ตอนที่แล้วLSG-บทที่ 83 เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง (ตอนที่ 3) (อ่านฟรีวันที่15กันยา)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปLSG-บทที่ 82 เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง (ตอนที่ 2) (อ่านฟรีวันที่13กันยา)

LSG-บทที่ 84 เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง (ตอนที่ 4 : 1/5) (อ่านฟรีวันที่17กันยา)


LSG บทที่ 84

แปลไทยโดย : SwordGod

เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง (ตอนที่ 4 : 1/5)

บริเวณด้านนอก ของ สำนักวิชาดาราม่วง นายพลระดับสูงแห่งเมืองธาตุไฟ นำกองกองกำลังของพวกเขาเข้าไปใน สำนักวิชาดาราม่วง พร้อมกับโจมตี

อัศวินและผู้รักชาติจำนวนมากของเมืองก็เข้าร่วมด้วยเพื่อช่วยกองกำลังของเมืองธาตุไฟ

ปีศาจร้ายที่จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นใน สำนักวิชาดาราม่วง และ ลอร์ดโจวจื่อปู้ แอบร่วมมือกับปีศาจร้าย ข้อมูลนี้สั่นสะเทือนเขย่าแนวเทือกเขาอาถรรพ์ทั้งหมด

มีปีศาจชั่วร้ายมากมายและด้วยความช่วยเหลือของ โจวจื่อปู้ พวกมันสามารถสร้างอุปสรรคด้านพลังงานและอาคมของปีศาจ พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญการปกป้องนักบ่มเพาะปีศาจมันไม่ใช่เรื่องที่งา่ยๆเลยที่จะทำลาย

ยิ่งนานเท่าไรพวกเขาก็ลากการโจมตีขึ้น จำนวนอัศวินและนักรบที่กล้าหาญที่ก้าวไปข้างหน้าเพื่อเข้าร่วมประสงค์จะต้านทาน สิ่งนี้ทำให้ระบบป้องกันของปีศาจต้องเครียด

“อดทนไว้! เมื่อนายท่านได้รับจิตวิญญาณของลูกหลาน วิชาศิลาวิญญาณ แล้วพวกเราจะจับมันมาทรมานเค้นเอาความลับ วิชาศิลาวิญญาณ! ด้วยวิชานี้ เราจะสามารถโค่นล้มนิกายโลหิตปีศาจได้! ด้วยการล่มสลายของมัน พวกเราจะได้ชื่อว่า ผู้กุมอำนาจเหนือ ชายแดนด้านใต้ทั้งหมด!”

ชายร่างผอมคนหนึ่งถือป้ายโลหิตสีแดง มีกะโหลกศีรษะแขวนอยู่รอบๆคอของมัน มันเป็นชายชราที่มีผิวสีแดงสด มันจ้องไปที่ปีศาจทุกตัวที่ยืนปกป้อง สำนักวิชาดาราม่วง

"ครับ! “ท่านผู้นำ!”

นักบ่มเพาะปีศาจตอบด้วยความเคารพในเสียงต่ำเสียงแหบแห้ง

แม้ว่านักบ่มเพาะปีศาจ จะถูกฉีกกระชากออกเป็นล้านๆชิ้น โดยผู้เชี่ยวชาญหลายคนในแต่ละวินาที แต่นักบ่มเพาะปีศาจ ไม่มีใครเลยที่จะก้าวถอยหลังแม้แต่คนเดียว ไม่ว่าพวกมันจะมีตาสีแดงหรือสีเขียวพวกมันไม่ได้กลัวความเจ็บปวดหรือบาดเจ็บพวกมันไม่ได้กลัวแม้กระทั่งความตาย!

ทุกๆส่วนของพวกมันเหมือนทำหน้าที่เป็นหุ่นเชิด

ด้วยจิตใจอันคลุ้มคลั่งป่าเถื่อนมันทำได้สิ่งเดียวเท่านั้น นั่นคือ การสังหาร

โฮกกกกก!!!

ขณะนี้เสียงคำรามดังสนั่นหวั่นไหว ตามมาด้วย ปีศาจชั่วร้ายคล้ายกับวัว ไม่มีผิวหนัง กระโจนเข้าไปยังสนามรบ

ปีศาจร้ายอ้าปากกว้าเผยให้เห็นฟันที่เหมือนกับเหล้กน่าขนลุกแลบลิ้นสีแดงเลือดยาวออกมา ส่งมอบผลึกโปร่งแสงให้กับนักบ่มเพาะปีศาจเฒ่า

ชายชราคว้าผลึกทุบลงบนพื้น

"กองกำลังเสริม!"

ผลึกแตกกระจายปรากฏคำสองคำ

เมื่อนักบ่มเพาะปีศาจเฒ่าเห็นสิ่งนี้มันก้ตัวแข็งทื่อและตะโกนด้วยความตกใจว่า "หัวหน้า พวกเขาพบกับปัญหานายพลจิวเสวี่ยวท่านส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือลงมา!"

"ครับ! ท่านขุนพล!"

ชายสูงประมาณสองเมตรสวมเกราะสีแดงเลือดแวะเข้ามาอย่างรวดเร็วและพึมพำคำไม่กี่คำ

นายพลคนนี้รูปร่างแปลกประหลาดมาก แขนซ้ายของมันหนาเตอะและหยาบขาของมันเหมือนฃาช้าง ร่างกายของมันเต้มไปด้วยสีแดงเข้มและมันถักผมเปียไว้ทั้งสองข้าง ครึ่งใบหน้าของเขาเป็นกลวงโบ๋ไม่มีผิวหนังหรือเนื้อทั้งหมดที่เหลือก็คือกะโหลกศีรษะสีแดงเลือดและตาของมันที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว แขนขวาของมันถูกปกคลุมด้วยด้วยใบมีดฟันของปลาฉลามที่คมเหมือนใบมีดโกน

ชุดของนักบ่มเพาะปราณปีศาจ สวมเสื้อเกราะสีมืดทึบมีกลิ่นเหม็นสาปชั่วร้ายและเดินไปที่จัตุรัสสำนักวิชา

ระหว่างทางมีศพนักเรียนตายจำนวนมาก อสุรกินศพเข้ามารุมล้อมสพและเริ่มกัดแทะพวกมัน

นายพลจิวเสวี่ย เห็นดังนั้นมันรีบปรี่เข้าไปเตะเข้าไปตรงๆที่หัวของอสูรกินศพ เสียงดังโพล๊ะหัวระเบิดกระจุยกระจาย

"ไปฆ่าพวกมนุษย์! พวกแกทั้งหมดมันตะกะตะกรามหิวโหยกินเยี่ยงสุนัขข้างถนนข้าจะไม่ช่วยเหลืออะไรพวกแกอีกข้าจะรายงานเรื่องนี้ให้นายท่านทราบและจะสาปส่งพวกแกอสูีกินศพให้ไปลงนรก! "

นายพลจิวเสวี่ย แผดเสียงเหมือนคำสาปของสัตว์ร้าย

อสูรกินศพตกใจผวาสั่นงกๆเหมือนนกน้อยสดุ้ง รีบแตกหือออกไปทั้งสี่ทิศ ไม่มีใครกล้าที่จะเคี้ยวศพอีก

นายพลจิวเสวี่ย หัวร่อเยอะเย้ยแล้วเดินต่อไปข้างหน้า

ตลอดเส้นทางอสูรกินศพตา่งแหวกเส้นทางที่มันเดินไปราวกับว่ามันคือภัยภิบัติสำหรับพวกมัน

ปุด! ...ปุด! ...ปุด! ...ปุด! ...ปุด! ...ปุด! ...ปุด! ...

ฟองสบู่สีแดงเลือดปรากฏโผล่ออกมาข้างเส้นทาง

"อาคมย้อมโลหิต?"

นายพลจิวเสวี่ย สดุ้งเมื่อมองเห็นสระของสระเลือดสีแดง เห็นชายคนหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังเลือดสีแดงสวมหน้ากากโลหะและสวมเสื้อคลุมจอมดาบสีเลือดหมูแดงที่โผล่ออกมาจากอาคมเลือด

ในเวลาเดียวกันร้อยกระบี่ยังปรากฏรอบตัวมัน มันเป็นฉากที่น่ากลัว

กลิ่นเหม็นของคาวเลือดที่เต็มไปในอากาศเย็นยะเยือก ลมปราณปีศาจแห่งการฆ่าฟัน กระเพื่อมออกมาเป็นลอนๆ

แต่ที่โผล่ออกมาจากสระเลือดสีแดงมีนคือมือแห่งความชั่วร้ายที่โผล่ขึ้นพยายามกระชากคนๆนี้ลงไป หลังจากนั้นมันก็ปล่อยตัวเองอยู่นิ่งๆบนสระของสระเลือดไม่ขยับแม้แต่คืบเดียว

ร้อยกระบี่ที่ถูกแช่อยู่ในบ่อเลือดดุเหมือนจะแดงฉาน

"มันเป็นใคร?

เมื่อเห็นเขาปล่อยกลิ่นอายชั่วร้าย นายพลจิวเสวี่ยก้ไม่ได้ออกคำสั่งให้โจมตี แต่มันถามด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำแทน

เนื่องจากมันมีลมปราณปีศาจ ส่วนใหญ่เขาน่าจะเป็นนักบ่มเพาะปราณปีศาจ

"ข้าก็ไม่รู้"

นักบ่มเพาะปราณปีศาจที่ยืนอยู่ด้านในก็ส่ายหัวงึกๆ

นายพลจิวเสวี่ยว ร้องคร่ำครวญเบา ๆ และเดินไปยังสระเลือดสีแดง

แต่ชายที่นอนอยู่บนพื้นมีกระบี่อยู่ที่หลังและแขวนไว้ที่ไหล่ของเขาก็เป็นฝักกระบี่ จากรูปแบบที่เขาแต่งตัวไม่ได้ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นนักบ่มเพาะปราณปีศาจ แต่เขาถูกปกคลุมไปด้วยเลือดและได้รับความโหดเหี้ยมจากรัศมีชั่วขณะที่อาคมที่เขาสร้างขึ้นไว้นี้คือกลุ่ม อาคมย้อมโลหิต แห่ง ทวีปปีศาจ ถ้าเขาไม่ได้เป็นปีศาจแล้วหมายความว่าเขาเป็นมนุษย์หรอ?

แต่นายพลจิวเสวี่ยว ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้

กระบี่ด้านหลังพวกนั้นมันคืออะไรกัน?

ทำไมถึงทำให้กลิ่นเหม็นของเลือดชุ่มไปหมดแล้วมันยังมีมากกว่า อาคมย้อมโลหิต ปกติ?

นายพลจิวเสวี่ย ไม่รู้ แต่ในฐานะผู้นำกลุ่มเล็ก ๆ ของกลุ่มผู้บ่มเพาูะปิราณปีศาจเขาต้องเข้าใจตัวตนของผู้ชายคนนี้

"แกเป็นใคร?"

นายพลจิวเสวี่ย เค้นเสียงเบาๆ

แต่ชายคนนี้ไม่ได้เคลื่อนไหวและยังคงนอนไม่ไหวติงอยู่ในสระเลือด ขระที่มือที่ปกคลุมร่ายกายได้คลี่ออกจมลงไปในสระเลือด

โฮกกกกกก!!!

นายพลจิวเสวี่ย ตะโกนเสียงดังให้ดังขึ้นเรื่อย ๆ จนดูเหมือนว่ามันต้องการที่จะเขย่าคนที่นอนให้ตื่นขึ้นมาและใช้อำนาจท้าทายผู้ชายคนนั้น

แต่…

แม้ด้วยเสียงคำราม แต่ชายคนนั้นก็ยังนอนอยู่ที่นั่นด้วยดวงตาของเขาที่หลับสนิทราวกับว่าเขาตาย

"ได้ แล้วข้าจะทำให้เจ้าดูเหมือนเป็นคนตาย มาดูกันว่าคนตายเขาปฏิบัติกันแบบไหน! ! ! !”

นายพลจิวเสวี่ย ดูหงุดหงิดและด้วยเสียงคำรามที่ดังสนั่นมันยกแขนขวาขึ้นพร้อมด้วยใบพัดขนาดยักษ์ซึ่งประดับประดาด้วยฟันฉลามและพุ่งเข้าหาชายที่อยู่กลางสระเลือดสีแดง

เพียงแค่มันพูดแค่นั้น คนที่ดวงตายังปิดก็เบิกโพลงออกมา ดวงตาข้างหนึ่งของมันปกคลุมด้วยหน้ากากโลหะและแนวเส้นเลือดแดงเหมือนเมล็ดข้าว ลูกนัยน์ตาดำของมันขยายออกกระพริบปริบๆภายใต้แสงสีแดง มาพร้อมกับมันคือส่วนผสมของกลิ่นอายที่ไม่สามารถอธิบายได้ ทันใดนั้นพายุลมก็โผล่ขึ้นมาและพุ่งผ่าน อาคมย้อมโลหิต

นายพลจิวเสวี่ย ได้สังเกตเห็นสิ่งนี้และตื่นตระหนก แต่เนื่องจากมันมีนิสัยชั่วร้ายมากมันจึงประหลาดใจเพียงเล็กน้อยและไม่มีความกลัว

มีบางสิ่งที่สามารถสร้างความกลัวในปีศาจ!

ในพริบตา สิ่งที่อาจทำให้ปีศาจกรีดร้องด้วยความกลัวปรากฏขึ้น

คู่ของดวงตา!

นายพลจิวเสวี่ย ได้สัมผัสกับคู่ดวงตาสีแดงเข้ม!

การมีดวงตาเช่นนี้ท่านต้องปลูกฝังด้วยวิธีการของปีศาจเป็นเวลาอย่างน้อยสามพันปี! นั่นหมายความว่าท่านได้ปลูกจิตสำนึกของความชั่วร้ายและฝังลงบนกระดูกของท่าน!

นายพลจิวเสวี่ย ได้ฝึกฝนวิถีปีศาจมาได้หนึ่งร้อยสามสิบปี แต่มันไม่เคยเห็นอะไรที่น่าขนลุกขนพองกับความชั่วร้ายนี้

มันสั่น

ความพยายามในการโจมตีชายคนนี้ก็ลดลงอย่างรวดเร็วเนื่องจาก นายพลจิวเสวี่ย ไม่มีพลังเหลือกลับคืนมาได้อีก

วิ้ง วิ้ง วิ้ง วิ้ง ...

ขระนี้ กระบี่ที่รายล้อม อาคมย้อมโลหิต เริ่มสั่นกระตุก  กระบี่ทีละเล่มเริ่มบินออกไปและพร้อมด้วยมนุษย์เป็นจุดศูนย์กลางของพวกมัน พวกมันปิดผนึกพื้นที่อย่างรวดเร็ว เมื่อกระบี่รวมทับซ้อนกันมันกลายเป็นลูกบอลโลหิตขนาดมหึมา

นักบ่มเพาะปราณปีศาจ ได้ตะลึงเมื่อมองดูด้วยคุ่ดวงตาสีแดงเลือด

จากนั้นก็

ชูวาา!

ร้อยกระบี่แยกออกอย่างฉับพลันยังคงมีมนุษย์เป็นแกนของพวกมันลอยอยู่เหนือบริเวณใกล้เคียง

ส่วนนายพลจิวเสวี่ย ที่กำลังเตรียมที่จะสังหารเขาตอนนี้มันถูกย่อยสลายไปในโครงร่างเลือดขนาดใหญ่ขณะที่เนื้อของมันถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ และทับซ้อนขึ้นเหมือนภูเขา

 

รัศมีแห่งความชั่วร้ายเพิ่มขึ้นในคู่ของดวงตาเหล่านั้น

"การกลับชาติมาเกิดในชีวิตนี้ข้าต้องทนทุกข์ทรมานมามากมายและได้ผ่านสถานการณ์ที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมานับไม่ถ้วน ทั้งหมดที่ข้าทำนี้ ก้เพื่อปกป้องครอบครัวของข้า "

"พ่อและแม่ของข้าได้จากข้าไป ชิงเอ๋อ ก็ยังทิ้งข้าให้อยู่คนเดียว?"

"ไม่ ... อย่างน้อยที่สุด ชิงเอ๋อ นางต้องมีชีวิตอยู่ ... "

ซูหยุนพุดในขณะที่มันเหนื่อยหอบ

มันรู้สึกว่าศีรษะของมันร้อนขึ้นอย่างรวดเร็วและเลือดในร่างกายของมันกำลังเดือดพล่านอย่างบ้าคลั่ง

เลือด?

ความตระหนกตกใจปลุกให้ตื่นขึ้น ซูหยุนจำได้ว่ามันใช้ร่างนักบ่มเพาะปราณปิศาจในระหว่างการแลกเปลี่ยนเลือดปีศาจ ...

ร่างกายตัวนั้นเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากที่มันใช้ซึ่งสามารถจับคู่กับเลือดของตัวมันเองได้

บางทีเลือดปีศาจในนิสัยของความชั่วร้ายได้แทรกซึมเข้าไปในดวงวิญญาณของมัน แต่ถึงกระนั้น อย่างไรก้ตาม ... อย่างนี้มันก้ดีแล้ว

ซูหยุนถอนหายใจและเดินไปที่จัตุรัสของนักเรียน

ร้อยกระบี่บินลอยขึ้นไปในอากาศเหมือนขนนก พวกมันบินตามซูหยุนตามรอยของมัน

ด้วยการเปิดใช้ อาคมย้อมโลหิต อาจเปลี่ยนปราณวิญญาณที่ลึกล้ำของบุคคลและเปลี่ยนให้กลายเป็นปราณปีศาจ แม้ว่าพลังจะมีความแตกต่างไม่มากนัก แต่ก้พอให้นับ่มเพาะใช้พลังปราณปีศาจได้

ปราณปีศาจสามารถครอบคลุมได้เพียงปราณปีศาจเท่านั้น คนที่มีปราณลึกล้ำจะไม่สามารถใช้มันได้ มันแตกต่างจาก "ลมปราณวายุเชี่ยว" ของ จอมยุทธกระบี่ ซึ่งจะได้รับพลังจากการระเบิดซึ่ง ปราณปีศาจ เน้นการควบคุมและความลุ่มลึก

ในโลกของการบ่มเพาะ เป็นเรื่องปรกติที่ มนุษย์และปีศาจ มักจะรบราฆ่าฟันกัน ปีศาจจะเรียกร้องชัยชนะโดยการใช้ ปราณปีสาจ เนื่องจาก ปราณปีศาจ สามารถช่วยให้บรรลุศักยภาพของบุคคลและช่วยให้พวกเขาทำงานได้ดีขึ้นกว่าปกติ

นี่คล้ายกับการระเบิด!

เหตุผลที่มนุษย์กลัวผีปีศาจเพราะพวกมันบ้าไม่ตายไม่จำเป็นต้องพักผ่อนและดมกลิ่นฆ่าฟันสงครามและความตาย พวกมันบ้า

นี่คือสิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถทำได้

และตอนนี้ ปราณปีศาจ ที่มีอยู่ในกระบี่ธรรมดาเหล่านี้ทำให้พวกมันมีลักษณะชั่วร้ายเป็นจุดเริ่มต้น พวกมันเต็มใจที่จะถูกควบคุมโดย ซูหยุน และยินดีที่จะฆ่า

นี่คือเหตุผลที่ ซูหยุน ให้ ซูซินเยี่ย และ ซูซิงหยาง เตรียมกระบี่ร้อยเล่ม

เพื่อให้การใช้ อาคมย้อมโลหิต เป็นไปได้ว่ากระบี่จะมี "ปราณปีศาจ" ได้ง่ายและด้วยวิธีนี้กระบี่ก็จะง่ายต่อการควบคุม

เมื่อ อาคมย้อมโลหิต ได้มอบ ปราณปีศาจให้ กระบี่ ด้วยตัวมันเอง พวกมันจะสร้างห่วงโซ่ที่มองไม่เห็นเพื่อช่วยในการควบคุม มันจะง่ายกว่าที่จะควบคุมกระบี่เหล่านี้เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ใช้ที่ชายแดนของเทือกเขาอาถรรพ์เพื่อป้องกันการปล้น

คราวนี้ร้อยกระบี่บินเป็นเอกภาพของมันอีกครั้ง

แต่ครั้งนี้มันไม่ได้ถุกใช้เพื่อทำข่มขู่

ตอนนี้ พวกมันถูกใช้เพื่อ สังหาร

บางทีพวกมันไม่ใช่ว่าไร้คู่เปรียบ แต่สำหรับการจัดการกับสถานการณ์ปัจจุบันนี้พวกมันก็เพียงพอแล้ว

กระบี่เลือดหมุนรอบตัว ซูหยุน เหมือนพายุทอร์นาโดหมุนวนไปเรื่อย ๆ จน นักบ่มเพาะปราณปีศาจ ที่อาศัยอยู่รอบข้างไม่กล้าเดินหน้าเผชิญกับคนที่น่าอัศจรรย์คนนี้ พวกมันทั้งหมดถอยออกไปและไม่มีใครกล้าที่จะหยุดเขาในขณะที่เขาค่อยๆก้าวไปข้างหน้า

แปลไทยโดย : SwordGod

0 0 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด