ตอนที่แล้วAST บทที่ 113 - หินจันทรา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปAST บทที่ 115 - ขั้นที่ 4 แห่งเคล็ดวิชากายาบรรพกาล (จบภาคปฐมบท)

AST บทที่ 114 - หมูป่าอสูรโลหะทองคำ


ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique/

บทที่ 114 - หมู่ป่าอสูรโลหะทองคำ

ทั้งสองคนยังคงเดินไปบนถนนสายหลักที่เต็มไปด้วยผู้คนพลุกพล่าน เครื่องประดับ สร้อยคอ จี้  ปิ่นปักผม ต่างตั้งร้าน ค้าขายอยู่ทั่วหนแห่ง อีเย่เจี้ยนเก้อมองดูไปรอบๆ ก่อนที่เธอจะหันมาถามเขาว่า "ชิงสุ่ย ดูเหมือนว่าเจ้าจะสนใจสัตว์เลี้ยงอสูร?"

"แน่นอน แต่ข้าก็ทำได้แค่เพียงจินตนาการเท่านั้น พวกข้านั้นไม่ใช่ผู้ฝึกสัตว์อสูร"ชิงสุ่ยหัวเราะ

"ผู้ฝึกสัตว์อสูร?"อีเย่หัวเราะขณะที่เธอยังคงกล่าวต่อ "จริงๆแล้ว คำว่า ผู้ฝึกสัตว์อสูร ในปัจจุบันนี้มันคือคำที่ไร้ซึ่งประโยชน์ ผู้ฝึกสัตว์อสูรตัวจริง ข้านั้นไม่เห็นเขาปรากฏตัวภายในโลก 9 ทวีปวันนี้มานานแสนนานแล้ว สำหรับผู้ฝึกสัตว์อสูร เขานั้นมีความสามารถพิเศษก็คือสามารถเข้าใจภาษาของสัตว์อสูรได้"

"ท่านอาจารย์ มันเกิดอะไรขึ้น? ข้างงงไปหมดแล้ว"

"ในตอนนี้ ใครที่เรียกตัวเองว่า ผู้ฝึกสัตว์อสูร แม้พวกเขาจะอยู่ในระดับเทวะเซียนเทียน พวกเขาก็เป็นเพียงแค่ตัวปลอมเท่านั้น ข้าได้ยินเรื่องราวนี่มานานมากแล้ว ว่าผู้ฝึกสัตว์อสูรที่แท้จริงนั้น สามารถฝึกสัตว์อสูรไร้แก่นได้ตั้งแต่เขาอยู่ในระดับปราณนักรบ นี่คือพลังที่แท้จริงของผู้ฝึกสัตว์อสูร แล้วตอนนี้เขาก็คงจะสามารถฝึกฝนสัตว์อสูรที่อยู่ในระดับสูงได้อย่างแน่นอน สำหรับพวกตัวปลอมทั้งหลาย พวกเขาคงจะใช้ยาควบคุมสัตว์อสูร ในการฝึกสัตว์อสูรเหล่านั้น

"ยาควบคุมสัตว์อสูร? มันคือสิ่งใด?"ชิงสุ่ยรู้ตัวดีว่าความรู้ของเขานั้นยังคงน้อยเกินไป

"ยาเม็ดควบคุมสัตว์อสูรถูกปรุงขึ้นโดยส่วนผสมจากสัตว์อสูรหลายๆชนิด หลังจากกินมันเข้าไป มันจะเพิ่มกลิ่นอายที่น่ากลัวขึ้นอีก 2 เท่า และจะสามารถกำราบสัตว์อสูรได้อย่างง่ายดาย ซึ่งตัวยานี้จะออกฤทธิ์เป็นเวลา  40 ชั่วยาม"

"แล้วมันไม่มีผลกระทบใดๆเลยหรือ?"ชิงสุ่ยถามด้วยความสงสัย

"แน่นอน"อีเย่หัวเราะในขณะที่เธอส่ายหน้า

"ราคาที่ต้องจ่ายสำหรับยาเม็ดควบคุมสัตว์อสูรจะต้องสูงมากอย่างแน่นอน"ชิงสุ่ยคิดวิเคราะห์ต่างจากได้ยินที่อีเย่เจี้ยนเก้อกล่าวว่ายาเม็ดนั้นถูกปรุงมาจากวัตถุดิบที่มาจากสัตว์อสูร

"มันยิ่งกว่าที่เจ้าจินตนาการมากนัก ยาเม็ดควบคุมสัตว์อสูรเป็นหนึ่งในยาที่มีค่ามากที่สุดในหมู่นักปรุงยาที่จะสามารถกลั่นมันออกมาได้ แม้ว่าเจ้าจะมีเงิน แต่คนเหล่านั้นอาจจะไม่ขายเจ้า เพราะยาเม็ดควบคุมสัตว์อสูรนั้น ถูกสร้างมาจากวัตถุดิบที่แสนล้ำค่าจากสัตว์อสูรกว่า 20 ชนิด ไม่ว่าจะเป็นแก่นอสูร หรือแม้กระทั่งอวัยวะภายใน ซึ่งก็แน่นอน ทุกอย่างนั้นย่อมมีราคาแพง"อีเย่หัวเราะออกมา

"ถ้าเป็นเช่นนั้น แสดงว่าไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะสามารถควบคุมสัตว์อสูร"ชิงสุ่ยยังคงถามต่อ

"แน่นอน ก็อย่างที่เจ้ารับรู้ ผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งเกือบทั้งหมด ส่วนมากแต่มีสัตว์อสูรเป็นของตัวเอง ตราบใดที่เจ้าสามารถเอาชนะสัตว์อสูรได้ มันก็มีโอกาสที่พวกมันจะยอมรับใช้เจ้า อย่างไรก็ตาม โอกาสที่จะเกิดขึ้นได้นั้นมันช่างน้อยนิด ใน 10,000 คนอาจมีเพียงแค่ 1 คนเท่านั้นที่จะทำสำเร็จได้ง่าย  ดังนั้นสำหรับผู้ที่มีสัตว์เลี้ยงอสูรของตัวเองพวกเขาอาจจะเคยใช้ความพยายามนับหมื่นนับแสนครั้งที่จะฝึกฝนมัน"

ชิงสุ่ยรู้สึกมีความสุข ถ้ายังมีโอกาสแม้จะต้องใช้ความพยายามสักเท่าไหร่ มันก็คงเป็นเช่นเดียวกับเคล็ดวิชาอิไอโด้ ที่เขาได้ประสบความสำเร็จ ซึ่งมันได้ผ่านการฝึกฝนเขามานับแสนนับล้านครั้ง

หลังจากเดินชมเมือง จนครบ ไป๋ลี่จิงเว่ยและอีเย่เจี้ยนเก้อก็เตรียมออกเดินทาง แต่ก่อนจะออกเดินทาง อีเย่ได้ย้ำเตือนชิงสุ่ยว่าห้ามละเลยการบ่มเพาะพลัง และอย่าลืมทำตัวให้เธอภาคภูมิใจยามเมื่อเข้าร่วมนิกายในภายภาคหน้า

หลังจากเรื่องนี้ตระกูลอวี้และตระกูลชิงก็ได้กลายเป็นสองตระกูลที่ทรงอำนาจมากที่สุดในเมืองร้อยไมล์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตระกูลชิง พวกเขาถูกยกยอราวกับเป็นตระกูลก่อตั้งที่อยู่ภายในเมืองแห่งนี้  และชิงสุ่ยก็กลายเป็นบุคคลพิเศษที่ทุกคนต่างอิจฉาเขา

ตระกูลอวี้และตระกูลชิงยิ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดมากกันยิ่งขึ้น เรื่องนี้ไม่เพียงแต่ มันจะไม่ทำลายชื่อเสียงโรงเตรียมอวี้เหอ แต่มันกลับช่วยส่งเสริมการค้าให้เพื่องฟูมากขึ้นกว่าแต่ก่อน

"ชิงสุ่ย เจ้าควรเตรียมตัวได้แล้ว ถึงเวลาที่ต้องออกจากเมืองเพื่อไปรับสมุนไพร และพวกเราจะออกจากเมืองในบ่ายวันพรุ่งนี้"ชิงอี้เตือนชิงสุ่ยในขณะที่เขากำลังฝึกฝนในตอนเช้า

ชิงสุ่ยจำได้ ว่าเวลานั้นผ่านมาครึ่งปีแล้ว ในทุกๆปี ร้านโอสถตระกูลชิงจะเดินทางไปทำการค้ากับตระกูลฮัวที่อยู่ในเมืองธาราสวรรค์ถึง 2 ครั้ง "ท่านแม่พรุ่งนี้พวกเราจะเดินทางไปยังตระกูลฮัวใช่หรือไม่?"

"ไม่หรอก พวกเราจะหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังเมืองธาราสวรรค์ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ พวกเราจะเดินทางไปยังอาณาเขตของเทือกเขาสิหนานที่อยู่ทางทิศทักษิณ ซึ่งที่นั้นมีค่ายมากมาย ซึ่งถูกสร้างขึ้นสำหรับกลุ่มคนที่เตรียมตัวออกล่าสัตว์และเก็บเกี่ยวสมุนไพร เมื่อเวลานั้นมาถึง พวกเราจะทำการค้ากับพวกเขา และบางทีเราอาจจะเจอสมุนไพรหายากและทรงคุณค่าที่นั่นก็เป็นได้"ชิงอี้เขย่งเท้าและจัดทรงผมให้กับชิงสุ่ย ในตอนนี้ชิงสุ่ยเติบโตและสูงขึ้นกว่าเดิม

หลังจากเรื่องก่อนหน้านี้จบลง ชิงฮูและชิงเป่ยก็เดินทางกลับมา พร้อมกับคนอื่นๆอีกมากมาย นอกเหนือจากชิงหลัว ก็ยังมีชิงเหอ และปู่หลินที่เป็นบรรณารักษ์ของห้องสมุดลึกลับในตระกูลชิง เกือบทุกคนมาที่เมืองร้อยไมล์พร้อมกับชิงฮูและชิงเป่ย

ชิงสุ่ยรู้สึกมีความสุขอย่างยิ่ง "การเดินทางขนาดใหญ่ครั้งนี้ ดูเหมือนว่าตระกูลชิงของเราคงจะเตรียมขยายฐานการค้าให้ใหญ่ยิ่งขึ้นภายในเมืองร้อยไมล์"

"ท่านน้าอี้ ท่านพาข้าไปด้วยเถิด ข้าสัญญาว่าจะเชื่อฟังคำสั่งสอนของท่าน"ชิงเป่ยเพราะแขนของชิงอี้ในขณะที่เธอพูดอย่างใสซื่อ

และท้ายที่สุด เธอก็ยอมพาชิงฮูและชิงเป่ยออกเดินทางไปพร้อมกัน นอกเหนือจากสารถีสองคน ทั้ง 4 คนก็นั่งอยู่ภายในรถ สัตว์อสูรกำลังลากรถที่นั่งคือกระทิงเหล็กระดับต่ำ ด้วยความสูงกว่า 3 เมตร และหนากว่า  2 เมตร มันจึงเป็นสัตว์ที่พ่อค้าต่างชื่นชอบ แม้ว่าความเร็วของมันจะต่ำ แต่ความแข็งแรงและกล้ามเนื้อนั้นมีกำลังเป็นอย่างมาก

และการเดินทางในครั้งนี้ของพวกเขานั้นคงใช้เวลามากเกินกว่า 1 เดือน เขาจึงพิจารณาเลือกกระทิงเหล็กสำหรับการเดินทางครั้งนี้

อาณาเขตของเทือกเขาทิศทักษิณนั้นอยู่ในระหว่างทิศหรดี(ตะวันตกเฉียงใต้)กับหมู่บ้านตระกูลชิง ซึ่งด้านหลังเป็นภูเขาที่มีความกว้างใหญ่ไพศาล และมีสัตว์จำนวนมากนับไม่ถ้วน มันถูกขนานนามว่า "หุบเขาสัตว์ป่า" ไม่มีใครรู้ถึงระดับความอันตรายภายในหุบเขานี้ นอกเหนือจากสัตว์ร้าย มันยังคงมียอดเขาที่สูงสง่า ป่าลึกมืดทมิฬ รวมทั้งยังมีหนองน้ำแสนอันตราย ยังมีคำกล่าวที่เคยกล่าวกันว่า แม้แต่ผู้ฝึกตนระดับอาณาจักรพลังปราณจักรพรรดิก็ยังไม่กล้าเข้าไปโดยไม่ระวังตัว ภายในหุบเขาสัตว์ป่า  ดังนั้นสถานที่แห่งนี้จึงเรียกได้ว่าเป็นสถานที่ที่อันตรายที่สุดในทวีปนี้

ระยะทางที่พวกเขาเดินทางใกล้เคียงกับระยะทางจากเมืองร้อยไมล์ไปสู่เมืองธาราสวรรค์ อย่างไรก็ตามการเดินทางกับกระทิงเหล็ก ย่อมทำให้ความเร็วของพวกเขาช้าลงถึงครึ่งหนึ่ง แต่ระหว่างการเดินทางนั้นก็มีเสียงพูดคุยจากชิงเป่ยที่ดังขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน ในขณะที่ชิงฮูดูเหมือนเขานั้นคงกำลังคิดถึงเหลี่ยนเย่เออเป็นแน่

"การฝึกฝนของเจ้าก้าวหน้าไปเท่าไหร่แล้ว"สมาชิกตระกูลชิงเริ่มหัวข้อสนทนาเพื่อบรรเทาความเบื่อหน่าย

ชิงฮูลูบศีรษะในขณะที่เขาตอบอย่างเพื่อนๆ "ข้าอยู่ในระดับปราณนักรบขั้นที่ 7 แต่ข้าก็คงไม่อาจเทียบกับพี่ชิงสุ่ยได้"

"ฮ่าๆๆ เพียงแค่เจ้าจะต้องหมั่นฝึกฝนให้หนักขึ้น อีกอย่างข้าได้เตรียมสิ่งของบางสิ่งบางอย่างที่ดีที่สุดไว้ให้เจ้าแล้ว ข้ารับประกันได้ว่าเจ้าจะต้องพอใจแน่นอน"ชิงสุ่ยคิดภาพของผลเสริมความว่องไวที่กำลังจะสุกอีกครั้งในปีหน้า

"เข้าใจล่ะ ข้ารู้ว่าพี่ชายชิงสุ่ยจะมอบของดีๆให้กับข้า ฮ่าๆ ถึงแม้ว่าข้าจะอยู่ในระดับปราณนักรบขั้นที่ 7 แต่ถ้าเขาบอกเลยว่าคนในรุ่นเดียวกันส่วนใหญ่นั้นไม่ใช่คู่มือของข้า แต่ข้าก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะสามารถก้าวเข้าสู่ระดับปราณปราบฟ้าได้"

ชิงสุ่ยรู้สึกมีความสุขเมื่อเห็นว่าชิงฮู ตั้งใจฝึกฝนอย่างจริงจัง "ไม่ต้องกังวล เพียงแค่เจ้าฝึกฝนอย่างหนักและไม่ต้องคิดเกี่ยวกับมัน เจ้าก็สามารถบรรลุในระดับปราณนักรบ  แต่ในทางกลับกัน ถ้าเจ้าฝืนบังคับตัวเอง มันจะยิ่งยากขึ้น"

"พี่ชายสุ่ย อย่าลืมของข้าด้วยสิ ฮ่าๆ"ชิงเป่ยที่นั่งอยู่เคียงข้างชิงสุ่ย สวมกอดชิงสุ่ยและกล่าวอย่างน่ารัก

"แม้ว่าข้าจะลืมทุกคน แต่ข้าก็ไม่ลืมเจ้าหรอก เพราะว่าเจ้านั้นเป็นนายใหญ่ตระกูลชิงของเรา "

คำพูดของชิงสุ่ยทำให้ทุกคนในรถหัวเราะออกมาด้วยความตลกขบขัน

-------------------------------------

หุบเขาหมูป่า

สัปดาห์ต่อมา พวกเขาเดินทางเข้าสู่ หุบเขาหมูป่า หุบเขาแห่งนี้ยาวประมาณ 100 ลี้ ซึ่งถือว่าไม่ใหญ่เกินไป อย่างไรก็ตาม ทางทิศบูรพาของหุบเขาแห่งนี้เชื่อมต่อกับหุบเขาเมฆหมอก ซึ่งหมอกหนาและหมอกบางต่างปกคลุมเทือกเขาเมฆหมอกตลอดทั้งปี ทำให้ทัศนวิสัยการมองต่ำลงมาก โดยทั่วไปหากเข้าสู่หุบเขาเมฆหมอก จะทำให้มองเห็นเพียงแค่สิ่งของที่อยู่ในระยะใกล้ๆเท่านั้น

หุบเขาหมูป่าเต็มไปด้วยฝูงหมูป่านับไม่ถ้วน เมื่อชิงสุ่ยมองเห็นจำนวนเหล่านี้ เขาก็ยกเลิกความคิดที่ประเมินค่าหมูป่าต่ำในก่อนหน้านี้

หมูป่าที่โตเต็มที่จะสูงประมาณ 2-3 เมตร และมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรง งานของพวกมันมีความยาวประมาณ 50 เซนติเมตร และเป็นเงาวาว ขนาดของพวกมันนั้นใหญ่กว่าหมีในโลกก่อนหน้านี้ของชิงสุ่ย ถึง 2 เท่า ตาสีแดงราวกับความกระหายเลือด  มันทำให้ชิงสุ่ยสงสัยว่าหมูป่าเหล่านี้ เป็นหมูป่าทั่วไปจริงๆหรือ?

ฝูงหมูป่าสามารถมองเห็นได้ทุกที่ ภายในฝูงเล็กๆ จะมีหมูป่าอยู่ประมาณ 20-30ตัว และฝูงใหญ่จะมีหมูป่าอยู่ราวๆหลายร้อยตัว ซึ่งถ้าหากฝูงหมู่ป่าขนาดใหญ่เข้าจู่โจม บางทีอาจมีเพียงผู้ฝึกตนระดับเทวะเซียนเทียนเท่านั้นที่จะสามารถต้านทานมันได้

โดยปกติสำหรับการเดินทางผ่านเส้นทางนี้ พวกเขาจะต้องระวังการโจมตีจากเสือป่า และฝูงหมาป่า เว้นเสียแต่พวกเขาจะเป็นผู้ฝึกตน ซึ่งคนส่วนใหญ่นั้นมักเลือกที่จะไม่เดินผ่านเส้นทางบริเวณนี้

แต่ที่ชิงอี้เลือกเส้นทางนี้เพราะเธอนั้นได้เตรียมผงกระดูกเสือโคร่งเอาไว้แล้ว ตราบใดที่ผงนั้นถูกลอยอยู่บนรถขนส่ง หมูป่าก็ย่อมไม่กล้าเข้าใกล้

ในระหว่างทาง เหตุการณ์ทุกอย่างดำเนินไปอย่างสงบ ชิงสุ่ยมองดูการเคลื่อนไหวของหมูป่า

ทันใดนั้น ชิงสุ่ยข้อสังเกตเห็นหมูป่ารอบรอบบริเวณข้างหน้ากำลังสั่นอย่างหวาดกลัว ดูเหมือนว่าพวกมันกำลังหนีเอาตัวรอดจากบางสิ่งบางอย่าง

"หรือว่ามันจะมีสัตว์อสูรระดับสูงปรากฏตัว?"ชิงสุ่ยกล่าวออกมาในน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความกังวล

"ท่านน้า มันเกิดอะไรขึ้น?" ชิงเป่ยกระซิบถามในขณะที่เธอมองเห็นฝูงหมูป่ากำลังหนีอย่างบ้าคลั่ง

"อืม บางที อาจจะมีสัตว์ที่ดุร้ายปรากฏขึ้นก็เป็นได้ มันจะผ่านไปด้วยดี อย่างมากที่สุดบริเวณนี้ก็คงจะมีเพียงสัตว์ดุร้ายระดับสูงเท่านั้น"ชิงอี้ปลอบประโลมชิงเป๋ย

หลังจากฝูงหมาป่ากระจายตัวไป ปัญหาก็ปรากฏขึ้น สิ่งที่ชิงสุ่ยและคนอื่นๆมองเห็น มันทำให้สีหน้าของพวกเค้านั้นอยู่ในสภาวะตกใจ

เบื้องหน้าเขาพวกเขานั้น เป็นหมูป่าอสูรโลหะทองคำ มันค่อนข้างคล้ายคลึงกับหมูป่าแต่มันไม่ได้มีงา และมีสายตาที่เต็มไปด้วยความดุร้าย แต่มองโดยรวมแล้วมันค่อนข้างจะดูโง่

หมูป่าสีทองตัวนี้ กว้างประมาณ 1 เมตร เมื่อเทียบกับหมูป่าตัวอื่นที่โตเต็มวัยมันกับดูเล็กและค่อนข้างน่ารัก แต่การเคลื่อนไหวของมันนั้นกลับมีความว่องไวและคล่องตัวมาก

"หมูป่าอสูรโลหะทองคำ!!!!"ดวงตาของชิงสุ่ยฉายแสงประกายระยิบระยับ

 

0 0 โหวต
Article Rating
9 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด