ตอนที่แล้วตอนที่ 127 – โหมกระหน่ำตำหนักสิบแปดรูปปั้นทองสัมฤทธิ์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 129 – สำเร็จ

ตอนที่ 128 – คิดวิธีการ


ตอนที่ 128 – คิดวิธีการ

 

ฮู่… ฮู่...

เสียงที่ถังเทียนได้ยินทั้งมีเพียงเสียงหอบหายใจของเขา รูปปั้นทองแดงแกว่งไปมาอยู่เบื้องหน้าสายตาของเขา การต่อสู้อย่างต่อเนื่องทำให้จิตใจของเขาถึงกับเหนื่อยล้า แต่เขาก็มิได้ยอมแพ้

เขาเบิกตาที่แดงก่ำออกกว้าง เอียงตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยและจ้องเขม็งรูปปั้นทองแดงฝั่งตรงข้ามอย่างไม่ท้อถอย

รอบที่ 122

รูปปั้นทองแดงหมายเลขหนึ่งมีเรี่ยวแรงยอดเยี่ยมยิ่งและฝีมือการต่อสู้ระยะประชิด แต่มันจะมีผลเสียหากมันมีรูปปั้นทองแดงตัวอื่นอยู่รอบๆ...

รูปปั้นทองแดงหมายเลขเก้ามิมีความสามารถอื่นนอกจากำลังและน้ำหนัก และมีการตอบสนองที่ช้าอย่างยิ่ง

แฝดสามประหลาดที่มีหลายมือหมายเลขสี่ ห้า และหก ต้องไม่ยอมให้พวกมันทั้งสามได้อยู่ในตำแหน่งแตกต่างกันสามตำแหน่ง วิธีที่ดีที่สุดคือล่อพวกมันให้อยู่ในแนวเส้นเดียว เรื่องนี้จำเป็นต้องคิดวิธีการ...

รูปปั้นหมายเลขสิบเอ็ดเป็นตัวปัญหาที่สุด ด้วยสุดยอดวิชากระบี่และการโจมตีที่แม่นยำเป็นพิเศษ เนื่องจากมันสามารถมองหาช่องโหว่ท่ามกลางความสับสนและโจมตีอย่างรุนแรง ถังเทียนพ่ายแพ้ต่อกระบี่ของเจ้าตัวนี้อยู่หลายครา แต่ถังเทียนก็ค้นพบเช่นเดียวกันว่าถ้าเขาสามารถประชิดตัวได้และต่อสู้ระยะประชิด ฤทธิ์เดชของหมายเลข 11 ก็จะลดลงอย่างรวดเร็ว

……

สิ่งเหล่านี้เป็นประสบการณ์และการเรียนรู้ของถังเทียนได้รับจากการสู้อย่างต่อเนื่อง 122 รอบ

[ฝ่ามืออนุสรณ์] ทรงพลังแต่ความเร็วของการโจมตีช้า เหมาะสมสำหรับปิดฉากการต่อสู้ แต่มิใช่สำหรับการต่อสู้ที่รวดเร็ววุ่นวายเช่นนี้ เมื่อใช้ควบคู่กับปราณมังกรสวรรค์แล้วถือได้ว่ามันสามารถที่จะส่งร่างอันผอมแห้งของหมายเลข 11 กระเด็นไปได้เลย...

[ถานถุ่ย] มีความปราดเปรียวสูง ขาเปรียบดั่งขวานเหล็ก มีความโดดเด่นมาก เมื่อควบคู่กับปราณกายากระเรียนแล้ว มันกลายเป็นคมกริบ...แถมยังมีเพิ่มทั้งสองและใช้ออกหมัดสั่นสะเทือนเพื่อรบกวนอีกฝ่าย ระดับความยากของการผสานงานวิชาทั้งสองสูงอย่างมาก แต่ถ้าเขาสามารถกระทำมันได้มันก็ค่อนข้างที่จะน่ากลัว...

[วังวนโปรยปราย] เป็นการโจมตีพื้นที่เล็กๆในการต่อสู้ มีประโยชน์อย่างยิ่ง ถึงแม้จะไม่รุนแรงแต่มันก็รวดเร็ว วังวนอันมากมายมันมีประโยชน์อย่างมากในการรบกวนการต่อสู้ แต่ข้อเสียของมันคือเป็นการโจมตีที่ไม่รุนแรงพอ มันสามารถเพียงใช้สกัดกั้นตอนที่จนตรอกเท่านั้น… การโจมตีปิดฉากคงจะต้องใช้ฝ่ามืออนุสรณ์ การผสมผสานวิชานี้สามารถที่จะลองดู...

[อาภรณ์ไร้มลทิน] มีการพัฒนาที่ยอดเยี่ยม แต่มันยังคงบกพร่องอยู่...

ถังเทียนชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อสีภายในใจเขา ภายในท้องของเขาเดือดพล่านไปด้วยความโกรธ แต่เขารู้ว่าความสามารถยังบกพร่องอยู่ และเพียงความกล้าหาญมิได้ช่วยให้เขาเอาชนะสารเลวพวกนี้ได้

เขาจำเป็นต้องครุ่นคิดบางอย่าง… เขามิยอมแพ้และพยายามหาวิธีการที่ดีที่สุด

ส่วนใหญ่วิธีการต่างล้มเหลว แต่บางวิธีการก็ทำให้เขามองเห็นความหวัง

อีกครา!

ถังเทียนกัดฟันขณะที่ขาของเขาเตะออกอย่างรุนแรง ร่างของเขาราวกับศรอันเกรี้ยวกราด พุ่งตรงไปยังรูปปั้นทองแดง

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

รอบที่ 156

ถังเทียนเลียริมฝีปากของเขา ภายในการต่อสู้ก่อนหน้านี้เขาจัดการล่อแฝดสามอันประหลาดหลายมือมาเป็นแนวเส้นเดียวได้สำเร็จและใช้ประโยชน์จากสถานการณ์เข้าประชิดตัวหมายเลข 11 ได้แล้ว การโจมตีของฝ่ามืออนุสรณ์พร้อมด้วยปราณมังกรสวรรค์ได้ส่งเหล่าร่างพวกนี้กระเด็นออกไป

น่าเสียดายเขามาติดขัดกับหมายเลข 1 และความพยายามของเขาต่างสูญเปล่าในที่สุด

อันที่จริงวังวนโปรยปรายมีประโยชน์มาก ถ้ามือของเขารวดเร็วพอและสร้างวังวนมากขึ้นกว่านี้ เพื่อก่อเกิดเป็นทะเลที่เต็มไปด้วยวังวนและหยุดชะงักร่างของอีกฝ่าย ตราบเท่าที่ฝ่ายตรงข้ามเปิดเผยช่องว่าง ฝ่ามืออนุสรณ์จะเป็นการยุติการต่อสู้

ภายในการต่อสู้อันวุ่นวายประเภทนี้ มิว่าวิชาที่เขาเก่งกาจอันใด มันทั้งหมดก็กลายเป็นไร้ประโยชน์ จุดสำคัญคือการใช้จุดเด่นจากร่างฝ่ายตรงข้าม

การใช้วังวนโปรยปรายเพื่อหยุดชะงักร่างของอีกฝ่าย เพื่อให้ร่างของอีกฝ่ายเป็นดั่งโล่ป้องกันที่ดี

จำต้องร่นเวลาเมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้

หื้ม… ร่างของหมายเลข 9 ถือเป็นโล่ที่สมบูรณ์แบบเลย…

คลื่นของการสั่นสะเทือน ถ้าเป็นไปได้ที่จะมีการเปลี่ยนแปลง เช่นนั้นผลของการรบกวนก็คงจะมากขึ้นกว่าเดิมสินะ…

อีกครา!

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

รอบที่ 193

ถังเทียนเบียดร่างอยู่ภายในเงาของรูปปั้นทองแดงหมายเลข 9 มือซ้ายของเขาแสร้งทำเป็นใช้ออกหมัดสั่นสะเทือนอย่างมากมาย ขณะที่นิ้วทั้งห้าของเขาในมือขวาดีดอย่างต่อเนื่องด้วยความเร็วอันเหลือเชื่อและวังวนเล็กๆมากมายก็สะบัดออกจากนิ้วของเขาไปยังทุกส่วนเบื้องหลังของหมายเลข 9 อย่างต่อเนื่อง

ร่างอันบึกบึนของรูปปั้นทองแดงหมายเลข 9 โคลงเคลงไปซ้ายและขวาราวกับหุ่นเชิด

ร่างของหมายเลข 9 มันเหมือนโล่ขนาดใหญ่พิเศษและปกป้องส่วนหลังของเขาให้ปลอดภัย

ต้าจิวคำรามด้วยความโกรธอย่างต่อเนื่องโบกสะบัดหมัดพลางกระทืบเท้า แต่สำหรับถังเทียนผู้ปราดเปรียวมันก็ไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง

[คั่นหนังสือ : ต้าจิว ต้า/ใหญ่ จิว/เก้า  = รูปปั้นทองแดงหมายเลข 9 ]

ในทางตรงกันข้าม ถังเทียนหยิบยืมพลังของต้าจิวและใช้วังวนโปรยปรายดึงรั้งมันไว้ ในความพยายามนี้เพื่อทำให้ต้าจิวเสียสมดุลของมัน

ถังเทียนมีสมาธิอย่างมาก ใช้ออกการหยั่งรู้ที่มิมีความหวาดหวั่นของเขาอย่างเต็มที่

เขาเริ่มที่จะใช้ปะทะภายในการต่อสู้ที่รุนแรงเช่นนี้ มิว่ามันจะเป็น ถานถุ่ย วังวนโปรยปราย ฝ่ามืออนุสรณ์ หรือ ดัชนีเผด็จการกราดเกรี้ยว ฯลฯ ใช้ออกวิชาได้ยังลื่นไหลราวกับสายน้ำปราศจากการติดขัดใดๆ

การหยั่งรู้และสัญชาตญาณ!

ทันใดนั้น แฝดสามอันประหลาดหลายมือก็ถูกล่อออกจากกันและยืนอยู่เป็นแถวสุดทางด้านหนึ่งและกักขังต้าจิวอยู่ภายใน ขณะที่รูปปั้นหมายเลข 1 หลุดออกจากการกีดขวางของถังเทียนก็กระโดดออกจากพื้นที่ของต้าจิว

ถังเทียนตกตะลึง นี่มัน...

รูปปั้นทองแดงตัวอื่นก็หยุดโจมตีทั้งหมด แต่ยืนนิ่งในตำแหน่งของพวกมันเอง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เหล่าอาวุธภายในมือพวกมันต่างโยนไปยังต้าจิวพร้อมกัน

ท่าทางของถังเทียนเปลี่ยนไป เขาพลันเข้าใจในทันที

ต้าจิวกุมหัวพลางนั่งยองๆ อย่างไรก็ตามตัวเขาที่บึกบันหนังสือยังคงไร้การเคลื่อนไหว

เจ้าพวกกลุ่มสารเลวนี้...

การโจมตีก็โหมกระหน่ำราวกับห่าฝน ถังเทียนหลบฉากเพื่อหาที่ปลอดภัยซึ่งท่าทางดูน่าอับอายอย่างมาก

ปราศจากสัญญาณใดๆ การโจมตีก็พลันพุ่งออกมาจากเบื้องล่างของต้าจิว มันราวกับอสรพิษภายใต้เงามืด เกิดเป็นการโจมตีที่ร้ายแรง

ถังเทียนชะงักพลางถูกแทงด้วยกระบี่

ล้มเหลว!

ยามเมื่อเขาถอยออกมาจากตำหนักสิบแปดรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ เขาขบฟันพลางแค่นเสียง ตัวบัดซบหมายเลข 11!

ข้าน่าจะปล่อยให้ต้าจิวขยับตัวได้ เพื่อมิให้พวกมันอยู่ในตำแหน่งของพวกมันได้...

หมายเลข 11 เจ้าเล่ห์มากเกินไป ข้าจะต้องหาโอกาสจัดการมันเสียแล้ว...

อีกครา!

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

ไซ่เหล่ยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ถังเทียนมิได้ออกมาเป็นวันแล้ว แต่เพียงทุกๆชั่วโมงมันจะมีเสียงโหยหวนและคำรามด้วยความโกรธจากสถานที่ที่ถังเทียนฝึกอยู่

สหายผู้นี้กำลังฝึกอะไรอยู่กันแน่?

แต่… อันจริงเขาก็เป็นบุรุษหนุ่มผู้เลือดร้อยล่ะนะ...

ไซ่เหล่ยเปิดเผยรอยรอยยิ้มที่มีความเข้าใจที่มุมปากของนางอย่างไม่รู้ตัว ถังเทียนบุคคลที่พิเศษที่สุดเท่าที่นางพบมาในปีนี้ เขามิเคยปกปิดความทะเยอทะยานของเขาและเขามักจะมีความมั่นใจมากเกินไปอยู่เสมอ

แม้ว่าบางครา เขาจะจองหองเกินไปอย่างที่ควร แต่นางก็ต้องขอชื่นชม ในบรรดาอัจฉริยะที่นางพบเจอ นางชื่นชอบถังเทียนมากที่สุด และอย่างน้อยที่สุดถังเทียนก็มิเคยพร่ำบ่นถึงความเหนื่อยล้าของเขา

เมื่อนึกถึงสัญญาจิตวิญญาณนักสู้ที่นางได้ตกลงกับถังเทียน นางก็รู้สึกว่ามันสามารถทำความฝันของเธอได้ โชคชะตาของนางเองได้ถูกผูกติดกับสหายผู้นี้แล้ว

“เจ้ามีความคืบหน้าอะไรบ้าง?” ทันใดนั้น เสียงของทหารก็ดังมาจากเบื้่องหลังนาง

ไซ่เหล่ยสะดุ้งด้วยความตกใจพลางหันกลับมาและพบเห็นว่าเป็นทหารก็ตกตะลึงในทันที “เจ้าไม่ได้ไปฝึกกับเขางั้นหรือ?”

“ไม่จำเป็น” ทหารส่ายหัว เมื่อนึกถึงการฝึกของถังเทียนไม่กี่วันมานี้ เขารู้สึกว่ามันมิจำเป็นที่เขาจะต้องอยู่ด้วย ในตอนแรกเขายังคงมีความคิดที่จะชี้จุดสำคัญให้ถังเทียน เนื่องจากเขาเป็นครูฝึกทหารของกองทัพกางเขนใต้ และเขามีการวิเคราะห์การต่อสู้ที่พิเศษ แต่ไม่นานเขาก็ตระหนักได้ว่า ถังเทียนมีความพยายามกับวิธีใหม่อย่างต่อเนื่อง

ถึงแม้ว่าวิธีส่วนมากแค่เพียงเขาเหลือบตามองก็บอกได้เลยว่าพวกมันจะต้องล้มเหลว เขาก็มิได้เข้าไปแทรกแซง

ปล่อยให้ถังเทียนคิดหาวิธีการด้วยตัวเอง และปล่อยให้เขาหาจุดสำคัญเอง วิธีการทั้งสองนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงที่จะช่วยเหลือให้ถังเทียนได้เติบโตขึ้น ทหารรู้อย่างลึกซึ้งภายในใจว่าคุณสมบัติดังกล่าวที่มักไตร่ตรองอย่างต่อเนื่องนั้นพบเห็นได้ยากยิ่ง

ทหารหลายคนต่างเชื่อฟังคำสั่ง แต่ทั้งหลายกับมิได้ไตร่ตรองดู และในช่วงเวลาที่เขาเป็นครู่ฝึก เหล่าทหารที่รู้จักไตร่ตรองอยู่เสมอก็ประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในท้ายสุด

“แล้วศาสตราวุธเครื่องกลไกเป็นเช่นไรบ้าง” สายตาของทหารมองไปยังไซ่เหล่ย

เมื่อกล่าวถึงศาสตราวุธเครื่องกลไกแล้ว ไซ่เหล่ยพลันกระปรี้กระเปร่าในทันที นางได้หมกมุ่นอยู่กับศาสตราวุธเรื่องกลไกภายในสถานที่มืดเช่นนี้มาเป็นเวลานานแล้ว ในที่สุดนางก็สามารถที่จะกล่าวได้ว่าพวกมันเป็นส่วนหนึ่งของตัวเอง ดังนั้นเธอจึงเริ่มพูดมากในทันที

“ดีอย่างยิ่ง! สมกับเป็นกองทัพกางเขนใต้ยุคทองของเครื่องกลไก เหล่าศาสตราวุธเครื่องกลไกนี้ต่างเป็นกลไกที่สูญหายไปแล้วในปัจจุบัน มันซับซ้อนอย่างยิ่ง” ไซ่เหล่ยรู้สึกยินดี “ดูที่ข้อต่อพวกนี้สิ ข้อต่อของพวกมันซับซ้อนกว่าปัจจุบันมากแต่การทำงานของพวกมันกลับไม่ซับซ้อนเท่าข้อต่อพวกนี้”

เมื่อได้ยินคำชมเชยเหล่านี้ ทหารก็มิได้ดูมีความสุข กลับกันเขาพลันขมวดคิ้ว “ถ้างั้นในความเห็นเจ้า ศาสตราวุธเครื่องกลไกเหล่านี้สามารถประยุกต์ให้เข้ากับการต่อสู้ตอนนี้ได้หรือไม่?”

ไซ่เหล่ยครุ่นคิด “ระดับต่ำและระดับกลางของการต่อสู้ พวกมันน่าจะสามารถใช้งานได้อยู่ แต่ระดับสูงแล้วพวกมันไม่เหมาะสมอีกต่อไป”

ในที่สุดท่าทางของทหารก็ดูสนใจขึ้นมา “เพราะเหตุใดกัน?”

“ศาสตราวุธเครื่องกลไกสามารถปลดปล่อยปราณแท้จริงปริมาณมากและเสริมสร้างวิชาการต่อสู้ ซึ่งหมายความว่าพวกมันจะต้องสามารถทนทานต่อปราณแท้จริงให้ได้ แต่ปราณแท้จริงขั้นสูงมันมีโอกาสเสี่ยงสูงด้วย ซึ่งวัสดุธรรมดามิสามารถที่จะทนทานไหว ข้าได้วิเคราะห์ทองแดงของกางเขนใต้แล้ว มันสามารถทนทานปราณแท้จริงเพียงขั้นแปดเท่านั้น ปราณแท้จริงที่เหนือกว่าเก้าไปแล้ว พวกมันมิสามารถจะทนทานได้” ไซ่เหล่ยกล่าวออกมาไม่หยุด

ทหารมิได้แสดงข้อคิดเห็นใด “เหล่าศาตราวุธเครื่องกลไกเป็นเพียงอุปกรณ์มาตรฐานธรรมดา สำหรับทหารธรรมดาใช้ ศาสตราวุธเครื่องกลไกที่ผู้เชี่ยวชาญใช้จะมิมีสถานการณ์ของการที่มิอาจทนทานได้ของปราณแท้จริงที่เกิดขึ้น”

“ถูกต้องแล้ว” ไซ่เหล่ยมิได้โต้เถียง นางก็กล่าวต่อ “แต่ลองดูไปยังนิกายอื่นๆแล้ว ศาสตราวุธที่พวกเขาใช้เมื่อยามที่พวกเขาอยู่ในระดับสูงเช่น สมบัติดาราขั้นเงิน จิตวิญญาณนักสู้จะทรงพลังอย่างยิ่ง มิจำเป็นต้องพูดถึงขั้นทอง จุดสำคัญที่สุดคือมันชาญฉลาดมากกว่า ความรู้เรื่องเส้นชีพจรโลหิตของวิญญาณนิลสูงอย่างยิ่ง เส้นชีพโลหิตอันน่าตกใจราวกับเป็นอุโมงค์ขนาดใหญ่ร่างกายของพวกเขาสามารถที่จะฝึกฝนถึงขั้นที่น่าตกใจ การวิจัยจิตวิญญาณขุนพลของเผ่าเมิง แม้ว่าจิตวิญญาณขุนพลของพวกเขาจะมีร่างที่แปลกประหลาด พวกมันก็ทรงพลังนัก ลองมองไปยังนิกายหลักๆที่สำคัญในปัจจุบันนี้และเจ้าจะรู้ ระดับสูงสำหรับพวกเขาทั้งหมดมันเป็นแค่เรื่องทั่วไปที่ต่างพึงพาจิตวิญญาณนักสู้ของพวกเขามากขึ้น”

“พึงพาจิตวิญญาณนักสู้มากขึ้นงั้นหรือ?” ทหารคล้ายจมอยู่ในความคิด

“ใช่แล้ว” ไซ่เหล่ยรู้สึกชินชาแล้ว “จิตวิญญาณนักสู้ของสมบัติ การกระตุ้นเส้นชีพจรโลหิตแทบจะใกล้เคียงกับการเชื่อมต่อจิตวิญญาณนักสู้ และแม้กระทั่งมากยิ่งกว่าสำหรับจิตวิญญาณขุนพลที่ได้วิจัยมา สาเหตุเพราะมิว่ามันจะเป็นพลังของร่างกายหรือเครื่องกลไก มันจะมีขีดจำกัดเสมอ มีเพียงพลังของจิตวิญญาณนักสู้เท่านั้นที่มีความยืดหยุ่นที่ยอดเยี่ยม”

“ข้าเข้าใจแล้ว” ทหารพลันตระหนักรู้แจ้ง “ผสานเครื่องกลไกกับจิตวิญญาณนักสู้สินะ”

“ใช่แล้ว แต่ตอนนี้ข้ากลับพบว่าปัญหามันไม่ใช่เรียบง่ายเช่นนั้น” ไซ่เหล่ยหัวร่ออย่างขมขื่น “ข้าจำเป็นต้องแจกแจงวิชาเหล่านี้ัอย่างเต็มที่ก่อนที่มันจะเป็นไปได้ นี่มันเป็นรูปแบบงานขนาดใหญ่มาก”

“ไม่ต้องรีบร้อนไป ทำตามสบายใจเจ้าเถอะ” ในทางตรงกันข้ามทหารดูเหมือนค่อนข้างอดกลั้นอยู่ เขาพลันนึกอีกเรื่องหนึ่งออกพลางกล่าวว่า “โอ้ ใช่แล้ว มันมีเรื่องที่ข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า”

“เรื่องอะไร?” ไซ่เหล่ยกล่าวถาม

“ได้โปรดช่วยเปลี่ยนโฉมเครื่องกลไกกระจอกเทศใหม่ที” ทหารอธิบายต่อ “วัตถุโบราณของกองทัพกางเขนใต้มันดูสะดุดตาเกินไป ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถเปลี่ยนโฉมมันเป็นรูปแบบที่เหมาะสมกับในปัจจุบันนี้ เพื่อที่จะได้มิมีผู้ใดสามารถเชื่อมโยงเกี่ยวกับกองทัพกางเขนใต้ได้”

ไซ่เหล่ยก็เข้าใจและรู้สึกตื่นเต้นในทันที “นี่เป็นเรื่องง่ายมาก ฮ่าฮ่า ให้ข้าคิดก่อนรูปแบบไหนที่ควรจะเปลี่ยนโฉมมันดี? มันจะต้องเด่นสะดุดตามีแสงแวววับ! ข้าคิดออกแล้ว…”

ไซ่เหล่ยพึมพำกับตัวเองและจากนั้นก็เมินทหารอย่างสิ้นเชิงพลางจดจ่ออยู่กับงานของนางต่อ

ทหารก็ไม่ได้รบกวนนาง ภายในสายตาของเขา เหล่าช่างกลไกต่างเป็นเช่นนี้เสมอ

ทันใดนั้นเขาก็ชะงัก

ดวงตาของทหารสว่างวาบด้วยความตกใจ วูบ เขาสลายหายไปอย่างฉับพลัน

***********************************************************

ติ ชม รับข่าวสารได้ที่ แฟนเพจ ได้เลย และกดไลค์เพื่อเป็นกำลังใจด้วยครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด