ตอนที่แล้วตอนที่ 126 – อสรพิษจิตวิญญาณดารา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 128 – คิดวิธีการ

ตอนที่ 127 – โหมกระหน่ำตำหนักสิบแปดรูปปั้นทองสัมฤทธิ์


ตอนที่ 127 – โหมกระหน่ำตำหนักสิบแปดรูปปั้นทองสัมฤทธิ์

 

เจ้าของร้านตรวจวัตถุดิบแต่ละอันอย่างรอบคอบ แต่ก็หยุดชะงักยังส่วนของหนังอสรพิษจิตวิญญาณดารา หยาหยาถลกมันอย่างสมบูรณ์แบบ หนังอสรพิษทั้งร่างมันมีสภาพสมบูรณ์ทั้งชิ้น บนส่วนหัวของมันมีเกล็ดทองแดงที่ประณีตอยู่มันเกิดเสียงดังกริ๊กทุกคราที่เคลื่อนไหว

เจ้าของร้านอ้าปากค้าง “หนังอสรพิษนี้มันอยู่ในสภาพดีที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบเห็นมาก่อนของอสรพิษขั้นหกนี้ มันควรจะเป็นอสรพิษจิตวิญญาณดาราที่ได้ดูดกลืนชิ้นส่วนจิตวิญญาณนักสู้โบราณเข้าไปและแปรเปลี่ยนเป็นอสรพิษที่ดูประหลาด แม้ว่าแก่นจิตวิญญาณมันจะไม่มีค่ามากนัก แต่หนังของมันมีคุณภาพที่ดียิ่งกว่าอสรพิษจิตวิญญาณดาราทั่วอื่นเสียอีก หนังอสรพิษนี้ข้าตั้งใจที่จะรับซื้อสามแสนเหรียญดารา สำหรับฟันคู่นั้นของอสรพิษ ข้าจะรับซื้อพวกมันในราคาสองหมื่นเหรียญดารา สำหรับเอ็นอสรพิษมันคงจะมีราคาห้าหมื่นเหรียญดารา เมื่อรวมทั้งหมดแล้วมันคงจะเป็นสามแสนเจ็ดหมื่นเหรียญดารา ท่านคิดว่าอย่างไร?”

สามแสนเจ็ดหมื่นเหรียญดารา ราคานี้มันมากกว่าที่เขาคาดไว้เสียอีก ปราศจากคำพูดมากมายเขาก็ตอบตกลงอย่างง่ายๆ “ตกลง!”

“ตามที่ร้องขอ!” เจ้าของร้านมีความยินดีอย่างยิ่งจากนั้นก็ยิ่นยันต์เหรียญดาราให้ “เหตุใดท่านถึงไม่ไปลองไปตรวจดูราคาของร้านอื่นก่อน ร้านข้านั้นปกติราคาเหมาะสมแล้ว ข้าหวังว่าเมื่อท่านมีสิ่งของอื่นอีก ท่านจะกลับมายังร้านของข้า”

“แน่นอน!” ถังเทียนพยักหน้าอย่างตรงไปตรงมาและหยิบเอายันต์เหรียญดาราจากนั้นก็กล่าวถาม “ภายในเมืองไตรวิญญาณร้านยันต์ไหนเชื่อถือได้มากที่สุดหรือ?”

เจ้าของร้านคุ้นเคยกับเมืองไตรวิญญาณพลางตอบว่า “เรือนสมบัติยันต์คือร้านที่ดีที่สุดแม้ว่ามันจะราคาแพงแต่พวกมันก็เป็นของดี”

นึกถึงเรื่องครั้งก่อนยามเมื่อได้รับเครื่องกลไกกระจอกเทศ อวี๋เป่าก็กล่าวบอกนามร้านนี้เช่นกัน มันเหมือนว่าเรือนสมบัติยันต์มีชื่อเสียงมากทีเดียว

ถังเทียนพยักหน้าและคารวะไปยังเจ้าของร้าน “ขอบคุณท่านมาก”

“ยินดีเสมอ” เจ้าของร้านคำนับกลับ

ถังเทียนจากมาเพื่อไปยังเรือนสมบัติยันต์หลังจากที่เก็บเกี่ยวรางวัลจากการผจญภัย เรือนสมบัติยันต์มันหาเจอง่ายมากภายในเมืองไตรวิญญาณโดยไม่ได้ใช้เวลามากเกินไปเลย เขาก็พลันเข้าสู่ร้าน

แท้จริงแล้วเรือนสมบัติยันต์มันเรียกว่าหรูหราได้เลย มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ร้านซอมซ่อของไซ่เหล่ยจะมาเทียบได้

มีกลิ่นหอมอ่อนๆที่ช่างหอมหวน เก้าอี้นวมที่นุ่มนิ่มและโต๊ะน้ำชาพร้อมกับชาและขนมหวาน น้ำชายังคงร้อนอยู่ พนักงานขายผู้เป็นสตรีก็ยกยิ้มพลางยินดีต้อนรับตัวเขาภายใต้ชุดกี่เพ้าที่สวยงาม ถังเทียนกังวลว่าถ้าพวกนางไม่ระวังให้ดีชุดกี่เพ้าที่นางสวมใส่อยู่คงจะขาดเป็นแน่

“ยินดีต้อนรับท่านผู้มาเยือน”

น้ำเสียงของสตรีนุ่มนวลและหวานจับใจ มันช่างดูสนิทสนมจนทำให้ผู้คนคลายการป้องกันของพวกเขา

ถังเทียนมองไปรอบๆและสำรวจดูไปยังเก้าอี้นวม น้ำชาที่ว่าจะต้องเก็บเงินเพิ่มเป็นค่าจ้างให้กับสาวสวย และเป็นกังวลว่าเขาจะมีหินดาราไม่เพียงพอภายในกระเป๋าของเขา

“ท่านต้องการให้ข้าช่วยอันใดหรือไม่?” สตรีนางนั้นเดินเข้ามาด้วยกี่เพ้าสีชมพูที่ดูเร่าร้อน

“ข้ามาที่นี่เพื่อดูยันต์ใดที่เหมาะสมกับข้า” ถังเทียนมิได้รู้สึกประหม่า เขาเพียงแค่มองไปรอบๆอย่างอยากรู้มันเป็นคราแรกที่เขาเข้ามายังร้านที่หรูหราเช่นนี้ แต่เขามิคิดที่จะเปิดโปงตัวเองว่าเป็นคนบ้านนอก

ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ตัว แต่ถังเทียนบุรุษหนุ่มผู้นี้ก็มิได้ใส่ใจ

พนักงานขายมิได้มีท่าทีรังเกียจใบหน้าบ้านนอกอย่างเช่นถังเทียน พวกเขามีประสบการ์ณมากมายและใบหน้าของพวกเขายังคงฉาบไว้ด้วยรอยยิ้ม “ขอข้าถามท่านหน่อยเถอะว่าท่านต้องการประเภทใด?”

มันไม่ใช่ความคิดกะทันหันแต่ถังเทียนมีความตั้งใจที่จะซื้อยันต์จิตวิญญาณ

มิว่าจะเป็นตำหนักสิบแปดรูปปั้นทองสัมฤทธิ์หรือการต่อสู้ของเขาในวันนี้ เขาก็ค้นพบจุดอ่อนของเขาคือปราณแท้จริง เขาได้บรรลุผ่านไปยังขั้นห้าแล้ว และปราณแท้จริงของเขาแข็งแกร่งกว่าเก่าแต่ด้านอื่นมันกลับมีขีดจำกัด

“มีปัญจมังกรสวรรค์? หรือ ตำราปราณกระเรียนขั้นห้าหรือไม่?”

ยันต์ทั้งสองใบนี้เป็นสิ่งที่ถังเทียนต้องการมากที่สุดในตอนนี้ มิว่ามันจะเป็นปัญจมังกรสวรรค์หรือปราณกายากระเรียน พวกมันทั้งหมดมีประโยชน์อย่างยิ่ง

พนักงานขายมิได้ประหลาดใจ ถ้าผู้ใดมายังร้านค้าแห่งนี้ พวกเขาจะต้องมิได้มาตามหายันต์จิตวิญญาณธรรมดาเป็นแน่ นางคุ้นเคยอย่างยิ่งเกี่ยวกับยันต์ภายในร้านนี้ เป็นไปอย่างรวดเร็วนางก็จดจำได้ “ใช่แล้ว พวกเรามีปัญจมังกรสวรรค์ขั้นทอง ราคาอยู่ที่หกล้านเหรียญดารา ข้าสามารถให้สัญญาณได้เลยว่าท่านจะต้องสามารถเข้าใจถึงแก่นแท้ของปราณมังกรสวรรค์เลย พวกเราก็มีตำราปราณกระเรียนขั้นห้าเช่นกัน แต่มันเป็นเพียงขั้นเงินและราคาเพียงสามแสนเหรียญดารา”

ถังเทียนรู้สึกแปลกประหลาด ราคาของทั้งสองต่างกันอย่างยิ่ง แต่ไม่นานเขาก็เข้าใจ

หนึ่งในพวกมันเป็นขั้นทองและอีกหนึ่งเป็นขั้นเงิน ส่วนสำคัญที่สุดก็คือปราณกายากระเรียนมันฝึกฝนยาก มันเป็นธรรมดาที่ทั้งสองจะต่างกันคนละโลก แต่ปราณกายากระเรียนมันมีโยชน์กว่าปราณมังกรสวรรค์

“ข้าขอเลือกเอาตำราปราณกระเรียนขั้นห้าแล้วกัน” ถังเทียนหยิบเอาเงินมากกว่าครึ่งทั้งหมดของเขาออกมา

เขารู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่ง ยันต์มันช่างราคาแพงจริงๆ แต่มันทำให้ปราณกายากระเรียนของเขาน่าทึ่งขึ้น

หลังจากทำการค้ากันเสร็จสิ้น ถังเทียนก็กลับไปยังที่ฐานทันในทันที

เมื่อกลับมายังฐานทัพ ถังเทียนมิได้ใช้ยันต์ในทันที แต่เขากับนั่งลงฝึกสมาธิพลางฟื้นฟูพลัง

ยามเมื่อเขาลืมตาขึ้นมา เขาอยู่ในสภาวะสมบูรณ์พร้อม เขาก็หยิบเอายันต์จิตวิญญาณตำราปราณกระเรียนขั้นห้าออกมาและโคจรด้วยปราณแท้จริงโดยทันที ความรู้สึกอันยากจะพรรณากระแทกภายในใจเขา มันปรากฏเส้นทางวิธีอันมากมายภายในใจของเขา

ถังเทียนรู้สึกชินกับสถานการณ์เช่นนี้ ด้วยความระวังเขาก็ทำความเข้าใจทั้งหมดภายในยันต์จิตวิญญาณแต่เพียงไม่นานเขาก็ขมวดคิ้ว

มีบางอย่างไม่ถูกต้อง!

อย่างไม่รู้เรื่องราวเขากับรู้สึกว่าความเข้าใจดังกล่าวมันผิดเพี้ยนไปหลายด้าน

เขาใช้ปราณกายากระเรียนมากที่สุดและเข้าใจมันจนลึกซึ้ง มันมีแนวทางที่แน่นอนถึงแม้ว่าเขาจะอธิบายได้ไม่ชัดเจน แต่เขาสามารถสัมผัสมันได้เสมอว่าถูกหรือผิด ทันใดนั้น หัวใจของถังเทียนก็หล่นวูบ เขาพลันครุ่นคริดตาเฒ่าเว่ยเคยกล่าวว่าปราณกายากระเรียนสูญหายไปเป็นเวลานานแล้ว มันอาจจะเป็นไปได้ว่า...

เขาสลัดทิ้งความเข้าใจอันซับซ้อนเหล่านั้นทิ้งไปและเริ่มที่จะศึกษาวิธีการด้วยปราณแท้จริงของเขส

ความเข้าใจแต่ละบุคคลนั้นแตกต่างกันไป แต่กับปราณแท้จริงแล้วมันไม่เคยเปลี่ยนแปลง หลังจากไม่กี่วันในหนึ่งอาทิตย์ของความพยายามด้วยปราณแท้จริง ถังเทียนก็รู้แจ้งถึงความเข้าใจทั้งหมดภายในยันต์จิตวิญญาณว่ามันผิดพลาด

เขาพยายามมันครั้งแล้วครั้งเล่า ปราณแท้จริงของเขารวบรวมและกระจายออกทั้งหมดฉับพลัน เขายังคงพยายามก่อสร้างเป็นกระเรียน

ตลอดสามวัน ถังเทียนอยู่เบื้องหลังประตูกางเขนเพื่อฝึกฝนตำราปราณกระเรียน

ทันใดนั้นดวงตาอันแวววาวก็ปรากฏขึ้นภายในความมืด ปราณแท้จริงของถังเทียนเพิ่มขึ้นและปราศจากการขบคิด เสียงร้องแหลมก็ดังออกมาจากลำคอของเขาราวกับเสียงร้องของกระเรียน!

ถังเทียนกระเด้งตัวขึ้นพลางหัวร่อ

“ปราณกายากระเรียนขั้นห้า! ฮ่าฮ่าฮ่า! มันช่างน่าทึ่งนัก!”

“นี่มันเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมนัก!”

“ว้าว แน่นอนว่าข้าคือบุรุษหนุ่มเทพ!”

“โอ้ โอ้ โอ้ ปราณกายากระเรียน ข้าบรรลุเจ้าจนได้แล้ว!”

……

ไซ่เหล่ยตกใจจากเสียงร้องยินดีอย่างกะทันหันของถังเทียน มือของนางก็สะดุ้งและนางก็กดปุ่มผิดพลาดไป ในทันทีนางก็โมโหและเริ่มโยนสิ่งของไปรอบๆ “ไอ้งี่เง่า! ไอ้ระยำ!”

หนึ่งชั่วโมงต่อมา

ถังเทียนก็คลานออกมาจากตำหนักสิบแปดรูปปั้นทองสัมฤทธิ์พร้อมกับรอยฟกช้ำ ใบหน้าของเขาหมองคล้ำและดวงตาลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิง เขาท้าทายตำหนักสิบแปดรูปปั้นทองสัมฤทธิ์เนื่องจากเขาคิดว่าเมื่อได้สำเร็จปราณกายากระเรียนอีกขั้นแล้วเขาจะไม่เป็นไร แต่มิคาดคิดเขากลับยังคงโดนกระทืบโดยหมายเลขเก้าอยู่เช่นเดิม!

ไอ้ระยำเอ้ย!

“ข้าบอกเจ้าแล้ว มันไร้ประโยชน์ เจ้าจะต้องมีประสบการณ์ที่จะล้มลงก่อน ระลอกคลื่นสั่นสะเทือนต่างหากที่มีประโยชน์ แต่ถ้าเจ้าเพียงพึงพากำลังและปะทะมันด้วยกำลัง จากนั้นใช้ควบคู่กับวิชาการต่อสู้ขั้นสูง แน่นอนว่าด้วยพื้นฐานของในตอนนี้ เจ้าจะต้องเข้าใจก่อนว่าจะต้องสู้ด้วยกำลังต่อกำลังเช่นไร ซึ่งมันค่อนข้างยากลำบาก อย่างไรก็ตามมันยังมีความหวังอยู่ในด้านนี้...”

น้ำเสียงของทหารเห็นได้ชัดว่าเยาะเย้ยเขา

สีหน้าของถังเทียนดำเป็นตอตะโก เขาแน่นอนว่ามิได้พ่อพระ สำหรับเรื่องที่ล้มลงไปแล้วก็ถูกกระทืบซ้ำอีกครั้ง เขาก็อัปยศอดสูแล้ว แต่กลับต้องมาล้มลงที่หลุมเดิมจนนับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งมันน่าอับอายขายหน้าและอัปยศอดสูนัก เขามิเคยประสบความล้มเหลวอย่างต่อเนื่องเช่นนี้มาก่อนเลย

บัดซบ!

ถังเทียนขบฟันของเขา ความอัปยศทั้งหมดนี้ที่เขาสะสมเอาไว้มันลุกโชน ความชอบธรรมของเขามันกำลังถูกเผาผลาญ

สารเลว...

ทำเช่นไรข้าถึงจะเอาชนะเจ้าสารเลวพวกนั้นได้กัน...

ถ้าข้าไม่สามารถแม้กระทั่งเอาชนะพวกสารเลวนี้ แล้วข้าจะผ่านเส้นทางนี้ไปได้เช่นไร?

ถ้าข้าไม่สามารถแม้กระทั่งเอาชนะสารเลวพวกนี้ แล้วข้าจะไปช่วยเหลือเชียนฮุ่ยได้เช่นไร?

ถ้าข้าไม่สามารถแม้กระทั่งเอาชนะสารเลวพวกนี้  แล้วข้าจะเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดได้เช่นไร?

ถ้าข้าไม่สามารถแม้กระทั่งเอาชนะสารเลวพวกนี้ ...

ข้าจะเป็นเช่นนั้นได้เยี่ยงไร!

“ไปตายซะ! เจ้าพวกสารเลวทั้งหมด!”

ดวงตาของถังเทียนพลันแดงก่ำ ใบหน้าของเขาน่ากลัวและภายในมือก็มียันต์สามใบ พวกมันทั้งหมดคือขั้นทอง เปล่งประกายส่องแสงยันต์ขั้นทอง!

พวกนี้คือยันต์ที่เขาได้รับมาจากจิ่งเหาภายในรอยแยกของปราณขณะที่เขาเอามาแลกกับอุปกรณ์ฝึกจิตวิญญาณ ยันต์ทั้งสามใบนี้คือขั้นทองระดับห้าทั้งหมด มันคือ [ฝ่ามืออนุสรณ์] [ถานถุ่ย] และ [วังวนโปรยปราย]

ขณะที่ทหารกำลังตกใจ ถังเทียนก็ใช้ยันต์ทั้งสามใบโดยไม่พูดกล่าวอันใด

ด้วยการแผดเสียงคำราม ถังเทียนก็รีบเร่งกลับไปยังตำหนักสิบแปดรูปปั้นทองสัมฤทธิ์

“เจ้าเด็กผู้นี้...” ทหารหน้าซีดเผือด

เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง ถังเทียนก็กระเด็นออกมาอีกครั้งพร้อมกับรอยฟกช้ำ

ปราศจากคำพูดอันใดเขาก็นั่งฟื้นฟูพลังทันที!

หนึ่งชั่วโมงต่อมา ถังเทียนก็กระเด้งตัวขึ้นยกแขนพลางร้องตะโกนจากนั้นเขาก็พุ่งกลับเข้าไปในตำหนักสิบแปดรูปปั้นทองสัมฤทธิ์

“เข้ามา!”

เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง ถังเทียนก็เป็นอีกคราที่กระเด็นออกมาจากตำหนักสิบแปดรูปปั้นทองสัมฤทธิ์

ถังเทียนก็คลานขึ้นมาและเริ่มนั่งฟื้นฟูต่อโดยมิได้กล่าวคำใดเลย

หนึ่งชั่วโมงต่อมาเสียงคำรามก็ดังขึ้นอีกครา

……

รอบที่ยี่สิบ

……

รอบที่สี่สิบ

……

ทหารมองไปยังถังเทียนที่บ้าคลั่งอย่างตกตะลึง ในช่วงชีวิตทหารของเขาไม่เคยพบเห็นบุคคลที่ดื้อรั้นเช่นนี้มาก่อน ช่างเป็นบุรุษที่บ้าคลั่งยิ่งนัก

เขาได้พบเจอกับเจ้าเด็กที่จองหองและทะนงตนและเป็นเด็กที่บ้าคลั่งนิสัยเสีย เหล่าผู้คนทั้งหมดต่างสามารถผ่านตำหนักสิบแปดรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ได้ในท้ายสุด แต่มันไม่มีผู้ใดที่จะใช้วิธีการที่สิ้นหวังเช่นนี้เข้าไปยังตำหนักสิบแปดรูปปั้นทองสัมฤทธิ์

นั่นถูกต้องแล้ว! โจมตีซะ!

เขาโจมตีอย่างดุเดือดโดยไม่พัก

ไม่แม้แต่สักครั้งเดียว!

บุรุษผู้นี้เคยรู้สึกท้อแท้เป็นหรือไม่? เขามิรู้เลยหรือว่าความรู้สึกหดหู่มันเป็นเช่นไร? เขารู้หรือไม่ว่าสิ่งใดที่เรียกความเจ็บปวด? เขามิรู้จักความเหนื่อยล้างั้นหรือ? เขามิรู้เลยหรือว่าเขายังมีเวลาอีกมากอยู่เบื้องหน้าของเขา?

มันไม่มีความจำเป็นอย่างยิ่งกับวิธีการที่น่าสิ้นหวังเช่นนี้!

ตราบเท่าที่เขาอดทนได้ เขาจะเอาชนะพวกมันได้! ทุกคนที่ได้ผจญผ่านเส้นทางนี้ผลจะออกมาเป็นเช่นนี้ เจ้าอ่อนแอกว่าพวกเขาตั้งแต่เริ่ม ดังนั้นมันเป็นธรรมดาที่มันจะยากยิ่งกว่า เจ้าจะต้องใช้เวลาให้มากขึ้นกว่าพวกเขา มันเป็นเรื่องที่ชอบธรรม!

เหตุใดเจ้า...ถึงต้อง....

พวกมันเป็นเพียงแค่กลุ่มรูปปั้นทองสัมฤทธิ์

หรือว่า...ยามเมื่อเจ้าเผชิญหน้ากับรูปปั้นทองสัมฤทธ์… เจ้าเกลียดชังความล้มเหลวมากกว่าสิ่งใดอื่นอีก?

ทหารมองถังเทียนด้วยอาการงุนงง ใบหน้าที่น่ากลัว ดื้อรั้น เหนื่อยล้า และฟกช้ำ

ใบหน้าหนุ่มเช่นนี้ มันกลับมีดวงตาที่ลุกโชน

ดวงตาที่ลุกโชนของบุรุษหนุ่มเปล่งประกายเข้ามาภายในสายตาของทหาร

เขาอดมิได้ที่จะเหม่อมองอย่างเลื่อนลอยโดยที่ไม่รู้ตัว

***********************************************************

ติ ชม รับข่าวสารได้ที่ แฟนเพจ ได้เลย และกดไลค์เพื่อเป็นกำลังใจด้วยครับ

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด