ตอนที่แล้วAST บทที่ 170 - หอจัดประมูล ผลไม้แห่งศักยภาพ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปAST บทที่ 172 - พบเจอกันอีกครั้ง

AST บทที่ 171 - ความงดงามที่อยู่ภายในความงดงาม ดินแดงสุริยโลก


ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique

บทที่ 171 - ความงดงามที่อยู่ภายในความงดงาม ดินแดงสุริยโลก

" 32,000 เหรียญเงิน!!"เสียงตะโกนดังออกมาจากบริเวณชั้นที่ 3

" 50,000 เหรียญเงิน!"ชิงสุ่ยยกป้ายราคาห้าหมื่นเหรียญเงินขึ้น เพื่อประกาศให้ทุกคนรู้ว่าตัวเขาเองก็ต้องการสินค้าชิ้นนี้ และยังต้องการประกาศให้ทุกคนรับรู้ว่าตัวเขาเองนั้นก็มีเงิน

หลังจากที่ชิงสุ่ยประกาศราคาประมูลออกมา ทุกคนในห้องแห่งนี้ก็เงียบลง

"นายท่านคนนี้ได้ประมูลออกมาในราคา 50,000 เหรียญเงิน ไม่ทราบว่าจะมีผู้ประมูลรายใดให้ราคาสูงกว่านี้หรือไม่?"ผู้ทำการประมูลกล่าวด้วยรอยยิ้มที่แสนอบอุ่น

" 80,000 เหรียญเงิน!!"เสียงเรียกตะโกนดังขึ้นมาจากชั้นที่ 3

ชิงสุ่ย ทำได้เพียงยิ้มอย่างขมขื่น เขาเองก็รู้ตัวว่าเขาได้พบกับลาโง่จอมดื้อรั้น อันที่จริงแล้วราคาเพียงแค่ 30,000 เหรียญเงินก็เพียงพอที่จะเอาชนะและได้รับผลแห่งศักยภาพไปครอบครอง

เพื่อเป็นการป้องกันการแข่งขันทางด้านราคา ทุกคนที่จะประมูลจะต้องจ่ายเงิน 10%  ของราคาสูงสุด ในทันที เพื่อยับยั้งเหล่าผู้คนที่จงใจเพิ่มราคาเพื่อก่อให้เกิดอัตราเงินเฟ้อ

"อาเป่า เจ้าจงลงไปตรวจสอบพ่อหนุ่มน้อยที่อยู่เบื้องล่าง พวกเขาเป็นใครแล้วมาจากไหน"แต่งตัวดูมีฐานะและแข็งแกร่ง กล่าวกับรุ่นเยาว์ที่แต่งตัวคล้ายนักรบชุดดำ

ชายที่แข็งแรงยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้เบาะนุ่มสูงที่ช่วยเสริมสร้างความสะดวกสบาย และมีสุภาพสตรีที่แต่งกายในชุดยาว แต่ก็ไม่ได้จัดระเบียบเรียบร้อย มันจึงเผยเห็นรูปร่างหน้าอกอันอวบอิ่มของเธอ เธอกำลังยืนขึ้นแล้วมองดูชายที่อยู่เบื้องล่าง

" 100,000 เหรียญ!!!" ชิงสุ่ยเรียกราคาออกมาอย่างช่วยไม่ได้

"ตอนนี้มันอยู่ที่ราคา 100,000เหรียญ ไม่ทราบว่ามีผู้ใดจะเสนอราคาที่สูงขึ้นกว่านี้อีกหรือไม่?"

ผู้ดำเนินการประมูล ร้องตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้นบนลานประมูล และเริ่มกล่าวถึงผลที่อาจจะเกิดขึ้นหลังจากที่ได้กินผลแห่งศักยภาพ ทั้งๆที่ตอนแรกเขาเองก็บอกว่าเป็นผลไม้ที่ไม่มีใครรับรู้ผลลัพธ์ของมัน ได้หลังจากที่ทุกอย่างเริ่มขึ้นเขาก็เริ่มคาดเดาความเป็นไปได้และเริ่มอธิบายอย่างคลุมเครือ

หลังจากที่ชิงสุ่ยได้เพิ่มอัตราการประมูล มันถึงกลายเป็นการแข่งขันระหว่างเขากับบุคคลที่อยู่ชั้นที่ 3  ซึ่งมันทำให้ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นต่างรู้สึกสนุกกับการแข่งขันครั้งนี้

"พ่อหนุ่มน้อยจากต่างเมืองผู้นี้ช่างความกล้าหาญ แม้ว่าเขาจะมีเงิน แต่เขาก็ไม่ควรที่จะไปต่อต้านบุคคลที่มาจากนิกายกระบี่ไพศาล ตอนนี้เขาคงจะเป็นคนที่อับโชคที่สุด"เสียงบุคคลที่อยู่ใกล้ๆตัวชิงสุ่ยกำลังกระซิบกัน

"ถูกต้องแล้ว พี่ชายฮูคนนี้ไม่ใช่แค่หลานชายของผู้วิเศษจักรนิกายกระบี่ไพศาล แต่เขายังเป็นลูกหลานผู้สืบสายเลือดโดยตรงจากตระกูลฮูอีกด้วย"ชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆเขาก็อุทานออกมา

"150,000 เหรียญ"เสียงของบุคคลที่อยู่ชั้น 3 เริ่มสั่นเครือเล็กน้อย

" 300,000 เหรียญ!!!!!!!!!"ชิงสุ่ยข้อคิดอีกว่าถ้าหากอีกฝ่ายเสนอราคาที่สูงขึ้นกว่านี้ หลังจากนี้เขาเองก็คงจะยอมแพ้

" 300,000 เหรียญครั้งที่ 1!!!!"

" 300,000 เหรียญครั้งที่ 2!!!!"

" 300,000 เหรียญครั้งที่ 3!!!! สิ้นสุดการประมูล ขอแสดงความยินดีกับคุณชายท่านนี้ ที่ชนะการประมูลผลแห่งศักยภาพไปในราคา 300,000 เหรียญ "หลังจากที่ผู้จัดการประมูลประกาศแสดงความยินดี ชิงสุ่ยเองก็ค่อนข้างมีความสุข

"ไอ้คนโง่!!"

"ไอ้คนบ้า!!!"

………….

"เจ้าช่างกล้ายิ่งนักที่คิดจะสู้กับข้า" ชายที่แข็งแรงระเบิดความโกรธลงสู่ริมฝีปากของหญิงสาว และค่อยๆให้หญิงสาวคนนั้นใช้ลิ้นเลียทำความสะอาดสิ่งที่น่ารังเกียจของเขา

ถึงแม้ว่าตอนนี้ชิงสุ่ยจะใช้จ่ายเงินของเขาไปจนหมดสิ้น แต่เขาเองก็ค่อนข้างรู้สึกมีความสุข แม้ว่าเงินมาเขาจะหายไป เขาเองก็สามารถหามันกลับคืนมาได้เสมอ เพื่อให้ได้สิ่งของที่ดีย่อมต้องมีสิ่งที่แลกเปลี่ยนเสมอ ของดีเหล่านี้มักจะหายาก และในทุกครั้งที่มีโอกาสเขาก็ต้องความมันไม่ได้ นี่คือสิ่งที่ชิงสุ่ยคิดตลอดเวลา

ชิงสุ่ยเองไม่ได้ใส่ใจถึงบทสนทนาของผู้อื่น แม้กระทั่งไม่สนใจในตัวตนของหลานชายของนิกายกระบี่ไพศาล และไม่สนใจว่าใครจะเป็นลูกหลานของตระกูลฮู ตราบใดที่เขายังอยู่ในอาณาจักรชางหลางของนิกายกระบี่นภา เขาก็สามารถควบคุมสถานการณ์ทุกอย่างไม่ได้ แต่เขาจะกังวลก็ต่อเมื่อเขาก้าวไปสู่สถานที่และดินแดนที่ยิ่งใหญ่กว่านี้

การประมูลยังคงดำเนินต่อไป แม้ว่าเขาจะไร้ซึ่งเงินตราแต่เขาก็ยังคงเฝ้าดูการประมูล ในตอนนี้ชิงสุ่ยได้ทิ้งทุกอย่างไว้กลับผลไม้แห่งศักยภาพ จนไม่เหลือแม้แต่เงินสำหรับมื้ออาหาร

"น้องชาย โปรดรอสักครู่!!!"

ชิงสุ่ยหยุดเดินในทันทีเมื่อเขาได้ยินเสียงเรียกจากคนอื่น ชิงสุ่ยหันกลับมาแล้วยิ้มให้ เขารู้ได้ทันทีว่าคนคนนี้คือพี่ชายฮูซึ่งเป็นบุคคลที่อยู่ชั้นที่ 3  และเขาเองก็คงไม่ปล่อยให้ชิงสุ่ยออกไปไหนง่ายๆ

พี่ชายฮู คนนี้มักคิดว่าพวกเขาเองนั้นแข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรแห่งนี้ และเขาเองก็เชื่อว่าไม่มีใครกล้าทำร้ายเขา ดังนั้นเขาจะยอมปล่อยให้ชายแปลกหน้าทำให้เขาต้องสูญเสียหน้าได้อย่างไร? เหล่าผู้คนที่มีชื่อเสียงในโลก 9 ทวีปแห่งนี้ ยอมเสียได้ทุกอย่างยกเว้นเสียหน้า

เมื่อชิงสุ่ยหันศีรษะก็ไป เขาก็พบกับรุ่นเยาว์ที่สวมชุดสีดำ เขามองดูก็เพราะว่าชายที่อยู่เบื้องหน้าของเขานั้นค่อนข้างจะแข็งแกร่ง และลักษณะก็ไม่ต่างอะไรกับตัวเขาเอง มันยิ่งทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกว่าเมื่อยามใดที่เขาเจอบุคคลเช่นคนเหล่านี้ เขาก็คงจะต้องเล่นอะไรกับพวกเขาสักหน่อย อย่างเช่นทำให้พวกเขาต้องเอาชีวิตรอดให้ได้

"เจ้ากำลังตามหาข้าอยู่งั้นหรือ?"ชิงสุ่ยยิ้มและแกล้งถามโดยเจตนา

"นายน้อยของข้า ต้องการให้ข้ามาเชิญน้องชาย เขามีเรื่องที่ต้องการจะพูดคุยกับเจ้า"รุ่นเยาว์ในชุดสีดำยิ้มขณะพูด

"ได้น้อยของเจ้าเป็นใคร? เหตุใดข้าจึงจำเป็นต้องไปพบกับเขา?"ชิงสุ่ยยิ้มพร้อมกับตอบกลับ

ชิงสุ่ยคนข้างเกลียดชังคนเหล่านี้ที่กล่าวว่าตัวเองเป็นนายน้อยหรือแม้กระทั่งสุภาพบุรุษ เพราะนี่คือสัญลักษณ์ของเหล่าผู้คนที่ต้องการแสดงความมีอำนาจ ถ้าหากปราศจากการคุ้มครองจากเราคนรุ่นก่อนๆ พวกมันก็ไม่ต่างอะไรกับกองขยะกองหนึ่ง แต่เขาเองก็เชื่อว่าสมาชิกในตระกูลที่ยิ่งใหญ่ต่างๆอย่างน้อยก็ยังคงเหลือคนที่ไม่หยิ่งยโสและโอหังที่ชอบทำตัวเหมือนจอมเผด็จการ

"ข้าอุตส่าห์ไว้หน้าเจ้า เหตุใดเจ้าถึงทำตัวโง่งมเช่นนี้"ชายหนุ่มแสดงสีหน้าที่มืดมนและรุ่นเยาว์อีก 5 คนก็ปรากฏตัวขึ้นใหม่ในทันที

"ข้าไม่ต้องการให้พบเจ้าแสดงความเคารพข้า แต่ตอนนี้ถ้ารู้สึกคันไม้คันมืออยากจะทุกปีใครบางคนเหลือเกิน"ชิงสุ่ยปลดปล่อยหมัดเบาๆใส่รุ่นเยาว์ทั้งหมดที่อยู่ในระดับปราณนักรบขั้นที่ 6  ปลิวลอยไปไกล ซึ่งทั้ง 5 คนก็สลบลงในทันที เขาปล่อยให้คนที่พูดมาตั้งแต่แรกยังคงมีสติ

"ไอ้พวกขยะโสโครก!!!"

ชิงสุ่ยเดินไปหารุ่นเยาว์ที่ยังคงมีสติคนเดียวคนนั้นและกล่าวออกมาเบา

…………………………………………………………………………………………

ในเวลานี้ยังไม่สายเกินไป ชิงสุ่ยจึงตัดสินใจเดินไปรอบๆสถานที่ ที่ขึ้นชื่อและโดดเด่นในอาณาจักรชางหลาง เพื่อมองหาการซื้อขาย และเริ่มต้นการค้า พื้นที่ร้านค้าบริเวณแห่งนี้ต่างแออัดไปด้วยผู้คนที่มีอำนาจ

ผมไม่ว่าผู้คนจะไปเที่ยงไหนคำคำนี้ย่อมเป็นจริงเสมอ

หากมีเงิน  ก็ย่อมจะมีอำนาจ และหากมีอำนาจ ทุกคนก็จะย่อมมีเงิน

เมื่อเดินผ่านทางแยกที่โด่งดังที่สุดมันเป็นเส้นทางที่ประสบความสำเร็จและกว้างใหญ่ที่สุดในอาณาจักรชางหลาง มันมีทั้งทางแยกไปสู่ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก และยังมีอีกฝั่งหนึ่งที่แยกไปสู่ทิศใต้และทิศเหนือ ความกว้างของถนนเส้นนี้ไม่ต่ำกว่า 1 กิโลเมตร มันถึงเป็นเส้นทางที่อนุญาตให้กับสัตว์อสูรขนาดใหญ่เดินผ่านได้พร้อมกันหลายๆตัว

ชิงสุ่ยเองยังคงเดินตามเราฝูงชนที่หลั่งไหลไปบนถนน ในขณะที่เขามองเห็นอาคารสถาปัตยกรรมที่หรูหราคล้ายคลึงกับหอจัดประมูล

" ดินแดนสุริยโลก!!! "

ชิงสุ่ยกำลังจ้องมองป้ายสีทองเข้ม ที่มีคำที่โดดเด่นปรากฏอยู่ ป้ายทอแสงที่น่าอัศจรรย์ใจอย่างยิ่งภายใต้แสงแดดยามบ่าย จากนั้นเขาก็ได้กลิ่นที่หอมหวลชวนออกมา

"กลิ่นหอมเช่นนี้มันช่างหอมหวลจนเทียบเท่ากับกับปลาสีดำและซุปสรรพสิ่งบำรุงกำลังของข้า"ชิงสุ่ยได้กลิ่นหอมที่ไม่อาจต้านทานได้แม้ว่าจะอยู่ห่างจากอาคารที่แสนงดงามนี้เกือบ 500 เมตร

ชิงสุ่ยเองก็ค่อนข้างจะตกตะลึง ว่าเหตุใดอาหารของที่นี่จึงได้มีกลิ่นที่หอมหวลได้ขนาดนี้ ซึ่งบ่งบอกได้ถึงชื่อของมันอย่างแท้จริง

ดินแดนสุริยโลก ชิงสุ่ยเอ็งก็รู้สึกว่าเขาได้เจอกับความงดงามราวกับความฝัน แม้ว่าช่วงเวลามื้อเที่ยงจะผ่านไปเป็นเวลานานแล้ว แต่กระแสไหลเวียนของมนุษย์ยังคงไร้ที่สิ้นสุดขณะที่เดินผ่านประตูอันกว้างใหญ่แห่งนี้

ชิงสุ่ยยังคงมองดูเศษเหรียญเงินของเขาที่เหลืออยู่ไม่ถึง 10 เหรียญ ขณะที่เขาอยู่ที่ทางเข้า ชิงสุ่ยเองก็มองเห็นชายชราคนหนึ่งที่มีขาข้างเดียวนั่งอยู่ไม่ห่างไกลจากตัวเขา เบื้องหน้าของเขานั้นมีชามแตกๆที่บรรจุเหรียญทองแดงอยู่เพียงไม่กี่เหรียญ

สิ่งที่ทำให้ชิงสุ่ยมีความสุขคือการที่เขาได้เห็นหญิงรับใช้ออกมาพร้อมกับถุงอาหารที่เหลือ ซึ่งเธอก็นำไปให้ชายชราและเด็กเล็กๆที่ดูเหมือนเป็นกลุ่มคนขอทาน

ไม่ว่าพวกเขาจะร่ำรวยและอยู่ในสถานที่ที่ยิ่งใหญ่ แต่พวกเขาก็ยังคงคิดถึงเราผู้คนขอทาน ชิงสุ่ยจึงมอบเงินทั้งหมดที่เขามีให้กับชายชราคนนั้นและเด็กน้อย ขณะที่เขาก้าวเดินไปยังประตูของดินแดนสุริยะโลก

ทันใดนั้นก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเปิดประตูออกมาและทักทายกับชิงสุ่ยด้วยรอยยิ้ม

แล้วเธอก็พาชิงสุ่ยเดินไปที่ห้องโถงชั้นที่ 2  เพราะบรรดาห้องที่อยู่ในชั้นที่ 1 สั่งจองไว้หมดแล้ว สถานที่แห่งนี้ไม่มีห้องสงวน และลูกค้าทุกคนจะถูกปฏิบัติเช่นเดียวกัน มันถึงยิ่งทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกประหลาดใจอย่างมากจนเกินกว่าจะเชื่อได้ว่าในตอนนี้ร้านอาหารที่แสนหรูหราแห่งนี้ก็ยังคงมีห้องเหลืออยู่

"ที่แห่งนี้มีห้องที่จองไว้หรือไม่?"ชิงสุ่ยมองไปที่หญิงรับใช้แล้วถามออกมา

"ใช่ แต่ก่อนพวกเราเคยมี แต่ตอนนี้ระบบการจองห้องเหล่านั้นได้ถูกยกเลิกไปหมดแล้ว!!"หญิงสาวรับใช้ยิ้มขณะที่พูดออกมา

"เจ้าช่วยบอกข้าได้ไหมว่าทำไม?"ชิงสุ่ยอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วทำไมนายใหญ่ของที่นี่ถึงได้ทำการลบเหล่าห้องที่ถูกจองออกไปทั้งหมด

หญิงสาวรับใช้กล่าวด้วยความเขินอาย "ข้าเคยได้ยินมาว่าเมื่อ 5 ปีที่แล้ว หญิงสาวคนหนึ่งได้ทำอาหารไปส่งให้กับห้องส่วนตัวของบุคคลที่พิเศษ แต่ช่างน่าเศร้าหญิงสาวคนนั้น ถูกเหล่านายน้อยผู้ร่ำรวย ข่มขื่น และสุดท้ายหญิงสาวรับใช้คนนั้นเจ็บช้ำและโกรธแค้นจนเธอฆ่าตัวตาย"

"นี่สินะคงเป็นเหตุผลที่นายใหญ่ของพวกเจ้า ถึงได้ลบเหล่าห้องที่ถูกจองออกไป?"ชิงสุ่ยถามด้วยความประหลาดใจ

"อืม ถูกต้อง หลังจากนั้นนายใหญ่ของข้าก็ได้สังหารพวกมันทั้งหมดแล้วโยนพวกมันทิ้งออกไปที่ถนนราวกับเศษเนื้อสุนัข หนังจตุจักรอันนี้เธอก็ยกเลิกห้องที่ถูกจองไว้ทั้งหมด จากนั้นเป็นต้นมาทุกคนที่รู้เรื่องต่างก็ไม่กล้าที่จะใช้ประโยชน์จากเหล่าคนรับใช้ของดินแดนสุริยโลกแห่งนี้" สายตาของเหล่าคนใช้ทั้งหมดเต็มไปด้วยความเคารพในขณะที่เธอกล่าวถึงเจ้านายของเธอ

หลังจากนั้นชิงสุ่ยก็เริ่มเผลอตัวสั่งอาหารที่แพงที่สุดออกมา เขาคิดว่าเขาจะต้องได้พบกับหน้าใหญ่ของที่นี่อย่างแน่นอน และเขาจะใช้เหตุผลที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้เพื่อที่จะได้พบกับนายใหญ่ของที่นี่

ในเวลาอันรวดเร็ว คนรับใช้ก็นำอาหารเข้ามาในห้อง  ซึ่งชิงสุ่ยก็จะชวนเธอเข้าร่วมรับประทานด้วย แต่สุดท้ายก็ถูกปฏิเสธ ดังนั้นเขาจึงเริ่มต้นรับประทานอาหารและเพลิดเพลินกับอาหารรสเลิศเพียงคนเดียว

แต่เมื่อเขาเริ่มลิ้มลองรสอาหาร เขาก็ตระหนักได้ว่ามันยังคงห่างไกลกับรสชาติของปลาสีดำ และซุปสรรพสิ่งบำรุงกำลังที่เกิดจากภายในดินแดนหยกยุพราชอมตะ

"ไม่ทราบว่าเจ้าชื่ออะไร? แล้วข้าจะเรียกเจ้าได้อย่างไรบ้าง?"ชิงสุ่ยถามศาลรับใช้ที่ยืนอยู่ด้านข้างขณะที่เขากำลังรับประทานอาหาร

"ท่านสามารถเรียกข้าว่า ซูน้อย!!"หญิงสาวคนนั้นยิ้มและกล่าวตอบ

"ซูน้อย จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากใครคนนึงกินอาหารโดยไม่จ่ายเงิน?"ชิงสุ่ยยิ้มยังเฉื่อยชา

"กินโดยไม่จ่าย? พวกเราไม่เจอคนประเภทนั้นมาก็เป็นเวลากว่า 5 ปีแล้ว ส่วนข้าเองนั้นก็ไม่เคยเจอเลยแม้แต่คนเดียว"ซูน้อยตอบด้วยรอยยิ้มอันน่ารักหลังจากที่ฟื้นคืนอาการจากความตกใจ

"ซูน้อย จะเป็นอะไรไหมถ้าหากข้าจะบอกเธอว่าตัวข้านั้นไม่มีเงิน ว่าแต่เจ้าจะเชื่อข้าหรือไม่?"ชิงสุ่ยยังคงกินต่อไปและถาม

" มันไม่สำคัญหรอกว่าข้าจะเชื่อท่านหรือไม่?"ซูน้อยตอบอย่างนิ่มนวล

"ทำไมล่ะ? เจ้าไม่กลัวที่ข้าจะกินโดยไม่จ่ายเงินอย่างนั้นหรือ?"ชิงสุ่ยถามด้วยความงุนงง หลังจากที่เขากำลังจะกินแล้วก็ชักดาบ เพื่อให้เขาบรรลุถึงเป้าหมายในการเข้าพบนายใหญ่ของที่นี่

"นายใหญ่ของพวกข้าสั่งมาว่า ท่านสามารถเพลิดเพลินกับอาหารที่นี่ได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่ท่านมาทุกอย่างในที่แห่งนี้ท่านสามารถใช้ได้โดยไม่ต้องเสียเงิน"ซูน้อยกล่าวยังมีความสุข

ชิงสุ่ยถึงกับอึ้ง ตัวเขานั้นคอยสร้างศัตรูไปทั่วตั้งแต่ที่เขาเดินทางมาถึงอาณาจักรชางหลาง แต่ไม่ได้สร้างมิตรเพิ่มเลย

"ซูน้อย หยุดทำให้ข้ารู้สึกสงสัยเสียเถิด ข้าชักสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น? ตัวข้านั้นไม่มีเงินจริงๆ เจ้าช่วยพาข้าไปพบเจ้านายของเจ้าได้หรือไม่?"ชิงสุ่ย กินอาหารคำสุดท้ายเสร็จพร้อมกับลุกขึ้นยืน

"นายใหญ่ของพวกข้าตัดสินใจเช่นนี้เพราะว่าท่านได้ทำการให้ทานแค่เราคนยากจนเหล่านั้น ดังนั้น พวกเราจึงต้องการมอบมื้ออาหารมื้อนี้ให้แก่ท่านโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน แต่เหตุผลสำคัญที่สุด ท่านจะได้รู้หลังจากที่พบกับเจ้านายของเราเอง ไปกันเถอะ เจ้านายของพวกเรารอท่านอยู่"ซูน้อยนำหน้าชิงสุ่ยและขึ้นบันไดไปข้างบนอย่างมีความสุข

ชิงสุ่ยในตอนนี้รู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ยังคงเดินตามหญิงสาวที่แสนน่ารักขึ้นไปชั้นบน

โครงสร้างของตัวอาคารแห่งนี้ประกอบด้วยฐานที่มีขนาดใหญ่มาก พื้นที่ในแต่ละชั้นของอาคารแห่งนี้มีความกว้างและความยาวไม่ต่ำกว่า 100 เมตร อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ได้มีจำนวนชั้นที่มากแต่ก็เทียบเท่าจำนวน 6 ชั้นของหอจัดประมูล ซึ่งที่แห่งจะใช้ประโยชน์เพียง 5 ชั้นแรกเท่านั้น และชั้นสูงสุดจะไม่เปิดให้คนทั่วไปเข้า

เมื่อใช้เวลาไม่นานนักพวกเขาก็เดินมาถึงชั้นที่ 5  ตำแหน่งบันไดขึ้นสู่ชั้นสูงสุดก็แปลกไปจากชั้นอื่น เมื่อเขาขึ้นมาถึงก็พบกับทหารยามหญิง 2 คน และพวกเธอก็พยักหน้าเมื่อเห็นซูน้อยเดินขึ้นมา หลังจากนั้นซูน้อยและชิงสุ่ยก็เดินทางขึ้นบันไดไปสู่ชั้นที่ 6

การออกแบบสถาปัตยกรรมในชั้นที่ 6 นั้นช่างดูเรียบง่ายแต่ปรับเสริมสร้างบรรยากาศให้ดูดี ซึ่งในชั้นนี้มีห้องเพียงแค่ไม่กี่ห้องเท่านั้น ซึ่งถูกแบ่งแยกจากตรงกลาง แม้กระทั่งบนพื้นก็เต็มไปด้วยหญ้า หินและต้นไม้ที่เขียวชอุ้มตลอดเวลา

"นายใหญ่ของพวกเรารออยู่ข้างใน แต่ท่านจะต้องเข้าไปด้วยตนเอง!!"ซูน้อยยิ้มและชี้ไปยังห้องที่ถูกแบ่งแยกตรงกลาง

เมื่อชิงสุ่ยเดินผ่านเส้นแบ่งแยกตรงกลางไป เขาก็ถึงกับอึ้งตะลึงเมื่อเขามองเห็นหญิงสาวโฉมงามที่แต่งกายด้วยเครื่องแต่งกายสีม่วง มันยิ่งเสริมสร้างให้เธอดูมีสง่าราศียิ่งขึ้น ดวงตาที่ราวกับนางฟ้าและขนตาที่ราวกับขนนกหงส์เพลิง เมื่อรวมกันแล้วเสริมสร้างเสน่ห์อันสุดแสนจะปราณีต แม้เธอจะไม่ใช่นางอัปสรแต่ความงามของเธอนั้นสามารถโค่นล้มราชวงศ์และอาณาจักรต่างๆลงได้

เธอเป็นผู้หญิงที่สงบนิ่ง ท่าทางอันสง่างามและการจ้องมองของเธอทำให้ผู้คนที่พบเห็นต่างหลงใหลเธอ ซึ่งเธอก็คือห่าวหยุนลิ่วลี่ เธอคือผู้หญิงที่เกิดจากส่วนผสมที่ลงตัวของความมีเสน่ห์งดงามและปัญญา

 

 

*****เธอก็คือคนที่มอบหม้อกลั่นให้กับชิงสุ่ยนั้นเอง*****

0 0 โหวต
Article Rating
17 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด