ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปWOC บทที่ 2 – แท่งหยก

WOC ตอนที่ 1 - [ เคล็ดเมฆาฝนโปรย ]


ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/WorldofCultivation/

ตอนที่ 1 - [ เคล็ดเมฆาฝนโปรย ]

“อย่าลืม”

“แม้ตาย เจ้าต้องห้ามลืม”

..............

เสียงแปลกแต่คุ้นเคยดังมาจากส่วนลึกของเมฆครั้งแล้วครั้งเล่า สะท้อนไปมาอย่าไม่หยุดยั้ง

ใคร?

อย่าลืม?

อย่าลืมอะไร?

ทันใดนั้นเขาก็ตื่นขึ้นตามปกติ ร่างกายของเขาเปียกชุ่ม เสื้อผ้าแนบชิดติดกับผิว เขาลุกขึ้นนั่ง ท้องฟ้ายังคงมืดและดวงดาวยังคงลอยเหนือศีรษะ เพื่อเตือนว่ายังมีเวลาอีกนานก่อนจะเช้า ลมพัดโกรกอย่างเย็นชา

ฝันแบบนี้อีกแล้ว!!

มันเป็นปกติที่เขาจะถอนหายใจยาวๆ เวลายังคงเช้าตรู่ เหมาะจะกลับไปพักผ่อนต่อ เขานอนลงอีกครั้ง

“พี่ชายโม อย่าลืมน้ำของข้านะ เราตกลงกันแล้วตั้งแต่ต้นเดือน การเก็บเกี่ยวของปีนี้ขึ้นอยู่กับเจ้า”

ก่อนที่เขาจะเดินไปที่ภูเขา จั้วโมได้ยินคนตะโกนมาจากที่ๆห่างไกล เมื่อเขามองไป ก็พบกับตาแก่อายุประมาณ 50 กว่าๆ เข้มและผอม ยืนอยู่บนทุ่งหญ้า ถ้าไม่ดูให้ดี ก็จะไม่เห็นคนที่อยู่ตรงนั้น

ชื่อเล่นของชายชรานั้นคือ เฒ่าดำ ชื่อจริงของเขานั้นไม่มีใครรู้ เขาเป็นคนที่แก่ที่สุดในศิษย์ชั้นนอกของนิกายกระบี่อู้กง

จั่วโมเช็ดเหงื่อที่หน้าผากเขาแล้วตอบกลับ  “จะไม่ลืม ไม่ต้องห่วง พรุ่งนี้ตาของท่าน”

ร่างกายของเขาก็เหมือนลำต้นไม้ไผ่ เสื้อคลุมสีม่วงของนิกายสาวกห้อยบนคอของเขาอย่างหลวมๆ ในทางตรงกันข้ามกับคำพูดของเขาที่ดูไหลลื่น เขากลับมีใบหน้าที่เหมือนผีดิบทั้งมืดและอึมครึม

จั่วโมมีหน้าผีดิบจึงแปลกกว่าใคร ตอนแรกทุกคนอยู่ห่างจากเขา เพื่อเพราะใบหน้าที่น่ากลัวของเขา แต่กลับกันหลายคนที่รู้จักเขานั้นจะรู้ว่าทั้งด้านอารมณ์และบุคลิกภาพในหลายๆจุดของเขานั้นดีมาก หลังจากนั้นสองปีเขาก็นิยมในหมู่ศิษย์ชั้นนอกของนิกาย

เฒ่าดำที่มีความสุขรีบอ้าปากชม :  “ดี ดี ดี ! พี่ชายโม ท่านช่างวิเศษนัก ข้า เฒ่าดำ ไม่เคยเห็นอะไรที่เหมือนมันมาก่อน”

[ เคล็ดเมฆาฝนโปรย ]ของจั่วโมนั้นพิเศษ เพราะเขาบรรลุขั้นที่ 3 แต่นั่นเป็นเพียงหนึ่งเดียวในศิษย์สายนอกของนิกาย ที่เกือบจะผูกขาดการทำหน้าที่ขอฝนสำหรับ ในพื้นที่เพาะปลูกหลิงของนิกาย

[ เคล็ดเมฆาฝนโปรย ]นั้นเป็นคาถาที่ไม่ซับซ้อน(คาถาทั่วไป) ทุกคนรู้วิธีที่จะทำมัน หลักของมันคือการสร้างฝนสำหรับพื้นที่เพาะปลูกหลิง ขั้นที่หนึ่งต้องการเพียงสามถึงห้าวันในการฝึกฝน ระดับที่สอง มันอาจจะสำเร็จได้อย่างง่ายดายในหนึ่งหรือสองปี แต่เริ่มจากระดับ 3 ต้องใช้ความสามารถของนักเรียนจากแต่ละคน ศิษย์ชั้นนอกนิกายอู้กง มีเพียงแค่จั่วโมเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จ

หลังจากที่ [ เคล็ดเมฆาฝนโปรย ]ถึงระดับสาม ประสิทธิภาพของมันเพิ่มขึ้นอย่างมาก แถมยังเพิ่มปริมาณการผลิตธัญญาพืชหลิงและผักหลิงนานาพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว หลังจากที่เขาประสบความสำเร็จในขั้นที่ 3 ตำแหน่งในพรรคก็เปลี่ยนไป  ชื่อของเขาจากที่ถูกเรียกโมผีดิบน้อย ก็กลายเป็นพี่ชายโม

จั่วโมโบกมือของเขาเพื่อที่จะอำลาตาเฒ่าดำ

เขากัดฟันและขยับถุงบนหลังของเขา ไหล่ของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด บนหลังของเขาแบกเมล็ดหลิงหนักถึง 300 ขาน(1 ขาน เท่ากับ 600 กรัม) ซึ่งมันเกือบทำให้ไหล่ของเขาหัก

ร่างกายที่บางและอ่อนแอดั่งผีดิบแบกถุงผ้าบนหลังในหลายๆครั้งมันก็ใหญ่กว่าร่างกายของเขา เขาเคลื่อนที่ตามเส้นทางบนภูเขาอย่างยากลำบาก

เขาแบกถุงขนาด 300 ขาน ที่เต็มไปด้วยเมล็ดหลิง เขาหายใจอย่างยากลำบากขณะลงไปทางปากทางของภูเขา เพียงแค่ผ่านด้านประตูแห่งขุนเขา เขาก็โยนถุงผ้าลงจากไหลในขณะที่ร่างกายของเขาถึงกับทรุด เขาหายใจออกมาอย่างถี่

หลังจากพักได้ช่วงนึง พลังของเขาก็ฟื้นคืนบางส่วน เขาลุกขึ้นยืนและเอานกกระเรียนกระดาษเหลืองออกมาจากหน้าอก

นกกระเรียนกระดาษมีขนาดเท่าฝามือ มันถูกทักทอมาจากกระดาษหญ้าเหลือง และวาดผนึกบางอย่างจากแร่สีชาด

เขาได้โอนถ่านพลังหลิงลงไปและแล้ว นกกระเกรียนกระดาษก็ขยายขึ้น ตัวของมันนั้นใหญ่กว่านกกระเรียนตัวจริงไม่มาก ก้านบางๆของไม้ไผ่ถูกสร้างแทนที่กระดูก และมีชั้นของกระดาษหญ้าเหลืองปกคลุมอยู่ด้านบน ร่างกายถูกวาดโดยผนึกแร่สีชาดโค้งคล้ายตัวลูกอ๊อด เห็นได้ชัดว่าฝีมือที่วาดนั้นไม่ได้ดีมากนัด หลายๆจุดถูกวางกันอย่างหลวมๆ คุณภาพของกระดาษเหลืองอยู่ในระดับที่ต่ำมาก ชิ้นส่วนของหญ้าเห็นได้แถบทุกจุดของกระดาษ

เขาเอาถุงผ้าวางไว้บนหลังของนกกระเรียนกระดาษ

ภายในภูเขา ศิษย์ชั้นนอกของนิกายจะถูกจำกัดการบิน สองปีมานี้ จั่วโมนั้นสาปแช่งกฎบ้าบอนี้นักครั้งไม่ถ้วน

ปีกอันงุ่มงามบนหลังของนกกระเรียนกระดาษ ส่งเสียงดังเอี๊อดและเสียงของแท่งไม่ไผ่ที่งอคล้ายกับมันกำลังจะพัง เขาหยุดชั่วขณะ และเมื่อเห็นว่านกกระเรียนกระดาษไม่เป็นอะไร เขาก็ถอนหายใจ

“เสี่ยวหวาง(เหลืองน้อย小黄) เสี่ยวหวาง เจ้าจะมาพังตอนนี้ไม่ได้นะ”

จั่วโมตบไปที่หัวของนกกระเรียนกระดาษในขณะที่มันค่อยๆลอยจากพื้น

เสียงดังเอี๊ยดของไม้ไผ่และกระดาษดังอีกครั้ง นกกระเรียนดินราวกับคนเมา มันเป็นการโผบินที่แปลกประหลาดมาก เดี๋ยวๆสูง เดี๋ยวๆก็ต่ำ มันเลี้ยวซ้ายอย่างกะทันหันก่อนเลี้ยวขวา มันต้องบินไปตามเทือกเขาด้านหน้า

จั่วโมจับมันอย่างมั่นคงมาก เขาเรียนรู้ได้ประสบการณ์มามาก เพราะนี้คือนกกระเรียนกระดาษที่มีคุณภาพต่ำที่สุด มันทนรับน้ำหนักได้สูงสุดไม่เกิน 400 ขาน น้ำหนักในตอนนี้อยู่ในขั้นวิกฤติ แต่นกกระเรียนกระดาษไร้คุณภาพนี้กลับเป็นสิ่งที่ศิษย์นอกนิกายต่างอิจฉา

ในกลุ่มศิษย์นอกนิกาย เขาจะได้พาหนะคนล่ะ 1 อย่าง แน่นอนนกกระเรียนกระดาษก็นับเป็นพาหนะ แต่เขาจะได้แตกต่างจาดจั่วโม

ในท่ามกลางเสียงดังเอี๊ยด ผ่านไปกว่า 10 ชั่วโมง จั่วโมหน้าผีหน้าซีดเล็กน้อย ต้งฟู้ยังคงอยู่ใกล้สุดขอบฟ้า

ท่ามกลางก้อนเมฆ เทือกเขาต้งฟู้โผล่ให้เห้นและหายไป

ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ราชันย์วิญญาณต้งฟู้เจินเหริน(Dong Fu zhenren) ที่ใกล้จะบรรลุจุดสูงสุด เขาใช้ฐานล่างของภูเขาในการนั่งทำสมาธิ ทั้งหมดถูกสร้างโดยต้งฟู้ หลังจากผ่านไป 500 ปี ต้งฟู้ก็ค่อยๆพัฒนาการเป็น 1 ใน 30 เมืองหลักของอาณาจักรเทียนเยีย(Tian Yue Jie)

3000 อาณาจักรของเหล่าผู้ฝึกตน อาณาจักรเทียนเยียแม้จะไม่ติดอันดับ มันเป็นอาณาจักรที่พึ่งก่อตั้งเพียง 1500 กว่าปี จอมทัพอมตะเทียนเยียได้ค้นพบและเข้าควบคุมอาณาจักรนี้ เธอจึงตั้งมันตามชื่อของเธอคือ อาณาจักรเทียนเยีย จอมทัพอมตะเทียนเยียเป็นหนึ่งในคนของสำนักคุนหลุน และอาณาจักรเทียนเยียก็เป็นหนึ่งในอาณาจักรที่ถูกควบคุมโดยคุนหลุน

หลังจากนั้น เซินเหยินบางกลุ่มก็เดินทางมาอาณาจักรเทียนเยียและเริ่มก่อตั้งนิกายของตัวเองจนกลายเป็นดั่งปัจจุบันนี้

นกกระเรียนกระดาษพยายามบินไปที่เทือกเขาต้งฟู้ ระหว่างเดินทาง เขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะของคนอื่น ประมาณว่าเห็นผีดิบผอมนั่งอยู่บนนกประหลาด เมื่อมีคนเห็นก็ต่างพากันหัวเราะ

จั่วโมนั่งอย่างสง่างาม  การแสดงออกตามธรรมชาติของเขาราวกับว่าเขาเป็นผีดิบที่สมบูรณ์แบบ ในความเป็นจริง เขานั้นมีความสุขที่ได้ใช้พาหนะที่บินเหนือคนเหล่านั้นได้ มันคือยานพาหนะที่แท้จริง

มีสิ่งหนึ่งซึ่งมาพร้อมกับร่างสีเทาและจะงอยปากแดงงุ้ม ด้านหลังของมันกลับกว้างละนุ่ม ผู้ที่นั่งอยู่ข้างบนนั้นแทบไม่รุ้สึกถึงอาการสั่น ด้านหลังสิ่งมีชีวิตสีเงินกางปีกสายฟ้าปรากฏเป็นผู้ฝึกตน คลื่นสายฟ้ามาพร้อมกับความเร็วดั่งสายฟ้า

เขาท่องปรัญญาอย่างเรียบง่าย เพื่อประกาศตัวเอง สิ่งที่ทุกคนตกใจมากที่สุดมันคือ นาวาทศสุบรรณ เรือขนาดมหึมาราวกับขุนเขาบินข้ามศีรษะของพวกเขา จั่วโมรู้สึกว่าทุกอย่างมืดมนไปหมดเมื่อเขาแหงนไปมอง แสงของแหล่งกำเนิดพลังด้านล่างนั้น มืดมนจนไม่อาจมองเห็นอะไรได้

แสงยานุภาพของเหล่านักฝึกตนเบื้องบนนั้นทั้งหมดคือความสิ้นเปลือง!!!

จั่วโมได้แต่สบถด่าในใจ แต่เมื่อเขาเห็นเหล่านักฝึกตนที่กระจายตัวกันกล่าวคำขอโทษ อารมณ์ของเขาก็กลับมาดีขึ้น

หลังจากบินอีก 2 ชั่วโมง และแล้วเขาก็มาถึงเทือกเขาต้งฟู้ พร้อมกับเสี่ยวหวางที่บินอย่างไร้สมรรถภาพอยู่เหนือพื้นดิน การโผบินไปให้ถึงต้งฟู้นั้นเป็นอะไรที่ยากเกิดกว่าจะคาดคิด

เขาปีนลงจากหลังของนกกระเรียนกระดาษและนำถุงผ้าลงมา เมื่อเขาลงมาจากนกกระเรียนกระดาษ มันเผยให้เห็นรอยแตกบนผิวของมัน จั่วโมถอนหายใจด้วยความโศกเศร้า ข้าคงต้องซื้อมันใหม่อย่างนั้นหรือ? ความคิดนี้ทำให้เขาเจ็บช้ำใจ

เมื่อมองเทือกเขาต้งฟูจากเหนือเมฆ มันคดเคี้ยวและเต็มไปด้วยขั้นบันไดนับไม่ถ้วน และหันกลับมามองถุงที่อยู่ข้างตัวของเขา ขาของจั่วโมก็เริ่มสั่น

“พี่ชาย ท่านกำลังต้องการความช่วยเหลือใช่หรือไม่”เงาดำโผล่เขามาในสายตาจั่วโม

ภาพปรากฏเป็นช่ายเปลือยครึ่งร่างที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อจำนวนมาก

“ราคาเท่าไหร่ล่ะ”จั่วโมถามทันที เขามองไปทั่วสิ่งที่เห็นคือมีชายอีกไม่กี่คนนั่งรออยู่

เมื่อมองดูจะพบว่าอาชีพของพวกเขาเหล่านี้เหมือนจะเป็นที่ต้องการ เขารีบกล่าว “ขั้นแรก สามก้อน”

ขั้นแรก  สามก้อน มันหมายถึงหินคริสตัล(jingshi)ขั้นแรก 3 ก้อน

จั่วโมถึงกับอุทานด้วยความตกใจ “ฆ่ากันเถอะ” เขาตัดสินใจ “ให้ได้แค่สอง หากเจ้าเต็มใจ ก็จงรับไป หากเจ้าไม่เต็มใจก็ไม่เป็นไร” เวลานี้ ถ้าเขาทำท่าทางตกใจ ทั้งเสียงและสายตา

“มันไม่น้อยเกินไปหน่อยรึ” ชายปากแข็งกล่าวออกมา แต่ภายใต้สถานการณ์ที่กดดัน เขาจึงกัดฟันและรีบพยักหน้าว่า “ก็ได้”

หลังจากสิ้นสุด เขาก็เอื้อมไปจับถุงผ้า แต่แล้วจั่วโมก็ตระโกนออกมาว่า “เดี๋ยวก่อน!!!”

“อะไรอีกล่ะ?”

“ขั้นแรกเรามาทำสัญญากันก่อน”จั่วโมเอาคริสตัลหยกออกมา

“แค่สอง ถึงกับต้องทำสัญญากันเลยรึ?”ชายแข็งแรงบ่นพึมพำ

“เพื่อความปลอดภัย ไม่งั้น ตัวข้าเองคงตามไม่ทันเจ้า หากเข้าวิ่งหนี” ใบหน้าจั่วโมก็ยังคงไร้อารมณ์ แต่เขาก็ยังคงมีรอยยิ้ม

ช่วยไม่ได้  ชายแข็งแกร่งจำต้องเซ็นสัญญากับจั่วโม ชายคนนั้นก็แบกถุงหนักกว่า 300 ขานขึ้นมาราวกับมันไร้น้ำหนัก

ของจั่วโมตารีดและเขากล่าว expressionlessly : " คุณสามารถเห็นมันได้ ฉันไม่มีพลังอีกแล้ว

ครึ่งทางของการขึ้นเขา จั่วโมดิ้นรนเพื่อจะขึ้นไปบนเทือกเขา ทั้งร่างกายของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ชายร่างกายกำยำกล่าวด้วบใบหน้าที่ดูเหยียดหยาม “ความอดทนของเจ้าช่างแย่สิ้นดี” จากนั้นเขาก็พยายามกระตุ้น “เจ้าไม่อาจเร็วกว่านี้ได้แล้วงั้นรึ? ข้ายังทำมันได้อีกตั้งสองรอบในวันนี้ แต่ถ้าด้วยความเร็วแค่นี้ มันคงต้องพึ่งโชคแล้วล่ะ ที่เราจะถึงก่อนค่ำ”

จั่วโมรู้สึกราวกับเป็นปลาที่ขาดน้ำ เขากำลังหอบอย่างหนัก และนั่งลงบนขั้นบันไดหิน ลมหายใจของเขาเริ่มที่จะติดขัด “ข้า......... ขะ ข้า ไม่ ไม่สามารถ..........”

ชายคนนั้นตื่นตระหนกทันที่ “มันจะต้องไม่เป็นเช่นนี้ เจ้ากำลังจะทำลายกฎของการค้าของข้า”

จั่วโมมองไปมา และเริ่มกล่าว“เจ้าเห็นไหม ว่าข้านั้นไม่เหลือเรี่ยวแรงอีกแล้ว”

ชายคนนั้นโวยวาย “นั้นมันเรื่องของเจ้า แต่ตอนนี้ ข้ากำลังจะเสียวันนี้ไปทั้งวัน” สุดท้ายเขาก็คว้าตัวจั่วโมด้วยมือข้างหนึ่งแล้วใส่ไว้ใต้ช่องแขนของเขา

“เจ้าหนุ่ม ร่างกายของเจ้าผ่านการบ่มเพาะ ช่างน่าชื่นชมจริงๆ”จั่วโมกล่าว

“มันมีอะไรน่าชื่นชมรึ? เพียงแค่กินสิ่งที่เพิ่มความแข็งแกร่ง ตอนนี้ข้ามาถึงระดับเหลียนชีขั้นที่ 5แล้ว อีกไม่นานข้าจะเข้าสู่ระดับจูจิ ข้าก็จะทำงานได้เพิ่ม วันเหล่านี้ช่างยากเหลือเกินที่จะมีชีวิต” ชายแข็งแรงกล่าวพร้อมถอนหายใจ

“ใช่ การมีชีวิตนั้นหาใช่เรื่องง่าย”จั่วโมรู้สึกโศกเศร้าในใจ ทันใดนั้นเขาก็จำภาพ นาวาทศสุบรรณ จึงถามออกไปว่า “เฮ้ นาวาทศสุบรรณนั้นมันคืออะไรกัน ทำไมข้าไม่เคยเห็นมาก่อน”

“นั้นมันพระราชวังเครื่องที่ของราชันย์วิญญาณชือเย เจ้าต้องระมัดระวังอย่าทำการยั่วยุอันใดแก่พวกเขา”ชายคนนั้นแจ้งเตือน “ถ้าเจ้าเห็นสตรีชุดขาวพร้อมผ้าปิดหน้า เจ้าจะต้องอยู่ห่างนางพวกนั้นไว้ พวกนางนั้นคือเหล่าสนมของราชันย์วิญญาณชือเยและนางต่างมีอารมณ์ที่น่ากลัว หลายคนที่ทำให้พวกนางโกรธ จะมีจุดจบที่ไม่ดีนัก”

ความแข็งแกร่งของชายที่จั่วโมจ้างมาคนนั้นช่างน่ามหัศจรรย์ยิ่งนัก มือนึงสามารถถือถุงหนัก 300 ขานได้ อีกมือนึงยังแบกจั่วโมพร้อมพูดคุยโดยไม่แสดงอาการอ่อนเพลียเลยแม้แต่น้อย

“แท้จริง พวกเราก็เป็นเพียงคนตัวเล็กๆ หากเกิดขัดใจพวกเขา มันก็คือการฆ่าตัวตายดีๆ”จั่วโมเข้าใจ

การเดินของชายผู้มีร่างกายใหญ่นั้นรวดเร็วมากกว่าเสี่ยวหวาง เพียงแค่ชั่วโมงเดียวก็สิ้นสุดปลายทางของบันไดหิน

จั่วโมรีบจ่ายคริสตัลขั้นต่ำ ไป 2 ก้อน ชายคนนั้นรับคริสตัลทั้งหมดก่อนจะรีบวิ่งลงจากเขา

“การจะมีชีวิตอยู่รอดนั้นช่างยากจริงๆ”จั่วโมมองไปด้านหลังชายคนนั้นและได้เรียนรู้หลายอย่าง

ที่แห่งนี้ปรากฏเป็นร้านค้าพิเศษในการซื้อขายเมล็ดหลิง มันมีหน้าร้านเล็กๆ ข้างนอกประตูแขวนธงขนาดเล็ก เขียนคำง่ายๆ 2 คำ : เมล็ดหลิง แต่การผนึกตราประทับไว้บนธง มันรับประกันได้เลยว่าแม้จะมองจากที่ไกลในเวลากลางคืนจะต้องเห็นมันแน่

300 ขาน เต็มไปด้วยเมล็ดหลิง ขั้นที่ 2 ร้านแห่งนี้เป็นร้านเล็กๆ ผู้ดูแลจะไม่ได้ออกมาทักทายแต่จะส่งผู้ช่วยมาแทน

“30 คริสตัลขั้นสอง”

ผู้ช่วยพ่อค้านั้นไม่เปิดโอกาสให้ต่อรองใด จั่วโมรู้ดีว่าวันนี้มีที่พักเหลือไม่มา เขาจึงพนักหน้า

ราคาที่ได้นี้ต่ำกว่าที่ควรเล็กน้อย แต่ร้านอื่นๆยกเว้นร้านแห่งนี้ เขาจะต้องขายเมล็ดหลิง อย่างน้อย หมื่นขาน เขาจึงจะมีสิทธิต่อรองราคา แต่เพียงที่เขาหามาได้นั้นก็ต้องใช้ความพยายามอย่างหนักแล้ว

30 คริสตัลขั้นสอง สำหรับเขา มันคือกองเงินมหาศาล

เมื่อเขามี 30 คริสตัลขั้นสอง จั่วโมรู้สึกว่าทุกสายตาที่จับจ้องเขาราวกับขโมย

ในถนนต้งฟู้ที่กว้างใหญ่ บนท้องฟ้าต่างเต็มไปด้วยบ้านที่สีสันแตกต่างกันมากมาย ทั้งยังมีร้านค้า แต่จุดสูงสุดของถนน และปราศจากพาหนะขั้นสูง ผู้ฝึกตนที่ไม่สามารถบินด้วยกระบี่ได้นั้น จะไม่อาจเข้าถึงมันได้ ร้านค้าระดับยอดบางส่วน ลอยอยู่ราวกับเป็นเกาะเล็กๆที่อยู่บนฟ้า ดอกไม้เบ่งบาน ขับขานเสียงน่าชื่นชม

***** หลิง ในที่นี้หมายถึงจิตวิญญาณ ******

0 0 โหวต
Article Rating
10 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด