ตอนที่แล้วAST บทที่ 111 - ความงดงามที่สามารถโค่นล้มราชวงศ์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปAST บทที่ 113 - หินจันทรา

AST บทที่ 112 - เป็นทั้งเทพธิดาและอาจารย์


ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique/

บทที่ 112 - เป็นทั้งเทพธิดาและอาจารย์

"นี้เจ้าคิดจริงๆหรือ ว่าตัวเจ้าเพียงคนเดียวจะสามารถป้องกันพลังทั้งหมดของพวกเราได้"

เมื่อสิ้นสุดเสียงตะโกนของกงหยางเสวียนตง  ผู้อาวุโสผมขาวทั้ง 4 คน ก็ปรากฏตัวออกมาใกล้ๆกงหยางเสวียนตง อีกทั้งดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยแสงอาฆาต และเริ่มสร้างแรงกดดันบนท้องฟ้าด้วยพลังปราณ

"ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ใครบอกเจ้าว่านางมาเพียงคนเดียว เจ้าไม่เห็นข้าอยู่ที่นี่หรือไงกัน?"เสียงหัวเราะดังขึ้นจากแดนไกล หลังจากนั้นชายชราที่กำลังนั่งอยู่บนสัตว์อสูร กวางสิงห์อินทนิล(ครึ่งกวางครึ่งสิงโต)ปรากฏตัวขึ้นด้วยความเร็วปานสายฟ้า   ความเร็วของมันนั้นไม่ได้ช้ากว่านกกระเรียนอมตะเลย

" กระบี่เทวะนภา!!!!" ชายทั้ง 4 คนร้องตะโกนด้วยความตกใจ

"พี่สาว กวางสิงห์อินทนิล แข็งแกร่งเพียงใดกัน?"หญิงสาวตัวเล็กถามพี่สาวของเธอ

" กวางสิงห์อินทนิล ความเร็วของพวกมันนั้นถือได้ว่าเร็วที่สุดในมวลหมู่สัตว์อสูรบนพื้นดิน นอกเหนือจากการบินหรือการดำดิ่งลงใต้ทะเล ก็ไม่มีสิ่งใดกล้าขวางกั้นเส้นทางมันได้"หญิงสาวสวมเสื้อคลุมสีเขียวอธิบายให้เด็กผู้หญิงคนนั้นฟัง

"ไป๋ลี่ จิงเว่ย"แม้ว่าชิงสุ่ยจะคาดการณ์เอาไว้บ้าง แต่เขาก็ยังคงประหลาดใจอย่างมาก

"มันช่างเป็นเกียรติยิ่งนัก ที่ทุกท่านยังจำชายชราคนนี้ได้ อะไรนะ พวกเจ้าอยากให้ข้าลองป้องกันการโจมตีของพวกเจ้าทั้งหมดใช่หรือไม่?" น้ำเสียงของไป๋ลี่จิงเว่ย ราวกับเสียงเทพลงมาจุติ รอยยิ้มของเขาเต็มไปด้วยความเมตตาและความรัก

"พวกเราจะกล้าทำเช่นนั้นได้อย่างไร เนื่องจากผู้อาวุโสที่ข้าเคารพ จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ดังนั้นพวกเราขอเป็นฝ่ายลาจาก!!!"

"ทุกคน กลับ!!!!!"

เหยี่ยวมหาเนตรอินทนิลกระพือปีกขนาดใหญ่และเริ่มบินจากไป ส่วนชายชราทั้ง 4 คน พยักหน้าแสดงความเคารพไปทางไป๋ลี่จิงเว่ย ก่อนที่จะเดินทางจากไป

"ผู้อาวุโส รุ่นเยาว์คนนี้ขอขอบคุณท่านมาก"ชิงสุ่ยกล่าวคำขอบคุณออกมา

"ฮ่าๆๆๆ ชิงสุ่ย พวกเราพบกันอีกแล้ว ไม่มีอะไรที่เจ้าจะต้องกังวล ทั้งหมดนี้เป็นเพียงความตั้งใจของข้าก็เท่านั้น"รอยยิ้มนุ่มนวลของไป๋ลี่จิงเว่ย ที่แสดงออกมาคล้ายกับภูเขาที่ตั้งตระหง่าน

"ท่านผู้อาวุโส ท่านเดินทางไกลกว่าจะมาถึงที่แห่งนี้ ท่านได้โปรดพักผ่อนก่อนเถิด เพื่อให้รุ่นเยาว์คนนี้ได้แสดงความขอบคุณอย่างถูกต้อง ส่วนแม่นาง……………."ชิงสุ่ยเหลือบมองสาวงามที่ยืนอยู่ข้างๆไป๋ลี่จิงเว่ย ความงามของเธอนั้นเป็นนิรันดร์ และสามารถโค่นล้มอาณาจักรลงได้

การที่ได้เห็นเธอในระยะใกล้ไกล ทำให้หัวใจของผู้ที่ได้สัมผัสสั่นสะท้าน โดยเฉพาะดวงตาที่ดูเหมือนดวงดาวที่คอยระยิบระยับบนฟากฟ้า และแฝงไปด้วยความสงบ

"นี่คือศิษย์น้องรองของข้าเอง อีเย่เจี้ยนเก้อ วันนี้เธอได้ช่วยเจ้าเอาไว้ เห็นทีเจ้าคงจะต้องนำปลาสีดำของเจ้าที่เคยให้ข้ากิน มาชดเชยให้เธอ ถือว่าเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่เธอได้ช่วยเหลือเจ้า ฮ่า ฮ่า ฮ่า"ไป๋ลี่จิงเว่ย หัวเราะในขณะที่เขามองไปยังชิงสุ่ย

"ข้าจะจัดเตรียมอาหารที่ดีที่สุดให้กับพวกท่านทั้งสองอย่างแน่นอน"ชิงสุ่ยตอบยังเขินอาย

"มันไม่สำคัญหรอก หลังจากนี้ ข้าจะมีคำขอที่เจ้าจะไม่อาจปฏิเสธได้"เสียงที่ไพเราะของอีเย่เจี้ยนเก้อกล่าวออกมา ทำให้บรรดาผู้ที่ได้ยินถึงกับใจสั่น

ชิงสุ่ยพยักหน้าตามสัญชาตญาณ "ข้าขอสัญญาว่าต่อให้ข้าต้องบุกน้ำหรือลุยไฟข้าก็ยินดีที่จะทำ"

"ฮ่า ฮ่า ดูเหมือนเจ้าจะตอบตกลงเร็วเกินไป แล้วเจ้าอย่ามาร้องให้ในภายเสียละ"

ขณะที่ชิงสุ่ยเชิญอวี้ต่งห่าวไปพักผ่อนร่วมกัน แต่อวี้ต่งห่าวกลับยิ้มและปฏิเสธ ขอรู้ว่านิกายกระบี่นภาย่อมมีความตั้งใจที่อยากจะพูดกับชิงสุ่ยเพียงคนเดียว ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะปฏิเสธอย่างสุภาพแทน

หลังจากสร้างความบันเทิงให้กับไป๋ลี่จิงเว่ย อวี้ต่งห่าวได้พาคนของเขาออกไป ในขณะที่ชิงสุ่ยพาไป๋ลี่จิงเว่ยและอีเย่ เจี้ยนเก้อไปยังร้านโอสถตระกูลชิง "นี่สินะที่เรียกว่าพลังที่แท้จริง ในขณะที่ข้าและทุกคนกำลังก้าวขาเข้าสู่ความตาย เพียงประโยคเดียวจากพวกเขาทั้งสอง กับสามารถขับไล่ศัตรูให้เหนียวไปได้อย่างง่ายดาย"

"ท่านผู้อาวุโส ข้าน้อยต้องขอโทษที่สร้างปัญหากับท่าน!!"ในระหว่างการเดินทาง ความรู้สึกขอบคุณของชิงสุ่ยไม่ได้ลดลงเลย ถึงแม้ว่าไป๋ลี่จิงเว่ยจะกล่าวเพียงไม่กี่คำ แต่ชิงสุ่ยก็เข้าใจดี ถ้าหากไร้ซึ่งคำพูดเหล่านั้นตระกูลเขาอาจถูกทำลายก็เป็นได้

"ข้าเข้าใจ ชิงสุ่ย ข้าเคยบอกเจ้าแล้วว่าพวกเรานั้นต้องชะตากัน เจ้าควรรู้ไว้ว่าข้านั้นมีความสุขที่ได้ช่วยเหลือเจ้า ยามเมื่อเจ้าเติบใหญ่ ข้าเพียงหวังว่าเจ้าจะสามารถช่วยคนอื่นให้พ้นจากเคราะห์กรรมได้ บนโลกใบนี้ไม่มีความเกลียดชังหรือความรักที่ไร้เหตุผล แต่ก็มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไร้เหตุผล!!!"ไป๋ลี่จิงเว่ยมองไปรอบรอบขณะที่เขาอธิบาย

ขณะที่พวกเขาเดินทางมาถึงร้านโอสถตระกูลชิง มีเพียงชิงอี้เท่านั้นที่รออยู่ ส่วนคนอื่นนั้นต่างถูกส่งกลับไปยังหมู่บ้านตระกูลชิง และเตรียมที่จะหนีไปทางภูเขาทิศประจิม ถ้าหากแผนการทั้งหมดล้มเหลว ชิงสุ่ยต้องการเผชิญหน้าเพียงคนเดียว แต่ชิงอี้ก็ตันสินใจที่จะอยู่เคียงข้างเขาและไม่ไปไหน

"ชิงสุ่ย!!!"เมื่อเห็นว่าชิงสุ่ยเดินทางกลับมาอย่างปลอดภัย ชิงอี้จึงรีบวิ่งและโอบกอดเข่าในทันที น้ำตาของเธอไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งน้ำตาเหล่านี้เป็นน้ำตาแห่งความสุข!!!

"ท่านแม่ ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว พวกเขาคือไป๋ลี่จิงเว่ยและแม่นางอีเย่ เจี้ยนเก้อ ท่านทั้งสองคนนี้เป็นคนช่วยลูกเอาไว้ ลูกต้องรบกวนขอให้ท่านแม่ปรุงอาหารอร่อยๆพวกขอบคุณพวกเขา" ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าวมา

ขณะที่ชิงอี้ตรงไปที่ห้องครัว ส่วนชิงสุ่ยไปที่บ่อน้ำภายนอกเพื่อนำปลาสีดำ 3 ตัว และเต่าอีก 2 ตัว ที่ถูกคัดพิเศษขึ้นมา ในตอนแรกชิงสุ่ยต้องการที่จะปรุงอาหารเอง แต่ชิงอี้ต้องการให้เขาอยู่กับแขกผู้มาเยือน

"นี่แหละ กลิ่นที่ข้าปรารถนา"ไป๋ลี่จิงเว่ยปิดตา และสูดอาหารที่เขาชอบ

" ศิษย์พี่ กลิ่นอาหารนี้ก็ไม่เลวเลยทีเดียว"

"เมื่อเวลามาถึง เจ้าจะได้สัมผัสกับความอร่อยที่แท้จริง ยังมีอะไรสนุกๆอีกมากมาย ที่สนุก มากกว่าการฝึกฝนที่เจ้าชอบเสียอีก"

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น ชิงสุ่ยก็สามารถคาดเดาได้เลยว่าอีเย่เจี้ยนเกอมันจะต้องเป็นคนข้างใครในการฝึกตนบ่มเพาะพลังอย่างแน่นอน

อาหารถูกจัดเตรียมอย่างรวดเร็ว บนโต๊ะเต็มไปด้วยสมุนไพร ปลาดำที่เลื่องลือ และยังมีซุปเต่า กลิ่นหอมชวนให้โหยหิวฟุ้งกระจายไปทั่วห้องกระตุ้นความอยากอาหารของพวกเขา

ในระหว่างมื้ออาหาร อีเย่เจี้ยนเก้อก็เอาผ้าคลุมหน้าของเธอออก ถึงความงามที่สมบูรณ์แบบ  ไร้ซึ่งผู้เปรียบเทียบ สีหน้าที่สดชื่นพวกกลับโครงหน้าที่ประณีต ก็ไม่อาจสรรหาคำใดๆมาอธิบายความงามเหล่านี้ได้

"แต่ถ้าหาก เหวินเหรินอูซวงตั้งอยู่ใกล้ๆเธอ มันจะทิวทัศน์ที่งดงามอย่างแท้จริง"ความคิดลุกขึ้นมาในสมองของชิงสุ่ยอย่างไม่รู้ตัว

หลังจากที่อีเย่ เจี้ยนเก้อสังเกตเห็นว่าชิงสุ่ยกำลังจ้องมองเธอ เธอพบว่าภายใต้สายตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความชื่นชมยินดี

สำหรับอาหารบนโต๊ะอาหาร ไป๋ลี่จิงเว่ยลงมากินมันด้วยท่าทางที่เป็นธรรมชาติ และสรรเสริญยกยออาหารในทุกๆคำที่เขาได้กินเข้าไป ในขณะที่อีเย่ เจี้ยนเก้อกินอย่างมีมารยาท

"ชิงสุ่ย เจ้ายังจำสัญญาที่กับข้าก่อนหน้านี้ได้หรือไม่?"อีเย่เจี้ยนเก้อกล่าวพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย

"แน่นอน ข้าเคยสัญญาสิ่งใดข้ายอมทำตามสัญญา!!!"ชิงสุ่ยกล่าวมา หลังจากที่พวกเขาทั้งสองได้แก้ปัญหาให้กับชิงสุ่ยในวันนี้ ชิงสุ่ยก็พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนบุญคุณครั้งนี้

"ข้านั้นต้องการรับเจ้ามาเป็นลูกศิษย์ของข้า"อีเย่เจี้ยนเก้อมองชิงสุ่ยยังไม่ลังเลด้วยดวงตาที่สวยงาม

"หือออ"ไป๋ลี่จิงเว่ยเลือกมองอีเย่เจี้ยนเก้อ

ซึ่งชิงสุ่ยก็จ้องมองที่อีเย่เจี้ยนเก้อดูสายตาที่เต็มไปด้วยความสับสน  และสงสัยว่าหูของเขานั้นมีปัญหาหรือไม่

"ดี เจ้าเคยบอกว่าเจ้าจะทำตามสัญญาทุกอย่าง ข้านั้นหาได้ต้องการให้เจ้าบุกน้ำลุยไฟ แต่ข้าเพียงแค่อยากให้เจ้ายอมเป็นลูกศิษย์ของข้า"อีเย่เจี้ยนเก้อสวมผ้าคลุมหน้าอีกครั้งและปิดบังหน้าตา

"ข้าตกลงและยอมรับเรื่องนี้ได้ เพียงแต่ข้างมีเงื่อนไข………"ชิงสุ่ยรู้สึกประหลาดใจ เขาไม่รู้ว่าเขาควรจะมีความสุขหรือมีความทุกข์ดี

"เงื่อนไขอะไร โปรดบอกข้ามาตรงๆ"อีเย่เจี้ยนเก้อกล่าวออกเพื่อต้องการคำตอบ

"หลังจากที่ข้ากลายเป็นลูกศิษย์ของท่าน ข้าเพียงหวังว่าข้าจะได้อยู่ต่อในเมืองร้อยไมล์อีกสักพักหนึ่ง ซึ่งข้าจะตามท่านไปหลังจากที่ข้า หลังจากที่ข้าตัดสินใจและทำทุกสิ่งทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว ไม่ทราบว่าจะได้หรือไม่?"สายตาที่ชัดเจนของชิงสุ่ยจ้องมองอีเย่เจี้ยนเก้ออย่างไม่ลังเล

"แน่นอน ข้ารู้สึกว่าเจ้านั้นเป็นคนที่ลึกลับจนไม่น่าเชื่อ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ข้าต้องการให้เจ้ามาเป็นลูกศิษย์ของข้า ไม่มีแค่นั้น หากว่าเจ้ามีสถานะเป็นลูกศิษย์ของข้า เจ้าก็จะได้รับการปกป้องจากอาณาจักรชางหลางอีกด้วย"อีเย่เจี้ยนเก้อยิ้มในขณะที่เธอพูดกับชิงสุ่ย

ชิงสุ่ยรู้สึกใจสั่นเล็กน้อยในขณะที่เขามองอีเย่เจี้ยนเก้อ

"ท่านต้องการเข้าคุกเข่าคำนับท่านผู้เป็นอาจารย์ของข้าหรือไม่?"ชิงสุ่ยถูจมูกของเขา

"ไม่ต้อง เพียงแค่น้ำชาก็พอ ฮ่าฮ่า เจี้ยนเก้อศิษย์น้องเล็กของข้า ในอนาคตเจ้าจะต้องประสบความสำเร็จอีกมากมาย ในตอนนี้เธอดำรงตำแหน่งผู้อาวุโสภายในนิกายกระบี่นภา และเจ้าก็เป็นลูกศิษย์เพียงคนเดียวของเจี้ยนเก้อ ในอนาคตเธอจะต้องให้เจ้าช่วยเหลือมากมายเกี่ยวกับเรื่องภายในนิกาย และเธอจะได้ไม่ต้องอยู่คนเดียว"ไป๋ลี่จิงเว่ยหัวเราะอย่างสนุกสนาน

ชิงสุ่ยรีบยกถ้วยน้ำชาด้วยมือทั้งสองข้างเขา และโค้งคำนับให้กับอีเย่เจี้ยนเก้อ "โปรดรับน้ำชาจากศิษย์ด้วย ศิษย์ขอคารวะท่านผู้อาวุโสและท่านอาจารย์"

อีเย่เจี้ยนเก้อ รับน้ำชา แล้วจิบมันก่อนที่เธอจะตอบว่า "เจ้าไม่ต้องพูดคำโบราณๆกับข้า  และข้าก็ยังไม่ได้แก่ขนาดนั้นด้วย"

ชิงสุ่ยไม่รู้เลยว่าอีเย่เจี้ยนเก้อจะมีด้านนี้ด้วย เขาจึงรีบตอบกลับไปว่า "ถูกต้อง ถูกต้อง ท่านอาจารย์ยังสาวและงดงามยิ่งนัก ความงามของท่านสามารถล้มราชอาณาจักรได้เลย ความงามของท่านย่อมไม่มีใครสามารถเทียบเทียมได้ สมแล้วที่ท่านเป็นนางอัปสรที่ลงมาจากฟากฟ้า"

"เอาล่ะ พอเถอะ ข้าไม่ได้รู้สึกถึงความจริงใจจากคำกล่าวชมที่เจ้าพูดมาเลย" อีเย่เจี้ยนเก้อหัวเราะออกมา

"คำพูดที่ศิษย์ได้กล่าวไปนั้นเป็นความจริง มันช่างน่าเสียดายยิ่งนักที่คนส่วนใหญ่ไม่กล้าพูดคำเหล่านี้ มันช่างเป็นโชคดีของข้าที่ได้ท่านเป็นอาจารย์ ผู้อาวุโสได้โปรดเชื่อข้าเถิดว่าข้านั้นกล่าวอย่างจริงใจ"

"นี้เจ้ายังจะเรียกข้าว่าผู้อาวุโสอีกสินะ?"

ชิงสุ่ย ".........................."

"ก็ได้ หลังจากที่ข้าได้ยินคำยกยอสรรเสริญที่แสนหวานของเจ้า ยังไงซะ อาจารย์ก็ควรให้ของขวัญแก่เจ้าเพื่อแสดงความยินดีที่เจ้าได้เป็นลูกศิษย์ของข้า งั้นเดี๋ยวข้าขอคิดก่อน"อีเย่เจี้ยนเก้อขมวดคิ้วในขณะที่เธอกำลังคบคิด

"ไม่เป็นไร ถ้าอาจารย์รู้สึกไม่เต็มใจ  ศิษย์ก็ไม่ต้องการสิ่งใดทั้งสิ้น"ชิงสุ่ยมองดูใบหน้าที่กำลังขมวดคิ้วของอีเย่เจี้ยนเก้อ เขากลับรู้สึกใจสลาย

"อะไรนะ ข้าหาใช่คนเช่นนั้น ข้าเพียงแค่พยายามคิดถึงสิ่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเจ้า ก็เท่านั้นเอง"

"ฮ่า ฮ่า"

"นี่คือของขวัญสำหรับเจ้า สิ่งนี้คือจี้ที่มีพลังลึกลับ หากสวมใส่มันเอาไว้มันจะสามารถเพิ่มพลังป้องกันของเจ้าได้ และในอนาคตเมื่อเจ้าตัดสินใจมาหาข้าที่นิกายกระบี่นภา ข้าจะเตรียมของขวัญชิ้นใหญ่ไว้ให้เจ้า"

หลังจากที่เธอกล่าวจบ อีเย่เจี้ยนเก้อก็ถอดจี้เงินสีขาวที่อยู่บริเวณของเธอ ซึ่งภายในนั้นบรรจุหินมีค่า หินสีฟ้านภาในลักษณะเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว!!!!!

 

0 0 โหวต
Article Rating
12 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด