ตอนที่แล้วLSG-บทที่ 70: ร้อยกระบี่ (ตอนที่ 3) (อ่านฟรีวันที่18สิงหา)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 72: หนุ่มหล่อและมีพรสวรรค์ (5/5)

LSG-บทที่ 71 - กลลวง (ตอนที่ 4) (อ่านฟรีวันที่22สิงหา)


LSG บทที่ 70

แปลไทยโดย : SwordGod

บทที่ 71 - กลลวง (ตอนที่ 4)

กรุบกับ!... กรุบกับ!...กรุบกับ!...กรุบกับ!...กรุบกับ!...

ในขณะที่ปริมาณของ 'ปราณวิญญาณศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์' ที่ถูกแผ่ออกมาจากร่างกายของซูหยุนก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ กระบี่เหล็กก็เริ่มมีการสั่นสะเทือนด้วยความถี่ที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ เสียงจากกระบี่เหล็กนับร้อยเล่มกระทบกันไปมาดังแสบแก้วหู ท่ามกลาง กลุ่มยอดฝีมือที่กำลังห้ำหั่นกันอย่าดุเดือด มองเห็นความแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นที่นี่

การใช้พลังของตนเพื่อควบคุมกระบี่นี่เป็นความสามารถขั้นพื้นฐานที่สุดของ 'เคล้ดวิชากระบี่ไร้สรรพสิ่ง' แต่ไม่ว่ายังไง การควบคุมกระบี่เพียงหนึ่งเล่มมันไม่ได้มีอะไรน่าอัศจรรย์ เหตุผลเดียวที่ทำให้ 'เคล็ดวิชากระบี่ไร้สรรพสิ่ง'เป็นวิชาที่ทรงพลังและน่ากลัวเพราะมันสามารถควบคุมกระบี่และดาบได้หลายร้อยล้านเล่มทำให้พลังของมันไม่มีที่สิ้นสุด

การควบคุมกระบี่หนึ่งเล่มกับกระบี่หลายๆเล่มนั้น มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ผู้ที่ควบคุมกระบี่หลายเล่มต้องเรียนรู้วิธีการแยกปราณของตนและกระจายอย่างเท่าเทียมกันเพื่อเชื่อมต่อกับกระบี่บิน

แม้ว่า ซูหยุน จะได้รับความช่วยเหลือจากวัสดุต่างๆและเพิ่มความสามารถทางยุทธวิธีของมันให้มากขึ้น มันก็ยังห่างไกลจากการใช้ วิชาสุดยอดนี้ มันยังเป็นไปไม่ได้ที่จะควบคุมกระบี่จำนวนมากในเวลาเดียวกัน พลังลมปราณวิญญาณที่ใช้ควบคุมมันมหาศาลเกินไป หากมันทำอย่างนั้นจะทำให้ลมปราณของมันแตกซ่านแล้วพลังยุทธในการต่อสู้ของมันจะลดลง

ถึงแม้จะพูดอย่างนั้น แต่หากใช้กระบี่ที่มีน้ำหนักเบาเฉกเช่นกระบี่เหล็กทั่วๆไป ผลมันจะแตกต่างกันอย่างมาก เมื่อไม่ใช้วิชายุทธการเผาผลาญกลิ่นอายก็จะลดลงไปตามจำนวน มันเป็นไปอย่างสมบูรณ์สำหรับเส้นลมปราณที่คอยส่งเสริม

กระบี่หนึ่งร้อยเล่มนี้เป็นกระบี่ที่มีคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐาน แม้ว่าพวกมันดูเหมือนแหลมคมจากภายนอก แต่ก็ยังคงเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน มันเป็นเรื่องง่ายมากที่จะทำให้กระบี่เหล่านี้บินผ่านการใช้งานของ ปราณวิญญาณศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์ ไม่จำเป็นต้องใช้ ปราณวิญญาณศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์ มากนัก

ซูหยุน มีพลังปราณเข้มข้นมาก มันกำลังแผ่กระจาย ปราณวิญญาณศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์ ไปควบคุมกระบี่เหล็ก สภาพจิตใจของมันอยู่ในสภาพสมดุล มันกัดฟันแน่นนิดหน่อย มีเหงื่อไหลซึมออกมาจากใบหน้าของมันเป็นจำนวนมาก

ช้าๆ!

กระบี่เหล็กพวกนี้ มันเริ่มขึ้นแล้ว มันสั่นสะเทือนพวกมันค่อยๆลอยขึ้นไปในอากาศล้อมรอบตัว ซูหยุน

เยี่ยม!

ซูหยุน ดีใจมาก ในช่วงเวลานั้น มันใช้เจตจำนงของมันน้อยที่สุดเพื่อประหยัด ปราณวิญญาณศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์ ของมัน ดังนั้นมันจึงเปิดใช้ สัมผัสวิญญาณ ทั้งหมดของมัน จำนวน ปราณวิญญาณศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์ ที่ไหลผ่านเส้นลมปราณของมัน เหมือนคลื่นที่เดือดพล่าน

สุดท้ายปริมาณ ปราณวิญญาณศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์ ที่แผ่ออกมามีปริมาณเพียงพอที่จะรักษาเสถียรภาพกระบี่เหล็กทั้งหมด

กระบี่เหล็กหยุดเคลื่อนไหว พวกมันเพียงลอยไปรอบ ๆ ซูหยุนเท่านั้น ภายใต้แสงแดดที่สาดส่องแสงทุกๆกระบี่ มันเป็นภาพที่น่าสะพรึ่งกลัวเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงแค่การมองที่น่าประทับใจเท่านั้น ไม่มีเนื้อหาที่แท้จริง ความสามารถทางวิชายุทธของ ซูหยุน นั้นต่ำมาก ในหมู่ผู้คนที่มีระดับเหมือนกับมัน พลังลมปราณที่ลึกซึ้งของ ซูหยุนนั้นมีความเข้มข้นกว่ามาก อย่างไรก็ตามในแง่ของการควบคุมกระบี่บินจำนวนหนึ่งร้อยเล่ม ลมปราณจิตเทพวิถีฟ้า ของมันยังขาดอยู่มากมายนัก

แม้ว่ากระบี่เหล่านี้สามารถบินได้ แต่พวกมันก็ไม่สามารถฆ่าใครได้ เป็นเรื่องยากสำหรับซูหยุนที่จะทำให้กระบี่เหล่านี้บินได้เร็วขึ้น

ไม่ว่ายังไงก็ตาม กรณีนี้แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว!

ซูหยุนสูดหายใจลึก มันหยิบ เคล็ดวิชากระบี่ไร้สรรพสิ่ง' ออกมาอีกครั้งและเรียก ผู้อาวุโสกระบี่ เข้าไปในนั้น มันมี ผู้อาวุโสกระบี่ เพิ่มลมปราณ ของเคล็ดวิชากระบี่ไร้สรรพสิ่ง ให้ได้สูงสุด หลังจากนั้นมันได้วาง เคล็ดวิชากระบี่ไร้สรรพสิ่ง ไว้บนหน้าอกเพื่อซ่อนลมปราณของตัวเอง จากนั้นด้วยกระบี่นับร้อยที่บินรอบตัวมันและมีกลิ่นอายที่น่าครั่นคร้ามมันกระโดดลงไปที่เนินเขา

พวกโจรที่ยังคงต่อสู้กันอย่างดุเดือดกับอีกฝ่ายหนึ่งเมื่อเห็นภาพลักษณ์ที่ยิ่งใหญ่ของซูหยุนก็ทำให้ทั้งหมดตกใจ

ร้อยกระบี่บินรอบตัวมัน ใครในหมู่พวกเขา เคยได้เห็นความสามารถแบบนี้?

"อะไรกันนี่ ??"

"กระบี่นั่น ... จริงๆ ... จริงๆมันบินอยู่ในอากาศจริงๆหรอ? มันเป็นวิชาควบคุมหรอ? "

"เทคนิคการปกครอง? เพื่อที่จะควบคุมอาวุธหลายชนิดความหนาแน่นของปราณวิญญาณที่ลึกซึ้งจะต้องมีเท่ไหร่? "

พวกโจรทุกคนก็กลัวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แม้กระทั่งผู้คุ้มกันเหล่านั้นก็เป็นใบ้

"พวกโจรถ่อย พวกเจ้าอุกอาจมากที่กระทำการ ตอนกลางวันแสกๆ รีบใสหัวไปให้พ้นจากที่นี่ ถ้าไม่อย่างนั้นข้าจะบดขยี้พวกเจ้าไม่ให้เหลือซากกลายเป็นฝุ่นผง! "

หลังจากที่มันพูดเสร็จซูหยุนโบกมือมัน กระบี่ที่ลอยอยู่รอบๆตัวมันพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที พวกมันยังคงหมุนควงกันไปเรื่อย ๆ คมมีดของมันสร้างเสียงที่สั่นสะเทือน เสียงกรีดร้องดังก้องอยู่เรื่อย ๆ สร้างฉากที่ตระการตามาก

นี่มัน วิชาประเภทไหนกัน?

ชายหนุ่มที่มีผิวซีดเซียวและสวมชุดสีม่วงก็เดินออกมาข้างๆรถลากที่จูงโดยสัตว์อสูรสีม่วง เมื่อเห็นฉากนี้ชายหนุ่มถึงกับตะลึง

"นายน้อย…." ดูเหมือนว่า ... ดูเหมือนว่าท่านจอมยุทธผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ได้มาช่วยเรา! "

ผู้ติดตามปัดขลิบชายกางเกงของตัวเองวิ่งไปและพูดกับนายน้อยของมันด้วยความสุขไม่รู้จบ

"ยอดเยี่ยม! ดีจริงๆ! ' นายน้อยหนุ่ม เสื้อคลุมยาวสีม่วง รู้สึกยินดียิ่งนัก

แม้ว่าพวกโจรกลัวกันจนขาสั่นเทา แต่ว่าผู้นำของมันไม่ได้กลัวเลยแม้แต่น้อย มัยจ้องไปที่ ซูหยุน แล้วพูดออกมาด้วยความรังเกียจว่า "มันเป็นแค่กลลวง! หากมันเป็นจอมยุทธผู้ยิ่งใหญ่แล้วมันจะพูดมากความไปทำไมให้รำคาณ? ถ้าเจ้ามีความสามารถจริง ก็มาประมือกับข้าสักสามร้อยกระบวนท่า! ถ้าเจ้าไม่มีความสามารถ ก้จงใสหัวไปซ่ะ! ถ้าไม่อย่างนั้น บิดาเจ้า จะนำกระโลกศรีษะของเจ้ากลับไปทำถ้วยชาที่ค่ายของข้า!! "

"โอ้! กลลวง เจ้าบอกว่ากลลวงงั้นกรอ? "

ซูหยุนไม่แยแส มันยื่นมือของมันไปด้านหลังชักดาบของมันออกมา

"ดาบสลักมังกรวารี"?

ดาบที่มีรูปแกะสลักขนาดใหญ่ของมังกรกำลังสาดส่องภายใต้แสงและแผ่เงาสีทอง มังกรตัวใหญ่ที่แกะสลักลงบนร่างของดาบดูเหมือนเด่นชัดและสมจริง ราวกับว่ามันกำลังจะเลื้อยออกมาจากดาบได้

ผู้นำกองโจรตกใจเล็กน้อย ร้อยกระบี่บินที่อยู่บนท้องฟ้าถือเป็นโลกแห่งความแตกต่างจากดาบศักดิ์สิทธิ์ที่ ซูหยุน เพิ่งชักออกมา

ก่อนที่มันจะคิดถึงสิ่งใด เสียงกรีดร้องที่ดังสนั่นโลดแล่นเจาะเข้าไปในรูหูมัน

โฮกกกกก!!!

หัวหน้าโจรกระโดดขึ้นด้วยความตกใจ ในขณะเขามองเห็นบริเวณโดยรอบของเขาได้กลายเป็นสีเข้ม ดูเหมือนว่าเขาถูกดึงเข้าสู่ช่องว่างมิติ มังกรตัวใหญ่กำลังโฉบฉายอยู่ข้างหน้าเขา กลิ่นอายอันยิ่งใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุดอำนาจแรงกดดันอันมหาศาลได้กดทับตัวเขาเหมือนดั่งภูเขาใหญ่บดขยี้ลงมา

หัวหน้าโจรไม่สามารถระงับความกลัวจนร่างกายสั่นสะท้าน

เมื่อลูกน้องเห็นเจ้านายของมันตัวสั่นจนหน้าซีดผิวหนังซีดเซียวกลายเป็นคนไร้สติ

“ไปซิ!”

เสียงตะโกนอันเย็นเฉียบดังขึ้น

พวกโจรไม่สามารถต้านทานตัวเองได้อีกต่อไป พวกเขาทั้งหมดหันกลับไปและเริ่มวิ่งหนี เสียงกรีดร้องที่ตื่นตระหนกของพวกเขาขณะที่พวกเขาหนีไปก็ดังขึ้นในอากาศไม่หยุดหย่อน

ซูหยุนหน้าซีด มันใช้ดาบสลักมังกรวารีเพื่อควบคุมหัวหน้าโจร เพียงแต่ว่าหัวหน้าโจรมี ระดับการบ่มเพาะสูงเกินไป โอกาสโจมตีทางจิตใจของดาบสลักมังกรวารีคงจะรั้งไว้ไม่ได้นาน

เมื่อเห็นว่าโจรคนอื่น ๆ หนีไปซูหยุนก็ไม่กล้าลังเลอีกต่อไป เขาตะโกนใส่ผู้คุ้มกันที่ตกอยู่ในความฝันอยู่ตรงนั้นว่า "เข้าไปหามัน! ฆ่ามัน! "

"เร็วเข้า จัดการ!"

นายน้อยชุดคลุมม่วงตะโกนสั่งผู้ติดตามอย่างรวดเร็ว

ผู้คุ้มกันทุกคนตื่นขึ้นทันที พวกเขากระโจนไปทั่วหยิบอาวุธทุกประเภทที่มีใช้ ทักษะลึกซึ้ง ทุอย่างที่มี ขณะที่ชายร่างกำยำ ที่กำลังกลั่นรวมปราณทางจิตวิญญาณ

ตูม!!

ในช่วงเวลานั้นช่องว่างมิติที่สร้างขึ้นดดยดาบสลักมังกรวารีได้แตกเป็นเสี่ยง ๆ โดยหัวหน้าโจร เขาได้รู้แล้วว่านี่ไม่ใช่อะไรมากไปกว่าการโจมตีจิตใจซึ่งจะทำให้เขากลัวมากและไม่เป็นอันตรายต่อเขา พลันเขาก็โกรธสุดขีดสบัดออกจากพันธนาการ

“สารเลว! ไอ้ระยำ มันหลอกเรา วิชาของมัน โกหก พี่น้องทั้งหลายตามข้าไปมา และฆ่ามัน !”

หัวหน้าโจรตะโกนเสียงดัง

อย่างไรก็ตามหลังจากสิ้นเสียงของเขาไม่มีเสียงตอบรับแม้แต่เสียงเดียวในสภาวะแวดล้อมรอบๆตัวเขา

หัวหน้าโจรรีบหันไปดูรอบๆ เขาตกใจเมื่อพบว่าไม่มีใครเหลืออยู่เลย ผู้คุ้มกันพวกนั้นพากันเข้าไปเพื่อสังหารเขา

"เกิดอะไรขึ้น?"

หัวหน้าโจรก็ประหลาดใจอย่างสิ้นเชิง

อย่างไรก็ตามตอนนี้กลุ่มผู้คุ้มกันได้เข้ามาล้อมมันไว้หมดแล้ว หัวหน้าโจรไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องใช้ดาบเพื่อรับมือกับกลุ่มผู้คุ้มกันที่เข้ามา

แม้ว่าความสามารถทางวิชายุทธของเขามีความแข็งแกร่งมาก แต่ก็มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่อยู่ในกลุ่มผู้คุ้มกัน ยิ่งไปกว่านั้น นายน้อยหนุ่ม ชุดคลุมยาวสีม่วงที่มีชื่อเสียงเป็นที่ร่ำรวยมากและครอบครองสมบัติที่แปลกประหลาดหลายอย่าง หลังจากถูกล้อมรอบโดยทุกคน หัวหน้าโจร ก็ได้พบจุดจบอย่างน่าอนาถ

กลลวงนี้คือกลลวงของจริง อย่างไรก็ตามโจรธรรมดาก็ไม่สามารถบอกได้ว่าบุคคลนั้นหลอกลวงหรือไม่ ยิ่งไปกว่านั้น การโจมตีทางจิตใจ จากดาบสลักมังกรวารี ได้ทำให้หัวหน้าโจรไม่ทันตั้งตัว เมื่อลูกน้องเห็นหัวหน้า หน้าเสียพวกเขาจึงขวัญหนีดีฝ่อ? พวกเขาจะมีความกล้าเหลืออยู่ได้ยังไง? ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงวิ่งหนี

"แม้ว่าชายคนนี้จะตายไป แต่กลุ่มโจรก็ยังอยู่! พวกเรารีบออกไปกันเถอะ! มันจะไม่ดีถ้ากลุ่มโจรย้อนกลับมา! เมื่อพวกเรากลับถึงตระกูล ท่านพ่อของข้าจะส่งผู้เชี่ยวชาญไปกำจัดเหล่าโจร! "

นายน้อยหนุ่มชุดคลุมยาวสีม่วง จับตรงหัวใจที่เจ็บของเขา

"ครับ นายน้อย!"

ผู้คุ้มกันล้อมรอบทุกคนตะโกน

ซูหยุนหยิบกระบี่เหล็กเข้าไปเก็บในแหวนของมัน

แม้ว่าฉากก่อนหน้านี้น่าจะเป็นฉากที่น่าอัศจรรย์ แต่อาจทำให้คนตกใจได้ ในกรณีนี้มันยังเหน็ดเหนื่อยอยู่มาก สภาพของมันไม่อาจบอกได้ว่าไม่ค่อยดีนัก

นายน้อยหนุ่มชุดคลุมยาวสีม่วงที่กระโดดลงมาจากรถลากของเขา เขาไม่กังวลมีผู้ติดตามคอยหนุนหลังเขา เขาเดินตรงไปหา ซูหยุน

เมื่อเขามาถึงเขาได้แสดงความนับถือต่อซูหยุนด้วยมือเปล่าของเขา

"ท่านผู้มีพระคุณท่านช่วยเหลือข้าจากสิ่งเลวร้ายนี้ข้าไม่รู้จะตอบแทนท่านยังไงดี! ท่านผู้มีพระคุณ โปรดรับการคาราวะจากข้า มู่เฟิง! "

หลังจากที่เขาพูดจบนายน้อยชุดคลุมยาวสีม่วง มู่เฟียง ก็คำนับลงอย่างจริงใจ

ซูหยุน รีบพยุง มู่เฟิง ขึ้น มันฉายรอยยิ้มอายๆ "ข้าเห็นความไม่เป็นธรรมบนเส้นทางข้าเลยตัดสินใจที่จะช่วยเท่านั้น นอกจากนี้ข้าไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก สิ่งที่ข้าได้แสดงไว้ก่อนหน้านี้เป็นเพียงกลยุทธ์ที่ทำให้ตกใจ หากเราสู้กันจริงๆเกรงว่าข้าคงจะไม่ใช่คู่มือของหัวหน้าโจรคนนั้น "

"ท่านผู้มีพระคุณท่านถ่อมตัวมากเกินไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวที่ทันเวลาของท่าน ถ้าท่านไม่ได้ทำให้โจรเหล่านั้นหยุดชงักและหนีไปไปด้วยความสามารถของท่าน สถานการณ์ของเราได้เปลี่ยนเปิดโอกาสให้พวกเราใช่มั้ย? "

มู่เฤฺ. ฑูด "ท่านผู้ทีพระคุณ ได้โปรดบอกนามของท่าน เผื่อวันหน้า มู่เฟิง ผู้นี้ จะตอบแทนท่านได้!"

"เรียกข้าว่า เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง" ซูหยุน ไม่ได้บอกชื่อจริงของมัน

"เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง ?"

มู่เฟิง พึมพำ เขาเห็นว่าผู้มีพระคุณของเขาสวมหน้ากากเหล็กแตกเขาพยักหน้าและกล่าวว่า "มู่เฟิง ผู้นี้ มาจาก คฤหาสน์ตระกูลมู่ แห่ง เทือกเขาอาถรรพ์ บิดาข้าคือ มู่เทียนเฮ่า ท่านผู้มีพระคุณสวมหน้ากากเหล็ก และไม่บอกนามที่แท้จริงแสดงว่าท่านผู้มีพระคุณไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง เอาแบบนี้ข้าอยากตอบแทนท่านผู้มีพระคุณสิ่งนี้คือสิ่งที่ข้าพกติดตัวไว้ตลอด วันหน้าหากท่านผู้มีพระคุณมีปัญหาอันใด ท่านสามารถมาหาข้าได้ที่ คฤหาสน์ตระกูลม่อ เพื่อพบข้า ถึงแม้ว่าข้า มู่เฟิง จะอ่อนแอ แต่เขาจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือท่านผู้มีพระคุณ! "

หลังจากพูดจบ มู่เฟิง ก็หยิบ หยกลายมังกร ส่งให้ ซูหยุน

"ตระกูลมู่?"

ซูหยุนตกใจมาก มันไม่คิดเลยว่าเด็กหนุ่มที่มันช่วยชีวิตจะมาจาก ตระกูลศิลาวิญญาณ ตระกูลมู่ แห่ง เทือกเขาอาถรรพ์ ที่แข็งแกร่งที่สุดและเก่าแก่ที่สุดในหมู่ สามมณฑลใหญ่ อันประกอบด้วยเขต มณฑลฉิงหวัง ความลับของมณฑลจุ๋ยเอ๋อเหลียน และ เทือกเขาอาถรรพ์ .

ภายในสามมณฑลใหญ่แน่นอนว่า ตระกูลมู่ ไม่ได้ด้อยไปกว่า ตระกูลซู เลย ตระกูลมู่ ไม่เพียงแต่จะเป็นตระกูลศิลาวิญญาณที่มีประวัติเกือบพันปี แต่ยังมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนอกเขตพื้นที่ แม่น้ำหุบเขา ของ มณฑลฉิงหวัง สายเลือดของตระกูลมู่ มีความซับซ้อนมาก ในนิกายและสำนักวิชาที่สำคัญ ๆ มีลูกหลานของตระกูลมู่ ตระกูลมู่ อาจกล่าวได้ว่า แม้แต่ สำนักกระบี่เซียน ก็ไม่กล้ายั่วยุ

หากเป็นกรณีนี้การติดต่อนี้สำเร็จ! วันหน้าหาก ซูหยุน แอบพา ชิงเ๋อ หลบหนีออกจากตนะกูลซู มันอาจจะมีลี้ภัยใน ตระกูลมู่ได้

แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องยากที่จะพา ชิงเอ๋อ ออกจากตระกูลซู แต่ว่าคนเราต้องมองการไกล

ชิงเอ๋อ คือสะพานเชื่อมต่อ ตระกูลซู และ นิกายฟ้าลึกล้ำ ผ่านการแต่งงานเป็นเหยื่อการเสียสละของตระกูลนิกายที่ยิ่งใหญ่การดำรงอยู่ของนางมีความสำคัญอย่างมาก หากซูหยุนพา ชิงเอ๋อ หนีไป มันต้องเผชิญกับ ตระกูลซู ไม่เพียงแค่นั้นแต่มันต้องเผชิญกับสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังเหมือนยักษ์ที่เรียกว่า นิกายฟ้าลึกล้ำ

การรวมขุมพลังของ ตระกูลซู และ นิกายฟ้าลึกล้ำ มากเกินพอที่จะปกครองเหนือสามมณฑลที่ยิ่งใหญ่ทั้งหมด แม้แต่ตระกูลมู่ ไม่กล้าที่จะสู้กับพวกเขา

หลังจากคิดถึงจุดนี้ซูหยุนได้สลัดควมคิดออกไปตกใจเล็กน้อยและเผยรอยยิ้มมันออกมา "ท่านเป็นายน้อยจากตระกูลมู่จริงๆ ข้ามีตาหามีแววไม่ ยินดีที่ได้พบท่าน! "

"ท่านผู้มีพระคุณท่านถ่อมตัวมากไปแล้ว! ไม่ทราบว่าท่านกำลังจะเดินทางไปไหนหรอ? "

ซูหยุน ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นมันก็พูดว่า สำนัก ดาราม่วง?

บังเอิญจริงๆ! ข้าก็กำลังเดินทางไป สำนักดาราม่วง เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ หากท่านผู้มีพระคุณไม่รังเกียจท่านจะร่วมทางไปกับข้ามั้ย? "

มู่เฟิง พูดด้วยรอยยิ้ม

ซูหยุน มองไปที่รถลากที่จูงโดยสัตว์อสูรสีม่วง จากนั้นมันก็มองไปที่ผู้คุ้มกันและกระทิงเขาเดียวที่ตายแล้ว มันสูดลมหายใจแล้วพูดว่า "ไม่เป็นไร ข้ามีธุระเร่งด่วน หากข้าไปด้วยแล้วเกรว่ามันจะล่าช้า เพราะฉะนั้นข้าต้องขอตัวลาไปก่อน! "

"ในเมื่อเป็นแบบนี้ ข้ามู่เฟิง ก็ไม่ขอรั้งท่านผู้มีพระคุณ ขอเชิญมาพบกันอีกครั้งใน สำนักวิชาดาราม่วง! "

“อำลา!”

พูดจบแล้ว ซูหยุน ขึ้นม้าวิญญาณของมันมุ่งตรงไป สำนักวิชาดาราม่วง

มู่เฟิงหยุน ยืนอยู่ตรงหน้าสัตว์อสูรเขาม่วงและมองไปที่ร่างที่ไกลออกไป

"นายน้อย เขาเป็นใครหรอครับ? ทักษะที่ลึกซึ้งที่เขาแสดงไว้ก่อนหน้านี้มันแปลกจริงๆ! " ผู้ติดตามเดินเข้ามาถามอย่างระวัง

"ข้าไม่รู้! มู่เฟิง ส่ายหัว "อย่างไรก็ตามมันจะไม่ดีหากข้าเป็นสหายกับเขา? เร็วเข้า เก็บกวาดให้เรียบร้อย เราต้องรีบมุ่งหน้าไปต่อ! "

"ครับ นายน้อย!"

แปลไทยโดย : SwordGod

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด