ตอนที่แล้วAST บทที่ 162 -  ความงดงามของอาณาจักรชางหลาง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปAST บทที่ 164 - อาจารย์เทพธิดาแห่งนิกายกระบี่นภา

AST บทที่ 163 -  เดินทางเข้าสู่นิกายกระบี่นภา


ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique

บทที่ 163 -  เดินทางเข้าสู่นิกายกระบี่นภา

หลังจากที่ชิงสุ่ยฟื้นคืนสติ เขาก็เห็นว่าเหวินเหรินอูซวงกำลังจ้องมองเขาด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป หน้าตาที่บอบบางของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงต่อหน้าอูซวง สำหรับผู้หญิง การจ้องมองด้วยสายตาเช่นนี้วันยิ่งสร้างความเขินอายและความลำบากใจให้กับชิงสุ่ย

"ผู้หญิงคนนี้ช่างงดงามยิ่งนัก แม้แต่ข้าเองก็ยังรู้สึกอิจฉา เจ้าว่าไหม?"เหวินเหรินอูซวง ยิ้มขณะที่พูดและมองไปที่ชิงสุ่ย

"นี้เจ้ากำลังอิจฉารึ? แสดงว่าเจ้ายอมรับว่านางนั้นสวยกว่าเจ้า"ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าวมา

"เจ้าเองก็เป็นเหมือนผู้อื่น เจ้าก็มองนางตาไม่กระพริบ และเจ้าก็ไม่เคยเป็นเช่นนั้นเลยยามเมื่อเจ้าอยู่กับข้า เจ้าดูสิ ผู้คนมากมายในที่แห่งนี้ยังคงตะลึงเขาความงดงามของเธอ สักวันหนึ่งข้าเองจะก่อความปั่นป่วนเช่นนี้ขึ้นมาบ้าง"เหวินเหรินอูซวงกระพริบตาคู่สวยของเธอขณะที่เธอกล่าวออกมา

"นั่นเป็นเพราะว่านางมีแร้งอัสนีปีกทองคำผนวกกับนางยังมีปัจจัยอย่างอื่นช่วยเสริม ถ้าหากว่าเจ้ามีสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งเช่นเดียวกัน เจ้าก็สามารถทำเช่นนั้นได้ ข้าขอบอกเลยว่าภาพของเจ้ายังเป็นที่หนึ่งในใจข้า ถ้ายังจำความรู้สึกประหลาดเมื่อข้าได้เห็นเจ้าครั้งแรก ภาพในความทรงจำที่ข้าชอบมากที่สุดคือภาพที่เจ้ากำลังอาบน้ำในสระน้ำ ฮ่าๆๆๆ"ชิงสุ่ยกลั้นเสียงหัวเราะไม่ได้

อูซวงรู้สึกโกรธเคืองแต่แฝงไปด้วยความสุข แต่สุดท้ายเธอก็รู้สึกอายจนไม่อาจแสดงอากัปกิริยาใดๆบนใบหน้าได้ ดวงตาของเธอแฝงไปด้วยน้ำตาก่อนที่เธอจะกลับมาอย่างไม่พอใจ " ไอ้คนเจ้าเล่ห์ ข้าขอห้ามไม่ให้เจ้ากล่าวถึงเรื่องนี้อีกในอนาคต"

ชิงสุ่ยตอบกลับอูซวงเพียงอย่างเดียวคือการหัวเราะออกมา!!

ทั้งสองคนยังเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆบนถนนหนทางที่แสนยาวไกล บางครั้งก็มีผู้คนมองดูพวกเขาราวกับเป็นคู่รักกัน ส่วนหนึ่งก็มีผู้คนชื่นชมพวกเขา อีกส่วนหนึ่งก็มีผู้คนมากมายที่รู้สึกอิจฉาและหวังว่าพวกเขาทั้งสองจะแตกคอกันเอง

"นายน้อยผาน ท่านเห็นหญิงสาวคนนั้นหรือไม่? เธอดูเป็นอย่างไรบ้าง? เธองดงามไม่แพ้ใครเลย ความงามของเธอทำให้ทุกคนเชื่อว่าสวรรค์บนดินนั้นมีอยู่จริง ท่านว่าจริงไหม?"เสียงที่หยิ่งยโสกล่าวออกมา

"ดอกเหมย กล้วยไม้ ต้นไผ่ และดอกเบญจมาศ พวกมันทั้งหมดล้วนมีจุดแข็งเป็นของตัวเอง!!! ให้ตายเถอะ ถึงแม้ข้าจะไม่อาจมีหญิงอื่นได้แต่ข้าก็ยังมีที่ว่างพอสำหรับเธอ"เสียงที่แหลมสูงกล่าวออกมาแม้มันจะไม่ดังมาก แต่ก็หนีไม่พ้นหูของชิงสุ่ย

ชิงสุ่ยค่อนข้างรู้สึกขุ่นเคืองขณะที่มองไปยังแหล่งที่มาของเสียง เขาเห็นชายสองสามคนกำลังมองมาทางเขาและกำลังจ้องมองเหวินเหรินอูซวง คนที่อยู่ข้างหน้าสุดเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลา สามารถบอกได้เลยว่าเขาจะต้องมาจากครอบครัวที่มีฐานะเนื่องจากลักษณะท่าทางของเขามีความหยิ่งยโสเป็นอย่างมาก

"น้องสาว ตัวข้าชื่อว่าผานหลง ข้ารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้พบกับเจ้า ข้ารู้สึกว่าโชคชะตานำพาให้เรามาพบเจอกัน จะเป็นเกียรติอย่างยิ่งถ้าข้าจะขออนุญาตเชิญเจ้าไปยังคฤหาสน์ผานของข้าเพื่อเลี้ยงอาหารเจ้าสักมื้อหนึ่ง ไม่ทราบว่าเจ้าจะยอมหรือไม่?"รุ่นยาวกล่าวมาด้วยเสียงที่อ่อนโยนขณะที่เขากล่าวต่อหน้าเหวินเหรินอูซวง

"ข้าคงต้องขอโทษด้วย แต่ข้ามีเรื่องรีบเร่งที่จะต้องไปทำ และข้าจะขอบคุณมากถ้าหากพวกเจ้าเปิดทางให้ข้าไปต่อ"อูซวงรู้สึกว่าความหวังที่จะไม่ก่อปัญหาใดๆบนสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยแห่งนี้ เพราะที่นี่ไม่ใช่เมืองร้อยไมล์ที่เธอรู้จัก เริ่มลดต่ำลงทุกชั่วขณะ

"แม่นาง นายน้อยผานของข้า เป็นนายน้อยผู้มาจากตระกูลผาน ตระกูลที่มีชื่อเสียงมากที่สุดทางด้านฝั่งตะวันตกของอาณาจักรชางหลาง และนายน้อยของข้าก็ยังอยู่ในระดับผู้พิทักษ์ของนิกายกระบี่นภาอีกด้วย" ชายหนุ่มรุ่นเยาว์ที่ยืนอยู่ข้างหลังชายที่ชื่อว่าผานหลงเผยรอยยิ้มขณะที่เขาพูดกับอูซวง

เมื่อได้ยินคำว่านิกายกระบี่นภา ชิงสุ่ยก็รู้สึกอึ้งเล็กน้อยก่อนที่เขาจะค่อยๆยิ้มออกมา

การแสดงออกถึงความรู้สึกแตกต่างระดับชั้นชนปรากฎขึ้นผ่านสายตาของผานหลง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้เห็นการแสดงออกเช่นนี้ โดยปกติแล้วคนที่จะแสดงออกถึงอาการเหล่านี้ได้จะต้องเชื่อมั่นว่าตระกูลของตัวเองนั้นยิ่งใหญ่ ผนวกกับพวกเขาได้เข้าร่วมกับตระกูลผาน มันจึงเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะเชื่อว่าผู้หญิงทั้งหลายจะต้องเชื่อฟังเขา

"นางก็บอกเจ้าแล้วนี่ พวกเรากำลังเร่งรีบ ทำไมพวกเจ้าถึงยังขวางทางพวกเราอีก หลีกทางให้กับพวกเราด้วยเถิด"ชิงสุ่ยจับมืิอของอูซวงและพูดออกมาด้วยความเฉื่อยชา

"พ่อหนุ่มน้อย ที่นี้คือประตูทิศตะวันตก เจ้าควรจะคิดให้รอบครอบกว่านี้ นายน้อยผานสองเราเป็นคนที่มีความกรุณาเมตตา แล้วมันจะดีกว่าถ้าเจ้าไม่บังคับให้พวกเราเลือกวิธีอื่นเพื่อหาทางออกง่ายขึ้นกว่านี้"ชายร่างผอมเผยรอยยิ้มขณะที่พูดขู่ เห็นได้ชัดว่าชายคนนี้เป็นคนที่หยิ่งยโส และเริ่มข่มขู่ชิงสุ่ยผู้ที่มาจากต่างแดน

ชิงสุ่ยไม่ต้องการสร้างเรื่องเอะอะวุ่นวายใดๆ  อีกทั้งนิกายกระบี่นภาเป็นนิกายที่ยิ่งใหญ่ในอาณาจักรชางหลาง ใครจะรู้กันว่าภายในนิกายแห่งนี้จะซ่อนจอมยุทธ์ไว้อีกหรือไม่? แต่อย่างน้อยก็ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ ถ้าหากพลั้งมือสังหารพวกคนเหล่านี้ไป มันก็ต้องมีความสูญเสียเกิดขึ้น แต่เมื่อได้ยินเรื่องราวมาว่าตระกูลผานก็อยู่เพียงแค่ในสถานะผู้พิทักษ์ของนิกายกระบี่นภา เขาเองจึงไม่รู้สึกหวาดกลัวอีกต่อไป แม้ว่าชายเบื้องหน้าของเขาอาจกลายมาเป็นครอบครัวในอนาคต เขาเองก็ยังต้องการตอบแทนคำพูดเหล่านั้นด้วยการทุบตี

แต่ชิงสุ่ยเองก็ไม่ทราบว่าสถานะผู้พิทักษ์ของนิกายกระบี่นภาเป็นสถานะที่มีชื่อเสียงอย่างมากในอาณาจักรชางหลาง ซึ่งผานหลงก็ได้ใช้สถานะนี้ในการโต้ตอบ "พี่ชายของข้าผานหลงเป็นถึงผู้พิทักษ์ของนิกายกระบี่นภา"พวกเขาใช้ประโยชน์ทางด้านประตูทิศตะวันตกอย่างสูงสุด

ชิงสุ่ยรู้ดีว่าการที่จะออกจากที่แห่งนี้คงเป็นไปได้ยาก "จะออกไปหรือไม่? หลบไป"ชิงสุ่ยยิ้มแล้วเดินตรงไปเรื่องฝ่ามือออกมาตบอย่างรุนแรงต้องให้ชายรูปร่างผอมปลิวลอยออกไปในทันที

"ชิงสุ่ย หยุดเถอะเราไปกันได้แล้ว"อูซวงดึงชิงสุ่ยและกล่าวออกมาเบาๆ

"ไอ้สารเลว!!! เจ้าตีคนของข้าแล้วเจ้าคิดว่าจะหนีออกไปยังง่ายๆอย่างนั้นหรือ?"ผานหลงไม่เคยเจอคนที่ดูถูกเขาเช่นนี้มาก่อนเลย แม้ว่าตระกูลผานจะไม่ใช่ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเทียบเท่าตระกูลมหาอำนาจ ได้อย่างน้อยพวกเขาก็เป็นที่รู้จักกันดีทางด้านประตูทิศตะวันตกมาเป็นเวลานับหลายร้อยปีแล้ว

นอกจากนี้ผู้นำตระกูลของตระกูลผานยังเป็นคนที่รู้จักและมีข้อตกลงอันดีงามกับท่านเจ้าเมือง พวกเขาต้องถูกเลือกให้เป็นผู้ดูแลทางฝั่งทิศตะวันตกแห่งนี้

"หนี? ทำไมคนอย่างข้าต้องหนีก่อนที่จะได้ตีเจ้าล่ะ?"ชิงสุ่ยยิ้ม พวกเขารู้ว่ากลุ่มคนไร้ประโยชน์เหล่านี้ทำได้เพียงแต่พึ่งพาชื่อเสียงของตระกูลเพื่อกดขี่ผู้อื่นไปทั่ว รวมทั้งข่มขู่ผู้ที่อ่อนแอกว่า แต่พวกเขาย่อมกลัวผู้ที่แข็งแกร่งกว่า ในขณะที่พวกเขาใช้ประโยชน์จากเหล่าสามัญชน มันยิ่งทำให้พวกเขาไม่มีสิ่งใดที่ดีมากพอ แม้กระทั่งพลังการบ่มเพาะของพวกเขาก็อ่อนแอจนน่าสงสาร

คนในกลุ่มนั้นส่วนใหญ่เป็นผู้ที่บรรลุระดับปราณบัญชาสวรรค์ และมีเพียงไม่กี่คนที่อยู่แล้วดับสูงสุดของพลังปราณบัญชาสวรรค์ ซึ่งชิงสุ่ยสามารถจัดการกับพวกเขาได้อย่างง่ายดายราวกับปลอกกล้วยเข้าปาก

ชายวัยกลางคนที่อยู่จุดสูงสุดของระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์และยังเป็นผู้พิทักษ์ของผานหลงได้บอกนายน้อยของเขาว่าเด็กหนุ่มและหญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้าของเขานั้นเป็นถึงผู้ฝึกตนเทวะเซียนเทียนและเขาเองก็ไม่มีทางที่จะต่อกรกับคนทั้งสองที่อยู่เบื้องหน้านายน้อยของเขาได้ มันจึงเป็นคำพูดที่ทำให้ผานหลงเริ่มรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก

ชิงสุ่ยจึงจากไปพร้อมกับอูซวงและมุ่งหน้าตรงไปยังนิกายกระบี่นภาอย่างง่ายดาย เพลงที่เขานึกถึงภาพใบหน้าของผานหลงที่ตรงดิ่งสู้ความกลัว ชิงสุ่ยเองก็ไม่สามารถหยุดยิ้มเยาะอย่างช่วยไม่ได้

"เป็นแค่คางคก ริจะกินเนื้อหงส์ เจ้าคิดจริงๆหรือว่าคางคกอย่างเจ้าจะกล้ายกตัวเองมาเปรียบเทียบกับข้า?"ชิงสุ่ยกล่าวอย่างมีความสุข

"ชิชิ" เหวินเหรินอูซวงระเบิดเสียงหัวเราะที่ทรงเสน่ห์ออกมาหลังจากที่ได้ยินคำพูดของชิงสุ่ย

"ใครกันช่างกล้าอธิบายยกยอตัวเองได้ขนาดนี้?"

--------------------------------------------------------------------------------------------------

3 วันต่อมา!!!

ชิงสุ่ยก็เริ่มมองเห็นเทือกเขากระบี่นภาที่อยู่ในอาณาจักรชางหลาง ซึ่งทอดยาวกว่าพันลี้ เทือกเขาเอียงยาวราวกับกระบี่ที่ชี้ขึ้นสู่ท้องฟ้า นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้มันถูกเรียกว่าเทือกเขากระบี่นภา

ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอาณาจักรชางหลาง และนิกายกระบี่นภา ก็อยู่จุดสูงสุดของเทือกเขากระบี่นภา!!!

ชิงสุ่ยและอูซวงยังเดินไปตามหน้าผาที่ขรุขระซึ่งถูกเรียกว่า "เส้นทางแห่งขุนเขา" และแล้วพวกเขาก็มองเห็นขั้นบันไดที่สูงสุดลูกหูลูกตา บันไดที่ทอดยาวสู่ผืนเมฆเบื้องบนเต็มไปด้วยสิ่งปลูกสร้างที่ใหญ่โตมโหฬารเกินกว่าจะพรรณนาออกมาเป็นคำพูดใดๆได้

"ใครกันที่มาที่นี่?"

"บันไดที่ทอดสู่ก้อนเมฆตลอดเส้นทางเต็มไปด้วยความโค้งและคดเคี้ยวราวกับว่ามันเป็นมังกรที่กำลังโฉบลงมาสู่พื้นดิน เมื่อพวกเขาเดินมาถึงโค้งๆนึง เสียงกระซิบสะท้อนออกมาพร้อมกับการปรากฏตัวของรุ่นเยาว์ทั้ง 2 ที่สวมชุดสีเหลือง

"ตัวข้ามีชื่อว่าชิงสุ่ยจากเมืองร้อยไมล์ และเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์อีเย่เจี้ยนเก้อ จะเป็นเกียรติอย่างมากถ้าหากพวกท่านทั้งสองช่วยแจ้งเรื่องเรื่องการมาถึงของข้าแก่นิกาย"

"เจ้าคือชิงสุ่ย? ที่เป็นลูกศิษย์ของท่านน้าปรมาจารย์อีเอย่เจี้ยนเก้อ?"รุ่นเยาว์ทั้งสองถามด้วยความตกตะลึง

ชิงสุ่ยเองก็รู้สึกงุนงง "พวกเจ้ารู้จักข้าหรือ?"

"แน่นอน เกือบทุกคนในนิยายกระบี่นภาต่างรู้จักตัวตนของเจ้า ท่านน้าปรมาจารย์อีเอย่เจี้ยนเก้อเธอเคยบอกว่าเธอจะไม่รับลูกศิษย์คนใดอีก ในตอนนี้ทุกคนเลยอยากรู้ว่า ชายผู้มีอิทธิพลคนใดจึงสามารถเปลี่ยนความคิดของสุดยอดปรมาจารย์อีเย่เจี้ยนเก้อได้"

 

0 0 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด