ภายในห้องโถง เขารับใช้ผู้อาวุโสสูงสุดมาสี่สิบปี เรื่องภายในบ้านส่วนมากจะต้องผ่านมือเขา แม้กระทั่งบุตรของผู้อาวุโสสูงสุดยังมีอำนาจน้อยกว่าเขา

เขาได้พบปะหลิงซูหลายครา เหรียญดารา ยันต์จิตวิญญาณ หินดารา ฯลฯ ทั้งหมดต่างเป็นเขาที่มอบให้หลิงซู การปฏิบัติต่อหลิงซูภายในตระกูลหลักแทบไม่เป็นสองรองใคร

“นี่มันเป็นความผิดพลาดของข้า” ผู้อาวุโสตระกูลสูงสุดฟื้นคืนความสงบของเขาและกล่าวเสียงต่ำ “ข้าใส่ใจหลิงซูน้อยเกินไป อัจฉริยะเช่นนี้ จะเป็นไปได้เยี่ยงไรที่จะชนะใจเขาด้วยเงินทอง? ข้าละเลยเกินไป! พูดมา สิ่งใดที่หลิงซูชื่นชอบ?”

สิ่งใดกันที่หลิงซูชื่อชอบ?

พ่อบ้านตกตะลึง เขาอดมิได้ต้องครุ่นคิด เขาค่อนข้างไม่แน่ใจนัก “เขามีท่าทางเบื่อหน่าย มิค่อยพูดจาและมิค่อยมีความสุขเท่าใดนัก เหมือนคล้ายว่าเขามิได้สนใจอันใดทั้งสิ้นขอรับ”

“งั้นช่างเถอะ” ผู้อาวุโสสูงสุดส่ายหัวพลางถอนหายใจ “ความผิดพลาดเช่นนี้เพียงเกิดขึ้นแค่คราเดียวก็ทำให้พวกเราได้รับผลอย่างรุนแรงนัก ในตอนนี้จำเป็นต้องคิดหาหนทางทำเยี่ยงไรถึงจะกอบกู้สถานการณ์ได้ เจ้าได้ติดต่อคนผู้นั้นหรือยัง?”

สีหน้าพ่อบ้านคล้ายไม่ค่อยมีความสุข “ฉีหยาปฏิเสธขอรับ ดูเหมือนว่าข่าวลือจะเป็นความจริง”

ผู้อาวุโสสูงสุดครุ่นคิด “สามารถหนีรอดจากเงื้อมมือฉีหยาได้ ความสามารถของเขามิอาจดูแคลนได้ แล้วคนอื่นล่ะ?”

“คนอื่นมีเพียงคนเดียวที่เต็มใจจะรับข้อเสนอนี้ พวกเขาคือพี่น้องฮวาซื่อ” พ่อบ้านตอบ

“พี่น้องฮวาซื่อ?” ผู้อาวุโสสูงสุดเคยได้ยินนามนี้มาก่อน นัยน์ตาของเขาพลันสว่างวาบ “สองพี่น้อง ฮวาหรงและฮวาซา งั้นหรือ?”

“ขอรับ!” พ่อบ้านตื่นเต้นเล็กน้อย “พวกเขาเต็มใจที่จะรับงานนี้ แม้ว่าค่าจ้างจะสูงแต่มีเพียงแค่พวกเขาทั้งสองคนเท่านั้นนอกเหนือจากนั้นต่างถอนตัว เรื่องที่ดีก็คือแม้ว่ามันจะเป็นค่าจ้างที่แพงกว่า แต่พี่น้องฮวาซื่อพูดคุยด้วยง่าย และพูดได้ง่ายกว่าฉีหยาเสียอีก”

“ถ้างั้นก็ใช้พี่น้องฮวาซื่อ!” ผู้อาวุโสสูงสุดตัดสินใจ “ต้องจัดการให้ด่วนที่สุด! ยิ่งพวกเราจัดการได้เร็วเท่าใด สถานการณ์มันก็จะดียิ่งขึ้นสำหรับพวกเรา หากยิ่งช้าไปพวกเราจะยิ่งไม่สามารถทำอะไรได้อีก”

“เพียงหนึ่งวัน พวกเขาสามารถมาถึง!” พ่อบ้านขบฟันของเขา “หลิงซูและสหายผู้นั้น พวกมันจะต้องมิสามารถรอดไปได้อีก”

ผู้อาวุโสสูงสุดเปิดเผยท่าทางที่พอใจ “เมื่อพวกเขามาถึง ข้าคลายกังวลได้ จดจำไว้ว่าเตือนพวกเขาเอาไว้ด้วยอย่าได้ทำร้าย กู่เสวี่ย ข้าต้องการนางแบบมีชีวิต”

“ขอรับ!” พ่อบ้านตอบด้วยความเคารพ

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

“เจ้ากำลังจะไปกลุ่มดารากางเขนใต้งั้นหรือ?” หลิงซูจ้องเขม็งบนหน้าถังเทียน ราวกับมันมีดอกไม้อยู่บนหน้าเขา

“ใช่” ถังเทียนมีสีหน้าสงสัย “เอ่อ..เจ้าเคยได้ยินกลุ่มดารากางเขนใต้มางั้นหรือ?”

“อาจารย์ของข้าเคยกล่าวถึงมัน” หลิงซูมีท่าทางเหมือนกับครุ่นคิด “อย่าได้ตอแยกับผู้เชี่ยวชาญของตำหนักซานสือ* และนอกจากนี้ยังมีผู้คนของกลุ่มดารากางเขนใต้อีกด้วยที่อาจารย์ได้กล่าวเอาไว้”

[คั่นหนังสือ : *ตำหนักซานสือ ตรงนี้คือ 13宫 ผมไม่ค่อยแน่ใจนัก แต่ผมคิดว่าผู้แต่งน่าจะสื่อถึงระบบสุริยะจักรวาลซึ่งมีดาวเคราะห์ 8 ดวง ได้แก่(พุธ,ศุกร์,โลก,อังคาร,พฤหัส,เสาร์,ยูเรนัส,และเนปจูน)และดาวเคราะห์น้อย 5 ดวง ได้แก่(ซีรีส,พลูโต,เฮาเมอา,มาคีมาคีและอีริส) ผมเลยคิดว่าตำหนักสิบสามคือดาวเคราะห์ดวงที่สิบสามที่ผู้แต่งอ้างอิงมา หากผิดพลาดประการใดจะทำการแก้ไขทันทีครับ ข้อมูลดาวเคราะห์จาก wiki]

ถังเทียนมีท่าทางที่ประหลาดใจ “ว้าว อาจารย์ของเจ้าคงจะเก่งกาจมากเลยสินะ? เขาถึงได้คาดเดาว่ากลุ่มดารากางเขนใต้มีบุรุษหนุ่มเทพผู้นี้อยู่ ใช่หรือไม่!”

ทันใดนั้นก็มีเงาร่างสีน้ำเงินปรากฏขึ้นมาอยู่ด้านข้างถังเทียน “อาจารย์เจ้าเป็นผู้ใด?”

สายตาทหารจ้องเขม็งไปยังหลิงซู

หลิงซูกระเด้งขึ้นมาจากที่นั่งของเขาและตั้งกระบวนท่าเตรียมพร้อมอย่างระวัง นัยน์ตาของเขาหรี่ลง “เจ้าเป็นใครกัน?”

เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่อันตรายมาจากอีกฝ่าย นี่มันเป็นระดับกลิ่นอายที่...ช่างรุนแรงนัก!

เขาเป็นใครกันแน่?

ถังเทียนตกใจ เขารีบเร่งลุกขึ้น “เขาคือลุงทหาร จิตวิญญาณขุนพลของข้า”

“จิตวิญญาณขุนพลงั้นหรือ?” หลิงซูมองไปยังทหารอย่างสงสัย “จิตวิญญาณขุนพลของเจ้าช่างเหมือนเจ้านัก พวกไม่ค่อยปกติ”

“เจ้าพูดจริงหรือ? ฮ่าฮ่า! เจ้าช่างตาถึงนัก!” ก่อนใบหน้าหลิงซูจะดำทะมึน ถังเทียนที่เบิกบานก็บอกทหาร “นี่ลุง อย่าทำเป็นดุนักเลย อย่าอย่าทำให้เด็กน้อยกลัวสิ!”

เด็กน้อย….

ดวงตาหลิงซูเบิกกว้าง เส้นประสาทถึงกับขาดผึง เขากระโดดเข้ามาด้วยความโกรธ “เจ้าน่ะสิเด็กน้อย! ครอบครัวทั้งหมดของเจ้าก็เด็กน้อย!”

ถังเทียนแสดงท่าทางประมาณว่า “ข้ารู้ดี” และกล่าวกับทหาร “เห็นหรือไม่ ข้าบอกท่านแล้ว”

ทหารเมินถังเทียนแต่สายตาของเขากลับจ้องเขม็งไปยังหลิงซู “มีอย่างอื่นอีกหรือไม่ที่อาจารย์เจ้าได้กล่าวถึง?”

ตอนนี้หลิงซูรู้แล้วว่าทหารมิได้อันตราย เขาพลางรั้งหอกกลับและแค่นเสียง เนื่องจากเขามิพอใจสายตาของทหารที่จ้องมองมา “ข้าลืมไปแล้ว!”

ถังเทียนตบไหล่หลิงซูพลางปลอบเขา “เด็กน้อย เจ้าจะต้องรู้จักเป็นคนใจกว้าง สวรรค์ เจ้าความจำสั้นเช่นเดียวกับจิตวิญญาณขุนพลเลยงั้นหรือ?”

“กลุ่มดาราแกะ...” ทหารพยายามที่จะระลึกถึง จู่ๆเขาก็พลันหมุนตัวมาและจ้องมองไปยังถังเทียนอย่างไม่เป็นมิตร “เจ้าหมายความว่ายังไงที่ว่าความจำสั้นเช่นเดียวกับจิตวิญญาณขุนพล”

ถังเทียนทำเป็นหูทวนลมพลางเงยหน้าหาว

เมื่อมองดูไปยังคู่ที่โต้เถียงกัน กู่เสวี่ยผู้ที่กำลังเล่นกับหยาหยาภายในมือของนางก็พลันรู้สึกว่ามันคงจะเป็นช่วงเวลาที่ดียิ่งนักหากเวลาสามารถหยุดอยู่ในช่วงนี้

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

“ผู้อาวุโสสูงสุด พวกเขามากันแล้วขอรับ!” น้ำเสียงของพ่อบ้านมีอาการสั่นไหว

“ให้พวกเขาเข้ามาได้” ผู้อาวุโสสูงสุดยับยั้งความสุขของเขาและรีบเร่งออกคำสั่งขณะที่เขาลุกขึ้นเพื่อไปต้อนรับพวกเขา

สองร่างที่สูงใหญ่ปรากฏขึ้นที่ทางเข้าประตู ทันใดนั้นมันก็บดบังแสงที่ส่องเข้ามาภายในประตู ทั้งสองเดินมายังเบื้องหน้าผู้อาวุโสสูงสุด ความรู้สึกกดดันอันรุนแรงพุ่งเข้ามาภายใน แม้กระทั่งผู้อาวุโสสูงสุดที่ได้พบเห็นเรื่องราวผู้คนที่น่าเกรงขามมามากมาย อดมิได้ที่จะสะท้านกับการปรากฏตัวของพวกเขา

สมแล้วที่พวกเขาคู่ควรอยู่ในห้าสิบอันดับแรกของผู้เชี่ยวชาญที่เก่งที่สุดภายในดาวเฟยหลินแห่งนี้!

ฮวาหรงสูงประมาณ 1.85 เมตร แข็งแรงและกำยำ ผมสีน้ำตาลยาวเลยไหล่ลงมา เปลื่อยท่อนบนเปิดเผยกล้ามเนื้อคล้ายทองแดง มีสายตาที่เย็นชา ถือไว้ด้วยกระบองทองแดง

ฮวาซามีหน้าตาที่น่ากลัว สูงกว่าฮวาหรงหนึ่งเท่าหัว มีร่างที่กำยำมากกว่า มัดกล้ามปูดเปล่งออกมา ทำให้ผู้คนหวาดหวั่น เขาที่กำลังยืนอยู่มันราวกับเป็นภูเขาเหล็ก อยู่เบื้องหน้าเขามันก็มีความรู้สึกกดดันอย่างรุนแรง มันราวกับว่ามีมือที่มองไม่เห็นคว้ากำอยู่ที่ลำคอเอาไว้จนหายใจไม่ได้ ศาสตราวุธของเขากระบองหนักเขี้ยวหมาป่าสองหัวที่ดูน่ากลัวซึ่งเขาถือมันอย่างสบาย

กลิ่นอายอันเย็นเยียบของผู้เชี่ยวชาญถูกกดดันทั่วทุกมุมห้อง

สามารถเข้าไปติดห้าสิบอันดับแรกของดาวเฟยหลินเหมือนกัน มีเพียงแค่พี่น้องคู่นี้เท่านั้น มิว่าคนใดในพวกเขา มันต่างเป็นผู้ที่แข็งแกร่งภายในเมืองภูเขาทมิฬแห่งนี้

แต่นี้มีพวกเขาถึงสองคน!

คงมิมีผู้ใดสามารถหยุดพวกเขาได้ ทุกสิ่งอยู่ภายในกำมือของเขาและรวมถึงกู่เสวี่ยด้วย

“ข้ารบกวนพวกท่านทั้งสองแล้ว!” ต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ผู้อาวุโสสูงสุดมิกล้าทำตัวสูงส่งอีกต่อไป

ฮวาหรงถามอย่างไร้อารมณ์ “ค่าจ้างพวกเราล่ะ?”

“พวกเราได้จ่ายเงินมัดจำไป….” พ่อบ้านตอบ

ฮวาหรงทำเหมือนไม่ได้ยิน นัยน์เย็นชาคู่นั้นจ้องมองไปยังผู้อาวุโสสูงสุด “พวกเรามีธุรมากมาย มิได้มีเวลาว่าที่จะมาเสียเวลากับพวกเจ้า”

“เจ้า...” พ่อบ้านมิคิดว่าฮวาหรงจะไร้มารยาทเช่นนี้

ผู้อาวุโสสูงสุดยื่นมืออกมาเพื่อยับยั้งมิให้พ่อบ้านกล่าวตำหนิพลางกล่าวอย่างสงบ “มันจะต้องจ่ายมิช้าก็เร็ว ข้าเชื่อมั่นในตัวพวกท่านทั้งสอง ไปสิ ออกไปนำค่าตอบแทนที่พวกเราเตรียมเอาไว้”

สายตาฮวาหรงในตอนนี้ทำให้ผู้อาวุโสสูงสุดรู้สึกราวกับหัวใจของเขาถูกบีบรัดด้วยมือคู่หนึ่งและมันแทบจะหยุดเต้น เขาเป็นบุคคลที่หนักแน่นและรู้ว่าสิ่งใดที่ควรกระทำในตอนนี้

ฮวาหรงรู้สึกประหลาดใจกับความตรงไปตรงมาของผู้อาวุโสสูงสุด เขาก็พยักหน้า “อันที่จริงผู้อาวุโสสูงสุด ท่านก็เป็นคนตรงไปตรงมานัก พวกเราพี่น้องจะมิล่าช้าเช่นกัน พวกมันจะต้องมิมีชีวิตเกินคืนนี้”

คำกล่าวของฮวาหรงกล่าวออกมาอย่างเฉยชา แต่มันกลับทำให้ผู้คนรู้สึกได้ถึงความมั่นใจ

ฮวาซายกยิ้มขึ้นมองคล้ายดูโง่งมแต่มันก็มองดูเหมือนอสูรร้ายเช่นกัน

“ถ้างั้นข้าก็คงโล่งใจแล้ว” ผู้อาวุโสสูงสุดฝืนยิ้มออกมา

มินานหลังจากนั้นค่าตอบแทนก็ถูกส่งมา ฮวาหรงตรวจสอบดูและเก็บพวกมันอย่างพึงพอใจ

“ให้ใครบางคนนำทางพวกเราไปที” ฮวาหรงกล่าวเบาๆ “ยิ่งพวกเราจัดการเสร็จได้เท่าใด พวกเราก็จะยิ่งพักผ่อนได้เร็วเท่านั้น ถ้าหากมีธุรกิจอื่นอีกในอนาคต โปรดอย่าได้ลืมพวกเราล่ะผู้อาวุโสสูงสุด”

จากนั้นเขาก็หันไปกล่าวกับฮวาซา “ไปกันเถอะ”

ยามเมื่อคู่หูทั้งสองจากไป ผู้อาวุโสสูงสุดพลันนั่งลงบนเก้าอี้ของเขา จากนั้นเขาพลันตระหนักได้ถึงบางอย่าง เนื่องจากเขาเหงื่อชุมโชกไปตั้งแต่หัวจรดเท้าโดยไม่รู้ตัวและรู้สึกเหนื่อยล้ายิ่ง

ผู้อาวุโสสูงสุดรู้สึกตกใจและประหลาดใจ

พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริง!

เมื่อเทียบกับหลิงซูแล้วห่างจนมองมิเห็น

ดวงตาเขาส่องประกาย เขาต้องการที่จะบอกทุกคนที่ทรยศเขาว่า มันจะมีผลลัพธ์เพียงอย่างเดียว

คือตาย!

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

ทั่วทั้งเมืองภูเขาทมิฬดูเงียบอย่างผิดปกติ ตระกูลทั้งหมดต่างพยายามอย่างหนักเพื่อยับยั้งตระกูลของพวกเขาเอง เมืองภูเขาทมิฬที่ดูคึกคักกลายเป็นดูเหี่ยวเฉาลง ถนนที่กว้างต่างว่างเปล่าไร้ผู้คน

ความสงบที่ผิดปกติเช่นนี้มันเป็นดั่งสัญญาณ นี่มันเป็นลมสงบก่อนที่จะมีพายุ

“เงียบเกินไป! ข้าได้ยินแม้กระทั่งเสียงหายใจ” กู่เสวี่ยยืนอยู่ตรงหน้าต่าง มองลงไปยังถนนที่ว่างเปล่า น้ำเสียงของนางแสดงถึงอาการวิตก

แม้กระทั่งคนโง่ยังคงรู้ว่าผู้อาวุโสสูงสุดกำลังเตรียมการที่จะแก้แค้น เมื่อเขาเตรียมการเสร็จเมื่อใด สิ่งที่รอคอยของหลิงซูและพวกที่เหลือ มันจะต้องเป็นการจู่โจมที่รุนแรงและไร้ความเมตตา

ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลกู่มีชื่อเสียงโดดเด่นกว่าผู้อาวุโสคนอื่นของตระกูลกู่ เมื่อมันตกอยู่ภายใต้การจัดการของเขา อำนาจของตระกูลหลักมันยอดเยี่ยมเหนือกว่าตระกูลอื่นนัก

กู่อันสงสูญเสียความสุขุมยามปกติของเขา เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยอาการเศร้า และหัวร่ออย่างขมขื่น “ครานี้พวกเราคำนวณผิดพลาดแล้ว การทรยศของหลิงซูทำให้ชายชราผู้นั้นมีข้อแก้ต่างที่สมบูรณ์ในการแสดงฤทธิ์เดชของเขา ความพยายามของพวกเรากลายเป็นไร้ประโยชน์ไปเลย!”

กู่อู่ตกตะลึงและแทบจะกรีดร้องอย่างรุนแรง “อย่าบอกข้านะว่าผู้อาวุโสสูงสุดกำลังจะไปจับตัวกู่เสวี่ย? เขากล้าหรือ!”

เขารู้จักกู่เสวี่ยดีราวกับเป็นดั่งกระเป๋าของเขาเอง เขามั่นใจว่าจะต้องจับนางได้ มิใช่เพียงเพราะเส้นชีพจรโลหิตรุ้งหิมะของนาง แต่มันเป็นเพราะรูปโฉมของนางเช่นกัน ตลอดไม่กี่วันที่ผ่านมานี้มันติดอยู่ภายในใจของเขาและเขาถึงกลับนอนไม่หลับ

กู่อันสงหัวร่อเยาะ “อะไรถึงทำให้เขาไม่กล้า? ทั้งตระกูล บุคคลเดียวที่ข้ามิมั่นใจจะเอาชนะได้ก็คือตาเฒ่าผู้นั้น อย่าได้หลงกลไปกับความสงบเสงี่ยมของเขา เมื่อเขาลงมือเมื่อใด เขามิเคยให้โอกาสต่อผู้อื่น”

กู่อู่บังคับตัวเองให้สงบลง “มันมิง่ายดายเช่นนั้น หลิงซูและบุรุษลึกลับผู้นั้นมิใช่จะจัดการได้โดยง่าย ไหนจะยังมีมู่เหลยอีกคน”

กู่อันสงส่ายหัว “ผู้อาวุโสสูงสุดจะมิลงมือหากมันมิใช่สิ่งที่เขามั่นใจ”

ทันใดนั้น ต้าเหว่ยผู้ที่จับตามองอยู่บนถนนพลันตะโกนขึ้น “พวกเขาออกมาแล้ว!”

กู่อู่และกู่อันสงรีบวิ่งออกไป บุรุษทั้งสองผู้ที่เป็นดั่งปราการเหล็ก ภายใต้การนำทางของนักสู้เดินอย่างผ่อนคลายไปยังทิศทางของซากปรักหักพัง

สองนามพลันเด้งขึ้นมาภายในใจของกู่อู่ สีหน้าของเขาพลันซีดขาวในทันที

“พี่น้องฮวาซื่อ...”

เสียงอุทานของเขาเต็มไปอาการสั่นสะท้าน

สีหน้ากู่อันสงกลายเป็นเขียวซีดพลางพึมพำกับตัวเอง “เป็นไปอย่างที่คิด...”

ดวงตาทั้งหมดที่จ้องมองไปยังบนถนนนี้ต่างตกตะลึง

***********************************************************

ติ ชม รับข่าวสารได้ที่ แฟนเพจ ได้เลย และกดไลค์เพื่อเป็นกำลังใจด้วยครับ

 

0 0 โหวต
Article Rating
33 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด