ตอนที่แล้วAST บทที่ 191 - เทพธิดาก็ต้องสวมชุดชั้นใน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปAST บทที่ 193 - ดอกไม้ไฟที่ถูกจุดขึ้น

AST บทที่ 192 - ความแตกต่างระหว่างคนไม่ดีกับคนนิสัยที่ไม่ดี


ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique

บทที่ 192 - ความแตกต่างระหว่างคนไม่ดีกับคนนิสัยที่ไม่ดี

อารมณ์ของผู้คนในสถานที่แข่งขันแลกเปลี่ยนทักษะระหว่างนิกายได้เปลี่ยนไป เกิดจากการถอนตัวของตระกูลตง คำพูดของตงถูที่ต้องการจะตาย และคำเตือนที่ตระกูลตงได้รับ

"ปล่อยตระกูลตงไปเถอะ ให้คนในของตระกูลตงข้า นำคำพูดของข้าไปบอกกับท่านหัวหน้าตระกูล“”จงไปบอกท่านผู้นำว่าอย่าแก้แค้นให้ข้า ข้าไม่คิดจะแก้แค้น และอย่าละทิ้งเมืองหอกสีเงินออกมา "

นี่เป็นสัญญาณที่ชัดเจนในการแสดงการยอมแพ้ต่ออีกฝ่าย ขณะที่มองไปที่ชิงสุ่ย และ นิกายกระบี่นภา ที่เขาตัดสินใจในอนาคตเขาจะไม่เข้าไปมายุ่งเกี่ยวกับเมืองชางหลางอีกแล้ว

หลายคนไม่เข้าใจว่านิกายกระบี่นภามีอำนาจเช่นนี้ได้อย่างไร? เท่าที่พวกเขารู้มาเมือง หอกสีเงิน ก็จัดว่าเป็นเมืองที่มีความเข็มแข็งที่จัดอยู่ในระดับต้นๆในอาณาจักร ชางหลาง ทำไมพวกเขาถึงยอมแพ้อย่าง่ายดาย? ทำไมพวกเขาถึงกล้ายอมรับอัปยศอดสูในครั้งนี้

มันอาจเป็นไปได้ไหมที่นิกายกระบี่นภาจะพลังอำนาจมากกว่าที่เขารู้มา? ผู้อาวุโสที่มีผมสีขาวส่ายหน้าและถอนหายใจเขาไม่ได้เฉลียวใจกับเรื่องนี้

ในขณะนี้ความแข็งแกร่งชิงสุ่ยยังไม่ได้แข็งแกร่งที่สุดในเมืองชางหลาง แต่ก็ไม่มีผู้ใดที่จะสามารถทำอะไรเขาได้ เนื่องจากเขาได้มีนิกายกระบี่นภาคอยปกป้องอยู่?แล้วหลังจากสิบหรือยี่สิบปีจากนี้ไป  เขาจะแข็งแกร่งได้มากขนาดไหน? ตงถูที่อายุมากแล้วสามารถมองเห็นความน่ากลัวของปัญหา เมื่อเขาตระหนักว่าเขาไม่สามารถฆ่าชิงสุ่ยในตอนนี้ลงได้

ตงถูสามารถคาดการณ์ได้อย่างยาวไกล เขากังวลว่าตระกูลตงจะไม่ยอมหยุดเพียงเท่านี้ และพยายามที่จะฆ่าชิงสุ่ยเพื่อหาทางแก้แค้น พวกเขาได้สูญเสียไปเหตุผลไปแล้ว พวกเขาเพียงต้องการให้ชิงสุ่ยสยบใต้แทบเท้าของพวกเขาเท่านั้น? ถ้าเกิดเป็นเช่นนั้นจริง ในอีกสิบหรือยี่สิบปีข้างหน้ามีความเป็นไปได้สูงว่าตระกูลตงจะถูกทำลายจนหมดสิ้นไป โดยชายที่ชื่อชิงสุ่ยที่โหดร้ายและไร้ความปราณี!

ไป๋ลี่ จิงเว่ยยิ้มขณะมองดูการแข่งขัน ย้อนมองในอดีต กงซุน  ซานเชียน มักจะต้องก้าวออกไปเพื่อเอาชนะฝ่ายตรงข้ามด้วยระดับเทวะเทียนเซียน ระดับ 8 ของเขาเสมอ นั่นเป็นเพราะเพื่อรักษาความลับเกี่ยวกับการบาดเจ็บของไป๋ลี่ จิงเว่ย ซึ่งในตอนนั้นพลังของเขาได้อ่อนแอลงกว่าอีเย่ เจี้ยนเก้อซะอีก

 

หลังจากที่เขาได้พบกับชิงสุ่ย อาการบาดเจ็บที่ได้รับมา ตลอดเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 10 ปี ไม่ได้เพียงแค่หายไปเท่านั้น แต่มันกลับทำให้เขาฟื้นความสามารถของเขากลับไปในระดับเทวะเทียนเซียน ระดับ 8 ดังเก่า ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดคือพรสวรรค์ที่หายากของชิงสุ่ยที่ไม่สามารถหาใครเทียบได้ ด้วยความสามารถที่เขามีจะทำให้นิกายกระบี่นภาขึ้นอยู่บนจุดสูงสุดหรือแม้กระทั่งการควบคุมทวีปนี้ไว้ก็เป็นไปได้

ขญะที่การแข่งขันด้านนอกเป็นไปอย่างร้อนระอุ ในขณะที่ชิงสุ่ยอยู่ที่หุบเขาหมอกเมฆ พร้อมกับสือฉิงจวง ในช่วงบ่าย มีเสียงของเด็กสาวดังขึ้น

"ท่านพ่อ…"

สือฉิงจวงมองด้วยความงุนงงที่เด็กหญิงตัวน้อยเรียกว่าชิงสุ่ยว่า"ท่านพ่อ" ดวงตาดวงโตของนางดูคล้ายอัญมณีขนาดใหญ่และขนตายาวเล็กน้อยที่ทรงเสน่ห์ ควบคู่กับจมูกอันน้อย ๆที่น่ารักของนาง นางเดินตรงเข้าไปในห้อง หลังจากที่ได้เห็นสือฉิงจวงดวงตาดวงของนางได้กระพริบลงสองครั้งก่อนที่นางจะหันไปมองทางชิงสุ่ย “

สือจิงจวงจ้องมองไปที่เด็กหญิงตัวน้อยๆ โดยไม่กระพริบก่อนที่เธอจะมองไปที่ชิงสุ่ยโดยทางท่าตกตะลึง ขณะที่นางยิ้มออกมาและพูดว่า "เมื่อไรกันที่เจ้ามีลูกสาวตัวโตขนาดนี้แล้ว นางน่ารักเป็นอย่างมาก"

"เขาอุ้มนางขึ้นมาก มันเป็นเวลานานกว่าครึ่งปีแล้ว "ชิงสุ่ย กล่าวว่าอย่างเขินอาย

"ไม่อุ้ม ไม่อุ้มมมม นางคิดว่าการอุ้มเป็นสิงที่น่าอาย " หลวนหลวน กล่าว เธองรู้สึกน้อยใจกับการกระทำของชิงสุ่ย น้ำตากำลังจะไหลจากดวงตาที่งดงามของเธอ มันพร้อมที่จะหลั่งออกมาได้ทุกเมื่อ

"อ่า ไม่อุ้มก็ไม่อุ้ม หลวนหลวน เจ้าเป็นทูตสวรรค์ตัวน้อยที่สวรรค์มอบให้ข้า เจ้ารู้มั้ย " ชิงสุ่ยถึงกับเหงื่อไหลเพราะเขาไม่เชี่ยวชาญให้การเอาอกเอาใจเด็ก ๆ

"เด็กน้อยเจ้ามาที่นี้เพราะได้กลิ่นอะไรบ้างอย่างสินะ?" ชิงสุ่ยรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา รู้ดีว่าเธอมาเพราะกลิ่นของอาหาร เขาจำได้ว่าจมูกของเธอกระตุก เมื่อเธอเดินเข้ามาในห้อง มันเป็นภาพที่น่ารักมาก

เด็กหญิงยิ้มกว้างและตอบว่า "ใช่" ก่อนที่ดวงตาของเธอจะเริ่มมองไปรอบ ๆ ห้องของชิงสุ่ย  ชิงสุ่ยเคาะไปที่หัวอันเล็กของเธออย่างเบาๆ  เขาได้อุ่นน้ำซุปที่เหลืออีกเพียงครึ่งเดียวของหม้อ น้ำซุปนั้นเต็มไปด้วยคุณค่า และประโยชน์มากมาย เมื่อมันร้อนเขาได้ตักมันให้เธอ

 

เขาตักน้ำซุปขึ้นมาและเป่าให้น้ำซุปที่ร้อนอยู่ให้อุ่นเพื่อป้อนให้เด็กหญิงตัวน้อย  สือฉิงจวงรู้สึกทึ่งในขณะที่เธอกำลังมองไปยังฉากๆนี้มันเป็นภาพที่น่าประทับใจเป็นอย่างมาก เมื่อจ้องมองไปที่ชิงสุ่ยป้อนน้ำซุปให้เด็กหญิงตัวน้อย จากนั้นเธอก็นึกขึ้นมาได้ว่านี่เป็นภาพเดี่ยวกับที่เขาเคยทำให้กับเธอเมื่อก่อนหน้า

เธอรู้สึกว่าถ้าเปลี่ยนจากเด็กหญิงตัวน้อยๆเป็นเธอๆก็คงจะรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก

"เจ้าอิ่มแล้วหรือยัง?" ชิงสุ่ยยิ้มแล้วถามหลังจากที่เธอทานหมดไปหนึ่งชาม

"ข้ายังไม่เลย ขออีกชามนะๆ" หลวนหลวนมองไปที่หม้อด้านข้าง

หลังจากทานอีกชามเธอก็ตบท้องเล็กๆ ของเธอด้วยความพอใจ  ก่อนที่จะออกไปวิ่ง เล่นข้างนอก เธอได้หันมาพูดว่า "ท่านน้าท่านสวยมาก!"

สือฉิงจวงตะลึงไปขณะนึง ก่อนที่เธอจะยิ้มออกมาอย่างมีความสุข มันเป็นภาพที่หายากมาก ที่จะเห็นรอยยิ้มที่บริสุทธิ์ราวกับรอยยิ้มของเด็กคนหนึ่ง หน้าตาที่แสนเยือกเย็น แสนเย็นชากลับนุ่มนวลในขณะนั้น จิตใจของชิงสุ่ยได้ตกสู่ความภวังค์ในทันที รอยยิ้มนี้ทำให้เขาแทบจะคลั่งตาย

"เจ้ากำลังทำอะไร?"

สือฉิงจวงถามขณะที่นางเห็นว่า ชิงสุ่ยกำลังถอดรองเท้าออกและพร้อมที่จะเข้านอน

"คุยกับเจ้า ข้าก็เบื่อ งั้นข้านอนพักสักชั่วขณะ "หลังจากกล่าวว่าชิงสุ่ยกอดที่ผ้าห่มแล้วขึ้นไปบนเตียงของตัวเอง เขารู้สึกพึงพอใจเล็กน้อยที่จะได้ใช้ผ้าห่มที่อาจารย์เทพธิดาใช้ ในขณะที่มีสาวงามนอนอยู่ข้างกายเขา!

สือฉิงจวงถึงกับพูดไม่ออก เตียงขนาดไม่ใหญ่มากนัก มันทำมาเพื่อให้คนนอนได้เพียงหนึ่งคนเท่านั้น แต่ตอนนี้มันใช้รองรับคนถึงสองคนทำให้เตียงนั้นแคบลงทันตาเห็น เธอไม่ค่อยคุ้นเคยกับสถานการณ์แบบนี้มันทำให้เธอรู้สึกกระสับกระสาย

ชิงสุ่ย มองที่ใบหน้าที่เขินอายเล็กน้อยแต่ยังคงเย็นชาอยู่ มันเป็นภาพที่สวยงามมาก ถ้าเธอไม่ได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ เขาคงจะไม่มีโอกาสได้แบ่งปันเตียงกับนางอย่างเป็นแน่

"สือฉิงจวง ในที่สุดสามีของเจ้าก็ได้ให้ไออุ่นกับเจ้าบนเตียงเป็นครั้งแรก มัน รู้สึกดีมาก "ชิงสุ่ย พูดหยอกล้อ

"เจ้ามันคนนิสัยไม่ดี!" สือฉิงจวงกล่าวว่าพร้อมทำหน้ามุ่ย

"สือฉิงจวงเจ้ารู้หรือไม่ว่าความแตกต่างระหว่างคนนิสัยไม่ดีกับคนเลว มั้ย?" ชิงสุ่ยนอนอยู่ข้างๆเธอและยิ้มขณะที่เขาวางมือลงบนท้องของสือฉิงจวงเพื่อแผลด้วยปราณของเขา

สือฉิงจวง รู้สึกรู้สึกอบอุ่นและรู้สึกวาบหวิวบนท้องของเธอ เธอ รู้สึกคันเล็กน้อยที่บาดแผลของเธอ เธอรู้ว่า ตอนนี้ชิงสุ่ยได้ช่วยรักษาแผลให้เธอยู่  นางจึงหลับตาลงไม่มองเข้าไปในดวงตาที่ราวกับปิศาจร้ายของชิงสุ่ยที่กำลังจองมองมาที่เธอ

"ความแตกต่างอะไร? พวกเขาแย่ทั้งคู่ "สือฉิงจวงปิดตาแล้วกล่าว

ชิงสุ่ยหัวเราะก่อนที่เขาจะพูดว่า "สือฉิงจวงให้ข้าบอกเจ้าไหม ว่าทั้งสองมันมีความแตกต่างกันอย่างมาก คนเลวมันเลวโดยธรรมชาติ ในขณะที่คนนิสัยไม่ดี ... มันเป็นสิ่งที่เจ้าคิดว่าไม่ดี?”

หลังจากที่ชิงสุ่ยพูดจบแล้ว  เขาก็มองไปที่ใบหน้าที่สวยงาม ดวงตาของเธอที่กำลังปิดสนิท ขณะที่สีแดงได้ย้อมลงบนใบหน้าของนาง

“สือฉิงจวงข้าสงสัยมาตลอดทำไมเจ้าถึงบอกว่าข้านิสัยไม่ดี  หรือเจ้าคิดว่าข้าจะ... ?”

"อย่าพูด! เจ้ามันแย่และรู้แค่ว่าจะกลั่นแกล้งข้าอย่างไรเท่านั้น "สือฉิงจวง ระงับประโยคคำพูดของ ชิงสุ่ยอย่างรวดเร็วและรู้ดีว่าประโยคต่อจากนี้จะทำให้เธอรู้สึกอับอายมาก

"ให้ข้าจูบก่อนและข้าจะไม่พูดอะไรอะไรอีกเลยดีหรือไม่? "ชิงสุ่ยเดินหน้าสุดกำลัง

"ไม่ดี!" เสียงที่ชัดเจน ถูกกล่าวออกมาด้วยความโกรธ

"เจ้าต้องการให้ข้าจูบทางด้านซ้ายหรือด้านขวา?"

“ไม่ทั้งสอง”.

"เจ้าต้องการที่จะจูบข้าหรือถูกข้าจูบ? คิดให้รอบคอบก่อนที่เจ้าจะตอบ ถ้าเจ้าตอบผิดสามีของเจ้าจะลงโทษเจ้าด้วยตัวเอง "ขณะที่ชิงสุ่ยพูดแบบนั้น เขาได้ลุกขึ้นคร่อมลงบนตัวของเธอ

"ข้าบาดเจ็บอยู่  แต่เจ้าก็ยังจะข่มเหงข้าอีก!" สือฉิงจวง มองไปที่ชิงสุ่ยพร้อมกับดวงตาเศร้าสร้อย

ชิงสุ่ย โดนสือฉิงจวง พูดจาด้วยคำพูดที่รุนแรง ด้วยความงามราวหิมะทำให้เธอเป็นคนนิสัยเสีย? ท่าทีที่ทำให้ตกตะลึงของชิงสุ่ยทำให้สือฉิงจวงตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงไปของตัวเอง เธอรู้สึกอับอายเป็นอย่างมากมาก

0 0 โหวต
Article Rating
9 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด