ตอนที่แล้วWOC บทที่ 10 - วัชพืช
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปWOC บทที่ 12 - [เคล็ดพฤกษาพรรณนา]

WOC บทที่ 11 - เงินที่ถูกตราหน้าว่าเป็นคนละโมบของชายหน้าผี


ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/WorldofCultivation/

บทที่ 11 - เงินที่ถูกตราหน้าว่าเป็นคนละโมบของชายหน้าผี

จั้วโมพยักหน้า "ต้นวัชพืชเหล่านี้มีความแข็งแกร่งมาก ถ้าข้าคาดเอาไว้ไม่ผิด มันไม่ดีแน่ถ้าหากพวกเราลงมือตัดมัน แผลของมันจะกระตุ้นให้มันเติบโตเร็วยิ่งขึ้น มันก็หมายความว่าทุกครั้งที่เราทำลายมัน มันจะยิ่งเติบโตได้เร็วกว่าเดิม"

เหล่าสาวกนิกายหญิงเริ่มพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้

ลี่อิงเฟิงเข้าใจได้ทันที "พี่จะต้องเป็นเหตุผลที่ถูกต้องอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ถ้าหากถอนรากถอนโคนพวกมันให้หมดล่ะ จะสามารถแก้ปัญหาได้หรือไม่?"

จั้วโมวิเคราะห์ "ทำแบบนั้นตั้งแต่เริ่มมันก็คงไม่เกิดปัญหาขึ้น แต่ในตอนนี้มีเมล็ดพืชจำนวนมากอยู่ภายในดิน ดังนั้นการถอนรากถอนโคนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย"

"ไม่ทราบว่าศิษย์น้องมีข้อเสนอแนะดีๆอะไรบ้างหรือไม่?"

"ข้าคงต้องขอกลับไปและคิดทบทวนก่อน"จั้วโมกล่าว

ลี่อิงเฟิงหยิบกระเป๋าขนาดเล็กและส่งมอบมันให้กับจั้วโม

และจั้วโมกลับมาด้วยความงุนงง เมื่อเขาเปิดดูเขาก็ตกใจในทันที ภายในกระเป๋ามีเหรียญจิ้นซือระดับที่สองมากถึง 5 เหรียญ

"ที่ข้าได้รุกรานศิษย์น้องไปในวันนี้ ข้านั้นรู้สึกเสียใจจริงๆ ถึงแม้ว่าจำนวนของเหรียญจิ้งซืออาจทำให้ศิษย์น้องถึงกับตกใจ แต่ศิษย์น้องอย่าได้กังวลมันก็สมควรแล้ว"ลี่อิงเฟิงกล่าวขณะจ้องมองจั้วโม

จั้วโมรู้สึกมีความสุขอย่างมาก แต่ใบหน้าของเขายังไว้ซึ่งภาพลักษณ์ที่เย็นชาก่อนเขาจะกล่าวออกมา "ศิษย์พี่สุภาพเกินไปแล้ว"เขาเก็บมันเข้าสู่กระเป๋าข้างอก ราวกับเป็นเรื่องธรรมชาติ

เสี่ยวกั่วถึงกลับเกร็งปากขณะจ้องมองจั้วโม ส่วนสาวกนิกายหญิงคนอื่นๆเขากำลังจ้องมองเขาด้วยสายตาที่น่ารังเกียจ ผู้ชายคนนี้ช่างโลภมากเหลือเกิน!!

แต่ตอนนี้เธอไม่ได้ต้องการจบการสนทนาลงด้วยเรื่องที่เข้าใจผิด เหรียญจิ้นซือระดับที่สองจำนวน 5 ชิ้น แม้มันอาจไม่ดูเล็กน้อยเลยแต่เมื่อเทียบกับเธอที่มีครอบครัวที่ร่ำรวย มันจึงไม่มากเกินไปเลยที่จะใช้เงินจำนวนดังกล่าวเพื่อแก้ปัญหาความเข้าใจผิด จากมุมมองของเธอมันเป็นการต่อรองที่คุ้มค่า

"ศิษย์พี่ อย่าได้กังวลเกินไป เดี๋ยวเรื่องวัชพืชเหล่านี้ฝากเอาไว้ให้เป็นหน้าที่ของศิษย์น้องเอง" หากไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องเหรียญจิ้นซือระดับที่สองจำนวน 5 ชิ้น  สาวกนิกายหญิงทุกคนต่างรู้ดีว่าชายใบหน้าผีดิบน่าเกลียดน่ากลัวตรงหน้าพวกเธอนี้มีจิตวิญญาณแห่งนักสู้

ลี่อิงเฟิงยิ้มแล้วตอบรับกลับมาว่า "ถ้าอย่างนั้นข้าก็หวังว่ามันจะไม่ทำให้ศิษย์น้องเดือดร้อนเกินไป"

ใจจริงแล้วเธอไม่ได้มีความหวังสูงเลย เพราะถ้าหากจั้วโมมีทางแก้ไขจริงๆ เขาคงจะไม่เงียบและขอกลับไปคิด

จั้วโมไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องที่เขาให้ความใส่ใจในวันนี้จะทำให้เขาได้รับเหรียญจิ้นซือระดับที่สองจำนวน 5 ชิ้น ในทางหนึ่งเขาก็ได้สร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อลี่อิงเฟิง ในทางกลับกันขอก็ได้รับประโยชน์อันยิ่งใหญ่จากการฟุ่มเฟืองของเธอ เหรียญจิ้นซือส่วนใหญ่ของเขาก็ได้ถูกใช้จ่ายไปจนเกือบหมด เขาจึงเหลือมันอยู่ไม่มากและในตอนนี้เขาก็ได้กลับมาร่ำรวยครั้ง ความร่ำรวยเปรียบดังการติดปีกบิน ความรู้สึกในตอนนี้จึงทำให้เขาเหมือนถูกติดปีกลอยอยู่ในอากาศ

ส่วนเรื่องสายตาที่จ้องมองของเหล่าสาวกนิกายหญิงที่มองเขาอย่างสบประมาท เขาก็คิดซะว่าเป็นอากาศธาตุชนิดหนึ่ง

และแล้วจั้วโมก็เดินฮัมเพลงผมกับเธอก้านบางส่วนของวัชพืช และเดินอย่างร่าเริงออกจากหุบเขาทิศตะวันออก

--------------------------------------------------------------------

"ผิวของชายคนนี้ดูหยาบกร้านมาก ดวงตาของเขาช่างดูอำมหิตยิ่งนัก"

"สายตาที่เขามองดูก่อนที่เขาจะเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าของศิษย์พี่หญิง มันช่างน่ารังเกียจมาก!"

"มันช่างเป็นคนที่น่ารังเกียจอย่างแท้จริง"

…………………………………….

เสี่ยวกั่วโกรธและพูดพึงพำ "ศิษย์พี่ชายเป็นคนที่ดีมาก……….." ขณะที่เธอพูด เธอก็รู้สึกว่ามันไม่น่าเชื่อถือแต่อย่างใดและเธอก็ค่อยๆลดเสียงลง ท่ามกลางเสียงสนทนาที่วุ่นวาย

"เอาล่ะ!!"ลี่อิงเฟิงยิ้มและตะโกนออกมา เสียงรอบข้างก็หยุดลงในทันที

เธอมองดูสายร่างผอมที่เริ่มที่เดินหายไปบนเส้นทางของภูเขา เธอเองก็ไม่อาจคาดเดาได้ว่าชายคนนี้คิดสิ่งใดอยู่กับแน่ เธอไม่ได้เปิดเผยพลังการบ่มเพาะที่แท้จริงของจั้วโมให้กับผู้หญิงขี้นินทาเหล่านี้ ถ้าหากว่าคนอื่นตั้งใจปกปิดมัน และเธอเองกลับกลายเป็นคนปล่อยข่าวให้รั่วไหลออกไป เธออาจจะเป็นคนสร้างศัตรูที่แข็งแกร่งขึ้นมาแทน ซึ่งมันเป็นแนวทางที่ไม่ฉลาดเลย

จั้วโมรีบกลับไปยังลานเล็กๆหลังบ้าน ก่อนที่ลูกปัดแก่นพลังพฤกษาจะสูญเสียประสิทธิภาพไป

ขณะที่เขายืนเคร่งครึมอยู่ในทุ่งหญ้าหลิง ลูกปัดสีเขียวลอยกลิ้งไปกลิ้งมา เคลื่อนไหวรอบนิ้วมือทั้ง 10 อย่างรวดเร็ว จากนั้นเกิดแสงระยิบระยับคลื่นพลังงานเริ่มกระจายออกไปทั่วอากาศ

ลูกปัดแก่นพลังพฤกษาก็ค่อยๆละลายลง เกิดเป็นสายน้ำสีเขียว ไหลบนนิ้วมือทั้ง 10 ของจั้วโมอย่างรวดเร็ว  ปลายนิ้วของเขาเริ่มเรืองแสง ทุกครั้งที่เขาสะบัดมือ น้ำสีเขียวจะกระจายเป็นเส้นสีเขียวนับพันลอยตัวอยู่บนอากาศ

"ไป!"จั้วโมเริ่มออกคำสั่ง

เส้นใยสีเขียวคลายเส้นผมเนียนหายออกไปในทุ่งหญ้าหลิงคล้ายกับการแพร่กระจายของเกสรดอกไม้

จั้วโมควบคุมลมหายใจและเริ่มโคจรพลังหลิงถ่ายสู่ปลายนิ้วมือของเขา

บนพื้นฐานแห่งความลำบากในแต่ละเคล็ดวิชา [เคล็ดพฤกษาพรรณา] ถือว่าเป็นเคล็ดวิชาที่ยากที่สุดในบรรดาเคล็ดวิชาทั้ง 5   ไม่เพียงแต่การเคลื่อนไหวของนิ้วมือที่มีความซับซ้อนมาก การเคลื่อนไหวของพลังงานหลิงนั้นจะต้องแม่นยำมากกว่าเคล็ดวิชาอื่นๆทั้ง 4

การฝึกการเคลื่อนไหวของนิ้วมือเพียงอย่างเดียว เขาต้องใช้เวลามากถึง 4 ชั่วโมงต่อวัน มันเป็นอะไรที่สุดแสนจะน่าเบื่อ และนอกเหนือจากความแม่นยำและไร้ความผิดพลาด จังหวะยังเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด

อย่างไรก็ตาม ระดับแรกของ [เคล็ดพฤกษาพรรณา] ก็ไม่ใช่เรื่องยากลำบากสำหรับเขาเลย เพียงแต่ระดับที่ 2 นั้น เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะสำเร็จในเวลาอันใกล้นี้

คัมภีร์แห่งการบ่มเพาะ การฝึกฝนการเคลื่อนไหวของนิ้วมือ การดูแลทุ่งหญ้าหลิงและทุ่งยา มันทำให้ชีวิตของเขาตื่นเต้นตลอดเวลา และมันยังช่วยเพิ่มความสามารถในการตรวจสอบและกำจัดเหล่าวัชพืช

ตัวของลี่อิงเฟิงเองไม่ได้มีความคาดหวังใดๆ แต่จั้วโมเป็นคนรักษาคำพูด เขาจึงพยายามหาวิธีแก้ไข

แท้จริงแล้วมันเป็นปัญหาที่ยากลำบาก และเริ่มเดิมทีเขาเพียงแค่จะช่วยเหลือเสี่ยวกั่ว แต่สุดท้ายเขาก็ได้ค่าตอบแทนเป็นเหรียญจิ้นซือระดับที่สองจำนวน 5 ชิ้นจะลี่อิงเฟิง

มีความเป็นจริง เขามีประสบการณ์ในการปลูกพืชมีเพียงแค่ 2 ปีเท่านั้นความรู้เรื่องหญ้าหลิงและเราผลผลิตก็ไม่ได้มากมาย

เขาเองรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาก็ไร้ความกลัว

ที่ยอดเขาทางทิศตะวันออก ลี่อิงเฟิงกำลังฟังบทสนทนาของสาวกนิกายหญิงคนนึง

" เมื่อตอนที่พวกเราไปตรวจสอบที่เมืองต้งฟู ราคาของหญ้าหลิงเพิ่มขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับหญ้ากระบี่เขียว เมื่อก่อนมันมีราคาหน่วยละ 5 เหรียญจิ้นซือระดับที่หนึ่ง แต่ในตอนนี้ราคามันเพิ่มสูงขึ้นเป็น 8 เหรียญแล้ว  ซึ่งราคาของหญ้าหลิงก็เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน เหล่าผู้คนที่มาจากอาณาจักรโลหิตนภาก็กล่าวแบบเดียวกันว่าราคาของมันก็เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ

****หน่วยเป็นหาบ หาบล่ะ 60.68 กิโลกกรัม*******

เมื่อสาวกนิกายยิงคนนั้นกล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ออกมา เธอแทบจะน้ำตาไหล ชวนสาวกนินจาหญิงคนอื่นต่างแสดงสีหน้าที่หดหู่ในทันที

หัวใจของลี่อิงเฟิงเหมือนตกในหลุมอากาศ แต่เธอก็ยังแกล้งทำเป็นคนสงบนิ่ง 8 เหรียญจิ้นซือระดับที่หนึ่งสำหรับ 1 หาบ  คือปริมาณหญ้าหลิงที่คอกสัตว์ใช้เลี้ยงไม่ประจำ แม้ว่าเธอจะมาจากครอบครัวที่รวย แต่เธอก็ไม่อาจถลุงเงินมากขนาดนั้นได้

หลังจากนั้นอีกไม่กี่วันนี้ เธอพยายามที่จะกำจัดวัชพืชเหล่านั้น แต่การเจริญเติบโตของหญ้าหลิงรูปเหมือนจะไม่ฟื้นตัวเลย และพวกมันยังคงเหี่ยวเฉาลงเรื่อยๆ ในทุ่งหญ้าหลิง วัชพืชเติบโตในอัตราความเร็วที่น่าตกใจ หากสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไปหญ้าหลิงของพวกเขาจะต้องไม่เพียงพออย่างแน่นอน

"ศิษย์พี่ ชายละโมบเงินคนนั้นกลับมาอีกแล้ว"สาวกนิกายหญิงกล่าวด้วยความรังเกียจ

"เขายังจะมีหน้ากลับมาที่นี่อีกเหรอ?"

"เจ้าลืมไปแล้วหรือ เมื่อตอนที่เขารับเงินนั้นเขาทําหน้าเช่นไร?"

"จริงที่สุด!!"

………………………..

เสี่ยวกั่วกำลังรู้สึกโกรธ ใบหน้าที่น่ารักคล้ายผลแอปเปิ้ลจ้องมองเหล่าศิษย์พี่ด้วยความไม่พอใจ

ดวงตาของลี่อิงเฟิงลุกวาบขึ้น เธอเป็นคนที่มีประสบการณ์มากกว่าบรรดาศิษย์น้องหญิงของเธอ ถ้าหากไร้ข่าวคราวของจั้วโม มันถือเป็นเรื่องปกติ แต่ในเมื่อเขามาถึงยอดเขาทางทิศตะวันออก มันทำให้ลี่อิงเฟิงนึกถึงคำพูดที่จั้วโมได้กล่าวไว้ก่อนเขาจะจากไป

เจ้า……………

เมื่อลี่อิงเฟิงมองเห็นจั้วโม เธอก็ตกใจมาก

ผมที่จับตัวกันเป็นก้อนของจั้วโม ดวงตาที่เต็มไปด้วยรอยเลือด เบ้าหน้าที่ดูลุ่มลึก กลิ่นอายแปลกๆที่แผ่ออกจากร่างกายของเขา มันทำให้เขาดูเหมือนเป็นคนขอทาน

นอกเหนือจากลี่อิงเฟิงและเสี่ยวกั่ว สาวกนิกายหญิงคนอื่นๆก็ถอยห่างและมองเหยียดหยามด้วยสายตาที่น่ารังเกียจ

"ข้าพบวิธีแก้ปัญหาแล้ว" คำพูดเรียบง่ายของจั้วโมทำให้ลี่อิงเฟิงและเสี่ยวกั่วเปลี่ยนอารมณ์เป็นความรู้สึกปลื้มปิติ

เขาไม่สนใจทัศนคติที่กำลังสบประมาทและสายตาที่เหยียดหยามของเหล่าสาวกนิยายหญิงคนอื่น จั้วโมมุ่งตรงไปยังเขตของทุ่งหญ้าหลิง

เขาไม่เสียเวลากล่าวคำพูดใดใด พร้อมทั้งร่วมมือทั้ง 2 คู่ที่คล้ายมือของโครงกระดูกออกไป จากนั้นเขาก็เริ่มร่ายคาถาอย่างรวดเร็ว

ลี่อิงเฟิงจ้องมองอย่างไม่ขาดสายตา เธอกลัวว่าจะพลาดอะไรบางอย่างไป จั้วโมเคลื่อนไหวนิ้วมืออย่างคุ้นเคย มันทำให้เขาสามารถควบคุมพลังหลิงได้อย่างง่ายดาย ทุกการกระทำของเขา มันยิ่งทำให้ลี่อิงเฟิงเริ่มมั่นใจในตัวเขามากขึ้นเรื่อยๆ

ปลายนิ้วที่ทอแสงเป็นประกาย กำลังวาดแผนผังไร้นามขึ้นมา

"ไป!!!"

เสียงที่แหบแห้ง และรุนแรง

แสงที่ก่อตัวพุ่งเข้าสู่เขตทุ่งหญ้าหลิง

"แล้วไงล่ะ? ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง!!" สาวกนิยายหญิงคนหนึ่งตะโกนแผดเสียงออกมา

เสียงนั้นเป็นเหมือนเสียงที่ทำให้ความอึดอัดใจของทุกคนระเบิดออกมา สาวกนิกายหญิงคนอื่นๆที่ไม่ชอบจั้วโมก็เริ่มเห็นด้วย

"ชิ เจ้าคิดว่าเพียงแค่เจ้าวาดตัวอักษรเพียงไม่กี่ตัวก็จะสามารถหลอกพวกเราได้แล้วหรือ? เจ้ายังอ่อนหัดนัก!"

"ได้โปรดเถอะ จงมีความเป็นมืออาชีพมากกว่านี้!"

…………………………………….…………………………………….

"ทุกคนหุบปาก!!"ลี่อิงเฟิงโกรธและกล่าวออกมาอย่างเกี้ยวกราด สีหน้าของเธอกลายเป็นสีหน้าที่เยือกเย็น ศิษย์น้องทั้งหมดเริ่มจมลงมีความหวาดกลัว

"ชนิดของวัชพืชนี้คือ วัชพืชประเภทหยาง ข้าได้ค้นคว้าเกี่ยวกับพวกมัน หญ้าหลิงส่วนใหญ่จะมีคุณสมบัติเป็นหยิน พบเจ้าสามารถใช้ [เคล็ดพลังพสุธา] เพื่อควบคุมพลังงานหยินที่อยู่บนภูมิแผ่นดิน มันจะช่วยบำรุงเหล่าต้นหญ้าหลิงและมันยังสามารถช่วยยับยั้งเหล่าวัชพืชได้ และมันยังช่วยให้พวกเจ้า - งานลงครึ่งหนึ่ง"

เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น จั้วโมก็บอกลาลี่อิงเฟิงและจากไปในทันที

เมื่อกลับมายังลานกว้าง จั้วโมก็ล้มลงไปนอน

เขาคิดว่าสิ่งที่เขาต้องทำนั้นได้ทำจนหมดสิ้นแล้ว และเขาก็ค่อนข้างจะพอใจผลของมัน หลังจากที่เขาไม่ได้หลับนอนหรือพักผ่อนมาเป็นเวลานาน ในตอนนี้ร่างกายของเขาก็หมดแรงลงแล้ว

เมื่อเขาตื่นขึ้นมา เขาก็พบว่าวันถัดไปได้เริ่มขึ้น แสงแดดยามเช้าทำให้เขาหรือยังรู้สึกเบลอ เขายังคงกินอาหารเสร็จและเริ่มงานเฉกเช่นปกติในทุกวัน

การฝึกฝนการเคลื่อนไหวของนิ้วมือเป็นหนึ่งในสิ่งที่เขาให้ความสำคัญกับการฝึกฝนในปัจจุบัน ก่อนหน้านี้ เขาแทบไม่เคยฝึกฝนการเคลื่อนไหวของนิ้วมือเลย เพราะ [เคล็ดเมฆาฝนโปรย] เป็นเคล็ดวิชาที่ทำได้ง่ายมาก

แต่อย่างไรเขาก็ยังได้รับความทุกข์ทรมานจากการเคลื่อนไหวนิ้วมือที่ทับซ้อนของ [เคล็ดพฤกษาพรรณา] ในทุกๆครั้งที่มีการฝึก แต่เขาก็เริ่มสามารถเข้าใจในด้านคาถา และเริ่มฝึกฝนมันจนเข้าใกล้ความคุ้นเคย ในตอนนี้เขาไม่กล้าที่จะละเลยการฝึก [เคล็ดสัปยุทธ์ยุคทอง] เพราะตอนนี้เขาเพิ่งเข้าสู่ระดับที่ 2  และยังต้องใช้เวลาอีกมากในการฝึกฝนและรักษาความเสถียรของเคล็ดวิชานี้

จากความเข้าใจที่เขาได้เรียนรู้เคล็ดวิชาทั้ง 5  และสามารถเข้าใจได้โดยตัวของเขาเอง

เคล็ดวิชาทั้ง 5 ย่อมมีความสำคัญเป็นของตัวเอง [เคล็ดเมฆาฝนโปรย] จะเน้นไปทางด้านจัดการพลังหลิง [เคล็ดพฤกษาพรรณา] เน้นทักษะในการเคลื่อนไหวนิ้วมือ [เคล็ดสัปยุทธ์ยุคทอง] จะเน้นทักษะทางด้านการสื่อสารและการตอบสนอง และจุดเด่นของ[เคล็ดอัคคีเพลิงเดือด]จะเน้นไปทางความสงบของจิตใจและความอดทน

ในตอนนี้จั้วโมได้ค้นพบรูปแบบที่ไม่เหมือนใคร แม้ภาพรวมดูเหมือนว่าเคล็ดวิชาทั้ง 5 นี้จะไม่เกี่ยวข้องกัน แต่ในความจริงแล้ว พวกมันต่างสนับสนุนเกื้อกูลกัน ความแกร่งกล้าใน [เคล็ดเมฆาฝนโปรย] ช่วยเขาเรียนรู้เคล็ดวิชาทั้ง 4 ที่เหลือได้อย่างง่ายมากขึ้น และการเคลื่อนไหวนิ้วมือที่ซับซ้อนของ [เคล็ดพฤกษาพรรณา]มันยิ่งช่วยให้เขาสามารถปลดปล่อยพลังของ[เคล็ดเมฆาฝนโปรย]ได้มากยิ่งขึ้น

หลังจากดูแลเราทุ่งหญ้าหลิงที่อยู่ภายใต้การดูแลของเขา จากนั้นเขาก็เดินทางไปเรียกฝนเพื่อให้ตกลงไปยังทุ่งยาที่อยู่ในหุบเขาหมอกสะท้าน เขาไม่ได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับศิษย์พี่ห่าวหมินและไม่ทราบเลยว่าทั้งสองคนอยู่ที่ใด แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกไม่พอใจต่องานที่ถูกบังคับให้ทำครั้งนี้ สิ่งเดียวที่เขาเกลียดคือระยะทางระหว่างหุบเขาหมอกสะท้านกับที่พักอาศัยของเขา มันทำให้เขาต้องใช้เวลาเดินบนถนนเป็นจำนวนมากทุกๆวัน

เมื่อเขากลับออกมาจากหุบเขาหมอกสะท้าน เขาก็ตกใจเมื่อพบกับคนสองคนที่รออยู่ข้างนอกประตูหน้าบ้านเล็กๆของเขา

0 0 โหวต
Article Rating
9 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด