ตอนที่แล้วAST บทที่ 182 - คลื่นสะท้านที่สามของฝ่ามือพุทธองค์ทองคำเก้าสะท้าน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปAST บทที่ 184 – การฝึกฝนภายใต้แรงกดดัน!

AST บทที่ 183 - ความเป็นพระเจ้า? กระบี่ดารายุพฆาต


ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique

บทที่ 183 - ความเป็นพระเจ้า? กระบี่ดารายุพฆาต

วันรุ่งขึ้นชิงสุ่ยพาหลวนหลวนไปที่ถ้ำพระพุทธรูปทองคำพันปาง เพื่อดูรูปปั้นพันปางของพระพุทธรูปทองคำ ณ ตอนนี้พวกเขาเพียงแค่มาเพื่อชื่นชมทัศนียภาพ

เมื่อคืนที่ผ่านมาในดินแดนหยกยุพราชอมตะ ชิงสุ่ยอุทิศเวลาให้กับการฝึกฝนคลื่นสะท้านที่สามจนกระทั่งถึงระดับที่น่าพอใจ ภายใต้แรงบันดาลใจจากพระโพธิสัตว์พันมือ

เมื่อครั้งแรกที่เขาลองฝึกฝนฝ่ามือพุทธองค์ทองคำเก้าสะท้าน เขาใช้เพียงแค่กำลังที่เกรี้ยวกราดของเขาเพียงลำพัง ตอนนี้เขาใช้เทคนิคการเคลื่อนไหวของเขามากขึ้น โดยการผสมผสานความแข็งแรงและเทคนิคเข้าด้วยกันอย่างลงตัว เพียงเท่านี้การเคลื่อนไหวของเขาก็จะแสดงพลังที่น่ากลัวออกมา

เทคนิคที่ปราศจากพละกำลังก็เป็นแค่รูปแบบและการแสดง การฝึกศิลปะการต่อสู้โดยไม่ใช้กำลังก็ไร้ประโยชน์เพราะคนที่มีพละกำลังมากคนหนึ่งนั้นสามารถเอาชนะคนที่มีทักษะศิลปะการต่อสู้สิบคนได้เลยทีเดียว!

ผู้ที่มีเพียงกล้ามเนื้อเท่านั้นจะเป็นผู้เสียเปรียบเมื่อต้องเผชิญกับฝ่ายตรงข้ามที่เข้มแข็งกว่าหรือผู้ที่มีทั้งทักษะและพละกำลัง ประสิทธิภาพก่อนหน้านี้ของฝ่ามือพุทธองค์ทองคำเก้าสะท้านคล้ายคลึงกับการใช้แต่เพียงกำลัง การผสมผสานระหว่างฝ่ามือพุทธองค์ทองคำเก้าสะท้านกับพระโพธิสัตว์พันมือรู้สึกเหมือนเป็นการเรียนรู้ที่จะใช้กำลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ชิงสุ่ยได้รับการปลุกให้ตื่นขึ้นโดยเด็กหญิงตัวเล็กๆที่สวยงาม เธอหยิกจมูกของเขา เมื่อมองไปที่เด็กหญิงคนนั้นที่มีใบหน้าที่งดงามของเด็กวัยเยาว์ ชิงสุ่ยถูจมูกของเขาคิดว่าจะมีความงามใดที่ไม่มีใครเทียบได้อีกในทวีปทั้งเก้าแม้จะผ่านไปอีกสิบห้าปีก็ตาม

"หลวนหลวน, เจ้าหิวไหม?" ชิงสุ่ยยิ้มให้กับเด็กหญิงตัวเล็กๆที่นอนอยู่ในอ้อมแขนของเขา

หลังจากทานอาหารบางอย่างแล้ว ชิงสุ่ยพาเธอไปที่รูปปั้นพันปางของพระพุทธรูปทองคำเพื่อชื่นชมภาพสุดท้ายก่อนออกเดินทาง

"หลวนหลวนเจ้าเคยเล่นกับฮูฮูและคนอื่นๆในเทือกเขาชางหลางหรือไม่" หลังจากออกจากถ้ำพระพุทธรูปทองคำพันปาง ชิงสุ่ยเดินทางไปตามรอบนอกของเทือกเขาชางหลาง

เทือกเขาชางหลางเป็นที่รู้จักในฐานะกระดูกสันหลังของอาณาจักรชางหลาง – ไม่เพียงแต่เป็นเทือกเขาอันคดเคี้ยวแต่มันยังเชื่อมต่อกับเทือกเขาอสูรยักษ์ที่อันตรายแห่งโลกเก้ามหาทวีปอีกด้วย

"ใช่, ข้ามักจะขี่ฮูฮูไปไหนมาไหน บางครั้งการขี่ไป๋ไป๋และเจ้าเทาน้อยก็ไม่สนุกเท่าไหร่" หลวนหลวนกระพริบดวงตาโตๆอันน่ารักตอบกลับไป ขณะที่เธอดึงชิงสุ่ยและกระโดดขึ้นไป

"มันสนุกที่ได้เล่นอยู่บนภูเขา? เจ้ามักจะเล่นที่ไหน?" ชิงสุ่ยไม่มีอะไรจะทำจึงตัดสินใจที่จะสนทนากับเด็กหญิงตัวเล็กๆเพื่อทำความรู้จักกับเธอให้ดีขึ้นนิดหน่อย

"มันสนุกมาก! โดยเฉพาะอย่างยิ่งในถ้ำนั้น อาาาาา, มีผู้ชายที่กำยำและเหมือนคนหัวล้าน แต่มีผมอยู่เพียงเส้นเดียวและอีกหนึ่งที่กำลังนอนอยู่... ถ้ำอยู่ด้านข้างของภูเขาและก็ไม่ได้พบเห็นได้โดยง่าย ถ้าไม่ใช่เพราะไป๋ไป๋ พวกเราก็คงจะไม่ได้พบเจออะไรเลย... มีไข่อยู่ข้างในด้วย..." หลวนหลวนเพ้อด้วยน้ำเสียงจริงจัง

ชิงสุ่ยตระหนักว่าความคิดของเด็กคนนี้นั้นผิดปกติมาก การกระโดดจากรายละเอียดหนึ่งไปสู่สิ่งอื่นช่างน่าตกใจ แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นชิงสุ่ยจึงป้องมือพูด มันกลายเป็นเรื่องที่ดูลึกลับหลังจากคำอธิบายของหลวนหลวน

"หลวนหลวน, เราจะไปดูมัน" ชิงสุ่ยรู้สึกราวกับว่าเขากำลังปล้นจี้เด็ก

"เอาล่ะข้าจะลองถามไป๋ไป๋เพื่อพาพวกเราไปที่นั่น"

ชิงสุ่ยจับหลวนหลวนไว้และยืนอยู่บนขนดำสลับขาวของอีแร้ง ตอนนี้เขารู้สึกละอายใจที่ต้องพึ่งพาเด็กสาวตัวน้อยในการบิน ซึ่งที่นิกายกระบี่นภาเขาต้องพึ่งพาอาจารย์เทพธิดาของเขา

พวกเธอดูเหมือนกันมาก!

เขาพบกับความเร็วที่บ้าคลั่งของการบินของสัตว์อสูรอีกครั้ง การเดินทางที่ใช้เวลาไม่กี่วันในการเดินทางบนบก เสร็จสิ้นภายในสองชั่วโมงหลังจากบินอย่างรวดเร็ว

"ท่านพ่อดูสิมันอยู่ที่นั่น"

ชิงสุ่ยมองไปในทิศทางที่เธอชี้ไป เป็นภาพของหน้าผาอันงดงาม ไม่มีผู้ใดจะทราบถึงฉากที่น่าประทับใจดังกล่าวและภาพแนวเทือกเขาอันสง่างาม

ในชีวิตที่ผ่านมาของเขา ภูเขาก็ดูเหมือนจะใหญ่โตและสูงตระหง่าน แต่เมื่อเปรียบเทียบกับสิ่งที่เขาได้เห็นตอนนี้พวกมันก็เหมือนเด็กเล็กๆ มีเทือกเขาที่สูงกว่าแปดพันเมตรที่นี่ ไม่อาจทราบได้ว่าจะมีสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในอากาศที่บอบบางในโลกเก้ามหาทวีปที่เต็มไปด้วยพลังงานมากน้อยเพียงใด

ทางเข้าเป็นประตูที่ปิดไว้ครึ่งหนึ่ง อีแร้งขนขาวลงจอดอย่างมั่นคงและเบาๆที่ทางเข้า ชิงสุยจับลูกสาวตัวน้อยไว้ในขณะที่เขากระโดดลงไป

หลวนหลวนลูบเบาๆลงไปที่หัวของอีแร้งขนขาวและหัวเราะคิกคัก

อีแร้งขนขาวร้องเสียงต่ำและบินออกไป

ชิงสุ่ยจับมือหลวนหลวนและเดินเข้าไปใกล้ประตูทางเข้าที่สูงตระหง่าน เฉพาะการเดินทางผ่านสัตว์ที่บินและต้องช่างสังเกตจึงจะเห็นมัน ไม่มีใครพบเจอจุดที่ยื่นออกมาของถ้ำนี้ท่ามกลางหน้าผาและภูเขาที่ไม่มีที่สิ้นสุด

ภายในถ้ำมีแสงสลัว แต่มีหินแสงสว่างที่มีคุณภาพสูงสุดอยู่บนเพดานส่องประกายเหมือนไข่มุกอันล้ำค่า เมื่อเลี้ยวโค้งเข้ามาภายในดูเหมือนกับว่าเป็นห้องโถงใหญ่

ถ้ำนี้ไม่ได้ใหญ่มากนักเมื่อเทียบกับถ้ำพระพุทธรูปทองคำพันปาง มันมีขนาดไม่ถึงครึ่งหนึ่งด้วยซ้ำ ถ้ำได้รับการค้ำจุนโดยเสาสูงสี่สิบเมตรที่เป็นเหมือนเสาหลักแห่งท้องฟ้า

มีบางครั้งที่เหล่านกบินผ่านห้องโถงอันกว้างขวางนี้ ชิงสุ่ยได้เห็นแม้แต่ตัวนิ่มขนาดเล็กที่ผ่านเข้ามา หรือมูลนกที่ตกลงบนพื้น มันดูเหมือนกับว่านกและสัตว์ป่าเช่นตัวนิ่มนั้นอาศัยอยู่ในถ้ำนี้

"ท่านพ่อมันสนุกมากที่ได้เล่นที่นี่ พวกเราสามารถหาไข่นกได้เยอะแยะมากมาย" หลวนหลวนตั้งข้อสังเกตของเธอ ดวงตาที่สว่างไสวของเธอจ้องมองไปที่รอยแยกบนผนังหินและสถานที่ที่เป็นไปได้ของรังนก

ชิงสุ่ยรู้สึกขบขัน ความสนุกของหลวนหลวนน่าจะหมายถึงการเก็บไข่นก

ชิงสุ่ยตรวจสอบสภาพแวดล้อมของถ้ำ

เขาไม่ได้สังเกตเห็นอะไรเป็นพิเศษหรือค้นพบรูปปั้นที่หลวนหลวนกล่าวถึงแม้ว่าจะสังเกตเป็นครั้งที่สองแล้วก็ตาม

"หลวนหลวน ผู้ชายกำยำที่เจ้าพูดถึงอยู่ที่ไหน? ข้าไม่เห็นเขาเลย" ชิงสุ่ยมองดูเด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังยุ่งอยู่ เธอกำลังขว้างปาก้อนหินไปยังจุดที่เป็นไปได้ว่าจะเป็นรังนกและดูเหมือนเธอจะเริ่มเบื่อ

"โอ้นั่น, มันอยู่ตรงนั้น" ลูกสาวตัวน้อยชี้ไปที่กำแพงหิน

เมื่อเห็นว่าชิงสุ่ยกำลังงงงวย หลวนหลวนก็กระโดดโลดเต้นเข้าไปอย่างมีความสุขและกดเสาหินขนาดเล็กที่ยื่นออกมา มีเสียงเล็กๆดังขึ้นและปรากฏประตูเปิดอ้าอยู่ต่อหน้าชิงสุ่ย

พื้นที่ภายในมีขนาดเล็กกว่าห้องโถง มันมีขนาดเพียงสามห้องเล็กๆ แม้ว่าความสูงจะเท่ากับห้องโถงธรรมดาก็ตาม รูปปั้นขนาดใหญ่ที่หลวนหลวนได้กล่าวถึงก็พบเห็นได้เมื่อเข้ามาภายใน

ขนาดของมันเทียบได้กับรูปปั้นในถ้ำพระพุทธรูปทองคำพันปาง มีภาพลักษณ์ที่สง่างามสวมเสื้อคลุมลัทธิเต๋าที่ชิงสุ่ยคุ้นเคย มีสิงห์หน้าตาน่าเกรงขามนอนอยู่ใต้ฝ่าเท้า สิ่งนี้มีขนาดใหญ่มากๆ นี่น่าจะเป็นคนนอนหลับที่หลวนหลวนเคยพูดถึง สิ่งที่ทำให้ชิงสุ่ยประหลาดใจคือความรู้สึกที่สัมผัสได้ถึงแรงกดดันจากรูปปั้นขนาดมหึมาเหมือนลัทธิเต๋า

ชิงสุ่ยงงงวย เมื่อกี้คืออะไร? มันแสดงถึงความเป็นพระเจ้า?

ชิงสุ่ยเห็นว่าหลวนหลวนไม่ได้รู้สึกอึดอัดใดๆและคาดเดาว่าความรู้สึกนี้จะเกิดขึ้นเมื่อทักษะของคนผู้นั้นเหมาะสมกับมันเท่านั้น เด็กตัวเล็กๆอย่างหลวนหลวนจึงไม่สามารถรู้สึกได้

ชิงสุ่ยก้าวไปข้างหน้าสามก้าวและรู้สึกว่าเขาถูกโอบอุ้มเอาไว้ด้วยแรงกดดัน แม้แต่กระดูกของเขาก็รู้สึกเหมือนถูกกดแน่น ทำให้ชิงสุ่ยยิ่งรู้สึกว่ารูปปั้นนี้น่าสงสัยมากยิ่งขึ้น

เฉพาะสิ่งที่มีความบริสุทธิ์เท่านั้นที่สามารถทำให้เกิดแรงกดดันที่ล้นหลามนี้ได้

เพียงร้อยเมตร ชิงสุ่ยเดินไปเพียงสิบก้าวและรู้สึกเหนื่อยล้ามาก แม้แต่เสียงกระดูกแตกของเขาก็อาจจะได้ยินหากยังฝืนเดินต่อไปแม้กระทั่งหลังจากที่เขาได้บรรลุถึงเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลขั้นสี่ ถ้าไม่ใช่เพราะเคล็ดวิชา เขาคงจะถูกบดขยี้เป็นชิ้นๆไปแล้ว

เคล็ดเสริมกายาบรรพกาลที่ไหลเวียนอยู่กำลังหมุนเวียนเร็วขึ้น

ตอนนี้ชิงสุ่ยอาศัยเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลและกำลังทางกายอันแข็งแกร่งที่ไม่เหมือนใครของเขา แปรผันพลังหยินหยางจากจิตใต้สำนึกของเขาเพื่อต่อต้านแรงกดดันจากรูปปั้น

เขาเหงื่อออกมากเหมือนสายน้ำ ความเร็วของเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลได้ไหลเวียนไปถึงจุดสูงสุดของขั้นที่สี่

ชิงสุ่ยพยายามมุ่งหน้าไปต่ออย่างไม่หยุดหย่อน

ชิงสุ่ยรู้สึกหมดหนทางและถอนหายใจ เขาอยากจะมองดูรูปปั้นใกล้ๆแต่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ที่จะต้านทานความกดดันแม้แต่กับอาณาจักรพลังปราณเทวะกษัตริย์

"ท่านพ่อจับนี่, ข้าจะช่วยท่าน"

ชิงสุ่ยเฝ้าดูขณะที่หลวนหลวนคล้องโซ่เงินบางๆลงบนฝ่ามือของเขา ปลายอีกด้านหนึ่งของห่วงโซ่คือรูปปั้นเทวรูป

ชิงสุ่ยพูดไม่ออกในขณะที่เขาจ้องมองที่เด็กหญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งซึ่งกำลังเรียกเขาว่าท่านพ่อ ทำไมเธอไม่ดึงเขาไปที่รูปปั้นแทนการเลือกที่จะให้เขาดึงโซ่เงิน? เธอรู้หรือไม่ว่าเขาไม่สามารถเข้าใกล้มันได้? เธอรู้สึกสนุกกับการให้ดึงโซ่หรือไม่?

ชิงสุ่ยคว้าโซ่ที่เรียวยาวและดึงแรงๆ ห่วงโซ่ตึงแต่วัตถุอื่นๆก็ยังคงนิ่งอยู่

"ท่านพ่อ, แรงอีกๆ!" หลวนหลวนกระตุ้นอยู่ข้างๆ

ชิงสุ่ยเพิ่มแรงขึ้นเรื่อยๆและค่อยๆ เขาตระหนักว่าห่วงโซ่นั้นแข็งแรงมากและวัตถุนั้นก็แข็งแรงเช่นกัน เมื่อเขาใช้กำลังกว่าสองพันจิน ก็เกิดเสียงของวัตถุหนักที่ขูดลงบนพื้นดินออกมาจากอีกฟากหนึ่ง

ชิงสุ่ยเห็นเป็นกล่องสี่เหลี่ยมที่ถูกลากออกมาจากรูปปั้น เขางุนงง มันเป็นกล่องไม้ใบใหญ่มีความยาวประมาณสี่ฟุต กว้างครึ่งฟุตและสูงสามนิ้วเท่านั้น!

"นี่มันจะหนักขนาดไหน?" ชิงสุ่ยค่อยๆดึงมันมาทางตัวเอง เขาไม่กล้าที่จะดึงมันแรงๆเพราะมันจะเป็นปัญหาถ้าโซ่เกิดขาดและเด็กหญิงตัวน้อยก็ ไม่สามารถเคลื่อนย้ายมันได้และไม่สามารถเข้าไปใกล้ได้

วัตถุชิ้นนี้หนักมาก มีรอยเปื้อนอยู่บนพื้นหินที่ลากกล่องมา ตอนนี้ชิงสุ่ยเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับของข้างในกล่อง

มีฝุ่นหนาสามนิ้วบนพื้น การพิจารณาจากชั้นของฝุ่นบนกล่องแสดงให้เห็นว่ามันต้องเป็นของโบราณ เขาวางห่วงโซ่ลง ชิงสุ่ยเห็นบางสิ่งส่องแสงสว่างสีเงิน โซ่ที่บางเท่ากับนิ้วของเด็กนี้สามารถดึงสิ่งของได้ประมาณหนึ่งพันกิโลกรัม แม้ว่ามันจะเก่าแล้วแต่มันก็สามารถทนแรงดึงดังกล่าวได้ ห่วงโซ่นี้ต้องเป็นของดีเช่นกัน!

ชิงชุยเช็ดทำความสะอาดฝ้าจึงเผยให้เห็นกล่องเงินที่ส่องสว่าง ด้านหนึ่งของกล่องถูกตกแต่งด้วยลายดอกไม้ที่แปลกตา มันดูเก่าแก่และให้สัมผัสที่น่าภาคภูมิ

ชิงสุ่ยพบฝากล่องที่ปิดอยู่และเปิดมันด้วยแรงที่เหลือ!

แคร๊กกก!

กล่องเปิดแล้ว เบื้องหน้าดวงตาของชิงสุ่ยปรากฏเป็นกระบี่ – กระบี่สีขาวเงิน ยาวประมาณสามฟุตและกว้างสามนิ้ว ชิงสุ่ยคว้ากระบี่ที่ไร้ตำหนิขึ้นมา มันหนักมาก!

มันทำมาจากโลหะบริสุทธิ์สีขาวและแกะสลักลายกลุ่มดวงดาราลงบนตัวกระบี่!

กระบี่ดารายุพฆาต!

0 0 โหวต
Article Rating
7 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด