ตอนที่แล้วตอนที่ 137 – ความจริงใจ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 139 – หลิงซูผู้น่าสงสาร

ตอนที่ 138 – หลิงซู


ตอนที่ 138 – หลิงซู

 

ถังเทียนลืมตาขึ้นมา แสงตะวันยามเช้าก็สาดส่องลงใบหน้าของเขา มันช่างรู้สึกอบอุ่นสบาย

เขาบิดขี้เกียจโบกมือราวกับโบกสะบัดราวกับปลาคาร์พดิ้นและกระโดดขึ้นมา เขาหลับสบายอย่างยิ่งและเขารู้สึกว่าร่างเต็มไปด้วยพลังที่ไม่มีวันหมดสิ้นจนรู้สึกประปรี้กระเปร่า

กู่เสวี่ยก็หลับสนิทอยู่ ไม่กี่วันที่ผ่านมานางรู้สึกเครียดและร่างนางไปถึงจุดที่เหนื่อยล้าเต็มที นอนหลับสนิทถึงขนาดที่มุมหางตาของนางเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา

ถังเทียนใจเต้นแรงเล็กน้อย แม้ว่าตั้งแต่เริ่มจนท้ายสุด กู่เสวี่ยก็มีท่าทางที่สงบซึ่งมันเป็นสิ่งที่เหนือเกินกว่าวัยของนาง แต่แท้จริงภายในใจของนางเต็มไปด้วยความเศร้าโศก

มู่เหลยประหลาดใจกับการกระทำของถังเทียน เขาลืมตาขึ้นมองไปยังถังเทียนและก็หลับตาลงอีกครั้ง

ถังเทียนมองไปรอบด้านจากนั้นดวงตาก็สว่างวาบ ที่มุมของลานสนามมันมีบ่อน้ำอยู่ เขาพบถังจากซากปรักหักพังรอบๆและเริ่มที่จะตักน้ำขึ้นมา

ซู่ น้ำจากบ่อเย็นเยียบจนถึงกระดูก เขาลาดลงบนหัว รูขุมขนทั่วร่างแทบจะหดตัวโดยพลัน และความง่วงงุนสลายหายไปในพริบตา

ทันใดนั้นก็นึกถึงทุกวันยามเช้าตอนที่อยู่เมืองเมฆาดารา ถังเทียนอดมิได้ที่จะยิ้มขึ้นมา

เขามิได้ฝึกวิชาพื้นฐานการต่อสู้มาเป็นเวลานานแล้ว!

ยามเมื่อนึกถึงมันขึ้นมา ใจถังเทียนก็รู้สึกคันยิบๆ โดยไม่พูดกล่าว เขาก็ตั้งท่าฝึกและเริ่มต้นฝึกวิชาพื้นฐานการต่อสู้

มันมิแน่ใจว่าเป็นเพราะเขามิได้ฝึกมันมาเป็นเวลานาน ทำให้วิชาพื้นฐานการต่อสู้มันคล้ายจะไม่คุ้นชิน แต่หลังจากที่ฝึกฝนมันมาห้าปี ด้วยความรวดเร็วถังเทียนก็พบความรู้สึกเก่าๆกลับมาอีกครั้ง

ความรู้สึกที่คุ้นเคยท่วมท้นไปทั่วร่างของเขา

ฝึกฝนและฝึกฝน ถังเทียนกลายเป็นจริงจังมากยิ่งขึ้น ขณะที่แสงตะวันสาดส่องลงบนหน้าเปิดเผยให้เห็นถึงท่าทางที่กำลังครุ่นคิด

เขาพลันตระนักได้ถึงบางอย่าง

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

มู่เหลยประหลาดใจเมื่อเห็นถังเทียนที่กำลังหมกมุ่นกับวิชาพื้นฐานการต่อสู้ ถังเทียนกำลังฝึกฝนพื้นฐานการต่อสู้และเขาฝึกฝนอย่างอดทน

มู่เหลยถึงกับงุนงง

วิชาพื้นฐานการต่อสู้ต่างเป็นขั้นพื้นฐานการฝึกที่สถาบัน ซึ่งต่างเป็นที่รู้กัน ความจริงก็คือส่วนมากของผู้คนในวัยสี่หรือห้าปี พวกครอบครัวหรือผู้นำตระกูลจะแสดงวิชาพื้นฐานการต่อสู้เพื่อกำหนดรากฐาน

อัจฉริยะที่แข็งแกร่งและทรงพลัง จะถูกปลุกขึ้นมาแต่ต้น เพื่อฝึกและบ่มเพาะในวิชาพื้นฐานการต่อสู้ของเขา!

ฉากเบื้องหน้าเขามันเหลือเชื่อสำหรับเขา ถ้าเขารู้ว่าถังเทียนฝึกฝนวิชาพื้นฐานการต่อสู้ถึงห้าปี ผู้ใดจะรู้ว่าสีหน้าของพวกเขาจะเป็นเช่นไร

กู่เสวี่ยตื่นขึ้นมาเพราะเสียงหมัดของถังเทียน นางก็ลุกขึ้นนั่งเพียงเมื่อนางตื่นเต็มตาก็สังเกตเห็นถังเทียนกำลังฝึกฝนวิชาพื้นฐานการต่อสู้และนางก็ตกตะลึง “นั่นวิชาพื้นฐานการต่อสู้งั้นหรือ?”

ความคิดของมู่เหลยถูกขัดจังหวะจากคำพูดของกู่เสวี่ย เขาก็คืนสติกลับมาหันไปมองอย่างห่วงใยและถาม “คุณหนูตื่นแล้วหรือ?”

ความน่าทึ่งบนสีหน้าของกู่เสวี่ยลดลงไป นางยิ้มหวานไปให้มู่เหลยพลางตอบ “อืม ช่างเป็นการนอนหลับที่สบายยิ่ง”

“ลุงมู่ เขากำลังฝึกฝนวิชาพื้นฐานการต่อสู้อยู่งั้นหรือ?” สายตากู่เสวี่ยกลับไปยังถังเทียน นางค่อนข้างไม่เข้าใจ

มู่เหลยพยักหน้า “เขาฝึกมันมาสักครู่แล้ว พื้นฐานของเขาแข็งแกร่งอย่างมาก ข้าบอกได้เลยว่ามันสมบูรณ์แบบ! มันเป็นคราแรกที่ข้าได้เห็นความสมบูรณ์แบบเช่นนี้”

ทันใดนั้น เสียงลมที่เกิดจากหมัดของถังเทียนก็เริ่มเปลี่ยนไป

มู่เหลยประหลาดใจเล็กน้อยและหันหน้าไปมองในทันที

เสียงลมจากหมัด… มันไม่ถูกต้อง...

เสียงจากหมัดที่ต่อยออกไปมันไม่ถูกต้องอย่างแน่นอน หมัดที่วิชาพื้นฐานชกออกมันแต่จะมีเสียงลมธรรมดา นอกจากนี้วิชาพื้นฐานมันต่างเถรตรง เน้นที่กำลังและมิได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบใด

แต่เสียงจากลมนี้...

มันทุ้มลึกต่ำอย่างยิ่ง!

มันทุ้มลึกต่ำจนถึงขั้นที่มู่เหลยมองแต่ไกล เขายังคงรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนอันคลุมเครือ ความอัศจรรย์ถูกฉาบอยู่ทั่วใบหน้ามู่เหลย ซึ่งมันเปลี่ยนไปจนเป็นอาการตกใจอย่างรุนแรง

แท้จริงแล้วมันมีบุคคลที่ยังสามารถฝึกฝนวิชาพื้นฐานการต่อสู้ของเขาได้ถึงขั้นนี้!

ทันใดนั้น มันก็มีเสียงแค่นเสียงซึ่งดังออกมาจากข้างหูของมู่เหลย

สีหน้ามู่เหลยเปลี่ยนไป

มีเงาร่างราวกับม่านหมอก หมุนเป็นเกลียวพุ่งตรงมายังพวกเขา พุ่งมาอย่างเชื่องช้าไม่รีบเร่ง แต่ชั่วพริบตา มันก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้าสายตาของทุกคน

ม่านตาของมู่เหลยหดเล็กลงในทันที

หลิงซู!

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

ถังเทียนหมกมุ่นอยู่กับการฝึกวิชาพื้นฐานการต่อสู้ ซึ่งมันเห็นได้ชัดว่าเขาคุ้นเคยจนฝังเข้าไปในกระดูก แต่จู่ๆเขาก็พลันตระหนักถึงบางอย่างและท่ามกลางความสุขนี้ เขาก็ลืมเลือนทุกสิ่งอย่างรอบตอบเขา

จำเป็นต้องบอกว่าวิชาพื้นฐานการต่อสู้มันคือพื้นฐานทักษะการปลดปล่อยพลัง และนักสู้ทุกคนต่างเคยร่ำเรียนมา หลังจากขั้นสองของปราณแท้จริงมาเกี่ยวข้อง  จำนวนพลังที่ปลดปล่อยจากร่างกายอันบริสุทธิ์มันก็เสื่อมถอยลง

ในทางตรงกันข้าม ปราณแท้จริงสามารถแปรเปลี่ยนเป็นบางอย่างที่ซับซ้อนได้ และพลังก็จะกลายเป็นมากยิ่งขึ้น

ความแข็งแกร่งของร่างคนหนึ่งอาจจะเห็นได้ชัดเมื่ออยู่ภายใต้การบ่มเพาะระดับต่ำ แต่เมื่อระดับสูงขึ้น ความแข็งแกร่งปราณแท้จริงมันก็จะแข็งแกร่งเกินกว่าความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้ออย่างรวดเร็ว

ถังเทียนอยู่ในขั้นที่ห้า เขาใช้เพียงกำลังของกล้ามเนื้อล้วนๆและค่อยๆสูญเสียกำลังไป ขณะที่ระดับขั้นเพิ่มขึ้น สัญญาณดังกล่าวมันก็จะมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น

แต่วันนี้ ยามเมื่อถังเทียนได้ทบทวนความเข้าใจของวิชาพื้นฐานการใช้พลังของกล้ามเนื้อ เขาก็ตระหนักได้ว่ากำลังของกล้ามเนื้อและปราณแท้จริงที่แตกต่างกันนั้น มันกลับมีบางอย่างเลือนลางที่คล้ายจะเชื่อมโยงกัน มันทำให้เขาประหลาดใจ

หรือว่าทั้งสองจะหลอมรวมกันได้?

มันช่างเป็นความคิดที่อุกอาจนัก ถังเทียนตาสว่างวาบในทันที

พื้นฐานการระเบิดกำลังมันปกติของกล้ามเนื้อ แต่ภายในกล้ามเนื้อมันมีเส้นสายปราณเล็กๆอยู่ ถ้าเขาสามารถเกร็งกล้ามเนื้อของเขาและในเวลาเดียวกันเขาก็กระตุ้นใช้ปราณแท้จริงและโคจรมันไปตามเส้นสายปราณเล็กๆนี้ ผลจากนั้นมันจะเกิดอันใดขึ้น?

มันเป็นความคิดที่เพ้อฝันที่ทำให้ถังเทียนต้องการทดลอง มันแตกต่างจากการที่เขาชกออกหรือเตะทั้งหมด จากแรกเริ่มถังเทียนมิเคยอดกลั้นเอาไว้ ยกตัวอย่างเช่น ขณะที่เขาบ่มเพาะปราณกายากระเรียน เขาก็รู้สึกถึงบางอย่างที่ผิดพลาดในตอนตำราปราณกระเรียนขั้นห้า ดังนั้นเขาจึงเริ่มคลำหาหนทางและจัดการแก้ไขตำราปราณกระเรียนขั้นห้าเสีย

ยันต์จิตวิญญาณมันมีประโยชน์มากมาย แต่ท้ายสุดพวกมันก็เป็นเพียงความเข้าใจของเจ้าของคนก่อนหน้าเท่านั้น ดังนั้นมันจึงมีหลายสิ่งที่เป็นส่วนตัวของเขาอยู่ภายใน อย่างเช่นวิชาที่เหมือนกัน ความเข้าใจของคนหนึ่งจะแตกต่างจากอีกคน และเรื่องนั้นเอง ยามเมื่อพวกเขาสร้างยันต์จิตวิญญาณ มันจะต้องแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง

บางคนมิได้ใส่ใจอะไรและกระทำตามยันต์จิตวิญญาณไป แม้กระทั่งยันต์จิตวิญญาณขั้นทอง

ในช่วงเวลานั้นเองที่ทำให้ถังเทียนได้เรียนรู้

ยามเมื่อถังเทียนบ่มเพาะตำราปราณกระเรียน เขาได้ก่อเกิดพลังอันแท้จริงภายในเส้นสายปราณเล็กๆซึ่งมันเป็นแบบดั้งเดิม มันมีความพิเศษซึ่งยามเมื่อถังเทียนจัดการบ่มเพราะปราณกายากระเรียน เขาก็รู้ถึงเส้นสายปราณเล็กๆทั้งหมดยันนิ้วมือของเขา

ทันใดนั้น ถังเทียนก็รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง

ยามเมื่อปรารแท้จริงและกล้ามเนื้อใช้ออกพร้อมกัน มันมีประโยชน์เหมือนพื้นฐานการต่อสู้เนื่องจากมันช่วยส่งเสริมพลังของบุคคล เขาสามารถได้ยินจากการเปลี่ยนแปลงของเสียงหมัด

ในตอนนี้ ปราณแท้จริงของถังเทียนสามารถลอกเลียนได้ทั้งสามรูปแบบ สั่นสะเสือน ปราณกายกระเรียน และปราณมังกรสวรรค์

ดังนั้นเมื่อยามเขากระุ้นพลังแตกต่างกันเข้าสู่วิชาพื้นฐานการต่อสู้ มันเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามันกลายเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง  วิชาพื้นฐานการต่อสู้มิใช่เป้าหมายของถังเทียน แต่ถ้าเขาสามารถทำให้พวกมันเลื่อนระดับสูงขึ้นได้เหมือนฝ่ามืออนุสรณ์และกระตุ้นปราณแท้จริงลงไป มันคงจะช่วยเพิ่มพลังให้วิชาการต่อสู้ของเขาใช่หรือไม่?

ขณะที่ถังเทียนก็กำลังจมอยู่ภายในความคิด เสียงคำรามพลันดังด้านข้างหูของเขา จากนั้นเสียงแหลมดังที่ราวกับกริ๊งร้อง มันก็สะนั่นไปทั่วท้องฟ้า

เงาร่างปรากฏออกมาราวกับตะขาบที่คลานออกมาจากรู

ภายในใจถังเทียนหล่นวูบ ปราศจากการครุ่นคิด เขาก็เอียงตัวและใช้ออกกระบวนท่าถานถุ่ย!

คมดาบถานถุ่ย!

ตวัดขาที่ยืดตรงออกจนเกิดเป็นรังสีดาบสีขาวกวาดไปยังม่านหมอกที่เป็นเกลียว

ติง!

รังสีดาบและรังสีหอกปะทะกัน ทั้งสองเพียงรู้สึกถึงกำลังที่ส่งมาและจากนั้นพวกเขาก็ผงะถอยออกไป

หลิงซูถอยหลังไปห้าก้าวก่อนที่เขาจะหยุดลงได้ ภายในใจของเขาหนาวสั่น ช่างเป็นถานถุ่ยที่รุนแรงและคมกริบนัก! สีหน้าที่ยโสโอหังพลันสลายหายไปทันที เขาพลางสำรวจถังเทียนอีกครา

สามารถที่จะเอาชนะต้าเหว่ยและฉือหลานได้ เขาแน่นอนว่าจะต้องมิมีฝีมือเพียงดาษๆ

กำลังใจสู้ของหลิงซูพลันลุกโชน มันหายากที่จะได้พบฝ่ายตรงข้ามที่แข็งแกร่งเช่นนี้

ถังเทียนรู้สึกมีความสุขอย่างยิ่ง เขาทำมันสำเร็จแล้ว!

เมื่อครู่นี้ คมดาบถานถุ่ยมันแตกต่างจากที่เขาเคยใช้คมดาบถานถุ่ย แม้ว่าคมดาบถานถุ่ยปกติมันจะสร้างรังสีดาบได้ แต่รังสีดาบมันมักจะหมองและเลือนลางเสมอ มันมิเคยคมกริบและรวบรัดเช่นนี้ และรังสีดาบนี้มันแท้จริงปลดปล่อยม่านปราณอันเลือนลาง ซึ่งมันอาจจะเป็นไปได้เพราะปราณกายากระเรียน

ถังเทียนมิแน่ใจว่าม่านปราณมันไว้ใช้เพื่ออันใด แต่มันแน่ชัดว่ามันเป็นคมดาบถานถุ่ยรูปแบบใหม่ที่ทรงพลังกว่าเดิม

หลิงซูตั้งแต่ที่สู้มาเพิ่งจะเคยได้กล่าวชมเชย “ช่างเป็นถานถุ่ยที่รุนแรงนัก! มาต่อกันเถอะ!”

ข้อมือของเขาก็สั่นไหว หอกสีเงินราวกับอัสนีบาต ด้วยปลายหอกที่คมกริบเปล่งประกายและพุ่งตรงมายังถังเทียน!

ช่างรวดเร็วนัก!

ถังเทียนหรี่ตา เขาเพิ่งจะบรรลุก้าวข้ามผ่านมา ในตอนนี้พลังของเขามันอยู่ในจุดสูงสุด เขามิมีความหวาดกลัว จากนั้นก็ปลดปล่อยคมดาบถานถุ่ยอีกครา!

คมดาบถานถุ่ยสีขาวและม่านหมอกอันเลือนลางพุ่งออกไป

คมดาบถานถุ่ยและปลายหอกอีกคราที่ปะทะกัน

ดวงตาของหลิงซูสว่างวาบปรากฏสีหน้าเจ้าเล่ห์ จากนั้นกระตุกปลายหอกกระเด้งขึ้นเล็กน้อย และตวัดฟาดไปยังคมดาบถานถุ่ยและจากนั้นก็พุ่งตรงไปหาถังเทียน

สัญชาตญาณอันคมกริบของถังเทียนถูกใช้ออกและแทบจะในเวลาเดียวกัน เขาก็ใช้เข่าเป็นจุดศูนย์รวมและและงอเข่าเล็กน้อยเพื่อให้น่องของเขาไม่ให้มันตึง และด้วยระยะที่สั้นแค่นั้นเขาก็หมุนวนอย่างต่อเนื่อง!

ติง ติง ติง!

เกิดคมดาบแผ่กระจายอย่างรวดเร็วกระแทกไปยังหอก

กระบวนท่าของถานถุ่ยนี้ มันเรียกว่าแข้งดาบ

พลังของแข้งดาบอาจจะน้อยนิด แต่มันมีความเร็วที่สูง มันกระแทกไปยังหอกด้วยความเร็วราวกับพายุ ตัวหอกสั่นสะเทือนและตวัดผ่านแก้มของถังเทียน

หลิงซูคาดมิถึงกับกระบวนท่านี้  เขาได้ทดสอบมาอย่างดีแล้วแต่กับถูกสกัดโดยวิธีของถังเทียน จากนั้นเขาก็ผงะถอยหลัง

อย่างไรก็ตาม ถังเทียนมิได้คิดอะไรมาก สำหรับบุรุษผู้นี้ที่โจมตีอย่างกะทันหัน เขาจะต้องมิใช่ตัวดี และเขาจะต้องจัดการมัน...

เมื่อนึกถึงคำพูดรุนแรงที่เขาได้กล่าวเอาไว้เมื่อวานดูเหมือนมันจะไร้ประโยชน์!

สีหน้าถังเทียนหมองมน ในฐานะเผด็จการผู้โด่งดัง ในที่สุดถังเทียนก็เข้าใจว่าถ้าเขามิอาจปกป้องคนในปกครองภายใต้ถิ่นของเขาได้ มันก็เป็นได้แค่เพียงตัวบัดซบโง่เง่าในอดีตที่มิมีความหวาดกลัวเท่านั้น

มีใครบางคนกำลังระรานถิ่นของเขา?

มันช่างสุดจะแสนเหลือทนนัก!

โดยปราศจากความลังเล ถังเทียนก็กระตุ้นกำลังไปยังขาซ้ายของเขาและกระเด้งพุ่งไปหาหลิงซู ขณะที่อยู่กลางอากาศ เขาก็ตวัดขาขวาและใช้ออกแข้งดาบเจ็ดครั้ง

รังสีดาบทั้งเจ็ดผสานกันในกลางอากาศ ก่อเกิดเป็นม่านคมดาบ

ขณะเดียวกันหลิงซูก็มีปฏิกริยาที่รวดเร็วเช่นกัน

ตัวเขาและหอกถอยร่นออกมา ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่ชั่วพริบตา แต่เขาก็ยังคงสามารถหลบหลีกมันได้

เขาเผชิญหน้ากับแข้งดาบโดยตรงและใช้รังสีคมหอกออกราวกับห่าฝน จากนั้นมันก็พุ่งกระจายออกไป

ติง ติง ติง!

เสียงกรีดแหลมและหนาแน่นทำให้รู้สึกบาดแก้วหู

เงาร่างทั้งสองพลันแยกออกจากกันเมื่อพวกเขาปะทะกัน

จากนั้นถังเทียนก็ได้พบเห็นบุคคลนี้อย่างชัดเจน เขาถูปลายเท้าของเขาไปบนพื้นเนื่องจากมันรู้สึกเจ็บปวดแสบร้อน แต่หลิงซูก็มิได้ดีไปกว่ากัน เขาก็ถูฝ่ามือทั้งสองเช่นกัน

ถังเทียนพลันตะโกนบอกให้หยุดก่อน “นี่ สหาย พักสักสิบนาทีเถอะ!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิงซูก็ตกตะลึงพลางโพล่งถามออกมา “เพราะอะไร?”

“ข้ายังไม่ได้กินมื้อเช้าเลย!” ถังเทียนกล่าวอย่างหนักแน่น

ท่าทางหลิงซูชะงักค้าง “...”

***********************************************************

ติ ชม รับข่าวสารได้ที่ แฟนเพจ ได้เลย และกดไลค์เพื่อเป็นกำลังใจด้วยครับ

0 0 โหวต
Article Rating
23 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด