ตอนที่แล้วตอนที่ 22 หากข้าไม่ต้องการ?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 24 แม่จ๋าาา!!

ตอนที่ 23 สนใจจะมาอยู่มั้ย?


ตามกระแสพลังที่อบอุ่นได้แพร่กระจายไปทั่วท้องเขา เศษเสี้ยวของปราณก็ดูจะตื่นขึ้นมาและไหลลงสู่บาดแผลบนร่างกายของเขาจากนั้นเขาก็เริ่มมีอาการชา

 

 

เสือป่วยสีเหลืองส่งคนนักล่าที่มีฝีมือไม่กี่คนออกไปสอดแนมและกลุ่มคนรอบๆเกวียนก็กำลังมุ่งหน้าเข้าไปในส่วนลึกของภูเขาที่ยิ่งใหญ่มากมาย

 

 

การเดินทางครั้งนี้ยาวนานไปจนมืดค่ำในส่วนลึกของภูเขาสูงมากมายไม่มีร่องรอยของมนุษย์ที่อาศัยอยู่แถวๆรอบตัวพวกเขาเลย

 

 

ที่เชิงเขา...หลี่ฉิงชานมองเห็นหมู่บ้านม้าในตำนานนั้น

 

 

กำแพงสูงที่ทำด้วยไม้ถูกมัดรวมกันอยู่รอบ ๆ หมู่บ้านพร้อมกับมีหอคอยสังเกตการณ์อยู่ทั้งสี่มุม มันดูไม่เหมือนหมู่บ้านแต่ราวกับค่ายทหาร ประบานใหญ่ก็เปิดออกเมื่อกลุ่มของพวกเขาเข้าไปใกล้และเริ่มส่งสัญญาณออกไป  มันแตกต่างกับหมู่บ้านวัวหมอบมากในเรื่องความรัดกุม

 

 

 

หลี่ฉิงชานเป็นคนนอกจึงดึงดูดความสนใจของทุกคน เขาก็ไม่ได้แสดงท่าที่ตกใจแต่อย่างใดแต่ในใจแล้วเขาก็รู้สึกกดดันอยู่บ้าง นี่คือถ้ำของมังกรและเสือในตำนาน ที่ทำให้กองทัพที่ยิ่งใหญ่หันม้าของพวกเขากลับเมือง

 

 

เสือป่วยสีเหลืองไม่ได้มีเจตนาร้ายแต่เขาก็ยังคงต้องมีสติระมัดระวังอยู่ตลอดมิฉะนั้นเขาอาจจะตายอย่างโง่ๆ ดาบเหล็กเล่มหนาของเขามันหายไปแล้ว แต่ถึงแม้ว่ามันจะยังคงอยู่ที่หุบเขานั่นมันคงพังไปจนไม่สามารถใช้งานได้อีกแล้วหลังจากการต่อสู้ครั้งนั้น

 

 

เสือป่วยสีเหลืองให้เขามาอยู่ในลานเล็กๆที่ว่างอยู่ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ให้คนมาเฝ้ามองหลี่ฉิงชาน เขาได้บอกหลี่ฉิงชานแล้วว่าอย่าเดินออกไปไหนมั่วๆ ก่อนที่เขาจะรีบออกไป

 

 

ในบ้านหลังใหญ่ที่สำคัญทีสุดในใจกลางหมู่บ้าน(น่าจะเป็นห้องโถง)ภายใต้ประกายแสงไฟของตะเกียงรอบๆ มีนักล่าที่มีชื่อเสียงที่สุดในหมู่บ้านม้ากำลังคุยกันอยู่รอบโต๊ะ “หมู่บ้านราชาโสมมีความคับข้องใจกับเรามาตั้งนานแล้วเพราะเรื่องของการเลือกโสม เรามักจะสูญเสียผู้คนของเราบนภูเขาด้วยเรื่องแปลกๆที่ลึกลับ ข้าเกรงว่าจะเป็นพวกเขาที่ทำเรื่องนี้ ในตอนนี้พวกเขาก็กล้าที่จะคิดเกี่ยวกับเรื่องโสมวิญญาณ นี่ก็เป็นโอกาสที่ดีที่เราจะมอบคมดาบของเราให้พวกเขา”

 

 

 

ทั้งสองหมู่บ้านถูกคั่นด้วยภูเขาเพียงไม่กี่แห่งไม่มีเขตแดนชัดเจนระหว่างพวกเขา พวกคนเก็บโสมดำรงชีวิตของพวกเขาด้วยการเก็บโสมในขณะที่นักล่าตระเวนผ่านภูเขาตลอดทั้งปี ดังนั้นพวกเขาจึงรู้จักโสมและจะไม่ทิ้งมันไว้ถ้าเห็นสักอัน

 

 

 

จึงทำให้เกิดเรื่องคับข้องกันมากมาย เรื่องคับข้องกันของคนพื้นบ้านชาวภูเขามักถูกตัดสินกันด้วยมีด จนกระทั่งไม่นานมานี้ระหว่างสองหมู่บ้าน บนยอดเขาโบราณสีขาวที่ใกล้หมู่บ้านม้าศัตรูทั้งสองได้เผชิญหน้ากันอีกครั้งและพวกเขาค้นพบโสมวิญญาณในตำนาน มันมีรูปร่างเหมือนมนุษย์และมันอาจจะทิ้งดินและเดินหนีไป

 

 

 

สิ่งล้ำค่าที่หายากเช่นนี้ทำให้เกิดการต่อสู้ขึ้นมาแต่หลังจากการสังหารหมู่โสมวิญญาณก็ได้หายไปโดยไม่แม้แต่ทิ้งร่องรอยหรือเงาไว้เลย แม้เป็นเช่นนั้นก็ตามแต่มันก็ควรจะอยู่ในภูเขาโบราณสีขาวแห่งนี้ ไม่มีคนทั้งสองหมู่บ้านที่ผลีผลามที่จะไปค้นหาบนภูเขาใหญ่นี่ แต่ทั้งสองฝ่ายกำลังเตรียมตัว

 

 

 

"หัวหน้า เรื่องนี้เราไม่สามารถปล่อยไปได้ มันดีกว่าที่จะไปสนใจเด็กนั้น!”

 

 

"พรสวรรค์ของเด็กคนนั้นค่อนข้างดีและบุคลิกของเขายังเหมาะกับรสนิยมของข้า มันน่าสงสารที่จะฆ่าเขา ข้าต้องการที่จะให้เขาอยู่ที่หมู่บ้านและเป็นดาบให้เราอีกแรงหนึ่ง”

 

 

 

"แต่เขาเป็นคนนอก”

 

 

 

“ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรเดียวข้าจะทดสอบเขาอย่างละเอียดเอง แน่นอนว่าข้าจะไม่ออมมือ หากเขาไม่มีคุณสมบัติพอ”เสือป่วยสีเหลืองป่วยกล่าวอย่างเฉียบขาดและเด็ดขาดแต่มันก็ตามมาด้วยเสียงไอ

 

 

 

ภายในห้องมืด เสี่ยวอาน(เปลี่ยนจากอานน้อยนะครับ)ได้ออกมาจากแผ่นไม้และมองไปที่หลี่ฉิงชานด้วยความกังวล เอื้อมมือออกไปและสัมผัสบาดแผลที่ตกสะเก็ดแล้วบนร่างของเขา

 

 

 

หลี่ฉิงชานกล่าว“ไม่ต้องห่วงข้าสบายดี ตอนนี้ข้าสบายดี!” แม้ว่าเขาจะเห็นว่าเสือป่วยสีเหลืองชื่นชมเขาแต่ความรู้สึกที่เหมือนว่าชีวิตของเขาไม่ได้อยู่ในกำมือของตนเองมันทำให้เขารู้สึกอึดอัด ถ้าของต้องการที่จะดึงชะตากรรมของตนเองกลับไปในมือ นี้จะเป็นวิธีที่ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น

 

 

 

เขาทำตามคำแนะนำของวัวสีเขียวทันทีและหมักโสมกับไวน์ชั้นเยี่ยมเพื่อทำให้เป็นไวน์สมุนไพร จากนั้นเขาก็หยุดสักครู่และมองไปที่ผลลัพธ์ด้วยความพึงพอใจ

 

 

เช้าวันรุ่งขึ้น..หลี่ฉิงชานตื่นตั้งแต่เช้าตรู่และเริ่มฝึกหมัดวัวอสูร แต่ว่าจู่ๆเขาก็รู้สึกว่าสายลมที่แข็งแกร่งได้โจมตีเขาจากด้านหลังราวกับเสือโคร่งกำลังพุ่งเข้าใส่เขา

 

 

 

หลี่ฉิงชานหันไปและต่อยออกไป แต่ที่เขาต่อยไปมีเพียงอากาศ เสือป่วยสีเหลือกำลังลูบแขนของเขาและมือขวาของเขาก็ทำท่าคว้าอากาศราวกับมันเป็นกรงเล็บและกรงเล็บนั้นก็พุ่งเขามาที่คอของหลี่ฉิงชาน

 

 

 

“เขาต้องการฆ่าปิดปากข้า!?”หลี่ฉิงชานคิดในใจ เขากำลังปะหลาดใจเลยไม่ได้พยายามที่จะหลบและป้องกันแต่กลับรับมันแทนราวกับว่าเขากำลังส่งตนเองไปที่มือของอีกฝ่าย ในเวลาเดียวกันเขาทำแขนของเขาเหมือนกับหมีเฒ่าที่กำลังโอบต้นไม้และใช้พละกำลังจากร่างกายเขาทั้งหมด

 

 

 

สิ่งที่เขาบ่มเพาะคือทักษะเหนือธรรมชาติที่ใช้ความแข็งแรงเป็นพื้นฐานไม่ใช่ศิลปะการต่อสู้แบบธรรมดา แม้ว่าเขาจะยังไม่ได้ฝึกความแข็งแกร่งของวัวก็ตามพลังกอดของเขาไม่ใช่ที่เนื้อหนังหนังของมนุษย์จะสามารถทนได้

 

 

 

เสือป่วยสีเหลืองก็ดึงกรงเล็บของเขากลับมาทันทีและถอยหลังวนไปรอบๆตัวของหลี่ฉิงชาน

 

 

 

หลี่ฉิงชานกล่าวทันที“ไม่เลว”และเปลี่ยนท่าทางของเขาแต่เขารู้สึกว่าเสือป่วยสีเหลืองไม่ได้ขยับอีกต่อไปเพียงแต่จ้องมองเขาด้วยความรู้สึกยอมรับเท่านั้น

 

 

ถ้าเขาดึงร่างของเขาถอยออกมา กรงเล็บนี้จะได้สำแดงพลังทั้งหมดและฉีกคอของเขาแยกออกเป็นสองส่วนได้อย่างแน่นอนแต่เขาไม่ได้ถอยหนีและเคลื่อนไปข้างหน้าแทน ทักษะการเคลื่อนไหวนี้เขาได้มาจากการต่อสู้เป็นตายที่ผ่านมา ไม่เพียง แต่เขาสามารถปรับตัวได้ตามสถานการณ์เท่านั้น เขาก็ยังกล้าหาญมากอีกด้วย

 

 

 

“ข้าแพ้”หลี่ฉิงชาน ถูคอของเขา มีร่องรอยของคราบเลือดอยู่ ห้า จุด ทักษะของเสือป่วยสีเหลืองสุดยอดอย่างแท้จริง แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่เขาก้ไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้ของเสือป่วยสีเหลืองอยู่ดี

 

 

 

“เจ้าไปเรียนทักษะการต่อสู้ที่ใด”เสือป่วยสีเหลืองถาม นอกเหนือจากความกล้าหาญของเขาและการปรับตัว ทักษะการต่อสู้ของหลี่ฉิงชานดูธรรมดามาก โดยปกติแล้วไม่ว่าปฏิกิริยาตอบสนองจะรวดเร็วเพียงใดพวกเขายังไม่สามารถฟื้นคืนลมหายใจได้ทันเวลา นอกจากนี้ในตอนที่กรงเล็บทั้งห้าแตะไปที่คอของหลี่ฉิงชานมันราวกับว่าเขาจิ้มไปที่หนังที่เหนียวๆของวัวและไม่ใช่ดั่งเช่นจุดตายที่อ่อนนุ่ม

 

 

โดยปกติแล้วหลี่ฉิงชานไม่สามารถพูดได้ว่าวัวสอนเขามิฉะนั้นคนอื่นคงจะมองว่าเขาบ้าดังนั้นเขาเลยบอกว่าในหลายปีที่ผ่านมาเขาได้พบกับผู้ที่มีฝีมือเยี่ยมยอด เขามองเห็นว่าหลี่ฉิงชานเป็นเพียงคนสามัญและซ่อสัตย์ จากนั้นเขาเลยสอนทักษะเคลื่อนไหวนิดหน่อยแต่เขาได้เตือนว่าจะต้องไม่เปิดเผยตัวตนหรือรูปร่างหน้าตาของเขา

 

 

 

“หลายปีก่อน?”เสือป่วยสีเหลืองรู้สึกงงๆ หลี่ฉิงชานไม่ได้ต้องการที่จะบอกตัวตนอาจารย์ของเขานั้นไม่ทำให้เขาประหลาดใจนัก ในตอนแรกเขาคิดว่าหลี่ฉิงชานได้ฝึกฝนทักษะการต่อสู้ตั้งแต่ยังเด็ก  เหตุผลที่สำคัญที่สุดที่ทำให้เขาอยู่ในหมู่บ้านม้า ก็คือการหาว่าใครเป็นอาจารย์ของเขา

 

 

 

“อันใดรึ?”หลี่ฉิงชานรู้สึกสับสนเล็กน้อย”

 

 

 

“เจ้าไม่ฝึกฝนตั้งแต่ยังเด็ก? ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่าน เขาสอนเจ้าจนมาถึงระดับนี้ มันยากที่จะจินตนาการ ดูเหมือนว่าอาจารย์ของเจ้าจะเป็นผู้เชียวชาญอย่างแท้จริง”

 

 

 

หลี่ฉิงชานมีเหงื่อเม็ดใหย่หยดอยู่ในใจ โชคดีที่เขาพูดออกไม่โดยไม่ตั้งใจว่าเป็นเมื่อหลายปีก่อนไม่ใช่หลายเดือนก่อน มิฉะนั้นเสือป่วยสีเหลืองคงจะตายเพราะตกใจ

 

 

 

ในเวลาเดียวกันเขาเข้าใจมากขึ้นว่าทักษะเหนือธรรมชาติและศิลปะการต่อสู้ของมนุษย์ทั้งสองสิ่งอยูในระดับที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ในตอนนี้เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเสือป่วย แต่มันเป็นเพียงเพราะเขาได้บ่มเพาะได้ไม่นานไม่ถึงสองเดือนด้วยซ้ำไป ในขณะที่อีกคนหนึ่ง ได้ฝึกฝนฝ่าฟันอย่างหนักมากนานนับยี่สิบถึงสามสิบปี

 

 

 

“หัวหน้าท่านมีเรื่องอะไรหรือไม่ถึงได้มาหาข้า?”

 

 

 

“เจ้าหนู เจ้าสนใจที่จะเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านม้าแห่งนี้หรือไม่?”แม้ว่าเขาจะถามอย่างเฉยเมย แต่มันก็ให้ความรู้สึกที่ยากจะปฏิเสธ

 

 

 

“ได้!”หลี่ฉิงชานตกลงอย่างตรงไปตรงมาและเป็นเสือป่วยสี่เหลืองที่ตกใจจนตาโตแทน“เจ้าไม่มีญาติพี่น้องที่หมู่บ้านของเจ้า?”

 

 

“เช่นนั้นท่าจะสัญญาให้ข้าออกไปอย่างปลอดภัยได้หรือไม่หากข้าไม่เห็นด้วย”หลี่ฉิงชานกล่าวอย่างนิ่งสงบ“นอกจากนี้ข้าเคยได้ยินว่า”

 

 

 

“ได้ยินว่า?”

 

 

 

“ในชีวิตนี้ทุกหนทุกแห่งคือบ้านเกิด ไม่ว่าจะเป็นหมู่บ้านวัวหมอบหรือหมู่บ้านม้า มันไม่ได้แตกต่างกันสำหรับข้า ที่นี่ข้าอาจจะได้เรียนรู้การยิงธนู ถ้าข้าพูดแบบนี้ ท่านหัวหน้าจะเข้าใจหรือไม่? ความใฝ่ฝันของข้าไม่ได้อยู่ท่ามกลางป่าภูเขาแห่งนี้”

 

 

 

“เพียงแค่เจ้าวางใจในทักษะระดับต่ำของเจ้าพยายามที่จะผสมผสานอยู่ในเส้นทางของโลกแห่งการต่อสู้แต่มันจะเป็นเส้นทางที่พาเจ้าไปสู่ความตาย เจ้าเป็นเพียงแค่ปลาตัวเล็กๆเท่านั้นและเป็นเพียงแค่ลูกปลาเล็กๆสำหรับพวกลูกศิษย์นิกายใหญ่ที่มีชื่อเสียงเหล่านั้น มันเปรียบเทียบกับชีวิตที่อิสระได้อย่างไรและในป่าเขาไม่มีข้อจำกัดใดๆทั้งสิ้น”

 

 

 

“อ๊ะ? เป็นไปได้มั้ยที่มันยังไม่ที่มันยังไม่ถึงกับเท่าความสามารถของท่านหัวหน้า”หลี่ฉิงชานรู้สึกประหลาดใจ ชื่อเสียงของเสือป่วยสีเหลืองในบริเวณรอบๆนี้กล่าวได้ว่าโด่งดังและเจิดจ้า

 

 

 

“ข้าไม่กลัวที่จะทำให้เจ้าขำ การยิงธนูของข้ายังนับว่าพอใช้และเคยมีชื่อเสียงมาแล้ว แต่ผู้เชี่ยวชาญนับไม่ถ้วนในโลกแห่งการต่อสู้ เจ้าได้ฝึกมาหลายสิบปีแล้วและเด็กทารกที่เติบโตมาพร้อมกับเจ้าก็สามารถที่จะฆ่าเจ้าได้ง่ายๆราวกับฆ่าหมา ข้าได้พบกับการพ่ายแพ้ครั้งใหญ่การที่ข้าสามารถกลับมาได้ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ก็นับว่าได้โชคดีมากแล้ว”

 

 

 

หลี่ฉิงชาน เม้มริมฝีปาก ไม่เพียง แต่เขารู้สึกไม่กลัวแต่ตรงกันข้ามเขารู้สึกหลงใหลมากยิ่งขึ้น

 


 

 

ปูทางไปสู่ความมันและการเก็บเวลสิน้ะอิอิ

 

ฝากไลคเพจด้วยนะค้าบบบLegend of the Great Saint ครับ^^

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด