ตอนที่แล้วตอนที่ 133 – ความใจดีอันเลอะเลือน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 135 – ต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง!

ตอนที่ 134 – กู่อู่


ตอนที่ 134 – กู่อู่

 

มู่เหลยลืมตาขึ้น มันมีความมึนเมาเล็กน้อยภายใน

เขาเหยียดแขนอิงไฟไม่พูดไม่จา จากนั้นเขาก็หยิบเอาสุราออกมาอีกขวดและดื่มด่ำกับตัวเอง กู่เสวี่ยนั่งอยู่ถัดไปด้านข้างถือขวดด้วยสองมือของนางทำราวกับมิได้ยินเสียงฝีเท้า

เกิดเสียงหัวร่ออันบ้าคลั่งดังขึ้นทำลายความเงียบ

“ฮ่าฮ่าฮ่า! ญาติผู้น้องที่รักเสวี่ย ในที่สุดเจ้าก็กลับมา ข้าเหนื่อยที่จะรอคอยเหลือเกิน ถ้าหากมันมีสิ่งใดเกิดขึ้นระหว่างทาง ข้าจะต้องรู้สึกเสียใจไปตลอดชีวิตข้าเป็นแน่!”

บุรุษร่างใหญ่เบียดผ่านผู้คนเข้ามา เขาคือกู่อู่ จมูกโค้งเหมือนอินทรีย์ ตาหยี่ ริมฝีปากบางเรียวแหลม แต่มีสิ่งหนึ่งที่คล้ายกับกู่เสวี่ยคือนัยน์ตาสีน้ำตาล เขาจ้องมองอย่างชั่วร้ายไปที่กู่เสวี่ย

นี่ไม่ใช่คราแรกที่เขาพบกู่เสวี่ย แต่เบื้องหน้าเขาเป็นกู่เสวี่ยที่หน้าแดงก่ำ เขาหอบหายใจรุนแรงโดยไม่รู้สึก นางช่างงดงามจริง

“กู่อู่ ระหว่างทางที่ข้ามาที่นี้ ได้พบกับฉีหยา เป็นเจ้าใช่หรือไม่ที่ส่งเขามา?” กู่เสวี่ยพลันกล่าวถาม

กู่อู่ได้ยินชื่อของฉีหยาม่านตาของเขาก็หดลง ขบคิดอย่างรวดเร็วความชั่วร้ายสลายไปจากดวงตาของเขาฉับพลัน “ฉีหยา? มือสังหารราตรีฉีหยา! เจ้าพบเขามาอย่างงั้นหรือ?”

กู่อู่มิอาจอดกลั้นจนเปิดเผยท่าทางที่เจ้าเล่ห์ เขามองไปรอบๆสังเกตดูว่ามีผู้ใดอยู่รอบๆพวกเขาหรือไม่ เขาเริ่มรู้สึกสงสัย ด้วยความสามารถของมู่เหลย เขาจะต้องปกป้องกู่เสวี่ยโดยไม่ตายระหว่างการต่อสู้กับฉีหยาได้เยี่ยงไร มันเป็นไปไม่ได้

หรือว่าจะมีใครบางคนช่วยเหลือพวกเขาไว้?

มันเกิดหลายความคิดมากมายภายในใจของเขา แต่สีหน้าของเขายังสงบนิ่งอยู่ “น้องสาวเสวี่ย อย่าได้กล่าวหาข้าเลย เหตุใดข้าจะต้องลงมือกับน้องสาวเสวี่ยด้วยเล่า? ข้าตั้งตาเฝ้ารอน้องสาวเสวี่ยมาให้กำเนิดบุตรให้ข้าอยู่เชียวนะ”

“ข้าก็คิดเช่นนั้น” กู่เสวี่ยตอบอย่างสุขุม “เส้นชีพจรโลหิตรุ้งหิมะในร่างของข้าผู้อื่นอาจจะไม่รู้เรื่อง แต่ญาติผู้พี่อู่จะมิรู้ได้เยี่ยงไรกัน? ช่างน่าเสียดายที่มันเป็นเส้นชีพจรโลหิตซ่อนเร้น ถ้ามิเช่นนั้น จะมีผู้ใดกล้าที่จะทรยศตระกูลของเรากัน? ข้าพูดถูกใช่หรือไม่ ญาติผู้พี่อู่?”

เส้นชีพจรโลหิตรุ้งหิมะ!

ผู้คุ้มกันรอบกู่อู่ตกใจ เส้นชีพจรโลหิตรุ้งหิมะมันเป็นเส้นชีพจรโลหิตที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลกู่ เมื่อถูกกระตุ้นเปิดแล้วมันจะก่อเกิดลำแสงที่สวยงามของรุ้งหิมะอยู่รอบร่างกาย ภายในตระกูลกู่ทุกคนรู้จักเส้นชีพจรโลหิตก็เพราะว่าวิชาการต่อสู้ที่แข็งแกร่งของตระกูล [ดาบสายรุ้ง] มันจะต้องเป็นนักสู้ที่กระตุ้นเปิดเส้นชีพจรโลหิตรุ้งหิมะเท่านั้น

ตระกูลกู่เมื่อสองร้อยปีก่อน มิมีเด็กรุ่นเยาว์ที่สามารถครอบครองเส้นชีพจรโลหิตรุ้งหิมะได้ ความต้องการของตระกูลกู่เกี่ยวกับเส้นชีพจรโลหิตรุ้งหิมะมิใช่คนนอกที่จะมาเข้าใจได้ แต่ละคราที่เด็กสาวกำเนิด พวกเขาต่างคิดหาหนทางเพื่อที่จะสำรวจดูว่าพวกเขาได้รับเส้นชีพจรโลหิตรุ้งหิมะหรือไม่ และแน่นอนมันมีประเภทที่ไม่สามารถตรวจสอบได้อยู่ด้วย นั่นก็คือเส้นชีพจรโลหิตซ่อนเร้น

เส้นชีพจรโลหิตซ่อนเร้นมันจะปรากฏขึ้นก็ต่อเมื่อถึงวัยสิบหกปีเท่านั้น มันไม่มีหนทางที่จะสามารถกระตุ้นเปิดได้เลย แต่ถ้ามันถูกส่งต่อรุ่นและให้กำเนิดอีกมันก็จะมีโอกาสที่เด็กคนนั้นจะครอบครองเส้นชีพจรโลหิต

สีหน้าของกู่อู่เปลี่ยนไป เขามิคาดคิดว่ากู่เสวี่ยจะบอกความลับเขาเช่นนี้ เขาคงมิใช่เพียงคนเดียวในตระกูลที่รู้ เขาแน่ใจว่าข่าวนี้มันจะต้องถูกส่งไปบอกสมาชิกที่เหลือทั้งหมดของตระกูลภายในคืนนี้

ถึงเป็นเช่นนั้นก็ไม่เป็นไร เขาจะจับตัวกู่เสวี่ยในคืนนี้ คิดที่จะกระทำก็จะไม่ถอนตัวไป เมื่อถึงเวลานั้นก็มิมีผู้ใดสามารถทำอะไรเขาได้อีก

กู่อู่หัวร่อ “หิมะช่างตกหนักนัก เหตุใดน้องเสวี่ยถึงยืนทนหนาวอยู่เล่า ทางที่ดีน้องเสวี่ยตามข้ามาเถอะ”

กู่เสวี่ยส่ายหัว “ขอบคุณในน้ำใจของญาติผู้พี่อู่ ข้าต้องการอยู่ที่นี้คืนนี้ ไม่ต้องการไปที่ใดทั้งสิ้น”

กู่อู่ยกยิ้ม “ต้าเหว่ย พาคุณหนูกลับคฤหาสน์”

ชายร่างกำยำที่ท่าทางเย็นชาเดินเข้าไปยังกู่เสวี่ย

เปรี้ยง!

ทันใดนั้นก็ปรากฏหมัดที่เบื้องหน้าต้าเหว่ย ต้าเหว่ยหรี่ตาดูพลางแตะปลายเท้าเล็กน้อยเพื่อหยุดรั้งฝีเท้า มู่เหลยประคองตัวเองขึ้นมาและยืนขึ้น ดวงตาที่ดูมึนเมาเหล่านั้นต่างเปล่งประกาย

“คุณหนูก็ได้บอกกล่าวไปแล้วว่าไม่ต้องการที่จะไป ผู้ใดกล้าแตะต้องนาง?”

ต้าเหว่ยแค่นเสียง “ไปตายซะเถอะ!”

ไม่ทราบว่าเมื่อใดจู่ก็ปรากฏกริชสองเล่มภายในมือ กรีชเปล่งประกายสีน้ำเงิน มองคราเดียวก็รู้เลยว่าพวกมันจะต้องอาบพิษเอาไว้ จากนั้นเขาก็เคลื่อนไหวและหายไป

ดวงตาของมู่เหลยเบิกกว้างและโกรธเกรี้ยวพลางตะโกน “เจ้ารนหาที่ตายแล้ว!”

เปลวเพลิงสีเขียวปรากฏจากภายในร่างของเขา มู่เหลยที่กำลังลุกโชติมองดูราวกับเป็นเทพแห่งการต่อสู้ จากนั้นเขาก็กำหมัดขวาและเปลวเพลิงสีเขียวก็ไปรวมตัวอยู่ที่หมัดของเขาด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง จากนั้นเขาก็พุ่งออกไป!

เปรี้ยง!

เปลวเพลิงก็พุ่งออกไปและเงาร่างหนึ่งก็กระเด็นออกไป

ต้าเหว่ยสะบัดกริชเล็กน้อยภายในมือของเขาและเปลวเพลิงสีเขียวก็สลายหายไปและเขามีท่าทางที่เคร่งขรึม

“สวรรค์มรกตมู่เหลย เจ้าช่างสมกับชื่อเสียงของเจ้าจริง ข้าได้ยินผู้คนกล่าวว่าผู้ที่มีเส้นชีพจรโลหิตสวรรค์มรกตทั้งหมดต่างเป็นคนที่จงรักภักดีและกล้าหาญ มู่เหลยถ้าหากเจ้าต้องการแล้วล่ะก็ข้าสามารถถือว่าเจ้าเป็นดั่งมือขวาเลย!” กู่อู่กล่าวขณะที่เขามองไปยังสายตามู่เหลยที่ลุกโชน

“เจ้าน่ะหรือ?” มู่เหลยย่นจมูกพลางแค่นเสียง “เจ้าคู่ควรพอแล้วหรือ?”

ใบหน้ากู่อู่กลายเป็นบูดเบี้ยว “ในเมื่อเจ้ามิรู้จักปรับตัวตามสถานการณ์ เช่นนั้นก็อย่าได้โทษข้าว่าไร้เมตตา ต้าเหว่ย อย่าให้ผู้ใดมีชีวิตรอดสักคนเดียว”

โดยไม่รู้ตัวเงาร่างต้าเหว่ยก็ปรากฏขึ้นมาจากหมอก

ม่านตามู่เหลยหดเล็กลง “เงาหมอก!”

เส้นชีพจรโลหิตเงาหมอกมันเป็นเส้นชีพจรโลหิตขั้นเงิน เขาสามารถเปลี่ยนตัวเองเป็นหมอกได้ เขาคงยากที่จะจัดการแล้ว แต่มันก็ไม่มีความกลัวสักนิดเดียวภายในใจมู่เหลย เส้นชีพจรโลหิตสวรรค์มรกตของเขาก็ขั้นเงินเช่นเดียวกัน

มู่เหลยคำรามและเปลวเพลิงสีเขียวก็ขยายขึ้น

เขาแยกเท้าออกกว้างพลางย่อเอวและชกหมัดออก เปลวเพลิงสีเขียวก็มารวมตัวที่หมัดของเขาด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง เส้นสายเปลวเพลิงหมุนเป็นเกลียวรอบหมัดของเขาด้วยความเร็วสูง

หมัดเพลิงเกลียวสวรรค์!

ต้าเหว่ยเคลื่อนอย่างแปลกประหลาดติดตามด้วยเงาหมอกลอยไปมาอย่างคาดเดาไม่ได้

มู่เหลยเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ ด้วยกำลังราวกับสามหมื่นจวิน* ขณะที่ต้าเหว่ยรวดเร็วอย่างแปลกประหลาดราวกับอัสนีบาต

[คั่นหนังสือ : 钧/จวิน ไม่ใช่ 斤/จิน นะครับ เป็นหน่วยน้ำหนักของจีนสมัยโบราณไม่รู้มีค่าเท่าไหร่ครับ หาไม่เจอเลย]

ลำแสงสีเขียวและเงาสีเทาก็พัวพันกัน บางครามันก็เกิดเสียงปะทะดังขึ้น ทุกที่ที่ต้าเหว่ยปรากฏตัวขึ้นมาเขาก็มีหมอกติดตามมาด้วย ตัวหมอกก็หนายิ่งขึ้นและมู่เหลยเริ่มที่จะเหนื่อยล้า

หมอกมันราวกับเป็นใบแมงมุมยักษ์ที่มองไม่เห็นคอยดึงรั้งเขา

มู่เหลยสูดหายใจเข้าลึกและเปลี่ยนแปลงกระบวนท่าหมัดของเขา เมื่อใช้ออกไปพายุเปลวเพลิงสีเขียวก็ปรากฏขึ้นมา!

เขาก้มหน้าก้มตาปล่อยหมัดออกหมัดแล้วหมัดเล่า เพียงชั่วพริบตาเขาก็ปลดปล่อยพายุเพลิงถึงสิบสองลูก พายุเพลิงทั้งสิบสองนี้ล้อมรอบร่างของมู่เหลยและก่อตัวเป็นวงแหวนสีเขียว สถานที่ใดที่พายุเพลิงผ่านไป หมอกก็จะสลายหายไป

ร่างของต้าเหว่ยก็ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว ตัวหมอกจากนั้นก็หนาขึ้นอีกครา จากนั้นหมอกสีเทาก็ลอยไปหามู่เหลย

พายุเพลิงอันน่าทึ่งเริ่มที่จะช้าลง

“ฮ่าฮ่า! น้องเสวี่ย ดูเหมือนว่าเจ้าต้องการที่จะให้ข้าไปเชิญด้วยตัวเองสินะ!” กู่อู่หัวร่อร่าขณะที่เขาเหยียดตัวออกราวกับนกยักษ์ จากนั้นเขาก็พุ่งไปยังกู่เสวี่ย

“เจ้ากล้า!” นัยน์ตาของมู่เหลยเต็มไปด้วยความโกรธ เขาพลันใช้หมัดทั้งสองชกออกไปยังกู่อู่ผู้อยู่กลางอากาศ

ลำแสงของรังสีหมัดสีเขียวเต็มไปทั่วอากาศ

“ประเมินตัวเจ้าสูงไปแล้ว!” กู่อู่เย้นหยัน

ทันใดนั้นฝ่ามือก็ถูกปกคลุมไว้ด้วยลำแสงสีเงิน ด้วยลำแสงสีเงินที่เปล่งประกายเขามิได้หลบหลีก ยินดีรับลำแสงของรังสีหมัดสีเขียวและสะบัดฟาดพวกมันเบาๆ

วูบ!

รังสีหมัดมั้งสองแตกกระจายราวกับฟองอากาศ

ภายในกลางอากาศใบหน้ากู่อู่แดงก่ำ แต่เพียงชั่วพริบตามันก็กลับมาเป็นปกติ ปราศจากการเปลี่ยนท่าทีเขาก็เข้าไปหากู่เสวี่ยต่อ

ดวงตามู่เหลยสว่างวาบ จู่แสงสีน้ำเงินอันเปล่งประกายของกรีชก็พลันปรากฏที่เอวของมู่เหลยราวกับมัจฉาสีน้ำเงิน

ชัวะ!

โลหิตสาดกระเซ็นบาดแผลถูกย้อมไปด้วยแสงสีน้ำเงินมองดูน่ากลัว

มู่เหลยชะงักลำแสงสีน้ำเงินแพร่กระจายไปทั่วร่างของเขา

“ฮ่าฮ่าฮ่า!” เมื่อเห็นว่าเข้าใกล้กู่เสวี่ยแล้วภายในใจกู่อู่ก็รุ่มร้อน เขาหัวร่ออย่างชั่วร้าย “น้องเสวี่ยตั้งแต่นี้เป็นต้นไปเจ้าจะเป็นของข้า!”

เขาเหยียดแขนออกและกลางนิ้วราวกับตะขอ

“ไสหัวไป!” เกิดเสียงที่ไม่คุ้นเคยระเบิดขึ้นที่หูของกู่อู่

กู่อู่หนังตากระตุกมิทันได้ตอบโต้หมัดก็ใหญ่ขึ้นอยู่เบื้องหน้าสายตาเขา

บัดซบ!

กู่อู่ลนลานอย่างยิ่ง ยามเมื่อเขาสลัดหมัดของมู่เหลยทิ้งมันอาจจะรู้ราวกับง่ายดายแต่แท้จริงไม่ง่ายเลย

หมัดนี้มันรวดเร็วมากและสมบูรณ์จนเขาไม่มีเวลาตอบโต้ทัน

ในช่วงเวลาที่ตื่นตระหนก เขาทำได้เพียงแค่ใช้ฝ่ามือปกปิดใบหน้าของเขาเอาไว้

เปรี้ยง!

เขารู้สึกถึงพลังอันมากมายระเบิดขึ้นจากฝ่ามือของเขาราวกับเขาเพิ่งจะถูกทุบด้วยค้อนยักษ์

ร่างของเขาปลิวไปกลางอากาศ

นี่มัน...

เขาไม่มีแม้แต่เวลาที่จะร้องออกไป วูบ อีกหมัดหนึ่งก็กระแทกเข้าที่ท้องเข้า ร่างของเขาจนงอเป็นกุ้งและตาก็แทบจะถลนออกมา มีอาการตัวแข็งค้าง

บัด...ซบ

“นายน้อย!” ต้าเหว่ยตกใจ โดยไม่ลังเลใจเขาก็ผละจากมู่เหลยและไปหาถังเทียน

“พวกตัวบัดซบทั้งหมดสมควรตาย!” ถังเทียนรู้สึกชิงชัง เจตนาสังหารของเขาพุ่งขึ้นสูง ยามเมื่อเขารีบเร่งมาที่นี้และพบเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นเขาก็รู้สึกชิงชัง

ถังเทียนพุ่งเข้าไปหาต้าเหว่ยผู้ที่กำลังตรงมาหาเขาเช่นกัน

พวกตัวบัดซบทั้งหมดสมควรตาย! เจตนาสังหารโลดแล่นขึ้นภายในใจเขา และขณะนี้เขาต้องการที่จะสังหารพวกตัวบัดซบนี้ทั้งหมด

โดยไม่ชักช้าเขาก็กระโจนออกไปข้างหน้า

หมัดพลันก่อเกิดระลอกคลื่น มันราวกับเป็นใบแมงมุมที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา ถังเทียนได้สร้างเป็นระลอกคลื่นประเภทหนึ่ง!

ต้าเหว่ยผู้ที่พุ่งเข้ามาหาหมัดสั่นสะเทือนกลายเป็นสั่นกระตุกเชื่องช้าลง ระลอกคลื่นทั้งหมดต่างกระแทกไปบนร่างของเขาทันทีและกล้ามเนื้อทุกส่วนต่างชะงักค้าง

นี่มัน...แรงสั่นสะเทือน!

ในใจต้าเหว่ยเย็นเยียบ แต่เขามิได้หวาดกลัว คำถามด้วยความโกรธ วาดกริชภายในมือของเขาอย่างรวดเร็วราวกับอัสนีบาตไปยังถังเทียน

สองรังสีสีน้ำเงินอันเลือนลางปะทะกันกลางอากาศ

ดวงตาของถังเทียนเยือกเย็น ถ้าเขาใช้เงาหมอกสู้ ถังเทียนคงอาจจะประสบปัญหาได้ แต่ถ้าเขาเป็นคนหัวแข็งเช่นนี้ ถังเทียนเหนือกว่าเขามากนัก

สูดหายใจเข้าลึกและหน้าอกของเขาก็ยุบลงทันที รวบรวมพลังปราณทั้งหมดภายในร่างจากนั้นเขาก็ยกหมัดขวาและชกออกไป!

หมัดนี้มันแข็งราวกับแท่นศิลา

ฝ่ามืออนุสรณ์!

ลำแสงสีน้ำเงินและรอยประทับฝ่ามืออนุสรณ์ก็ปะทะกัน

ลำแสงสีน้ำเงินทะลวงลึกเข้าไปภายในรอยประทับฝ่ามืออนุสรณ์ ต้าเหว่ยมิได้หวาดกลัวต่อวิชาการต่อสู้ระดับห้า แต่ต้าเหว่ยก็มิได้คลายการระวังของเขาลง เขาไม่รู้เลยว่าบุรุษหนุ่มผู้นี้มีเส้นชีพจรโลหิตประเภทใดกัน

มันเป็นเรื่องปกติที่จะใช้เส้นชีพจรโลหิตดั่งเช่นกระบวนท่าสังหาร

ถ้าเขามิมีเส้นชีพจรโลหิตถ้างั้นฝ่ามืออนุสรณ์ก็คงมิอาจต้านทาน [หนามสีคราม!] ได้

หนามสีครามเป็นวิชาต่อสู้ระดับหก ด้วยความต่างของระดับนั่นหมายความว่านักสู้ทั้งสองมิใช่เพียงต่างกันแค่ขั้นเดียว

วูบ!

ฝ่ามืออนุสรณ์พลันระเบิดออกโดยมิมีสัญญาณเตือน ต้าเหว่ยเพียงรู้สึกกรีชภายในมือของเขากระเด็นออกไปและเขาก็สูญเสียพลังภายในมือของเขา

เขาคิดว่ามันเป็นกระบวนท่าสังหารที่น่ากลัว แต่แท้จริงมันคือปราณมังกรสวรรค์และมันมิได้ระดับสูงเลย

ต้าเหว่ยตระหนักได้ในทันทีว่าเจ้าหนุ่มผู้นี้มีพลังอยู่ในขั้นห้า และเขาค่อนข้างแน่ใจ เว้นเสียแต่ว่าเขามีเส้นชีพจรโลหิตที่แข็งแกร่ง ถ้าหากไม่แล้วล่ะก็ตัวเขาเองคงเป็นผู้ชนะในการต่อสู้นี้แล้ว เขาพลิกฝ่ามือและคว้าจับด้ามกรีช เขาย่อตัวลงเล็กน้อยราวกับเขาเป็นผู้ล่าที่เตรียมพร้อมจะกระโจนเข้าหาเหยื่อ

ต้าเหว่ยพลันหายไปในทันที

ลำแสงสว่างและเยือกเย็นสีน้ำเงินสว่างขึ้นภายในสายตาถังเทียน

ถังเทียนพลังตั้งท่าที่แปลกประหลาด ท่าขี่ม้าที่ใช้สองมือและนิ้วที่เกี่ยวกันราวกับเขากำลังกอดลูกบอลขนาดใหญ่อยู่

นั่นมันทำอะไรกัน?

ขาทั้งสองจมลึกลงไปในพื้นและเขาก็ย่อร่างลงมากยิ่งขึ้น

ทันใดนั้น ลำแสงของกรีชอันแหลมคมก็ปรากฏผ่านสายตาของถังเทียน

***********************************************************

ติ ชม รับข่าวสารได้ที่ แฟนเพจ ได้เลย และกดไลค์เพื่อเป็นกำลังใจด้วยครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด