ตอนที่แล้วAST บทที่ 174 - อีกเพียงครึ่งก้าวของระดับเทวะเซียนเทียน ชางห่าย หมิงเยวี่ย!!!!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปAST บทที่ 176 - ถ้าเจ้าแข็งแกร่งข้าคงขาดเจ้าไม่ได้!!

AST บทที่ 175 - ร่องรอยความกังวล ความอบอุ่นในดวงใจ


ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique

บทที่ 175 - ร่องรอยความกังวล ความอบอุ่นในดวงใจ

ชิงสุ่ยจินตนาการภาพของห่าวหยุนลิ่วลี่ ภายในฝันที่หอมหวานของเขา ในความฝันของเขา เขารับรู้ถึงกลิ่นอาย ที่เหมือนกับราชินีปีศาจกำลังกัดกร่อนร่างกายส่วนล่างของเขา เสียงที่แสนคุ้นเคยและมีเสน่ห์ ของเธอกำลังไร้การควบคุม หากผู้ใดได้ยินเสียงเหล่านี้คนผู้นั้นจะต้องตกอยู่ในผวังค์ในทันที

ชิงสุ่ยเองค่อยๆขยับมือของเขา สัมผัสกับทุกส่วนของร่างกายห่าวหยุน และเริ่มวางหน้าของเขาลงตรงกลางยอดอกคู่งาม ชิงสุ่ยค่อยๆบรรจงจุมพิตลงบนยอดปทุมถัน

ห่าวหยุนลิ่วลี่เริ่มบรรเลงบทเพลงที่แสนทรงเสน่ห์บนเตียง เธอพร้อมรับทุกท่าทางที่ชิงสุ่ยแสดงออก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นท่าทางที่มาจากหนังสือจิตรกรรมราชวังฤดูใบไม้ผลิ

------------------------------------------------------------------------------------------------------------

รุ่งอรุณในวันที่สองก็มาถึง ชิงสุ่ยตื่นจากความฝันอันแสนหวาน และลุกขึ้นนั่งบนเตียง เขายังคงตามสถานการณ์เมื่อคืนพร้อมทั้งรู้สึกเสียใจ "ทำไมฝันที่ดีของข้าจะต้องจบลงอย่างรวดเร็ว?"

หลังจากที่ชิงสุ่ยตื่นนอน เขาก็ทำการชำระล้างร่างกายอย่างรวดเร็ว และทันใดที่เขาเปิดประตูเขาก็พบกับห่าวหยุนลิ่วลี่ ซึ่งตอนนี้เธอกำลังฝึกฝนวิชากระบี่ร่ายรำ

เธอมาพร้อมกับชุดแต่งกายสีม่วงและมีปิ่นปักผมพักอยู่ในผมของเธอ ผมสีดำยาวพริ้วไสวไปตามสายลม สะท้อนถึงการเคลื่อนไหวขณะที่เธอเริ่มกวัดแกว่งกระบี่ยาว กำไลสีเงินที่สวมใส่อยู่บริเวณข้อเท้ายิ่งช่วยเสริมสร้างจังหวะในการเคลื่อนไหว

สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความบริสุทธิ์ผุดผ่อง การเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่วและว่องไว รวดเร็วราวกับคลื่นมหาสมุทร บางครั้งอาจจะช้าแต่ยังคงเต็มไปด้วยความมั่นคงและมีเสน่ห์อย่างหาที่เปรียบไม่ได้

ชิงสุ่ยยังคงจ้องมองการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและเงียบเชียบของห่าวหยุนลิ่วลี่โดยไม่กระพริบตาแม้แต่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรียวขาที่งดงามดุจหยก เมื่อเขามองเห็น เลือดที่ไหลเวียนเดือดพล่านทำให้เขานึกถึงจินตนาการความฝันเมื่อคืนที่ผ่านมา

ดวงตาที่มีเสน่ห์ราวกับดวงตาของนกหงส์เพลิง จมูกที่ตั้งตรงและงดงาม ริมฝีปากที่สวยและเข้ารูปมันยิ่งทำให้หัวใจของผู้ที่มองดูเต้นอย่างรุนแรง ห่าวหยุนลิ่วลี่เปรียบด้วยกับราชินีปีศาจ ที่อยู่ในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ ตัวของชิงสุ่ยเองรู้สึกราวกับว่าเขากำลังตกอยู่ในภวังค์!!

"ข้าคงดูสวยมากสินะ!!"

ร่างกายที่ดุจหยกกำลังเดินตรงเข้าไปหาชิงสุ่ยพร้อมกับเสียงหัวเราะเบาๆ รอยยิ้มที่นุ่มนวลและมีเสน่ห์ที่แสนสุดจะยั่วยวน เผยให้เห็นการล่อลวงที่ซ่อนเร้นอยู่

"งดงาม งดงามที่สุด"ชิงสุ่ยลูบจมูกของเขาพระอาทิตย์ต้องมองไปยังห่าวหยุนลิ่วลี่ มันเป็นอีกครั้งหนึ่งที่เขาได้คิดย้อนกลับไปในจินตนาการที่เขาฝันไว้ มันคงจะดีมากถ้าหากมันกลายเป็นความจริง!!

"ขอบคุณมากสำหรับยาเม็ด และเหล่าผลไม้มหัศจรรย์ ถ้าหากไม่มีพวกมันข้าคงจะไม่ได้สัมผัสความรู้สึกที่ข้าได้รับในวันนี้ ข้าคิดว่าความเร็วของข้าเพิ่มขึ้น แม้กระทั่งการร่ายรำกระบี่ของข้าก็เร็วขึ้นหลายเท่า" ดวงที่ส่งเสน่ห์ของห่าวหยุนลิ่วลี่กระพริบขึ้นลงอย่างดงาม ในขณะที่เธอยืนห่างจากชิงสุ่ยเพียงไม่กี่ก้าว

กลิ่นน้ำหอมที่แสนยั่วยวนจากร่างกายของเธอนั้น ลอยไปทางชิงสุ่ย อีกทั้งยอดหน้าอกคู่ของเธอยังอยู่ห่างจากมือของเขาเพียงเอื้อมมือเท่านั้น

ชิงสุ่ยต้องการที่จะก้าวไปอีกครึ่งก้าว เพื่อลูบไล้และโอบกอดห่าวหยุนลิ่วลี่ จิตใจของเขานั้นเรียกร้องให้ทำสิ่งเดียวกับที่เขาได้ฝันเอาไว้ ในสถานการณ์ตอนนี้มันดูเหมือนมีอาหารจำนวนมากตั้งอยู่ แต่ไม่อาจเอื้อมไปรับประทานมันได้ กลิ่นหอมหวลที่ชวนรับประทานยิ่งทำให้ความอยากอาหารมากขึ้น

มันอาจเป็นเพราะว่าบางทีการร่ายรำกระบี่ของห่าวหยุนลิ่วลี่ ยิ่งทำให้ใบหน้าของเธอนั้นเป็นประกายไปด้วยร่องรอยสีชมพูระเรื่อ ซึ่งมันยิ่งทำให้เธอดูน่าสนใจ ผมที่ปลิวไสวผสมกับร่องรอยเหงื่อบริเวณจมูกและต้นคอยิ่งเสริมสร้างเสน่ห์อันน่าหลงใหล

ชิงสุ่ยยิ้มเล็กน้อยขณะนี้เขายื่นนิ้วมือของเขาเพื่อไปเช็ดหยาดเหงื่อที่จมูกของเธอ " ทำไมเจ้าถึงต้องสุภาพกับข้า? ในวันที่เจ้ามอบหม้อกลั่นยาที่แสนพิเศษให้แก่ข้า ข้าเองยังไม่ได้แม้แต่จะขอบคุณเจ้า อย่าบอกนะว่าเจ้าไม่ได้คิดกับข้าเปรียบเสมือนครอบครัวคนหนึ่งของเจ้า?"

รอยยิ้มของชิงสุ่ยเต็มไปด้วยความมีเสน่ห์เย้ายวนใจ รูปสีม่วงขนาดเล็กๆที่เกิดจากดินแดนหยกยุพราชอมตะที่อยู่บริเวณตรงกลางของคิ้วยิ่งเสริมสร้างเสน่ห์ของเขาให้ดูเหมือนกับปีศาจ

ห่าวหยุนลิ่วลี่รู้สึกตกใจเล็กน้อยในการกระทำของชิงสุ่ย

"ใครจะเป็นครอบครัวเดียวกับเจ้ากัน?"

เสียงโทนต่ำที่ดูหงุดหงิดของห่าวหยุนลิ่วลี่ยิ่งทำให้เธอดูมีเสน่ห์มากขึ้น

"พี่สาวคนสวย ตอนนี้เจ้าก็ฝึกฝนจนเสร็จสิ้นแล้ว ถึงเวลาที่ข้าจะต้องฝึกฝนบ้าง มิเช่นนั้น ค่าอาจจะไม่สามารถควบคุมตนเองได้อีกต่อไป"ชิงสุ่ยถูจมูกของเขาขณะที่เผยรอยยิ้มออกมา

"ควบคุมอะไรรึ?"ห่าวหยุนลิ่วลี่เอนเอียงศีรษะขณะที่ถามด้วยความสงสัย

"เจ้าคงจะไม่ทราบว่าตัวของเจ้านั้นคอยปลุกเปลวเพลิงที่เผาไหม้ในใจของข้า เจ้าคงรู้สินะว่าข้าจะทำอะไรต่อไป ตอนนี้ข้าเองก็เริ่มทนไม่ได้แล้วล่ะ ฮ่าๆๆๆ…….."ชิงสุ่ยก็ยังข่มขื่น

ห่าวหยุนลิ่วลี่รู้สึกอึดอัดใจเพียงครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะฟื้นฟูสติและยิ้มกลับมา รอยยิ้มของเธอนั้นเปรียบได้ดั่งดอกไม้ที่เบิกบาน ก่อนที่เธอจะกล่าวว่า "พี่สาวคนนี้มีความงามที่อันตรายขนาดนี้จริงๆหรือ?"

ในทุกๆเช้า ชิงสุ่ยจะติดนิสัยฝึกฝนเพลงหมัดไทเก็กเพื่อทำให้เปลวเพลิงในจิตใจลดลง หัวใจของเขาจะเริ่มสงบและลมหายใจจะเริ่มคงที่ ซึ่งขั้นตอนนี้จะต้องดำเนินไปด้วยความเฉื่อยช้า การเคลื่อนไหวของเขานั้นเชื่องช้าดุจหอยทาก ก็ยังคงลึกลับและซ่อนเร้นอยู่ตลอดเวลา

หลังจากที่เขาเสร็จสิ้นการฝึกฝนเพลงหมัดไทเก็ก เขาจะเริ่มใช้รูปแบบเคล็ดวิชาพยัคฆ์อนัตตาในทันที ท่าทางที่สมบูรณ์แบบเต็มด้วยความดุร้ายและคลื่นเสียงของพยัคฆ์คำรามที่พลุ่งพลานออกมาพร้อมกับพลังการโจมตี

ทั้ง 2 เคล็ดวิชาการต่อสู้เป็น 2 รูปแบบที่แตกต่างกัน ในตอนนี้ร่างกายของชิงสุ่ยเปียกชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อ ห่าวหยุนลิ่วลี่เองก็สังเกตเห็นได้ว่าเมื่อชิงสุ่ยเริ่มกวัดแกว่งกระบี่จากภาพลักษณ์ที่ดูเป็นคนใจดีมีเมตตาแปรเปลี่ยนเป็นฆาตกรที่สยดสยอง

ชิงสุ่ยกำลังใจจดใจจ่ออยู่การฝึกฝนลูกเตะพยัคฆ์คำรณที่เคยใช้งานมันมาก่อนหน้านี้ ในทุกกระบวนท่าเต็มไปด้วยความรุนแรงและหากโจมตีเข้าจุดสำคัญ เหล่าศัตรูที่ต้องเผชิญกระบวนท่านี้ย่อมไม่มีทางรอดชีวิตออกไปได้

พวกเขาเริ่มรับประทานอาหารเช้าพร้อมกัน มันเป็นสิ่งไม่น่าเชื่อมากที่ทุกอย่างถูกจัดเตรียมโดยโฉมงาม แต่เมื่อมันไร้ซึ่งผลสุคนธ์มอมเมา ภาพอาหารที่ปรากฏเต็มไปด้วยสิ่งที่น่าเบื่อและรสชาติที่จืดชืด อย่างน้อยมันก็เป็นอาหารที่ถูกปรุงสุกแล้วและเป็นสิ่งที่มันควรจะเป็น

ห่าวหยุนลิ่วลี่มองไปที่ชิงสุ่ยด้วยความกังวลใจราคาว่าเธอกำลังรอคำตัดสินของชิงสุ่ย

"เริ่มรับประทานอาหารกันเถอะ! ทำไมเจ้ายังไม่รับประทานอาหารอีกละ?"หลังจากที่ชิงสุ่ยนั่งลงเขาก็ยิ้ม และสังเกตท่าทางของห่าวหยุนลิ่วลี่ที่ยืนอยู่นิ่งโดยไม่ขยับแม้แต่น้อย

"เจ้าอยากให้ข้าสั่งอาหารจากพ่อของข้าให้หรือไม่? ศิลปะการทำอาหารของข้านั้นมันน่ากลัวเกินไป ข้ากลัวว่าเจ้าจะไม่คุ้นเคยกับมัน"ห่าวหยุนลิ่วลี่หัวเราะเยาะเย้ยเบาๆ

"ข้าไม่เคยลองมันมาก่อน เจ้าจะรู้ได้ไงว่าข้าไม่ชอบมัน มันช่างดูดีอย่างมากเลยถ้าหากเปรียบเทียบกับพ่อครัวฝึกหัดคนอื่นๆ"

หลังจากกล่าวจบ ชิงสุ่ยก็เริ่มรับประทานอาหารด้วยความเร็วที่มากขึ้นเรื่อยๆ มันไม่ได้เค็มเกินไปหรือเผ็ดเกินไป แม้ว่ามันจะไม่ได้รสชาติดี แต่อาหารนี้ก็ถูกจัดอย่างสวยงามโดยโฉมงาม

เมื่อมองดูชิงสุ่ยเที่ยวกำลังรับประทานอาหารอย่างตะกละโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางสีหน้า ห่าวหยุนลิ่วลี่ก็เริ่มรู้สึกเต็มไปด้วยคลื่นแห่งความสุข เป็นเพียงความสุขที่เรียบง่ายเมื่อมีคนกำลังรับประทานอาหารที่เธอทำขึ้นเอง

" ชิงสุ่ย เจ้าได้ทำร้ายฮูอี้หลางมาสินะ?"ห่าวหยุนลิ่วลี่เริ่มหัวเราะออกมาอีกครั้ง

"ฮู อี้หลาง? ใครกัน?"ชิงสุ่ยจมลงสู่ห้วงแห่งความคิดอีกครั้ง

"ในภูมิภาคแห่งนี้ ทุกคนต่างขนานนามเขาว่า นายน้อยฮู เขาเป็นชายที่อาศัยอยู่บนความมั่งคั่งของตระกูลและอยู่ใต้ร่มเงาอำนาจของปู่ของเขา ส่วนสิ่งอื่นที่ดีก็ไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่เลย"

"เออ เขาเองรึ? ตอนนั้นข้าคงไม่เคยรู้จักเขามาก่อน? "

ชิงสุ่ยยิ้มขณะที่เริ่มต้นเล่าเรื่องราวการเดินทางตั้งแต่เริ่มต้นจนมาถึงเรื่องของห่าวหยุนลิ่วลี่ มันทำให้เธอหัวเราะออกมา เพราะเธอกำลังแสดงความคิดเห็นว่าชิงสุ่ยเป็นคนที่เต็มไปด้วยความเผด็จเหนือยิ่งกว่าเผด็จการ

" เดี๋ยวพี่สาวคนนี้ จะช่วยเจ้าไล่คนที่ก่อความรำคาญเหล่านี้ออกไป"ห่าวหยุนลิ่วลี่คิดเล็กน้อยก่อนที่จะพูดกับชิงสุ่ย

"โอ้ ข้าขอขอบคุณมากถ้าหากมันไม่ก่อให้เกิดปัญหากับเจ้ามากเกินไป ว่าแต่ความแข็งแกร่งของตระกูลฮูและนิกายกระบี่ไพศาลมีมากมายเท่าไหร่กัน?"

"ตระกูลฮูถูกพิจารณาว่าเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่และเป็นตระกูลที่ค่อนข้างน่าประทับใจ พวกเขาเกิดจากการรวมแรงหลักฐานตระกูลเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ส่วนสำหรับนิกายกระบี่ไพศาล พลังของพวกเขายังอ่อนด้อยนักถ้าหากเปรียบเทียบกับนิกายกระบี่นภา แต่ตัวตนบรรพบุรุษของตระกูลฮูเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนิกายกระบี่ไพศาล นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมตระกูลฮูจึงมีความแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม มีอีกหลายตระกูลที่เหมือนกับตระกูลฮู ที่มีรากฐานอย่างลึกลงไปในนิกายต่างๆภายในอาณาจักรชางหลาง"

"ไม่ว่าอย่างไร พวกเขาก็ยังคงแสดงความเคารพต่อข้า"

"นั้นก็แสดงว่าใครที่ไม่แสดงความเคารพต่อเจ้าแสดงว่าพวกเขาจะต้องเป็นคนที่สามารถเหยียบย่ำผู้อื่นได้ นั่นก็หมายความว่าในอนาคตข้าเองก็จะสามารถแสดงความหยิ่งยโสได้มากกว่านี้"ชิงสุ่ยหัวเราะเสียงดังออกมา

" นี่เจ้ายังหยิ่งยโสไม่เพียงพออีกหรือ? ถ้าอย่างนั้นข้าคงที่จะไม่กล้าต่อต้านเจ้า"

 

0 0 โหวต
Article Rating
6 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด