ตอนที่แล้วLSG-บทที่ 91 เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง (ตอนจบ) (อ่านฟรีวันที่ 30กันยา)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปLSG-บทที่ 93 รู้เท่าทัน (อ่านฟรีวันที่5ตุลา)

LSG-บทที่ 92 สำนักวิชาหมิงหยิง (อ่านฟรีวันที่2ตุลา)


LSG บทที่ 92

แปลไทยโดย : SwordGod

สำนักวิชาหมิงหยิง

....................................................................

“ออกไปหรอ?”

"แม่เฒ่าเชี่ยนหลี่ ทำไมท่านถึงได้อยากตามหา เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง นัก ?"

"เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง ปรากฏตัวอยู่ที่ สำนักวิชาดาราม่วง ซึ่งข้าเองก็มาจากที่นั่น " หลงเชี่ยนหลี่ หวนคิดถึงความหลัง แล้วตอบแบบขอไปที

"มีข่าวออกมาว่า เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง ได้สังหาร มารวิญญาณโลหิต และช่วย สำนักวิชาดาราม่วง รวมทั้งเทือกเขาอาถรรพ์และตัวแทนนิกายอีกมากมาย ด้วยสิ่งที่เขาได้สร้างในคราวนี้มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะสืบหาราวเรื่อง แม้แต่สำนักกระบี่เซียนของพวกเราเองอาจจะต้องถูกสงสัย! "

หญิงวัยกลางคนกล่าวอย่างสงสัย

"สงสัย?" แพรขนคิ้วของ หลงเชี่ยนหลี่ กระพริบเบาๆ "ท่านแม่เฒ่าใหญ่คิดว่า การที่ปีนี้ สำนักเซียนกระบี่ไม่ได้ส่งตัวแทนเข้าร่วมกับเมืองธาตุไฟ แต่ว่าจู่ๆ เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่งก็ปรากฏตัว จึงทำให้ผู้คนต่างคิดไปต่างๆนาๆอย่างสงสัย?"

"ถูกต้อง เพื่อประโยชน์ของ ผลึกสวรรค์ เจ้าจะทำให้เรื่องนี้แตก! นี่จะไม่ดีสำหรับภารกิจของเราที่จะดึงเอา ผลึกสวรรค์ กลับมา! "

"แล้ว ... ความหมายของท่านแม่เฒ่าคือ?"

 

"ไม่จำเป็นต้องไปที่ เมืองธาตุไฟ เพราะทุกคนจะตามหาที่อยู่ของ เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง เองเจ้าไปมันก็ไม่มีประโยชน์ ข้าคิดว่า ... มันจะดีกว่าหากเจ้าจะเริ่มต้นที่อื่น! "

แม่เฒ่าใหญ่ พยักหน้าเล้กน้อยแล้วถามต่อว่า "เชี่ยนหลี่ ครั้งสุดท้ายที่เจ้าคุยกับข้า เจ้าบอกว่าเจ้าสงสัยคนผู้หนึ่ง ที่อยู่ในตระกูลซู ใช่มั้ย?"

"ค่ะ! หลงเชี่ยนหลี่พยักหน้า

"ถ้าอย่างนั้น เจ้าจะไปที่ตระกูลซู เพื่อตรวจดูมั้ย." แม่เฒ่าใหญ่กล่าวเบา ๆ

"ตระกูลซู ทำไมหรอ?"

หลงเชี่ยนหลี่ ไม่เข้าใจ

"มีคนบอกว่าระบี่ไร้สรรพสิ่ง ได้ช่วยเหลือ ซูชิงเอ๋อ แห่งตระกูลซู เพื่อหลบหนีออกจากสำนักวิชาดาราม่วง!"

"โอ้! เมื่อ หลงเชี่ยนหลี่ ได้ยินหัวใจของนางก็จมดิ่งลงเล็กน้อย นางคร่ำครวญและตอบว่า "แต่ข้าสงสัยว่าคนที่น่าจะเป็น เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง น่าจะ...เสียชีวิตในการทดสอบของตระกูลซู"

"เสียชีวิตใน ดารทดสอบตระกูล ของ ตระกูลซู?"  คิ้วของแม่เฒ่าใหญ่ขมวดเล็กน้อย "เจ้าเห็นมาด้วยตาของเจ้าเองหรือ?"

"แม้ว่าข้าจะไม่เห็นกับตาตัวเอง แต่มีคนของตระกูลซูเห็นมัน"

"เป็นเช่นนั้นเหรอ?" แม่เฒ่าใหญ่ส่ายหัว "แล้วเจ้าก็เชื่อหรอ?"

"ท่านแม่เฒ่าท่านหมายความว่ายังไงกันแน่?"

"ถ้าตระกูลซูหลอกเจ้าละ แล้วถ้าหากว่า เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง เป็นหนึ่งในพวกเขาจริงๆล่ะ? นั่นหมายความว่า เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล! มีบางอย่างที่ไม่ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ระหว่างเรื่อง เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง และ ตระกูลซู ข้ารู้สึกว่ามันมีเงื่อนงำบางอย่างอยู่ที่นั่น เจ้าควรเริ่มต้นที่นั่น เจ้าไม่ควรไปที่เมืองธาตุไฟ ถ้าเจ้าอยากจะไป ... เจ้าควรไปที่ตระกูลซู! "

ไปที่ ตระกูลซู หรือ?  ไม่ ข้าไปไม่ได้ " หลงเชี่ยนหลี่ ส่ายหัว "ครั้งสุดท้ายที่ข้าไปตระกูลซู ข้าได้ไปกระตุ้นความสงสัยของพวกเขา หากว่าข้าไปอีกครั้ง ข้าจะต้องถูกพวกเขาซักถามแน่ๆ!

"เจ้าก็แค่หาข้ออ้างไปที่นั่น!"

"หาข้ออ้าง?"

คิ้วยาวบางดั่งคันศรของนางขมวดแน่น "ข้ออ้างอะไร?"

"การสืบหา เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง!"

"ผลึกสวรรค์เป็นสมบัติที่ทุกคนปรารถนา แต่ไม่ว่าจะเป็นของเราหรือไม่ก็ตามจะขึ้นอยู่กับโอกาส ถ้าใครรู้ว่า เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง มี ผลึกสวรรค์ แน่นอนว่าพวกเขาต้องหาวิธีทดสอบและอยากได้มัน! ในตอนแรกมันเป็นเพราะผลึกสวรรค์ พวกเราจึงไม่สามารถ สืบหา เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่งได้ แต่ตอนนี้มันแตกต่างไปจากเดิม เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง มีบางอย่างที่เราสามารถเปิดเผยได้อย่างเปิดเผย! เราสามารถใช้มันเป็นข้ออ้างและดำเนินการต่อกับตระกูลซู! "

"มันคืออะไรหรอ?" หลงเขี่ยนหลี่ ถาม

"กระบี่!"

แม่เฒ่าใหญ่กล่าวต่อว่า "วิชากระบี่ของเขานั้น พิศดารมาก! มีคำล่ำลือมาว่า เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง ได้สังหาร เจ้าลัทธิวิญญาณ ด้วยกระบี่นับร้อยเล่มระเบิดใส่ร่างเขา! หนึ่งร้อยเล่ม!! นั่นคือ วิชากระบี่พิศดารระดับสูง วิชากระบี่ที่สำนักกระบี่เซียนของเราใช้ก็แค่ให้เหล่าผู้ฝึกยุทธสามารถบินได้และไม่ได้ใช้เพื่อการสังหาร ในการใช้กระบี่พิศดารเพื่อฆ่าศัตรู ข้าเกรงว่าจะมีแต่ท่านเจ้าสำนักเท่านั้นที่สามารถทำเช่นนั้นได้ แต่ถึงอย่างนั้น เจ้าสำนักของเราก็ไม่สามารถควบคุมกระบี่นับร้อย แบบนั้นได้! ดังนั้นเจ้าสามารถทำหน้าที่อาคันตุกะไปที่ตระกูลซูเพื่อสอบถามนาง หากว่านางยังติดต่อกับ เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง อยู่ละก็ ต่อไปเราก็จะรู้ว่าวิชาของ เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง นั้นคล้ายคลึงกับวิชาสำนักกระบี่เซียนของเราหรือไม่ และเราจำเป็นต้องตรวจสอบว่าเขาเป็นศิษย์ของ สำนักกระบี่เซียน ของเราหรือเปล่า? "

หลงเชี่ยนหลี่ ได้ยินอย่างนั้นจึงได้แต่เงียบ

น่ายื่นนิ้วมือของนางลูกคันฉ่องของน่าอย่างเบื่อๆแล้วตอบว่า "หากเป็นเช่นนั้น ท่านแม่เฒ่าใหญ่ ไม่จำเป็นต้องส่งข้าไปที่ตระกูลซู ท่านสามารถหาคนอื่นมาทำหน้าที่นี้แทนข้า ส่วนข้าจะแอบเข้าไปที่ตระกูลซู เพื่อสืบ! แบบนี้มันจะดีกว่า! "

แม่เฒ่าใหญ่พยักหน้า "ความคิดของแม่เฒ่า หลงเชี่ยนหลี่ นับว่าไม่เลว ท่านเป็นแม่เฒ่าสาม แห่งสำนักกระบี่ของข้า ท่านสามารถควบคุมกระบี่ต่อสู้ได้และมีสถาณะสูงส่ง หากข้าส่งท่านออกไปมันจะดึงดูดความสนใจจากคนอื่นมากเกินไป นั่นคือสิ่งที่ข้าลืมฉุกคิด! "

"แล้วแม่เฒ่า หลงเชี่ยน คิดว่าใครที่เหมาะสม?"

"เอี้ยนซาน"

หลงเชี่ยนหลี่ ตอบ

.........

.........

.........

ซูม! ! ! !

รัศมีแสงสีแดงลุกโชนพวงพุ่งขึ้นจากเทือกเขาไปยังกลีบเมฆ

มันเข้าสู่เทือกเขาที่มืดมิดและคนที่นั่นแหงนมองขึ้นไปบนท้องฟ้าปรากฏการที่มันมาจาก

การบรรลุ!

ทุกคนรู้ความหมายของลำแสงสีแดงนี้

แต่

ลำแสงนี้รุนแรงมาก ... ใครกันที่สามารถบรรลุความก้าวหน้านี้ได้?

หน้าประตูสีแดงบานใหญ่บนภูเขาที่ฝังตัวอยู่กับถ้ำ

เหล่ากลุ่มคนแต่งชุดแตกต่างกันหลากสีและสวมหน้ากากปิดบังใบหน้า พวกเขารีบทยานไป

ผู้นำแขวนกระบี่สองเล่มไว้ที่เอว บนร่างกายของเขา ยังมีเข็มสีดำยาวหลายอันห้อยลงมา ติดตามเขาไปรอบ ๆ เข็มไม่ได้หยุดเคลื่อนไหว พวกมันชนกันสร้างเสียงดัง กุ๊งกิ๊งๆ

คนที่ตามหลังมา ทั้งหมดก้มหัวลง ไม่มีใครกล้าที่จะย้ายเป้าหมายและไม่กล้าที่จะมองไปรอบ ๆ

ประตูสีแดงมีขนาดใหญ่มีความสูงไม่น้อยกว่า 10 เมตร ที่ด้านบนมีทับทิมสีแดงเลือดจารึกอยู่ มันดูมีพลังและหน้าประตูมีผู้หญิงสองคนสวมเสื้อผ้าสีแดงใบหน้าของพวกเขาปกคลุมด้วยตาข่ายสีแดง

เมื่อเห็นคนผู้นี้ ผู้หญิงสองคนยืนเรียงหน้าและห่อกำปั้นไว้พร้อมเพรียงกัน "พวกเรา คาราวะ ท่านผู้พิทักษ์!"

"ดี!

คนที่มาถึงพยักหน้า เข็มสีดำรอบเอวทั้งหมดห้อยลงและคนที่อยู่ข้างหลังเขาเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาที่ไม่มีชีวิตชีวาของเขาดูเหมือนจะฟื้นสีบางอย่างเช่นกัน

ชายคนหนึ่งยกกระบี่ขึ้นเบา ๆ และมองไปที่ประตูสีแดงเพื่อถามว่า "ผู้พิทักษ์ เชี่ยนเหม่ย ปิดด่านฝึกตนอยู่หลังประตูบานนี้นานเท่าไหร่แล้ว?"

"เรียนท่านผู้พิทักษ์ นายท่านปิดด่านมาแล้ว 17วัน!"

"17วัน? แค่17วัน? "

คนสวมหน้ากากดูแปลกใจ

"บอกผู้พิทักษ์ เชี่ยนเหม่ยว่า ข้าขอพบ!"

"เรียนท่านผู้พิทักษ์นายท่านอยู่ในระหว่าปิดด่านฝึกตนไม่อาจรบกวนท่านได้!" สองหญิงสาวคุกเข่าและเปล่งเสียงออกมาพร้อม ๆ กันด้วยความกลัว

"หากเจ้าไม่ไปรายงานข้าจะฆ่าเจ้า!"

เสียงของชายคนนั้นสงบมากราวกับว่าเขากำลังพูดถึงบางสิ่งที่ธรรมดามากๆ

ด้วยเหตุนี้สองหญิงสาวจึงรู้สึกสั่นสะท้านมากขึ้นและไม่กล้าลุกขึ้นยืน

โดยไม่มีคำที่สองเขาโบกมือรัศมีสีฟ้าระเบิดออกมาฆ่าหญิงสาวทั้งสอง

ฆ่าเพียงแค่พูด อย่างน้อยมันก็ไม่สมควร!

"หยุด!"

มีเสียงดังขึ้นและประตูสีแดงหนัก ๆ ก็เปิดออกทันที รัศมีสีแดงพุ่งออกมาปะทะกับแสงสีฟ้า

ชายคนนี้สังเกตสถานการณ์และเก็บแสงสีน้ำเงินไว้อย่างรวดเร็วหลีกเลี่ยงการชนกับสายฟ้าสีแดง

แต่สายฟ้าสีแดงหมุนกลับตรงหน้าชายคนนั้นและถอยกลับเข้าไปในประตูสีแดง

ชายคนนั้นจ้องมอง

มองเข้าไปในประตูสีแดง มีหญิงสาวอายุราวๆยี่สิบสามปียืนอยู่อย่างองอาจในชุดสีแดง หญิงสาวคนนี้ดูเหมือนว่านางจะมาจากสวรรค์เกิดมาพร้อมกับรูปร่างของร่างกายที่ดีและมีเสน่ห์ที่น่าหลงใหลโดยเฉพาะอย่างยิ่งหูของนาง คู่ของหูหมาจิ้งจอกน่ารักที่สั่นเทาเล็กน้อยและหางสุนัขจิ้งจอกสีขาวที่ก้นของนางขยับไปมาตลอดเวลา.........

นี่คือ หูเชี่ยนเหม่ย แห่ง สำนักวิชาหมิงหยิง ที่มีชื่อเสียง

"โอ้!

ชายคนหนึ่งพยายามหลบสายตาของนางและยกแขนขึ้นสาดแสงสีฟ้าออกมาสับแขนของทั้งสองคน

ฉั๊วะ!

แขนของหญิงสาวสองคนขาดลงคนละข้างและล้มลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวด พวกนางกรีดร้องอย่างเจ็บปวดเหงื่อแตกพลั่ก

"ข้าจะละเว้นโทษตายเจ้าทั้งสองแล้วให้ลิ้มรสการลงโทษนี้แทน" ชายคนนั้นกล่าว

หูเชี่ยนเหม่ย เห็นอย่างนี้ใบหน้าของนางก็แปลเปลี่ยนในขณะที่นางโมโหหน้าอกของนางก็เคลื่นไหวขึ้นลงอย่างรุนแรง นางเร้นกายหายวับไปโผล่ตรงหน้าหยิงสาวทั้งสองโดยไม่พุดอะไรและหันดาบสีแดงช้ออกไปด้วยจิตสังหาร

แต่ชายคนนั้นดูเหมือนว่าเขาไม่ได้มีความตั้งใจที่จะต่อสู้ เขาถอยหลังออกไปอย่างต่อเนื่องและยกมือซ้ายขึ้นเพื่อสร้างสัญลักษณ์มือที่ลึกลับรัศมีแสงสีดำถูกปล่อยออกมาและเขาก็ปัดป้องการโจมตีของหูเชี่ยนเหม่ย

"หัวหน้าผู้พิทักษ์หู ข้าก็แค่เพียงสอนมารยาทลูกศิษย์ของท่าน ใยท่านต้องโกรธเกรี้ยวด้วยเล่า?"

ชายคนนั้นกล่าวว่าพร้อมกับสร้างสัญลักษณ์มือลึกลับส่งกลับไปยังหูเชี่ยนเหม่ย "ผู้พิทักษ์หู เพิ่งจะบรรลุ ร่างกายยังคงอ่อนแอ ท่านอย่าได้พยายามสู้กับข้าหรือคนอื่น ๆ ไม่งั้นท่านจะบาดเจ็บ แล้วข้าจะตอบคำถามท่านเจ้าสำนักไม่ได้ "

ใบหน้าของ หูเชี่ยนเหม่ย เขียวคล้ำด้วยความโกรธแค้นนางกำดาบในมือของนางแน่น

นางกัดฟันและหยิบเม็ดยาจากแหวนมิติโยนให้สองหญิงสาวและบอกว่า "เอามันไปหยิบแขนและออกไปจากที่นี่!"

"ค่ะ ... ค่ะ ... นายท่าน ... "

หญิงสาวสองคนยืนขึ้นอย่างรีบร้อน แบกความเจ็บปวดของพวกเขารับเม็ดยาและเดินไปทางประตูสีแดง

การแสดงออกของชายคนนั้นเปลี่ยนไปนิดหน่อย "เม็ดยาสร้างกระดูกกับเส้นเอ็นหรอ? นี่มัน เม็ดยาระดับวิญญาณ เลยนี่นา !! ท่านมอบมันให้กับคนรับใช้สองคน? "

"แล้วยังไง?" "ถึงแม้ว่าพวกนางจะเป็นคนรับใช้แต่พวกนางก็เป็นคนของข้า แขนขาพวกนางขาดเพราะข้า ทำไมข้าถึงไม่ควรช่วยนาง?

ชายคนนั้นมองอย่างไม่เชื่อและส่ายหัวว่า "เสียของเปล่า!"

หูเชี่ยนเหม่ยเก็บดาบของนางไว้ในฝักข้างเอวและกล่าวว่า "ข้าสงสัยว่า ท่านผู้พิทักษ์มาพบข้ามีเรื่องอันใด? หากไม่มีธุระอะไรเชิญท่านกลับไปได้! ข้าไม่มีแรงมากพอที่จะต้อนรับท่าน! "

"ผู้พิทักษ์หู ท่านแน่ใจนะว่าท่านจะเฉยชา!"

ชายคนนั้นสร้างรอยยิ้มซึ่งปกคลุมด้วยหน้ากากซึ่งคนธรรมดาไม่สามารถมองเห็นได้

"ขระที่ข้ามองขึ้นไปบนฟ้า ข้าเห็นแสงสีแดงพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าข้ารู้ได้ทันทีเลยว่า ผู้พิทักษ์หู ได้ก้าวผ่านไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว! ข้าว่าบางทีท่านอาจจะเข้าไกล้ ขั้น ดาราวิญญาณแล้วใช่มั้ย? " เขาถามด้วยความตื่นเต้น

"ท่านมาที่นี่เพื่อถามเรื่องนี้?"

"ข้าก็แค่อยากรู้ ผู้พิทักษ์หู ท่านบรรลุ ขั้นที่ 9 เมื่อไม่กี่ปีก่อน ข้าไม่คิดเลยว่าท่านจะก้าวสู่ ขั้นที่ 10 ได้เร็วเพียงนี้ ข้าเกรงว่าข้าจะไม่ใช่คู่มือของท่านแล้ว! พรสวรรค์นี้ อ่ะ ... ข้ารู้สึกอิจฉามากเลย! "

"อิจฉา?"

หูเชี่ยนเหม่ย ยิ้มกว้าง ๆ นางนั่งลงบนก้อนหินที่ด้านข้างและไขว้ขาของนาง หัวเราะและกล่าวว่า "เมื่อท่านรู้ว่าพลังของเราต่างกัน วันนี้ท่านก็น่าจะรู้ขีดจำกัดของท่านเช่นกัน หรือสิ่งอื่นๆนอกเหนือจากนี้ ... "มีจิตสังหารในดวงตาที่ไร้เดียงสานั้น" ข้าจะสังหารจิตวิญญาณทั้งแปดของท่าน !! "

ฮ่า ๆ ๆ ๆ…."

ชายคนนั้นหัวเราะเสียงดังเป็นเวลานานก่อนที่จะหยุด "หากวันหน้าท่านต้องการฆ่า! ข้าก็ไม่รังเกียจ !! "

หูเชี่ยนเหม่ยขมวดคิ้วนางอย่างจริงจัง

"ผู้พิทักษ์หู ท่านมากด้วยพรสวรรค์และระดับการบ่มเพาะของท่านก็ไม่น้อย ข้าติดอยู่เขตแดนขั้นที่ 9 นี้มานานแล้ว หากว่าข้ายังไม่พัมนาขึ้น ในวันข้างหน้ามันจะมีผลต่อการบ่มเพาะของข้า ข้าจะฝึกฝนอีกสองปีหากยังไม่มีข่าวของข้า ข้าจะเสนอการแต่งงานกับท่านเจ้าสำนัก! "

"ท่านต้องการแต่งงานกับท่านเจ้าสำนักหรอ?"

"ไม่ข้าจะแต่งกับท่าน!"

"แต่งกับข้า!" หูเชี่ยนเหม่ย ยิ้ม

"ท่านไม่เห็นด้วยหรอ!"

"ท่านคิดว่า ท่านเจ้าสำนักจะทำให้ข้าเห็นด้วยได้หรือเปล่าละ?" หูเชี่ยนเหม่ย ยิ้มราวกับว่านางเป็นสุนัขจิ้งจอก (อ้าวก็นางเป็นสุนัขจิ้งจอก)

ชายคนนั้นไม่ได้พูดสักคำแล้วหันมายิ้มแล้วจากไป

ครู่ต่อมาเสียงก็ดังออกมาจากความเงียบ

"มาคอยดูกัน!"

ใบหน้าของ หูเชี่ยนเหม่ย จมลงไปในความคิดหลังจากได้ยิน นางเริ่มกังวลเมื่อนางนั่งลงบนก้อนหินเฝ้าดูชายคนนั้นออกไป ไม่นานหลังจากนั้นนางก็ฟื้นรอยยิ้มของนาง อย่างไรก็ตามยังคงมีอาการเจ็บปวดเขียนขึ้นบนใบหน้าของนาง

 

 

แปลไทยโดย : SwordGod

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด