ตอนที่แล้วLSG-บทที่ 81 เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง (ตอนที่ 1) (อ่านฟรีวันที่11กันยา)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปLSG-บทที่ 84 เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง (ตอนที่ 4 : 1/5) (อ่านฟรีวันที่17กันยา)

LSG-บทที่ 83 เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง (ตอนที่ 3) (อ่านฟรีวันที่15กันยา)


LSG บทที่ 83

แปลไทยโดย : SwordGod

เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง (ตอนที่ 3)

สถานการณ์ในตอนนั้สับสนอลม่าน พวกเขาจำเป็นต้องตัดสินใจ

ชิงเอ่อ ก้มหน้าพูดกับ ซูฮัวหยู อย่างไม่แยแสว่า"นายน้อยค่ะ โจวจื่อปู้นั้น ได้ร่วมมือกับนักบ่มเพาะปราณปีศาจ ลอบโจมตีและได้ปิดตายสำนักวิชาดาราม่วงทั้งหมด  คนนอกไม่มีใครรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่นี่ แต่ว่าที่นี่เป็นใจกลางเมืองไม่นานข่าวน่าจะแพร่กระจาย อาจจะมีคนมาช่วยเราเร็วๆนี้ ตอนนี้ที่เราต้องทำคืออย่างได้แตกแยกกันและร่วมมือกับนายหญิงดาราม่วง ต้านรับนักบ่มเพาะปราณปีศาจ หากเราแยกกันตอนนี้ข้าเกรงว่าตระกูลซูจะเสียหายอย่างหนัก หากว่าเราแยกกันออกไปตัวแทนอื่นๆอาจจะฉวยโอกาสนี้กลั่นแกล้งเราได้! นี่จะนำชื่อของตระกูลซูพังลง! "

"เจ้ามันคิดสั้น!"

ซูฮัวหยู ตะโกน "หากว่าเราไม่ออกไปตอนนี้แล้วเมื่อไหร่โอกาสอย่างนี้จะมีอีก? เป้าหมายของศัตรูคือ มู่เฟิง ไม่ใช่พวกเราซ่ะหน่อย? "

"แต่ว่า นายน้อยฮัวหยู ท่านมองไปรอบๆสิ เราถูกล้อมไปด้วยหมอกเลือดมันทำให้การมองเห็นของเราเสียเปรียบ แล้วหมอกนี่มันก็ไม่ธรรมดามันมีวิญญาณแห่งความชั่วร้ายอยู่ด้วย ข้าเกรงว่าหมอกนี่น่าจะเป็นอาวุธสังหารของนักบ่มเพาะปราณปีศาจอย่าได้ดูเบามันเป็นเรื่องยากที่จะหลบออกไปจากมัน! "

เมื่อซูฮัวหยูได้ฟังชิงเอ๋อพูด ด้วยความดื้อรั้นของมัน มันคิดว่านางพูดได้ถูกต้องแล้ว

อย่างไรก็ตามในฐานะบุตรชายของผู้นำสูงสุด ซึ่งวันข้างหน้ามันต้องสืบทอดเป็นผู้นำคนต่อไปของตระกูลซู ไม่ว่าความคิดของ ชิงเอ๋อ จะดีแค่ไหนมันก็จะปฏิเสธนาง มันไม่ได้ต้องการก้าวผ่านพรรสวรรค์ของชิงเอ๋อ มันแค่ต้องการรบเร้าชิงเอ๋อให้เป็นของมันและกลายเป็นเจ้าของนางอย่างแท้จริง

"ถึงแม้ มู๋เฟิง จะเป็นเป้าหมายของ นักบ่มเพาะปราณปีศาจ แต่ว่าสกุลมู่เองก็เป็นสกุลชั้นสูงแห่งศิลาวิญญาณ ด้วยพลังฝีมือเช่นนี้ มู่เฟิงอาจจะได้รับการเสนอชื่อผู้ถุกเลือกคนต่อไป แห่งสกุลมู่ และยังมีผู้คุ้มกันที่มีพลังพิเศษ ตัวของมู่เฟิงเองยังเสริมด้วย ศิลาวิญญาณ จิตวิญญาณที่พิเศษมากมายด้วย ไม่ต้องห่วง! "

ชิงเอ่อ ได้ศึกษาข้อดีและข้อเสียอย่างรอบคอบแลบอกให้กับ ซูฮัวหยู

ซูฮัวหยูได้ยินอย่างนี้มันยิ่งโมโหมากขึ้นและผิดหวังมากขึ้น

"ชิงเอ๋อ แม้ว่าเจ้าจะเป็นตัวแทนตระกูลซู แต่เจ้าก็อย่าได้ลืมตัวว่าเจ้าเป็นอะไร ข้าคือบุตรชายของผู้นำสูงสุดแห่งตระกูลซูเพราะฉะนั้นข้าจึงเป็นผู้นำที่นี่! อย่าคิดว่าเจ้ามีอำนาจเหนือข้า! หากข้าบอกว่ากลับ ก็ต้องกลับเจ้าเข้าใจใช่มั้ย? "

เสียงของซูฮัวหยูเย็นชาราวกับน้ำแข็งและมันก็ดังขึ้นด้วยความตั้งใจ

ชิงเอ๋อกัดฟันกรอดนางไม่ได้ตอกกลับ

"หากเจ้าต้องอยู่งั้นเชิญเจ้าอยู่ไปคนเดียวเถอะ ข้าอยากจะรู้นักว่าใครจะตาย! ไปกันเถอะ! ไป! แยกกัน! "

ซูฮัวหยูโบกมือให้ขณะที่เขาร้องตะโกน

"ครับ นายน้อย!"

คนในตระกูลซูร้องตะโกนขึ้น

"ซูชิงเอ๋อ ข้าจะทำให้เจ้าคิดต่างไปจากข้า!"

ซูฮัวหยู แวะไปหา ชิงเอ๋อ พร้อมกับชักดาบใหญ่ออกมาแล้ววิ่งออกไป

ชิงเอ่อ ลังเลใจ  สุดท้ายนางก็ต้องกัดฟันตามเขา

"หากข้าอยู่ข้างหลัง แล้ว ซูฮัวหยุ ตายที่นี่ท่านผู้นำต้องโมโหแน่ๆ แล้วข้าต้องโดนตำหนิแน่นอนเผลอๆนายน้อยต้องโดนไปด้วย(มันเกี่ยวอะไรกับซูหยุนกันหว่า)! " เฮ้อ... "ช่างมันเถอะ...หวังว่านายน้อยฮัวหยู จะคิดถูกนะ!"

คนของตระกูลซูเป็นกลุ่มแรกที่แยกออกมา จากสำนักวิชา คนอื่นๆ มองดูพวหเขาแล้วพูดจามุบมิบต่างๆนาๆ

"ตระกูลซู?" ในช่วงน่าสิ่วน่าขวานแบบนี้ ยังจะแยกตัวหนีออกไปอีก? "

"พวกเจ้าคิดว่าพวกเจ้าแยกตัวออกจากวงล้อมนี่ได้ด้วยพลังของพวกเจ้าหรอ? โจวจื่อปู้ เป็นทาส นักบ่มเพาะปีศาจ เขาอาจจะวางกับดักไว้รอบๆสำนักวิชาดาราม่วง นี้แล้วก็ได้ พวกเจ้ามันรนหาที่ตาย!

"คนของตระกูลซู นี่กลัวความตาย หึ ช่างน่าขายหน้านัก ทุกๆคนตั้งแต่นี้ไป อยู่ให้ห่างจากตระกูลซู! "

ผู้แทนดังกึกก้องดังมากจึงเจาะผ่านหูของทุกคน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ตระกูลซู ได้กลายเป็นเรื่องพูดคุยของชุมนุมในช่วงเวลา น่าสิ่วหน้าขวานนี้ แม้แต่ความสัมพันธ์แต่ครั้งกับก่อนทั้งหมดก็ไม่มีความหมาย เพียงเพราะการตัดสินใจครั้งเดียวของ ซูฮัวหยู

ชิงเอ๋อ ขมวดคิ้ว นางแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียงและได้ติดตามทั้งยี่สิบคนของตระกูลซูวิ่งออกจากลานจัสตุรัส

ยิ่งเข้าไปไกล้รั้ว หมอกโลหิตก็ยิ่งหนาขึ้นๆจนมองเห็นภาพได้ลางๆ นอกเหนือจากหมอกสีแดงพวกเขาไม่สามารถมองเห็นอะไรได้แม้ว่าพวกเขาจะก้าวไปบนแผ่นหยกขาวทุกอย่างก็ดูมืดมัวไปหมด

ตูม! ! ! !

เสียงแปลก ๆ ดังออกมาจากสีครามและมีเลือดสีแดงเข้มไหลผ่านจากด้านหน้า

"อึก?

บุคลคนแรกของตระกูลซูที่แช่ไปในเลือด พวกเขากรีดร้องออกมาเมื่อขาของพวกเขาสัมผัสกับเลือดสดๆ ขาของพวกเขาหายไปอย่างรวดเร็วและแต่ละข้างของพวกเขาจมลึกลงเข้าไปในเลือด หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาไม่กี่คนก็ละลายกลายเป็นเลือดโดยสมบูรณ์

ดูเหมือนว่ามันไม่ใช่เลือด แต่เกิดจากลาวาเช่นกรดกำมะถัน

ซูฮัวหยู หวาดกลัวสุดๆ เหงื่อเม็ดโตผุดออกมาจากกลางหน้าผากของมันหยดซิกๆ ทำให้มันต้องร้องเรียกอย่างตื่นตระหนก

"ถอยกลับไป! เร็วเข้า! ระวังเลือดนั่น! "หนีเร็ว!

ชิงเอ๋อ รีบตะโกน

คนของตระกูลซูรีบถอยออกไปทีละคนๆ

กึก!..กึก!..กึก!..กึก!..กึก!..กึก!..กึก!..กึก!..กึก!..กึก!..

พื้นเริ่มสั่นสะเทือนเช่นเดียวกับการระเบิดมุ่งหน้าไปในทิศทางของพวกเขา

ใบหน้าของ ชิงเอ๋อ ซีดเป็นไก่ต้ม ขณะที่นางมองไปที่มันนางเห็นพื้นผิวเงายักษ์จากหมอกเลือด

"โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกก!”

เงาที่ก่อขึ้นจากหมอกเลือด อย่างรวดเร็ว มันสูงสามเมตร หัวเป็นหมูป่าลำตัวเป็นมนุษย์ มันคือ ผู้ปกป้องอมนุษย์หมู! ผู้ปกป้องอมนุษย์หมู ไม่มีขนบนร่างกายมีดวงตาสีเขียวและถูกห่อด้วยโซ่โลหะหนัก ในมือขนาดใหญ่ของมันมีรูปดาวตก อาวุธของมันรูปร่างเหมือนค้อน ขณะที่หมอกเลือดได้สลายไป ก็ได้มีค้อนอันเขี่องฟาดลงไปที่ด้ายตระกูลซู ส่วนใหญ่

สมาชิกของตระกูลซูคนหนึ่งหลบไม่ทัน ได้ยกดาบพยัคฆ์ ขึ้นมากันการโจมตีนี้

ฟิ้ว!

ค้อนขนาดยักษ์ทุบลงบนใบมีดพยัคฆ์

ตูม!

ดาบพยัคฆ์แตกออกเป็ฯเสี่ยงๆแต่มันยังไม่หยุดแค่นั้นค้อนยักษ์ยังพุ่งตรงไปฟาดเข้ากับสมองของสมาชิกตระกูลซู สมองระเบิดกระจายออกเหมือนแตกโมง รัศมีอันหนักหน่วงของวิญญาณชั่วร้ายกัดกร่อนร่างกายของเขาและลุกลามอย่างรวดเร็วเป็นชิ้น ๆ มันเป็นฉากอันน่าสยดสยอง!

ฟ่อ! ! ! !

อุณหภูมิร่างกายของ ซูฮัวหยู ลดลงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่คนอื่น ๆ กลัวจนตัวแข็งทื่อหนางเข้ากระดูกดำ เมื่อเห็นฉากที่ประจักษ์ต่อธารสายตา

พวกเขาไม่ใช่คู่มือมัน!

"นักบ่มเพาะปราณปีศาจชั่วช้า และอสูรอย่างน้อยระดับห้าและน่าจะระดับเหนือกว่า ระดับแก่นแท้วิญญาณ พวกเราส่วนใหญ่อยู่ในระดับสองหรือสาม แก่นแท้วิญญาณ ความแตกต่างมันมากเกินไปพวกเราไม่สามารถต้านทานมันได้เลย!

ชิงเอ่อกัดฟันพูด "นายน้อยฮัวหยู ตอนนี้เราต้องถอยก่อน แล้วจัดกลุ่มไหม่รอการช่วยเหลือ!"

“จัดกลุ่มไหม่? เราหมดหนทางแล้ว ก่อนหน้านี้เจ้าไม่ได้ยินหรอ? หากพวกเรากลับไปตอนนี้แล้วพวกเราจะเอาหน้ไปไว้ที่ไหน?” ซูฮํหยูกัดฟันพูด "ไม่ช้าก็เร็วพวกเราก็ต้องตายแล้วจะกลับไปตายที่นั่นทำไมกัน?"

"แต่ ... นายน้อย!"

ฟิ้ว!

ช่วงขณะนั้นค้อนปีศาจก็ได้ฟาดลงมาด้านขวาทำให้สมสชิกตระกูลซูสองเละทันที

เมื่อเห็นสาวกของตระกูลซูตายลงไปทีละคนๆหัวใจของชิงเอ๋อก็บีบรัดหดหู่หัวใจ

ความรู้สึกที่แท้จริงของ ชิงเอ๋อ นั้นรักตระกูลซูจากก้นบึ้งของหัวใจของนาง พวกเขาส่งเสริมดูแล คุณผู้ชาย และ คุณผู้หญิง และเลี้ยงดู นายน้อย ไม่ว่าในอนาคตตระกูลซูจะเลี้ยงดูนางหรือไม่นั้น ก็ไม่มีทางที่จะลบภาพและความรู้สึกดีๆที่นางมีต่อตระกูลซูไปได้

"ฮ่า ๆ ๆ เนื้อมนุษย์สดๆ! เนื้อมนุษย์สดๆ! "

และในเวลาเดียวกันนั้นเองได้มีเสียงกรีดร้องแหลมเล็กเจาะทะลุผ่านหมอกเลือดหลายเงาที่แข็งแรง แต่ผอมกำลังมุ่งหน้าไปในทิศทางของพวกเขา

มองไปไกลๆพวกมันผอมเหมือนไม้เสียบผีและเขี้ยวของพวกมันที่งอกออกมาเหมือนผีดูดเลือด

พวกมันวิ่งกวดมาเหมือนสุนัขบ้าขาของพวกมันวิ่งเร็วไม่พอพวกมันต้องวางมือบนพื้นและวิ่งมายังทิศทางนี้ นับรวมๆแล้วพวกมันมีไม่ต่ำกว่าสามสิบตัว!

ซูฮัวหยู ตกตลึงขาสั่นพับๆ

"ถอนตัว! เร็วเข้า หนี! "

ชิงเอ๋อ ตะโกน!

มีสาวกคนไหนที่จะโต้แย้งนาง? พวกเขารีบถอยกลับโดยไม่ต้องคิด

"คุณชายฮัวหยู เอาสมบัติที่ท่านผู้นำมอบให้ท่านออกมา! ใช้มันด่วนเลย! "

ชิงเอ๋อ ตะโกนอีกครั้ง

แต่ซูฮัวหยู ไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย

"นายน้อย ฮัวหยู!

"เกี่ยวกับเรื่องนี้ ... " ใบหน้าของซูฮัวหยูดูไม่ได้เลยกล่าวว่า "ไม่มีสมบัติอีกแล้ว"

ชิงเอ่อ ตะลึงงันไปชั่วขณะและนึกอะไรบางอย่างออก "อย่าบอกข้านะว่า ... เมื่อวานนี้ท่าน"

"ข้าไปพนันกับตระกูลเสี่ยวและตัวแทนนายน้อยบางคน ... " ขณะที่เขาถอยหลังไปเรื่อยๆและพูดกับชิงเอ๋อว่า "ชิงเอ๋อเนื่องจากเจ้ามีพลังและความรู้มากกว่า ถึงเวลาที่เจ้าต้องปกป้องข้าแล้ว! ข้าไม่อาจตายได้หาดข้าตายไปเจ้าก็จะสิ้นไร้หนทางหลบหนีความรับผิดชอบ! "

แต่…

"ช้าก่อน!"

ซูฮัวหยู ตะโกน เขาอาจจะดูไม่ได้สนใจสมาชิกตระกูลซู และหนีกลับไปที่จัสตุรัสสำนักวิชา อีกครั้ง

"นายน้อย…."

"นายน้อย ฮัวหยู!" ชิงเอ่อกัดฟันและกำกระบี่ถักลายของนางแน่น "หากชีวิตข้าหาไม่แล้ว ข้าขอร้องนายน้อย ช่วยดูแลนายน้อยซูหยุนด้วย ถึงข้าต้องตายข้าก้ไม่เสียใจ"

"นายน้อยไร้ค่าของเจ้านั้น ข้าจะให้คนเอาเหรียญวิญญาณไปมอบให้กับมันแสนเหรียญ แต่สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือการปัดเป่าความชั่วร้ายเหล่านี้!"

ซูฮัวหยู กระโผลกกระแผลกในขณะที่วิ่งและตะโกนโดยไม่ได้มอง ชิงเอ๋อ ไม่แน่ใจว่าเขาะทำตามคำพูดหรือไม่

แต่หลังจากคิดสิ่งที่ ซูฮัวหยู พูดมา ชิงเอ๋อ ก็โล่งใจ

นางกระชับกระบี่ถักลาย ใบหน้าจริงจังขึ้นมา

นักบ่มเพาะปราณปีศาจ ได้เดินเข้ามาจากทุกทิศทุกทาง ตระกูลซู ชิงเอ่อ อกสั่นขวัญหาย ขณะที่มองเข้าไปที่ใบหน้าของความหวาดผวาของพวกเขา

"ไม่ต้องกลัว ตามข้ามา ไปบดขยี้มัน!"

ชิงเอ๋อกัดฟัน ยกกระบี่ลายถักเปล่งกินอายลมปราณลึกล้ำออกมาซึ่งมีลักษณะเฉพาะของ 'ลมปราณวายุเชี่ยว' การโจมตีของนางเมือนดั่งงูพิษฉกนางกระโจนเข้าหาอสุรกินศพที่ใกล้ที่สุด

อสูรกินศพถือว่าการบ่มเพาะต่ำที่สุดของนักบ่มเพาะปราณปีศาจ โดยเฉพาะคนที่มีตาสีแดง พวกมันหิวโหย ไม่ได้คำนึงถึงการป้องกันใด และไม่สามรถหลบการโจมตีของ ชิงเอ่อได้ 'ฉั๊วะ' มันถูกสับออกเป็นชิ้น ปราณวายุเชี่ยว ได้ทำหน้าที่เสมือนใบมีดโกน ผ่าร่างอสูรกินศพออกเป็นล้านๆชิ้น

ชื่อเสียงและพรสวรรค์ของตระกูลซูไม่ใช่ของปลอม ขณะที่ ชิงเอ๋อ โบกสบัดกระบี่นางสามารถตัดหัวหัวอศูรกินศพได้สามสี่หัว สาวกอื่น ๆ ของตระกูลเห็นฉากนี้ขวัญกำลังใจของพวกเขาได้พุ่งขึ้นมามายเหลือคณานับ พวกเขาเข้าโรมรันสัปยุธไปข้ากุดหัวอสูรกินศพเหมือนเป็นผักปลาภายใต้คมกระบี่ของพวกเขา

“อ้าว ชิบหายแล้ว!”

ผู้ปกป้องอมนุษย์หมู มันกำลังคลุ้มคลั่ง มันสบัดเลือดออกจากเขาของมันแล้วเป่าอย่างโง่งม

หวูดดดดดด! ! ! !

เสียงอันดังของเสียงแตรดังขึ้น

ชิงเอ๋อ ยืนอยู่ไกล้แตรของมันที่สุด ไม่อาจต้านทานเสียงแตรของมันได้ กระแสเลือดของทุกคนเริ่มเดือดอย่างรวดเร็วเหมือนอยุ่ในช่วงพายุทะเลทรายพัดโหมกระหน่ำ มันเป็นสถานการณ์ที่วุ่นวาย

สาวกของตระกูลซู ที่มีการบ่มเพาะน้อยๆ มันดูเหมือนว่าร่างกายของพวกเขาจะระเบิด ไม่ต้องพูดถึงคนอื่ๆขนาดชิงเอ่อขระนี้ยังหน้าแดงก่ำกัดฟันแน่นกรอดๆ ความแข็งแกร่งของนางลดลงฮวบฮาบ

"โชคดีจริงๆ!"

อมนุษย์หมูคว้าโอกาส มันโยนแตรในมือของมันและตะโกนออกมา ค้อนขนาดใหญ่ขอมันเล็งตรงไปยัง ชิงเอ่อ ...

แปลไทยโดย : SwordGod

0 0 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด