ตอนที่แล้วเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 5 วิญญาณแห่งความหวัง (อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 7 นักบวชปีศาจสุราดอกไม้ (อ่านฟรี)

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 6 มุ่งสู่อนาคตที่สดใส (อ่านฟรี)


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 6 มุ่งสู่อนาคตที่สดใส 

แปลโดย iPAT 

ทะเลวิญญาณเป็นสิ่งลึกลับและผิดปกติอย่างมาก เพราะแม้มันจะอยู่ในร่างกายของฟางหยวน แต่มันไม่ได้ใช้พื้นที่เดียวกันกับอวัยวะภายในของเขา อาจกล่าวได้ว่ามันอยู่ต่างมิติ มันเป็นพื้นที่ที่กว้างใหญ่ราวกับไร้ที่สิ้นสุด แต่ในเวลาเดียวกันมันก็เป็นเหมือนอวัยวะชิ้นเล็กๆที่อยู่ภายในร่างกายของผู้ใช้วิญญาณเท่านั้น

มันมีลักษณะเหมือนโลกใบเล็กที่ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยกำแพงแสงสีขาวนวล ในความเป็นจริงกำแพงแสงดังกล่าวเกิดจากวิญญาณแห่งความหวังที่ระเบิดขึ้นก่อนหน้านี้

หากมองเข้าไปภายในโลกใบเล็กใบนี้ คนผู้หนึ่งอาจมองเห็นท้องทะเลอันกว้างใหญ่ที่ไร้ระลอกคลื่นและมีผิวน้ำที่กระจ่างใสราวกับกระจกสีฟ้าครามแต่เรืองแสงสีทองแดงออกมา น้ำทะเลที่อยู่ในโลกใบนี้ก็คือพลังวิญญาณที่จะก่อกำเนิดขึ้นเมื่อมนุษย์กลายเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่ง

อย่างไรก็ตามระดับน้ำทะเลที่อยู่ภายในโลกใบเล็กของฟางหยวนกลับสูงขึ้นมาเพียงสี่ในสิบส่วนของพื้นที่ทั้งหมดเท่านั้นและนี่คือขีดจำกัดของพรสวรรค์นภาที่สาม

น้ำแต่ละหยดเป็นตัวแทนของพลังปราณ พลังชีวิต และจิตวิญญาณ

อาจกล่าวได้ว่าทะเลวิญญาณก็คือคลังเก็บพลังงานแห่งชีวิตของฟางหยวนตลอดสิบห้าปีที่ผ่านมา ผู้ใช้วิญญาณจะใช้ทะเลวิญญาณเลี้ยงดูวิญญาณที่พวกเขาครอบครอง นั่นหมายความว่าตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ฟางหยวนได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งการบ่มเพาะของผู้ใช้วิญญาณเรียบร้อยแล้ว

ฟางหยวนรวบรวมสติและตระหนักว่าเขาไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้อีก ‘เป็นเช่นเดียวกับชีวิตก่อนหน้า’

เขายกมุมปากขึ้นและไม่แยแสต่อผลลัพธ์นี้

“เจ้าไม่สามารถเดินต่อไปได้อีกแล้วงั้นหรือ?” ผู้อาวุโสผมขาวตะโกนถามเสียงดัง เขาพยายามคว้าจับความหวังสุดท้ายแต่ฟางหยวนไม่ตอบคำถามและเพียงเดินกลับมาเท่านั้น

เป็นเพียงเวลานี้ที่กลุ่มเด็กหนุ่มสาวสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ขณะที่เสียงซุบซิบเริ่มดังขึ้น

“เกิดสิ่งใดขึ้น? ฟางหยวนเดินไปได้เพียงยี่สิบเจ็ดก้าวเท่านั้นหรือ?”

“เขามีพรสวรรค์เพียงนภาที่สาม!?”

“ไม่น่าเชื่อ ผู้ใดจะคิดว่าอัจฉริยะเช่นเขาจะมีพรสวรรค์เพียงนภาที่สาม!”

ความโกลาหลปะทุขึ้นทันที

“พี่ใหญ่...” ท่ามกลางผู้คนมากมาย ฟางเจิ้งเงยศีรษะขึ้นมองพี่ชายของเขาด้วยความตกใจ เขาไม่กล้าเชื่อว่าพี่ชายของเขาจะมีพรสวรรค์เพียงนภาที่สาม

เขาเชื่อมาตลอดว่าพี่ชายของเขาต้องมีพรสวรรค์นภาที่หนึ่งและไม่ใช่ฟางเจิ้งเพียงผู้ดียวที่คิดเช่นนี้ ทั้งลุงกับป้ารวมถึงทุกคนต่างคิดเห็นเช่นเดียวกัน

แต่ความจริงที่ปรากฏต่อหน้าทุกคนในเวลานี้ทำให้ความคาดหวังของพวกเขาพังทลายลงอย่างสมบูรณ์

“บัดซบ! เขามีพรสวรรค์เพียงนภาที่สาม!” ผู้นำตระกูลกำหมัดแน่นพร้อมกับสูดหายใจลึก

ผู้อาวุโสที่เฝ้ามองอยู่ในเงามืดมีความรู้สึกที่หลากหลาย บางคนขมวดคิ้ว บางคนก้มศีรษะลง ขณะที่บางคนก็ถอนหายใจ

“มีสิ่งใดผิดพลาดหรือไม่?”

“มันจะเป็นไปได้อย่างไร? วิธีการนี้ถูกต้องแม่นยำอย่างไม่ต้องสงสัย นอกจากนั้นพวกเรายังเฝ้าดูอยู่ตลอดเวลา แล้วจะมีการโกงเกิดขึ้นได้อย่างไร?”

“แต่การกระทำและสติปัญญาของเขาก่อนหน้านี้...เจ้าจะอธิบายอย่างไร?”

“เห้อ...ยิ่งคาดหวังมากเท่าใด ก็ยิ่งผิดหวังมากเท่านั้น ทายาทรุ่นหลังของตระกูลแสงจันทร์ไม่เหมือนกับต้นตระกูลอีกต่อไป”

ถุงเท้าที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำจากลำธารอันเย็นเยียบส่งความหนาวเย็นพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวน แต่เขายังคงสงบนิ่งขณะเดินกลับไปรวมกลุ่มกับเด็กหนุ่มสาว เขาสามารถมองเห็นความตกตะลึงในดวงตาของผู้อาวุโสและสายตาของเด็กหนุ่มสาวที่ทิ่มแทงมาที่เขา บางคนเย้ยหยัน บางคนปิติยินดีในคราวเคราะห์ของผู้อื่น ขณะที่บางคนเย็นชาและรังเกียจ

มันเป็นสถานการณ์เดียวกันกับในชีวิตก่อนหน้าที่ฟางหยวนไม่เต็มใจที่จะจดจำ

ในเวลานั้นเขารู้สึกราวกับฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย เขาเดินกลับมาอย่างไร้สติและล้มลงกลางลำธารอันหนาวเย็นราวกับคนสูญสิ้นจิตวิญญาณ แต่ถึงกระนั่นก็ไม่มีผู้ใดเข้าไปช่วยเขา

สายตาแห่งความผิดหวังและเย็นชาของผู้คนเหมือนมีดอันแหลมคมที่ทิ่มแทงหัวใจของเขา จิตใจของเขาสับสนวุ่นวายและเจ็บปวด เขารู้สึกราวกับตกจากสวรรค์ลงสู่โคลนตมและไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีก

อย่างไรก็ตามเมื่อเผชิญหน้ากับเหตุการณ์เดิมที่หวนกลับมาอีกครั้งในชีวิตนี้ จิตใจของฟางหยวนกลับสงบมาก เขาคิดไปถึงตำนานมนุษย์คนแรก ‘มอบหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ให้แก่ความหวังเพื่อมุ่งสู่อนาคตที่สดใสกว่า’

ความหวังยังอยู่ในตัวเขา แม้มันจะเป็นเพียงเศษเสี้ยวแห่งความหวัง แต่มันก็ยังดีกว่าหลายคนที่ไร้ซึ่งพรสวรรค์อย่างสิ้นเชิงมิใช่หรือ?

หากคนผู้หนึ่งรู้สึกผิดหวังและปล่อยตนเองให้จมลงสู่ก้นบึ้งแห่งความมืดมิดโดยไม่พยายามดิ้นรนขัดขืน แล้วความหวังจะมาจากที่ใด แล้วพวกเขาจะก้าวเดินต่อไปได้อย่างไร?

ความผิดหวังของผู้อื่นจะสามารถทำสิ่งใดหากคนผู้นั้นไม่ยอมจำนนต่อโชคชะตา สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องรักษาความหวังเอาไว้ในหัวใจของตนเองเสมอ!

ประสบการณ์ห้าร้อยปีทำให้เขาเข้าใจหลายสิ่ง ชีวิตของคนผู้หนึ่งจะเปล่งประกายเมื่อคนผู้นั้นไล่ตามความฝันของตนเองโดยไม่จำเป็นต้องร้องขอความเห็นชอบจากผู้ใด ไม่จำเป็นต้องสนใจความผิดหวังของผู้อื่น และไม่จำเป็นต้องทำให้ทุกคนชื่นชอบ!

เดินบนเส้นทางของตนเอง เพิกเฉยต่อความผิดหวังและปล่อยให้ทุกคนทำในสิ่งที่พวกเขาต้องการ!

“เห้อ...” ผู้อาวุโสผมขาวถอนหายใจออกมาก่อนจะเรียกชื่อของเด็กคนต่อไป “ฟางเจิ้ง”

ความเงียบคือคำตอบ

“ฟางเจิ้ง!” ผู้อาวุโสผมขาวตะโกนเสียงดังอีกครั้ง

“อา...ข้าอยู่นี่ ข้ามาแล้ว” ฟางเจิ้งตกใจและรีบวิ่งออกไป แต่น่าเสียดายที่เขาสะดุดเท้าตัวเองหกล้มและกลิ้งตกลงไปในลำธารอย่างน่าอนาถ

เมื่อเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ช่วยไม่ได้ที่เสียงหัวเราะจะปะทุขึ้นทันที

“พี่น้องแซ่ฟางไม่มีสิ่งใดพิเศษเลย” ผู้นำตระกูลกล่าวอย่างเย็นชาและรู้สึกเบื่อหน่ายฟางเจิ้ง

“ช่างน่าขายหน้านัก” ฟางเจิ้งพยายามลุกขึ้นอย่างยากลำบาก แต่ด้วยความลื่นของลำธาร มันจึงทำให้เขาดูยิ่งงุ่มง่าม และเขาก็รู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นเมื่อเสียงหัวเราะดังขึ้นเรื่อยๆ

แต่ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าร่างกายของเขาถูกดึงขึ้นจากลำธารและสามารถทรงตัวได้อีกครั้ง

“พี่ใหญ่...” เขาต้องการกล่าวบางสิ่งแต่เขากลับสำลักน้ำและเริ่มไออย่างรุนแรง

“ฮ่าฮ่าฮ่า พี่น้องแซ่ฟางช่างน่าขันนัก” เด็กหนุ่มสาวหัวเราะเสียงดัง ตรงข้ามกับเหล่าผู้อาวุโสที่ถอนหายใจออกมาด้วยความผิดหวัง

ฟางเจิ้งรู้สึกโง่งมและทำตัวไม่ถูก เขาไม่รู้จริงๆว่าตนเองควรรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไร แต่ในจังหวะนี้เขากลับได้ยินเสียงของพี่ชายดังขึ้น “ไปเถอะ มุ่งสู่อนาคตที่สดใสของเจ้า”

ฟางเจิ้งอ้าปากค้างขณะที่ฟางหยวนเดินกลับไปรวมกลุ่มกับเด็กหนุ่มสาวและยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยอย่างมีความนัย

ฟางเจิ้งรู้สึกประหลาดใจเมื่อตระหนักถึงความสงบของฟางหยวน  เขามีพรสวรรค์นภาที่สาม แล้วเขาสามารถเยือกเย็นเช่นนี้ได้อย่างไร? หัวใจของฟางเจิ้งเต็มไปด้วยความสงสัย ‘เหตุใดเขาจึงสงบนิ่งได้ถึงเพียงนี้ หากเป็นข้า...ข้า...’

เขาก้มหน้าเดินต่อไปโดยไม่ได้คิดถึงฉากปาฏิหาริย์ใดๆ เขาเดินไปเรื่อยๆด้วยความมึนงง เขาจมลึกอยู่ในห้วงแห่งความคิดของตนเองโดยไม่รู้ตัวเลยว่าเขาเดินไปได้ไกลเท่าใดแล้ว แต่สุดท้ายจุดที่เขายืนอยู่กลับทำให้ทุกคนตกตะลึง

สี่สิบสามก้าว!

“โอ้ สวรรค์! พรสวรรค์นภาที่หนึ่ง!” ผู้อาวุโสผมขาวอุทานออกมาด้วยความตกใจ

“มันเป็นนภาที่หนึ่งจริงๆ!”

“สามปีมาแล้วที่พรสวรรค์ระดับนี้ไม่ปรากฏในหมู่บ้านของเรา!”

ผู้อาวุโสที่ยืนดูอยู่ต่างกรีดร้องออกมาและสูญเสียความเยือกเย็นไปอย่างสมบูรณ์

“ดี สายเลือดแซ่ฟางเป็นกิ่งก้านสาขาของครอบครัวสกุลซื่อ เช่นนั้นพวกเราครอบครัวสกุลซื่อจะดูแลเขาเอง!” ซื่อเหลียงเร่งประกาศตัว

“จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร? ปีศาจเฒ่าเหลียง เจ้าขาดคุณธรรมและความสามารถ เจ้าจะทำให้เขาเดินไปในเส้นทางที่ผิด จะดีกว่าหากให้เขามาอยู่กับข้า โม่เฉิน!” โม่เฉินคำรามอย่างเกรี้ยวกราด

“หยุดโต้เถียง ไม่มีผู้ใดมีคุณสมบัติพอที่จะเลี้ยงดูเด็กคนนี้มากไปกว่าผู้นำตระกูลคนปัจจุบันของพวกเจ้าผู้นี้ ผู้ใดต้องการคัดค้าน จงมาสู้กับข้า อวี๋โป้!”

ผู้นำตระกูลแสงจันทร์กลายเป็นบ้าคลั่งและกวาดตาที่ลุกเป็นไฟมองไปยังผู้อาวุโสทุกคนที่อยู่ที่นี่ ทุกความผิดหวังของเขาสูญสลายหายไปจนสิ้นแล้ว